“อาจารย์ ก่อนหน้านั้นข้าไม่ได้สติอาจารย์ทำเรื่องใดก็ไม่ต้องเสียสละรับผิดชอบในตัวเข้าก็ได้ ถือเสียว่าเรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นมาก่อน”แกล้งพูด หยั่งเชิงดูว่าปู้ตานซินจะเป็นบุรุษที่เป็นบุรุษจริงๆหรือไม่
เสียที เสียแล้วหยางหว่านในเมื่อปู้ตานซินหลับตาลงช้าๆบีบรัดดวงจิตเข้าไปอ่านใจที่ภายในนั้นมีแต่ความคิดอยากให้อาจารย์แสดงความรักใคร่ในนั้น ปูู้ตานซินยิ้ม กว้างก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ สมใจแล้วมิใช่หรือ
“เช่นนั้นยามนี้ยามที่เจ้ามีสติสมบูรณ์ข้าจัดการ เจ้าเสียให้เจ้าได้รับรู้ว่าเป็นของข้าแล้ว อย่างไม่อาจปฏิเสธ” ก้มลงรั้งร่างบางลงบนแท่นนอนกดริมฝีปากบดเบียดเร่าร้อนด้วยไฟสวาทไม่อาจมอดดับลงง่ายๆในเมื่อปู้ตานซิน ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งรัก
“อะ อาจารย์”
“ข้าต้องการเจ้าหย่างหว่าน อย่าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการข้าอย่าได้ปากแข็งอีกเลย ใจเราสองตรงกันเพียงนี้ เป็นของข้าเสียแล้วอย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้รับรู้ม้น ว่าข้าต้องการเจ้าแค่ไหน อาจารย์ต่อแต่นี้จะรักเจ้าเพียงคนเดียวไม่เกรงว่าจะต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายหรือทุกอย่างจะซ้ำรอยเดิม ขอเพียงให้ได้อยู่กับเจ้าได้มีเจ้าข้างกายไก้กอดจูบเจ้าก็พอแล้ว”
ปลดแกะอาภรณ์ทั้งที่เพิ่งจะสวมมันลงบนร่างกายเปลือยเปล่า หยางหว่านยิ้ม
“อาจารย์สำเร็จวิชาอ่านใจหรือไร”
“อย่าเผลอคิดดังไปหยางหว่าน ในใจเจ้า …ข้าเดาไม่ผิด”
บดเบียด เอวหนาลงบน ร่างบาง อย่างที่ไม่อาจปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
“อะอาจารย์อ่าาาาาาได้โปรดอาจารยืได้โปรด”หยางหวานหลับตาพริ้มสุขสมจนแทบสำลัก ในใจมีอาจารย์เสียนานมาวันนี้จึงสมใจ กอดรัดร่างใหญ่ แนบแน่นเหมือนกลัวว่าตัวเองจะหลุดลอยหายไป เล็บคมจิกลงบนแผ่นหลังแกร่งร่างใหญ่บดเบียดขย่มเขย่าจนหนำใจรสรักหวานจนแทบสพำลัก บทรักที่ไม่เคยมอบให้ใครเตรียมไว้ให้กับหยางหว่านคนเดียว ตุ๋นฮ่วยซัวที่ดื่มในทุกวันบัดนี้กลับได้ผลดีเยี่ยมร่างกายป่วยไข้แต่แก่นกายกับยังทานทนบทรักที่ผ่านมาผ่านไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียงร้องครางของหยางหว่านดังอยู่ข้างหูเพิ่มความกระสัน และยืนยันว่าบาทรักของปู้ต้านซินสูงส่งระดับปรมาจารย์ดั่งวรยุทธ์ไม่มีผิด
“ข้ารักเจ้าหยางหว่าน”
“หยางหว่านอยากมีวิชาอ่านใจ” เสียงสั่นสะท้าน ปู้ตานซินยิ้ม
