“จี้โม่ ช้าไปแล้วจี้โม่แอบเข้าไปในถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉาง ตอนนี้หนีหายไปไม่มีผู้ใดพบเห็น”
“ศิษย์พี่ท่านว่ามีความเป็นไปได้เพียงใด ที่จี้โม่จะเป็นผู้ทำร้ายปู้ตานซิน”ป้อก้านส่ายหน้าไปมา
“จี้โม่ จะต่อกรกับปู้ตานซินที่เป็นอาจารย์ได้อย่างไร นอกจาก…จะได้พลังมารจากจอมมารฉูฉาง”
“ศิษย์พี่ อย่างนั้นแสดงว่าปู้ตานซินรู้เรื่องนี้ดี”
“ปิดสำนักสร้างค่ายกล ป้องกันสำนักไว้ ข้าจำต้องช่วยปู้ตานซินเสียเดี๋ยวนี้ หากจี่โม่หรือจอมมารฉูฉางมาตามหาปู้ตานซินที่นี่เกรงว่าเราไม่อาจปกป้องเขา”
“ท่านพ่อจะช่วยอาจารย์ได้อย่างไร”หยางหว่านสีหน้าเป็นกังวล
“ข้าจะต้องถ่ายลมปราณบางส่วนให้เขา อาจพอให้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นแต่อาจไม่สามารถช่วยได้มากด้วยความที่ปู้ตานซินเป็นถึงปรมาจารย์ลมปราณของเขาสูงส่งกว่าข้าไม่น้อย หากจะให้เขาดีขึ้นจนเป็นปกติจะต้องใช้ลมปราณของ พวกเราถึงสองคน”ป้อคุนรีบออกตัว
“ศิษย์พี่ หากจอมมารมาที่นี่เราสองคนไม่มีใครเหลือพลังลมปราณเกรงว่า สำนักป้อหยางของเราจะราบเป็นหน้ากลอง”ป้อก้านพยักหน้าแม้จะห่วงปู้ตานซินแค่ไหนแต่ก็ห่วงสำนักที่สร้างมากับมือมากกว่า
“เช่นนั้นให้ข้าถ่ายลมปราณให้เขาเพียงคนเดียวส่วนเจ้าระหว่างนี้ตั้งค่ายกลดูแลสำนักแทนข้า”
หยางหว่านถอนหายใจยาว นั่งเฝ้าปู้ตานซินอยู่ อยู่หน้าห้องระหว่างที่ป้อคุนถ่ายลมปราณให้กับปู้ตานซิน
ป้อก้านกลับออกมาอีกครั้ง หยางหว่านเข้าไปหาในทันที
“ท่านพ่อ อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง”
“ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ปู้ตานซินแม้จะเป็นถึงปรมาจารย์แต่เขายังไม่อาจเข้าถึง เคล็ดวิชา และดึงเอาพลังลมปราณของตัวเขาออกมาใช้ได้เต็มที่ เมื่อบาดเจ็บจึงต้องอาศัยลมปราณของผู้อื่นช่วยรักษาให้เช่นเดียวกับจอมยุทธ์ทั่วไป”หยางหว่านพยุงบิดา
“ท่านพ่อข้าเฝ้าอาจารย์ให้เองท่านไปพักเสียเถิด”ป้อคุนพยักหน้าด้วยความอ่อนเพลีย
“ลมปราณของหยางหว่านอาจช่วยอาจารย์ได้”
หยางหว่านนั่งบนแท่นนอน จับร่างสูงให้ลุกขึ้นนั่ง รวบรวมลมปราณไปที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ตั้งใจถ่ายลมปราณให้กับปู้ตานซินอย่างเต็มที่ร่างเปลือยท่อนบน หลับตาอยู่บนแท่นนอนหยางหว่านซัดฝ่ามือใส่แผ่นหลังเปลือยเปล่า ถ่ายลมปราณทั้งหมดให้กับปู้ตานซิน หารู้ไม่ว่าจะบังเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเอง ร่างบางสะท้านสะเทือนก่อนที่จะกระอักเลือดสดสดออกมา
ปู้ตานซินลืมตาตื่น หันมองร่างเล็กด้านหลังที่ริมฝีปากเปรอะไปด้วยเลือด รับร่างอ่อนระทวยไว้ในอ้อมแขน
หยางหว่านหมดสติไปในทันที ปู้ตานซินกดริมฝีปากกับปากบางส่งผ่านลมปราณให้กับหยางหว่านไม่อย่างนั้นคงไม่อาจรักษาชีวิตหยางหว่านไว้ได้ ร่างเปลือยกอดรวบหยางหว่านไว้แนบชิด โน้มกายลงบนแท่นนอน ความรู้สึกหลายอย่างวิ่งวนในหัวทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคต
ร่างบางใต้ร่างเข้ายังไม่ได้สติมีเพียงทางเดียวจะสามารถถ่ายลมปราณให้หยางหว่านได้ทันเวลา ปลดอาภรณ์บางเบาออกด้วยมืออันสั่นเทา ทาบทับร่างใหญ่กับร่างเล็กในอ้อมแขน
เปลวไฟที่ข้างแท่นนอนมอดลงช้าๆ แต่ไฟสวาทกับโหมกระพือทางเดียวที่สามารถช่วยชีวิตอย่างหว่านได้ก็คือ…………..
