ในห้องนอนของทั้งคู่ตอนนี้มีเสียงครางปนความสุขของทั้งคู่ดังออกมาเบาๆไม่นานภารกิจทำน้องให้ยัยหนูชมพูก็เสร็จสิ้นและผ่านไปด้วยดีชายหนุ่มโอบกอดคนเป็นภรรยาที่นอนหมดแรงเพราะพึ่งผ่านศึกรักที่หนักหน่วงของเขาอยู่ข้างๆมากอดไว้แล้วหลับไปพร้อมกับเธอ
เช้าวันต่อมา
คอนโด XXXX
ลูกแก้วและพีรพัตรกลับจากไร่บดินทร์เดชากันตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งสองกลับกันมาแค่สองคนโดยคุณหญิงพิไลบอกว่าจะขออยู่ที่นี่กับจอมขวัญสักพักโดยพีรพัตรเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยเลยไม่ได้ว่าอะไร
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคอนโดต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันพักผ่อนทันทีเพราะพรุ่งนี้ทั้งพีรพัตรและลูกแก้วต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศกันแต่เช้า
Rrrrrrrrrrrr
ลูกแก้วที่วันนี้เพลียจากการนั่งเครื่องกลับมาเมื่อวานและบวกกับการนอนดึกเพราะมัวจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ทำให้หญิงสาวนอนตื่นสายเป็นพิเศษเธอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้นึกขึ้นได้ทันทีว่าวันนี้เธอต้องเดินทางแต่เช้า
“ค่า....คุณพรีม”
“คุณอีก10นาทีเจอกันข้างล่างนะผมเรียกรถมารับแล้ว”
“โอเคค่ะ” ลูกแก้วตอบตกลงคนที่โทรตามโดยที่ยังไม่ได้เตรียมอะไรหลังจากวางสายได้เธอก็เตรียมตัวอาบน้ำทันทีอย่าเรียกว่าอาบน้ำเลยเรียกว่าเธอวิ่งผ่านน้ำยังจะดีกว่าเมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็รีบใส่เสื้อผ้าเก็บของลงไปหาพีรพัตรอย่างเร่งรีบเกรงว่าถ้าเขารอนานเธอจะโดนบ่นเรื่องไม่รักษาเวลาอีกเป็นแน่
พอหญิงสาวลงมาที่หน้าคอนโดก็เห็นชายหนุ่มกำลังขึ้นไปนั่งบนรถที่เขาเรียกจากแอพลิเคชั่นมารับเธอจึงรีบวิ่งตามเขาขึ้นรถทันที
“มาแล้วค่ะ”
“นี่คุณจะไปสภาพนี้เหรอ” พีรพัตรที่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วเมื่อหันไปมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆก็เห็นว่าผมเผ้าเธอนั้นกระเซอะกระเซิงเหมือนคนพึ่งตื่นเขาเองอยากจะขำเธอตอนนี้แต่ก็เกรงใจกลัวว่าเธอจะอายคนขับรถทำได้เพียงแต่อมยิ้มแล้วถามเธอเบาๆว่าจะไปสภาพนี้จริงๆเหรอเขาเองไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าออกมาข้างนอกด้วยสภาพที่ดูเหมือนคนพึ่งตื่นนอนแบบนี้ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่กล้าออกมาข้างนอกแน่ๆ
ที่เขายิ้มไม่ใช่เพราะตลกเธอแต่รู้สึกว่ายิ่งเธอปล่อยตัวตามสบายเมื่ออยู่กับเขาเธอยิ่งมีเสน่ห์กว่าผู้หญิงที่แต่งตัวเปรี้ยวๆแต่งหน้าหนาๆซะอีกยิ่งมองยิ่งหยุดสายตาเขาเองไม่ได้
“ค่ะ”
พีรพัตรที่เอาแต่จ้องหน้าลูกแก้วเมื่อเห็นหญิงสาวหันหน้ามาตอบคำถามที่เขาถามแบบสั้นๆห้วนๆด้วยใบหน้านิ่งเฉยเขาจึงรีบหันหน้ามองไปทางอื่นทันทีกลัวว่าเธอจะคิดว่าที่เขาจ้องมองเพราะตลกหน้าเธอแต่มันไม่ใช่เลยเขารู้สึกอยากมองใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางแบบนี้นานๆด้วยซ้ำ