“ข้าจะใช้มีดกรีดมันออกมาให้เจ้าดูจะดีไหม”
“เพียงแค่อาจารย์ถ่ายทอดเคล็ดวิชาอ่านใจให้หยางหว่าน”ริมฝีปาก อุ่นกดลงที่ปากบาง เอวหนากดกระแทกอย่างแรง สุขสมจนไม่อาจปฏิเสธ
หวนคืน
“เพียงแค่อาจารย์ถ่ายทอดเคล็ดวิชาอ่านใจให้ข้า ข้าสัญญาจะรักอาจารย์เพียงผู้เดียว”ปู้ตานชินหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นสายตาเจ็บซ้ำอย่างที่สุด
“เจ้าจะใช้มันกับข้าไหมเจ้าใช้มันกับข้าเพียงผู้เดียวข้าจึงยินดีมอบมันให้เจ้าหยางหว่าน”
“ อาจารย์ได้ทั้งกายและใจของหยางหว่านไปหมดแล้วใยจึงจะต้องการให้ หยางหว่านรู้ใจอีกทั้งๆๆที่ อย่างไรเสียข้าก็เป็นของอาจารย์ไม่อาจเป็นอื่น”
ปู้ตานซินอยากบอกเสียจริงว่าเขาไม่อยากได้มันแล้วเคล็ดวิชาอ่านใจหากมันจะทำให้เขารู้ว่า ในหัวใจของหยางหว่านมิได้มีเขาในใจของนางมีเพียงจี้โม๋ในนั้น รักเพียงจี๋โม๋ภักดีต่อจี้โม๋ ไม่มีเขาในนั้นเพียงน้อยนิด ยอมรับฟังแค่คำโป้ปดดีกว่าได้รับรู้ความจริงในใจหยางหว่าน
“เจ้าต้องการเพียงเคล็ดวิชาเท่านั้นใช่ไหมจึงแสร้งทำดีกับข้า”
หยางหว่านหุบยิ้ม เพียงครู่แต่ในไม่ช้าก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานหยดย้อยเช่นเดิม
“อาจารย์ ไม่เชื่อใจหยางหว่านหรือไรข้ามอบใจมอบกายให้ท่านเพียงนี้ยังจะลังเลสิงใดได้อีก”
ฉุดมือ ปู้ตานซินไปที่แท่นนอนปลดแกะอาภรณ์เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่างดงาม ดึงมือปู้ตานซินให้ล้มลงทาบทับไปบนร่างบาง
“เจ้าหลอกลวงข้าแต่ข้าก็ไม่เคยลังเลที่จะรักเจ้า ความรักของข้ามากมายจน ข้ามองข้ามคำว่าหลอกลวงเสียสิ้น ปู้ตานซินสะดุ้งสุดตัวเมื่อหยางหว่านจุมพิตที่แก้ม ของเขาดุจรักยิ่ง
“อาจารย์สว่างแล้ว รีบลุกขึ้นมาสวมอาภรณ์เสียก่อน ไม่เช่นนั้นเห็นต้องอายบิดาของหยางหว่านอย่างแน่นอน”กอดรวบร่างบางพลิกร่างของหยางหว่านไว้บนตัวเขาจุมพิตหนักหน่วง
“ศิษย์พี่จะเมตตายกเจ้าให้ข้าไหม”
“ท่านพ่อจะไม่มีทางปฏิเสธความจริงใจ อีกอย่างอาจารย์เป็นถึงปรมาจารย์ปู้ตานซิน”หยางหว่านยิ้ม
ต่อไปนี้ ไม่ต้องรั้งม้าหน้าผา กลับตัวแต่อย่างใด เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ถูกทำลายลงไปแล้วมีเพียงเขากับหยางหว่านที่สุขสมบนแท่นนอนบทรักหวานฉ่ำที่ปู้ตานซินเต็มใจมอบให้หยางหว่าน นางเองก็ย่อมจะรับรู้ถึงมันได้ดี
เมื่อใจตรงกันทุกอย่างมักจะลงตัว