ตวัดเสื้อสวมไปบนร่างเปลือยเปล่ายกมือขึ้นลูบไล้ไปบนแก้มเนียนขาว ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากไล่ลงมาที่เปลือกตาพวงแก้มเนียน ดวงตากลมโตของหย่างหว่านค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ
หยางหว่าน สำรวจร่างกายของตัวเองที่บัดนี้รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
“อาจารย์ เกิดอะไรขึ้น”ถามอย่างอายๆ
“เจ้า ไม่เจียมตัวริอ่านถ่ายลมปราณให้กับอาจารย์ทั้งๆที่ตัวเจ้ามีลมปราณเพียงน้อยนิด”หยางหว่านยิ้มหลบตาคม ปู้ตานซินที่สีหน้าเรียบเฉย
“แล้ว แล้วต่อจากนั้น...เล่าเกิดอะไรขึ้น”ลุกไล่อยากให้จนมุม
“ข้าเป็นบุรุษ และทางเดียวที่สามารถช่วยเจ้าได้ทันเวลา”เสมองทางอื่น หยางหว่าน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนชิดใบหน้าหล่อเหลา
“อาจารย์กล้าทำ ไม่กล้ารับหรือไร”ปู้ตานซินเหลือบตามองหยางหว่าน รวบร่างบางไว้ในอ้อมแขนกดริมฝีปากปิดปากบางไว้แนบแน่น
“ข้าจะพูดเรื่องนี้กับศิษย์พี่ป้อก้าน ในยามรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ทันทีที่เจอเขา ข้าจะสู่ขอเจ้ากับเขาในทันที”
“ใครบอกว่าข้าอยากแต่งกับอาจารย์”
“แต่ข้าอยากแต่งกับเจ้า”มองสบตากลมโตด้วยแววตามุ่งมั่น แม้สีหน้าจะเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดใดก็ตาม
“อาจารย์ ก่อนหน้านั้นข้าไม่ได้สติอาจารย์ทำเรื่องใดก็ไม่ต้องเสียสละรับผิดชอบในตัวเข้าก็ได้ ถือเสียว่าเรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นมาก่อน”แกล้งพูด หยั่งเชิงดูว่าปู้ตานซินจะเป็นบุรุษที่เป็นบุรุษจริงๆหรือไม่เสียที เสียแล้วหยางหว่านในเมื่อปู้ตานซินหลับตาลงช้าๆบีบรัดดวงจิตเข้าไปอ่านใจที่ภายในนั้นมีแต่ความคิดอยากให้อาจารย์แสดงความรักใคร่ในนั้น ปูู้ตานซินยิ้ม กว้างก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ สมใจแล้วมิใช่หรือ“เช่นนั้นยามนี้ยามที่เจ้ามีสติสมบูรณ์ข้าจัดการ เจ้าเสียให้เจ้าได้รับรู้ว่าเป็นของข้าแล้ว อย่างไม่อาจปฏิเสธ” ก้มลงรั้งร่างบางลงบนแท่นนอนกดริมฝีปากบดเบียดเร่าร้อนด้วยไฟสวาทไม่อาจมอดดับลงง่ายๆในเมื่อปู้ตานซิน ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งรัก“อะ อาจารย์”“ข้าต้องการเจ้าหย่างหว่าน อย่าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการข้าอย่าได้ปากแข็งอีกเลย