ลูกแก้วตอบคนที่ถามด้วยหน้าไม่สบอารมณ์ก็จะให้เธอไปสภาพไหนได้ล่ะนอกจากสภาพนี้มีเวลาให้สิบนาทีใครจะไปทำอะไรทันหญิงสาวไม่ได้คิดจะโทษใครก็ตัวเองตื่นสายเองแต่ไปแบบนี้เธอก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมองยังไงเพราะเธอไปทำงานไม่ได้ไปออกเดทกับใครสักหน่อยปกติเธอก็ไม่ชอบแต่งตัวอะไรมากมายอยู่แล้วด้วย
ไร่บดินทร์เดชา
“คุณพี่คะดูข่าวนี้สิคะ” พิไลที่กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าอยู่กับดวงแขอยู่ที่สวนหน้าบ้าน..เมื่อเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ตามประสาคนที่อยากรู้ข่าวสารบ้านเมืองแต่พลันสายตาก็เห็นรูปภาพเหมือนคนที่คุ้นเคยเลยจ้องดูชัดๆก็พบว่าเป็นภาพลูกชายของตนเองและลูกแก้วที่ยืนอยู่ข้างๆกันเมื่อมองไปที่พาดหัวข่าวก็เขียนเป็นตัวใหญ่โดดเด่นว่า
...ทายาทพันล้านแอบซุกเมียท้องอ่อนปะทะเมียน้อยกลางห้างดังหลังจากที่พิไลได้อ่านข้อความเธอไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยเรียกพี่สาวของเธอให้ช่วยดู
“อ้าวนี่ตาพรีมนี่...แล้วนี่ก็หนูแก้วแล้วใครซุกลูกพี่งงไปหมดแล้ว” ทั้งสองคนนั่งคุยกันเรื่องข่าวสักพักพิไลก็โทรหาสำนักข่าวที่ลงข่าวทันทีเพราะเธอเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีหุ้นอยู่ที่นี่เหมือนกันเธอเองก็อยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
เมื่อโทรไปก็ได้ความมาว่ามีเด็กในสำนักข่าวที่นี่เห็นเหตุการณ์วันนั้นพอดีเลยถ่ายคลิปเก็บไว้แล้วเอามาลงข่าวดวงแขเลยขอให้ทางคนที่ถ่ายคลิปของหลานชายตนเองนั้นส่งมาให้ตนดูและขอให้ยกเลิกการเขียนข่าวนี้โดยด่วนไม่อย่างนั้นเธอจะถอนหุ้นออกทั้งหมดซึ่งหุ้นที่เธอถืออยู่ถ้าถอนออกก็ทำให้สำนักข่าวที่นี่เดือดร้อนหนักอยู่เหมือนกัน
“พี่จัดการได้แล้วทาง บ.ก. ที่นี่เขาบอกจะรีบแก้ไขให้เร็วที่สุดแต่พี่ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน”
“น้องก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะคุณพี่เพราะน้องเชื่อว่าลูกแก้วไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้แน่นอนค่ะแล้วอีกอย่างทั้งสองคนก็พึ่งเจอกันจะไปเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตอนไหน”
เมื่อคุณหญิงดวงแขวางสายทางบ.ก.สำนักข่าวที่คุณหญิงโทรหาก็รีบส่งคลิปที่เด็กในสังกัดถ่ายมาให้ทันทีเมื่อทั้งสองนั่งดูก็ตกใจอยู่เล็กน้อยแต่ทั้งดวงแขและพิไลคิดว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแปลกๆแน่เลยยังไม่ได้กระโตกกระตากอะไรกับเรื่องนี้มากมายรอถามจากปากเจ้าตัวทั้งสองก่อนดีกว่า
“แต่ถ้าหนูแก้วท้องกับตาพรีมจริงๆก็ดีนะคะคุณพี่น้องก็จะได้หมดห่วงไม่ต้องกลัวว่าตาพรีมจะไม่มีครอบครัวแถมอยู่ดีๆก็ได้ทั้งหลานแล้วก็ลูกสะใภ้ที่ดีสมใจอีกด้วย” พิไลที่ตกใจกับข่าวตอนแรกแต่เมื่อคิดไปคิดมาถ้าเป็นเรื่องจริงเธอก็จะดีใจมากๆเช่นกันที่ลูกชายเธอจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับคนดีๆสักที
“หืม..อย่าบอกนะว่าอยากได้หนูแก้วเป็นลูกสะใภ้น่ะ” ดวงแขที่เห็นน้องสาวนั่งพูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ดูออกทันทีว่าน้องสาวเธอคิดอะไรอยู่
“ค่ะคุณพี่น้องน่ะเอ็นดูหนูแก้วเหมือนลูกสาวคนนึงถ้าตาพรีมได้หนูแก้วเป็นภรรยาน้องก็หมดห่วงค่ะ” พิไลถึงแม้จะคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างเพราะถ้าเป็นเรื่องจริงมีหรือที่ทั้งสองจะปิดกันเงียบไม่มีพิรุทได้ขนาดนี้แต่ในใจก็ภาวนาอยากจะให้ทั้งสองลงเอยกันจริงๆซะเหลือเกิน“หนูแก้วก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของพี่คนนึงนะจะสู้ค่าสินสอดที่พี่เรียกไหวเหรอ” ดวงแขแกล้งหยอกน้องสาวของตนที่ดูอยากจะได้ลูกสาวคนเล็กของเธอเป็นสะใภ้ซะเหลือเกิน“เท่าไรน้องก็สู้ค่ะคุณพี่”“ฮ่าๆๆ” ว่าจบทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน กว่าพีรพัตรและลูกแก้วจะมาถึงอเมริกาแล้วไหนกว่าจะนั่งรถมาถึงโรงแรมที่พักอีกก็ใช้เวลาไปเป็นวันลูกแก้วที่พึ่งเคยนั่งเครื่องเป็นครั้งแรกแล้วยังนั่งเป็นเวลานานอีกต่างหากเธอจึงรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้พอมาถึงโรงแรมเธอก็ขอตัวพักผ่อนทันที“เดี๋ยวแก้วขอกินยาแล้วนอนพักสักครู่คงเบาแล้วค่ะ....คุณพรีมจะออกไปตอนไหนก็โทรหาแก้วได้เลยนะคะ” ลูกแก้วที่นั่งกุมหัวอยู่บนโซฟาในห้องหันมาบอกกับพีรพัตรเธอคิดว่าถ้านอนพักอีกนิดอาการคงดีขึ้นอีกอย่างเธอก็ไม่อยากให้อาการป่วยของเธอทำให้เสียงานด้วย“ไม่เป็นไร
“เอาน่าร้านนี้แหละคุณเดี๋ยวผมนั่งรอ....ช่วยแต่งตัวให้เธอได้เลยนะครับ” พีรพัตรขี้เกียจยืนเถียงกับเธอเลยถือโอกาสเรียกเด็กในร้านมาพาเธอไปลองชุดแต่งตัวก่อนที่เธอจะยืนเถียงกับเขานานไปกว่านี้หลังจากส่งหญิงสาวให้ไปแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเขาเองก็ให้ช่างเลือกชุดเปลี่ยนใส่ไปงานคืนนี้ใช้เวลาไม่นานมากเขาก็แต่งตัวเสร็จ คนตัวโตก็นั่งรอหญิงสาวประมาณสองชั่วโมงได้และแล้วเธอก็เดินออกมาวินาทีที่หญิงสาวปรากฏตัวตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มถึงกับละสายตาไม่ได้ชุดที่เธอใส่เป็นชุดราตรีเกาะอกสีขาวเหลือบมุขยาวพอดีตัวกระโปรงแหวกข้างสูงบวกกับหน้าผมที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รองเท้ากระเป๋าที่มาเป็นเซ็ตเข้ากับชุดซึ่งพอมันอยู่บนตัวเธอแล้วมันยิ่งหน้ามองละด้วยหุ่นทรวดทรงของเธอที่เหมาะกับชุดนี้อย่างมากทำให้เธอดูสวยสะดุดตาจนเขาแทบละสายตาไม่ได้“คุณพรีมคะ....คุณพรีมมมม...”“เอ่อ....เสร็จแล้วเหรองั้นเราไปกันเลยงานจะเริ่มแล้ว”“ค่ะ” พีรพัตรหลุดจากภวังค์จากเสียงเรียกของหญิงสาวเขารีบยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานเมื่อจัดการเสร็จแล้วเขาก็ไปที่งานทันที ไม่นานมากทั้งสองก็มาถึงงานในเวลาที่งานใกล้จะเริ่ม“คุณพรีมคะรอแก้วด้วยค่ะ”ลูก