“ข้าจะไปตามท่านพ่อ”หยางหว่านแอบดีใจที่ปู้ตานซิน กล้าที่จะสู่ขอหยางหว่านกับป้อก้าน เช่นนั้นแสดงว่าอาจารย์มีใจให้กับหยางหว่านเช่นเดียวกับที่หยางหว่านเฝ้าชื่นชมและแอบหวังว่าสักวันจะได้เคียงข้างปู้ตานซินดึงมือบางไว้ ก่อนจะลุกจากแท่นนอนกำมือของหยางหว่านไว้แน่นพาเดินออกจากห้องตั้งใจจะไปพบกับป้อก้าน พูดจาสู่ขอหยางหว่านทันที“ปู้ตานซิน จี่โม๋มีดวงจิตของจอมมารฉูฉางอยู่ในนั้น กำลังมาที่นี่” ป้อคุนหันหน้าหันหลังวิ่งเข้ามาในห้อง“มีวิธีไหนกำจัดดวงจิตมารให้กับจี้โม่ได้บ้าง ปู้ตานซินเจ้าเป็นถึงปรมาจารย์”ปู้ตานซินถอนหายใจ“ศิษย์พี่ บางอย่างปรมาจารย์ก็ใช่จะสามารถช่วยได้ ข้าเองเป็นปรมาจารย์แต่ก็ยังเป็นมนุษย์”“จี้โม๋เป็นลูกชายคนเดียวของข้า อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของเจ้า ปู้ตานซินเจ้านำเขาไปเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก แต่กลับยอมให้เขากลายเป็นมาร จิตใจเจ้าทำด้วยอะไรเจ้ายอมได้หรือที่ต้องเห็นจี้โม่เข้าสู่ด้านมืด เพียงเพราะเจ้าไม่อาจช่วยเหลือเขาได้”“ศิษย์พี่ข้าจนใจ”เอ่ยปากได้เพียงแค่นั้น ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังที่ลำตัว จี้โม่ซัดฝ่ามือเข้าใส่ปู้ตานซิน ไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะไม่ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นแต่ร่างส
“อืมการเดินทางเรียบร้อยดีหรือไม่”เริ่นเจินยิ้มกว้างประสานมือคารวะหวังต้าฉินด้วยความยินดีอย่างยิ่ง“อาจารย์ตั้งแต่อาจารย์ลงเขามา อาจารย์ลุงทั้งสองก็แวะเวียนที่สำนักเกาซิ่งอบรมสั่งสอนพวกเราแทนอาจารย์ อีกทั้งยังได้ดูแลสำนักแทนข้า วันนี้ข้าจึงลงมาที่นี่ได้”“ดีแล้วครั้งนั้นถ้าไม่ได้ศิษย์พี่ทั้งสองข้าก็คงแย่ ฟื้นตัวมาเพียงนี้เพราะศิษย์พี่ป้อก้านกับป้อคุน ที่ช่วยกันถ่ายลมปราณจนข้าแข็งแรงดีศิษย์พี่ป้อคุนเข้าใจข้า ข้าก็พอใจแล้ว จะว่าไปจอมมารฉูฉางรวมร่างกับจี้โม่นับว่าเป็นความผิดของข้าเป็นเพราะข้าคาดไม่ถึงว่าจี้โม่จะเป็นดวงจิตมารของฉูฉางอวตารมาเกิด”“อาจารย์พรรคมารของฉูฉางเหิมเกริม สองปีมานี่ออกจับตัวผู้คนไปสังเวยผู้คนล้มตาย เหล่าสำนักต่างๆล้วนหาวิธีกำจัดจอมมาร แต่ไม่เป็นผลยิ่งเพิ่มจำนวนศิษย์เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พรรคมาร สังหารผู้คนมากมายเพื่อให้คงกระพัน อาจารย์เราจะทำอย่างไรดี”“สามปีมานี้ข้าตามหา หยางหว่านทั่วปฐพีแต่ไม่เคยตามทันนางเชื่อกันว่ามีเคล็ดวิชาหนึ่งที่สามารถเร้นกายได้รวดเร็ว ข้ามป่าเขาได้ราวกับขี้เมฆข้ามฟ้า ฉูฉางอาจ ถ่ายทอดเคล็ดวิชานั้นให้กับนาง ใช้นางให้จับตัวผู้คนไปให้กับฉูฉาง