ใจเราสองตรงกันเพียงนี้ เป็นของข้าเสียแล้วอย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้รับรู้ม้น ว่าข้าต้องการเจ้าแค่ไหน อาจารย์ต่อแต่นี้จะรักเจ้าเพียงคนเดียวไม่เกรงว่าจะต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายหรือทุกอย่างจะซ้ำรอยเดิม ขอเพียงให้ได้อยู่กับเจ้าได้มีเจ้าข้างกายไก้กอดจูบเจ้าก็พอแล้ว” ปลดแกะอาภรณ์ทั้งที่เพิ่งจะสวม
“ข้าจะไปตามท่านพ่อ”หยางหว่านแอบดีใจที่ปู้ตานซิน กล้าที่จะสู่ขอหยางหว่านกับป้อก้าน เช่นนั้นแสดงว่าอาจารย์มีใจให้กับหยางหว่านเช่นเดียวกับที่หยางหว่านเฝ้าชื่นชมและแอบหวังว่าสักวันจะได้เคียงข้างปู้ตานซินดึงมือบางไว้ ก่อนจะลุกจากแท่นนอนกำมือของหยางหว่านไว้แน่นพาเดินออกจากห้องตั้งใจจะไปพบกับป้อก้าน พูดจาสู่ขอหยางหว่านทันที“ปู้ตานซิน จี่โม๋มีดวงจิตของจอมมารฉูฉางอยู่ในนั้น กำลังมาที่นี่” ป้อคุนหันหน้าหันหลังวิ่งเข้ามาในห้อง“มีวิธีไหนกำจัดดวงจิตมารให้กับจี้โม่ได้บ้าง ปู้ตานซินเจ้าเป็นถึงปรมาจารย์”ปู้ตานซินถอนหายใจ“ศิษย์พี่ บางอย่างปรมาจารย์ก็ใช่จะสามารถช่วยได้ ข้าเองเป็นปรมาจารย์แต่ก็ยังเป็นมนุษย์”“จี้โม๋เป็นลูกชายคนเดียวของข้า อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของเจ้า ปู้ตานซินเจ้านำเขาไปเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก แต่กลับยอมให้เขากลายเป็นมาร จิตใจเจ้าทำด้วยอะไรเจ้ายอมได้หรือที่ต้องเห็นจี้โม่เข้าสู่ด้านมืด เพียงเพราะเจ้าไม่อาจช่วยเหลือเขาได้”“ศิษย์พี่ข้าจนใจ”เอ่ยปากได้เพียงแค่นั้น ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังที่ลำตัว จี้โม่ซัดฝ่ามือเข้าใส่ปู้ตานซิน ไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะไม่ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นแต่ร่างส
“อืมการเดินทางเรียบร้อยดีหรือไม่”เริ่นเจินยิ้มกว้างประสานมือคารวะหวังต้าฉินด้วยความยินดีอย่างยิ่ง“อาจารย์ตั้งแต่อาจารย์ลงเขามา อาจารย์ลุงทั้งสองก็แวะเวียนที่สำนักเกาซิ่งอบรมสั่งสอนพวกเราแทนอาจารย์ อีกทั้งยังได้ดูแลสำนักแทนข้า วันนี้ข้าจึงลงมาที่นี่ได้”“ดีแล้วครั้งนั้นถ้าไม่ได้ศิษย์พี่ทั้งสองข้าก็คงแย่ ฟื้นตัวมาเพียงนี้เพราะศิษย์พี่ป้อก้านกับป้อคุน ที่ช่วยกันถ่ายลมปราณจนข้าแข็งแรงดีศิษย์พี่ป้อคุนเข้าใจข้า ข้าก็พอใจแล้ว