“รสดีมากเริ่นเจิน เจ้าไม่รีบกินพร้อมกันเสีย”“ข้าบอกให้ท่านลุกขึ้นมาสู้กับข้า”“สั่งมาเพิ่มอีกจาน อาหารจานนี้รสดีที่สุด”เริ่นเจิน ตะโกนสั่งอาหาร“นี่ท่านไม่ได้ยินหรือว่าแกล้งไม่ได้ยิน”แผดเสียงก้องโรงเต๊๊ยม กระแทกจอกสุราหกเรี่ยราด เหล่าผู้คนต่างรีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อรอดูการประลอง หาทำเลที่มองเห็นได้ชัดและไม่เผลอโดนลูกหลง“สุราเพิ่มอีกเหยือก เจ้าก็ดื่มเสียด้วยกัน เดินทางรอนแรมในป่าเขามานานมื้อนี้ถือว่าเป็นมื้อพิเศษ”“ท่าน”ใช้มีดสั้นในมือปามายังปู้ตานซิน ตรงเป้าไม่มีพลาดแต่ทว่ามือเรียวดังมือหญิงสาวกับคว้าด้ามมีดที่ลอยละลิ่วเข้าใส่เขาวางลงบนโต๊ะข้างกายไม่สะทกสะท้าน และไม่แม้แต่จะเหลือบตามองแต่กลับคว้าดามมีดได้พอเหมาะพอดี ผู้คนต่างปรบมือกึกก้อง เจวียนจิ่วหยาถลาเข้าคว้าอาวุธประจำกายปู้ตานซินกลับใช้ตะเกียบในมือตีไปที่หลังมืออย่างแรง“โอ๊ย เจ็บ”เริ่นเจินอมยิ้ม อดที่จะสงสารเจวียนจิ่วหยาไม่ได้คงเจ็บน่าดูอาจารย์หาใช่คนที่ออมมือไม่ เห็นได้ชัดว่าคลำหลังมือปรอยๆ แล้วยังเป็นรอยตะเกียบเป็นริ้วสีแดงขึ้นมาทันที“แม่นางน้อย อาจารย์ข้าไม่มีเวลาเล่นสนุกกับท่านหรอก เราสองคนเดินทางรอนแรมกว่าจะมีโอกาสได้กิน
“ข้าไม่ไป”“ข้ากับอาจารย์ไม่ต้อนรับเจ้า” เอาตัวเข้าขวางไว้เมื่อปู้ตานซินเดินไปข้างหน้าแล้วเจวียนจิ่วหยาทำท่าจะเดินตาม“ข้าจะบอกอะไรให้ พูดแล้วจะหาว่าคุย ข้าสืบเรื่องราวของท่านมาทั้งหมดแล้ว รู้อะไรไหม ข้ากับกระบี่เจียงเฉียงเราสองคนเป็นดั่งพี่น้อง ตอนนี้ท่านทั้งสองตามรอยนางข้าสามารถพาท่านตามจนพบนางได้ไม่ยาก” ปู้ตานซิน หยุดก้าวเดิน“อาจารย์ นางบอกว่าจะพาเราตามหากระบี่เจียงเฉียง”“ไล่นางไปเสีย”“ดะดะเดี๋ยวข้าจะบอกอะไรให้ กระบี่เจียงเฉียง นางใช้เคล็ดวิชาที่ท่านจอมมารถ่ายทอดในการหลบหลีกเร้นกาย"กอดอกทำสีหน้า อมภูมิ“แล้วข้าก็เป็นคนผู้หนึ่งที่สามารถใช้เคล็ดวิชาในการหากระบี่เจียงเฉียงได้ตลอดเวลา”กอดอกด้วยท่าที่หยิ่งผยอง“ไล่นางไปเสีย”“เอ้า จริงๆ นะข้าไม่ได้โกหก”“เจ้าไปเสีย”เริ่นเจินไล่ เจวียนจิ่วหยาเงื้อไม้เงื้อมือด้วยความเคยตัว“ข้าจะหักนิ้วท่านเสีย ข้อหากล้าปฏิเสธข้า”คว้ามือปู้ตานซิน ตั้งจะจะหักนิ้วเหมือนที่เคยทำกับคนอื่น แต่ทว่าไม่ว่าจะออกแรงอย่างไรก็ไม่อาจ หักนิ้วของปู้ตานซินได้ปู้ตานซินผลักร่างบางลงไปกองกับพื้น คราวนี้เริ่นเจินไม่รับไว้เหมือนคราวก่อนลงไปนั่งกับพื้นก้นจ่ำเบ้า ดึงมีดสั
ที่ประชุมชาวยุทธ์จากสำนักต่างๆ ทั่วยุทธภพที่ต่างมารวมตัวกันที่ เรือนอารักขาหน้าถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉางพร้อมกับร่างเหี่ยวแห้งไร้ดวงจิต“จอมมารฉูฉางเหิมเกริม เข่นฆ่าชาวบ้านจับตัวดื่มเลือดสูบเนื้อล้มตายนับไม่ถ้วน ยิ่งนานวันยิ่งแผ่ขยายอำนาจจนน่ากลัว สามปีมานี้เกินที่จะทนแล้ว”หวังต้าฉินนั่งในแถวรอฟังเหล่าปรมาจารย์หารือกัน“เดิมเป็น ท่านปรมาจารย์กงล้งที่สละร่างผนึกจอมมารไว้ ว่าคราวนี้กลับมาอีกครั้งกับผนึกร่างกับศิษย์ของสำนักเกาซิ่งจี้โม่ยิ่งเพิ่มความเหิมเกริม”“เห็นที่จะต้องรวบรวมผู้กล้าจัดการจอมมารเสีย หากยิ่งนานวันยิ่ง จะมีพลังแก่กล้า”ป้อก้านออกความเห็น“ปรมาจารย์หนุ่มปู้ตานซิน ได้ข่าวว่าออกตามล่าจอมมารฉูฉางถึงสามปีมานี้ยังไม่อาจโค่นล้มจอมมารลงได้ ไหนหลายคนต่างยกย่องให้เป็นยอดปรมาจารย์”เสียง เหน็บจากปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กที่เคยไปช่วงชิงป้ายสำนัก เกาซิ่ง“ใช่ๆๆ ”หลายเสียงเห็นพ้อง“ ปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กท่านไม่แยกแยะถูกผิดชั่วดี เอาความแค้นส่วนตัวมา พูดจาให้ผู้อื่นเข้าใจอาจารย์ข้าผิดไป ตอนนี้อาจารย์กำลังหาทางกำจัดจอมมารสืบหาเคล็ดวิชาทั่วหล้า หาได้นิ่งดูดายไม่ อีกอย่างเมื่อครั้งที่ปีศาจพ
“ ศิษย์พี่” เจวียนจิ่วหยาดึงมือหยางหว่าน เมื่อเห็นว่าอีกคนตะลึงตาค้าง“ข้าทำอะไรลงไป”หลุดคำพูดจากใจออกมา“ศิษย์พี่ท่านทำได้แล้ว ท่านจอมมารจะต้องชื่นชมท่าน”เจวียนจิ่วหยากืนน้ำลายลงคอช้าๆ ในใจรู้สึกเหมือนหัวใจถูกตัดเฉือนออกไป ปากกับใจไม่ตรงกัน หันหน้าหันหลังมอง เริ่นเจินที่หอบร่างปู้ตานซินหายลับไปกับตา“กลับขึ้นเขาหนึ่งแสนคนชั่วกันก่อนดีกว่า ข้าพาท่านไป”เจวียนจิ่วหยาถูกสอนมาตลอดว่าหยางหว่านเป็นเสมือนนายหญิงเป็นรองเพียงท่านจอมมารเพียงคนเดียวจึงต้องเคารพและให้ความช่วยเหลือหยางหว่านทุกอย่างไม่ว่านางจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ตั้งแต่ขึ้นไปอาศัยอยู่บนเขาหนึ่งแสนคนชั่ว ในตอนที่บิดามารดาขายนางให้กับพ่อค้าทาส เจียนจิ่วหยาใช้มีดแทงยอดอกของพ่อค้าทาส ที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายเจวียนจิ่วหยาจนต้องหนีขึ้นมาบนเขาเมื่อมีคนตามจับตัว ตั้งแต่นั้นมาการชิงลงมือก่อนจึงเป็นคติประจำตัว หยางหว่านเป็นดังพี่สาวที่คอยสั่งสอนดูแล หลายครั้งที่ท้ังคู่ร่ายรำกระบี่ด้วยกัน หลายครั้งที่ทั้งคู่ร่ำสุราด้วยกัน“ข้า ทำไมรู้สึกเจ็บปวด”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ เจ็บที่ใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้“ศิษย์พี่ ท่านเพียงแค่ยังไม่เคยลงมือ