จะว่าไปจอมมารฉูฉางรวมร่างกับจี้โม่นับว่าเป็นความผิดของข้าเป็นเพราะข้าคาดไม่ถึงว่าจี้โม่จะเป็นดวงจิตมารของฉูฉางอวตารมาเกิด”“อาจารย์พรรคมารของฉูฉางเหิมเกริม สองปีมานี่ออกจับตัวผู้คนไปสังเวยผู้คนล้มตาย เหล่าสำนักต่างๆล้วนหาวิธีกำจัดจอมมาร แต่ไม่เป็นผลยิ่งเพิ่มจำนวนศิษย์เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พรรคมาร สังหารผู้คนมากมายเพื่อให้คงกระพัน อาจารย์เราจะทำอย่างไรดี”“สามปีมานี้ข้าตามหา หยางหว่านทั่วปฐพีแต่ไม่เคยตามทันนางเชื่อกันว่ามีเคล็ดวิชาหนึ่งที่สามารถเร้นกายได้รวดเร็ว ข้ามป่าเขาได้ราวกับขี้เมฆข้ามฟ้า ฉูฉางอาจ ถ่ายทอดเคล็ดวิชานั้นให้กับนาง ใช้นางให้จับตัวผู้คนไปให้กับฉูฉาง
“รสดีมากเริ่นเจิน เจ้าไม่รีบกินพร้อมกันเสีย”“ข้าบอกให้ท่านลุกขึ้นมาสู้กับข้า”“สั่งมาเพิ่มอีกจาน อาหารจานนี้รสดีที่สุด”เริ่นเจิน ตะโกนสั่งอาหาร“นี่ท่านไม่ได้ยินหรือว่าแกล้งไม่ได้ยิน”แผดเสียงก้องโรงเต๊๊ยม กระแทกจอกสุราหกเรี่ยราด เหล่าผู้คนต่างรีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อรอดูการประลอง หาทำเลที่มองเห็นได้ชัดและไม่เผลอโดนลูกหลง“สุราเพิ่มอีกเหยือก เจ้าก็ดื่มเสียด้วยกัน เดินทางรอนแรมในป่าเขามานานมื้อนี้ถือว่าเป็นมื้อพิเศษ”“ท่าน”ใช้มีดสั้นในมือปามายังปู้ตานซิน ตรงเป้าไม่มีพลาดแต่ทว่ามือเรียวดังมือหญิงสาวกับคว้าด้ามมีดที่ลอยละลิ่วเข้าใส่เขาวางลงบนโต๊ะข้างกายไม่สะทกสะท้าน และไม่แม้แต่จะเหลือบตามองแต่กลับคว้าดามมีดได้พอเหมาะพอดี ผู้คนต่างปรบมือกึกก้อง เจวียนจิ่วหยาถลาเข้าคว้าอาวุธประจำกายปู้ตานซินกลับใช้ตะเกียบในมือตีไปที่หลังมืออย่างแรง“โอ๊ย เจ็บ”เริ่นเจินอมยิ้ม อดที่จะสงสารเจวียนจิ่วหยาไม่ได้คงเจ็บน่าดูอาจารย์หาใช่คนที่ออมมือไม่ เห็นได้ชัดว่าคลำหลังมือปรอยๆ แล้วยังเป็นรอยตะเกียบเป็นริ้วสีแดงขึ้นมาทันที“แม่นางน้อย อาจารย์ข้าไม่มีเวลาเล่นสนุกกับท่านหรอก เราสองคนเดินทางรอนแรมกว่าจะมีโอกาสได้กิน
“ข้าไม่ไป”“ข้ากับอาจารย์ไม่ต้อนรับเจ้า” เอาตัวเข้าขวางไว้เมื่อปู้ตานซินเดินไปข้างหน้าแล้วเจวียนจิ่วหยาทำท่าจะเดินตาม“ข้าจะบอกอะไรให้ พูดแล้วจะหาว่าคุย ข้าสืบเรื่องราวของท่านมาทั้งหมดแล้ว รู้อะไรไหม ข้ากับกระบี่เจียงเฉียงเราสองคนเป็นดั่งพี่น้อง ตอนนี้ท่านทั้งสองตามรอยนางข้าสามารถพาท่านตามจนพบนางได้ไม่ยาก” ปู้ตานซิน หยุดก้าวเดิน“อาจารย์ นางบอกว่าจะพาเราตามหากระบี่เจียงเฉียง”“ไล่นางไปเสีย”“ดะดะเดี๋ยวข้าจะบอกอะไรให้ กระบี่เจียงเฉียง นางใช้เคล็ดวิชาที่ท่านจอมมารถ่ายทอดในการหลบหลีกเร้นกาย"กอดอกทำสีหน้า อมภูมิ“แล้วข้าก็เป็นคนผู้หนึ่งที่สามารถใช้เคล็ดวิชาในการหากระบี่เจียงเฉียงได้ตลอดเวลา”กอดอกด้วยท่าที่หยิ่งผยอง“ไล่นางไปเสีย”“เอ้า จริงๆ นะข้าไม่ได้โกหก”“เจ้าไปเสีย”เริ่นเจินไล่ เจวียนจิ่วหยาเงื้อไม้เงื้อมือด้วยความเคยตัว“ข้าจะหักนิ้วท่านเสีย ข้อหากล้าปฏิเสธข้า”คว้ามือปู้ตานซิน ตั้งจะจะหักนิ้วเหมือนที่เคยทำกับคนอื่น แต่ทว่าไม่ว่าจะออกแรงอย่างไรก็ไม่อาจ หักนิ้วของปู้ตานซินได้ปู้ตานซินผลักร่างบางลงไปกองกับพื้น คราวนี้เริ่นเจินไม่รับไว้เหมือนคราวก่อนลงไปนั่งกับพื้นก้นจ่ำเบ้า ดึงมีดสั
ที่ประชุมชาวยุทธ์จากสำนักต่างๆ ทั่วยุทธภพที่ต่างมารวมตัวกันที่ เรือนอารักขาหน้าถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉางพร้อมกับร่างเหี่ยวแห้งไร้ดวงจิต“จอมมารฉูฉางเหิมเกริม เข่นฆ่าชาวบ้านจับตัวดื่มเลือดสูบเนื้อล้มตายนับไม่ถ้วน ยิ่งนานวันยิ่งแผ่ขยายอำนาจจนน่ากลัว สามปีมานี้เกินที่จะทนแล้ว”หวังต้าฉินนั่งในแถวรอฟังเหล่าปรมาจารย์หารือกัน“เดิมเป็น ท่านปรมาจารย์กงล้งที่สละร่างผนึกจอมมารไว้ ว่าคราวนี้กลับมาอีกครั้งกับผนึกร่างกับศิษย์ของสำนักเกาซิ่งจี้โม่ยิ่งเพิ่มความเหิมเกริม”“เห็นที่จะต้องรวบรวมผู้กล้าจัดการจอมมารเสีย หากยิ่งนานวันยิ่ง จะมีพลังแก่กล้า”ป้อก้านออกความเห็น“ปรมาจารย์หนุ่มปู้ตานซิน ได้ข่าวว่าออกตามล่าจอมมารฉูฉางถึงสามปีมานี้ยังไม่อาจโค่นล้มจอมมารลงได้ ไหนหลายคนต่างยกย่องให้เป็นยอดปรมาจารย์”เสียง เหน็บจากปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กที่เคยไปช่วงชิงป้ายสำนัก เกาซิ่ง“ใช่ๆๆ ”หลายเสียงเห็นพ้อง“ ปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กท่านไม่แยกแยะถูกผิดชั่วดี เอาความแค้นส่วนตัวมา พูดจาให้ผู้อื่นเข้าใจอาจารย์ข้าผิดไป ตอนนี้อาจารย์กำลังหาทางกำจัดจอมมารสืบหาเคล็ดวิชาทั่วหล้า หาได้นิ่งดูดายไม่ อีกอย่างเมื่อครั้งที่ปีศาจพ