“ในที่สุดเจ้าก็ทำได้ กระบี่เจียงเฉียง ข้ามองเจ้าไม่ผิดไปจริงๆ ”ฉูฉางในร่างของจี้โม๋แสดงความพึงพอใจ“ท่านประมุข แล้วทำไมข้าถึงรู้สึก ถึงรู้สึกว่าข้าเสียใจที่ทำร้ายเขา”สับสนจน ไม่อาจปิดบังความรู้สึกภายในจิตใจเผยความนัยออกมาโดยที่ฉูฉางไม่ต้องใช้วิชาอ่านใจเช่นเดียวกับปู้ตานซิน“เป็นธรรมดา เจ้ากับเขารู้จักกันมาก่อน แค่เพียงรู้สึกเสียใจก็เป็นเรื่องธรรมดา”“ข้าๆ”“ หากเขาตาย ข้าเตรียมรางวัลใหญ่สำหรับเจ้า”“อาจารย์ ข้าขอกลับไปแดนใต้ช่วยคัดคนให้อาจารย์เหมือนเดิมดีกว่า”ฉูฉางยิ้มเปล่งเสียง ออกมาดังๆ“ต่อไปเป็นหน้าที่ของเจวียนจิ่วหยา ที่จะทำเรื่องนี้แทนเจ้าหยางหว่านเจ้าควรจะเอาเวลาที่เหลืออยู่ที่นี่ เป็นคนของข้า”“ท่านประมุข หมายความว่าอย่างไร”“หยางหว่านข้ารอเวลานี้มานาน สี่พันปีเพื่อให้ได้พบเจ้าอีกครั้ง”“ท่านมุข หยางหว่านไม่อาจ ทำตามที่อาจารย์กล่าว”“เจ้าเหตุใดถึงปฏิเสธข้าหรือว่า”หลับตาลงช้าๆ สำรวจลมปราณที่อ่อนแรงของปู้ตานซินได้ในทันที“กระบี่เจียงเฉียงข้ารับรู้ได้ว่าเขายังไม่ตาย เจ้าใจดีเกินไปตั้งใจออมมือปล่อยให้ปู้ตานซินรอดชีวิตหรือไร”ส่งเสียงดังกังวานเหมือน เสียงสะท้อนในหุบเขา“หยางหว่านหน
กงล้งซัดฝ่ามือเข้าใส่ฉูฉางจนกระเด็นไปติดผนังถ้ำกระอักเลือดสดๆออกมา ก่อนที่เขาจะฉุดมือหยางหว่านออกจากถ้ำไปหยางหว่านสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากการเกาะกุมวิ่งถลาไปหอบร่างอ่อนแรงของฉูฉาง ที่วรยุทธ์ของเขาไม่มีทางสู้กงล้งได้“เจ้าสงสารมันหรือมีใจให้มัน หยางหว่านไปกับข้าเสียไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาเสีย”“อย่าทำแบบนั้นกงล้ง เขาเป็นสหายของท่าน”“เจ้าผิดแล้ว ข้ากับเขาขาดกัน ตั้งแต่วันที่ข้าพบเจ้ามากับเขาในวันนั้น”“ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้ เขาบาดเจ็บสาหัส ให้ข้าพาเขาไปรักษาก่อน”ฉูฉางลืมตาขึ้นมา ในอ้อมกอดของหยางหว่าน“ข้ายอมตายอย่าได้ขอร้องเขาอีกเลย หากเขาต้องการตัวเจ้าจะต้องฆ่าข้าเสียก่อน”ฉูฉางส่งเสียงลอดไรฟัน“ได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้า ผิดหวัง”รวบรวมลมปราณ ขั้นสูงสุดไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ซัดฝ่ามือเข้าใส่ฉูฉาง แต่ลืมว่าหยางหว่านนั่งอยู่ที่นั่นด้วยหยางหว่านหอบร่างไร้เรี่ยวแรงของฉูฉางอยู่ “เจ้าเลือกเองฉูฉางข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว”ซัดฝ่ามือเข้าใส่ ฉูฉางที่ไม่อาจหลบหลีก หยางหว่าน ผลักร่างสูงของฉูฉางให้เซถลา ลมปราณสูงสุดจากฝ่ามือของกงล้งซัดเข้าที่หน้าอกของหยางหว่านเต็มแรง ริมฝีปากบางพ่นเลือดสดๆออกมา กงล้งอ้าป