“ ศิษย์พี่” เจวียนจิ่วหยาดึงมือหยางหว่าน เมื่อเห็นว่าอีกคนตะลึงตาค้าง“ข้าทำอะไรลงไป”หลุดคำพูดจากใจออกมา“ศิษย์พี่ท่านทำได้แล้ว ท่านจอมมารจะต้องชื่นชมท่าน”เจวียนจิ่วหยากืนน้ำลายลงคอช้าๆ ในใจรู้สึกเหมือนหัวใจถูกตัดเฉือนออกไป ปากกับใจไม่ตรงกัน หันหน้าหันหลังมอง เริ่นเจินที่หอบร่างปู้ตานซินหายลับไปกับตา“กลับขึ้นเขาหนึ่งแสนคนชั่วกันก่อนดีกว่า ข้าพาท่านไป”เจวียนจิ่วหยาถูกสอนมาตลอดว่าหยางหว่านเป็นเสมือนนายหญิงเป็นรองเพียงท่านจอมมารเพียงคนเดียวจึงต้องเคารพและให้ความช่วยเหลือหยางหว่านทุกอย่างไม่ว่านางจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ตั้งแต่ขึ้นไปอาศัยอยู่บนเขาหนึ่งแสนคนชั่ว ในตอนที่บิดามารดาขายนางให้กับพ่อค้าทาส เจียนจิ่วหยาใช้มีดแทงยอดอกของพ่อค้าทาส ที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายเจวียนจิ่วหยาจนต้องหนีขึ้นมาบนเขาเมื่อมีคนตามจับตัว ตั้งแต่นั้นมาการชิงลงมือก่อนจึงเป็นคติประจำตัว หยางหว่านเป็นดังพี่สาวที่คอยสั่งสอนดูแล หลายครั้งที่ท้ังคู่ร่ายรำกระบี่ด้วยกัน หลายครั้งที่ทั้งคู่ร่ำสุราด้วยกัน“ข้า ทำไมรู้สึกเจ็บปวด”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ เจ็บที่ใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้“ศิษย์พี่ ท่านเพียงแค่ยังไม่เคยลงมือ
“ในที่สุดเจ้าก็ทำได้ กระบี่เจียงเฉียง ข้ามองเจ้าไม่ผิดไปจริงๆ ”ฉูฉางในร่างของจี้โม๋แสดงความพึงพอใจ“ท่านประมุข แล้วทำไมข้าถึงรู้สึก ถึงรู้สึกว่าข้าเสียใจที่ทำร้ายเขา”สับสนจน ไม่อาจปิดบังความรู้สึกภายในจิตใจเผยความนัยออกมาโดยที่ฉูฉางไม่ต้องใช้วิชาอ่านใจเช่นเดียวกับปู้ตานซิน“เป็นธรรมดา เจ้ากับเขารู้จักกันมาก่อน แค่เพียงรู้สึกเสียใจก็เป็นเรื่องธรรมดา”“ข้าๆ”“ หากเขาตาย ข้าเตรียมรางวัลใหญ่สำหรับเจ้า”“อาจารย์ ข้าขอกลับไปแดนใต้ช่วยคัดคนให้อาจารย์เหมือนเดิมดีกว่า”ฉูฉางยิ้มเปล่งเสียง ออกมาดังๆ“ต่อไปเป็นหน้าที่ของเจวียนจิ่วหยา ที่จะทำเรื่องนี้แทนเจ้าหยางหว่านเจ้าควรจะเอาเวลาที่เหลืออยู่ที่นี่ เป็นคนของข้า”“ท่านประมุข หมายความว่าอย่างไร”“หยางหว่านข้ารอเวลานี้มานาน สี่พันปีเพื่อให้ได้พบเจ้าอีกครั้ง”“ท่านมุข หยางหว่านไม่อาจ ทำตามที่อาจารย์กล่าว”“เจ้าเหตุใดถึงปฏิเสธข้าหรือว่า”หลับตาลงช้าๆ สำรวจลมปราณที่อ่อนแรงของปู้ตานซินได้ในทันที“กระบี่เจียงเฉียงข้ารับรู้ได้ว่าเขายังไม่ตาย เจ้าใจดีเกินไปตั้งใจออมมือปล่อยให้ปู้ตานซินรอดชีวิตหรือไร”ส่งเสียงดังกังวานเหมือน เสียงสะท้อนในหุบเขา“หยางหว่านหน