“ให้ผมช่วยดูเท้าให้ไหมครับดูมันเริ่มบวมแล้วนะครับ” ลูกแก้วเห็นเจคอปกำลังก้มลงดูที่เท้าของเธอหญิงสาวก็หันหนีเพราะกลัวคนอื่นจะมองไม่ดีอีกอย่างเธอก็พึ่งรู้จักกับเขาจะมาถึงเนื้อถึงตัวกันมันทำให้เธอไม่สบายใจที่จะให้ช่วยเท่าไร“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวนั่งอีกสักพักคงหายปวดค่ะ”“งั้นเดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อนนะครับ”“ได้ค่ะ” ทั้งเจคอปและลูกแก้วนั่งคุยกันสักพักพีรพัตรก็เดินออกจากในงานมาเมื่อเห็นว่าลูกแก้วอยู่กับใครเขาถึงกับควันออกหูอุตส่าห์ให้เธอมานั่งรอหน้างานจะได้ไม่ไปเจอพวกเสือพวกตะเข้ที่ในงานแล้วยังมิวายมาเจอนอกงานอีกคนที่เธอนั่งอยู่ด้วยเป็นเพื่อเขาก็จริงแต่ก็ได้ชื่อว่าตัวพ่อเรื่องผู้หญิงเหมือนกัน“กลับกันเถอะคุณ”“เอ่อ..” พีรพัตรเดินเข้าดึงมือลูกแก้วที่กำลังนั่งอยู่โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวทำเอาเธองงเล็กน้อยไม่รู้ว่าเขาจะรีบไปไหนเหมือนกัน“ไงเพื่อนไม่เจอกันนานเลยนะ”“อืม..ฉันกลับก่อนนะ” เจคอปเห็นพีรพัตรเดินเข้ามาด้วยอาการไม่พอใจก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เขาห้ามยุ่งเขาจึงรู้สึกเสียดายนิดหน่อยแต่ผู้หญิงในสต็อคของเขามีให้เลือกมากมายอยู่แล้วพลาดคนนี้ไปก็ไม่เห็นเป็นไร“คุณพรีมเดินช้าๆหน่อยสิคะแก้วเ
หลายชั่วโมงต่อมา ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และได้กระทำย่ำยีหญิงสาวไร้เดียงสาที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าถึงเขาจะรู้สึกชอบเธอแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ารักเธอหรือเปล่าแต่ถึงอย่างไรในสมองของเขาเองก็สั่งว่าเธอไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะเขาเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แท้ๆ จากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไปเขารู้ดีว่าเป็นคนแรกของเธอยิ่งทำให้ชายหนุ่มนั้นโกรธตัวเองเข้าไปใหญ่ไม่รู้ว่าเธอตื่นมาจะว่าอย่างไรแต่เขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องรับผิดชอบในตัวเธออย่างแน่นอนเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายพอกล้าทำต้องกล้ารับอยู่แล้ว ชายหนุ่มนอนตะแคงใช้แขนชันหัวจ้องมองร่างบางที่เนื้อตัวเธอมีแต่รอยแดงจากการกระทำของเขายิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสารเขาได้แต่คิดโทษตัวเองอยู่พักใหญ่แล้วซุกตัวใช้แขนแกร่งของเขานอนกอดด้านหลังเธออย่างทะนุถนอมแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามเธอไปเช้าวันต่อมา พีรพัตรรู้สึกตัวตื่นก็ใช้มือควานหาร่างบางที่เขานอนกอดเมื่อคืนแต่เมื่อพบกับความว่างเปล่าเขาจึงลืมตาขึ้นเขามองหาหญิงสาวไปทั่วห้องก็ไม่มีวี่แววของเธอไม่รู้ว่าเธอออกไปตอนไหนและหวังในใจว่าเธอคงยังไม่หนีเขาไปไหนเพราะเขายั
“แต่งงานเหรอแก้วไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รักแก้วเด็ดขาดการแต่งงานมันต้องเกิดจากความรักเมื่อไม่เคยรักกันแต่งกันไปเดี๋ยวก็มีปัญหากันอยู่ดี” ที่หญิงสาวพูดออกมามันก็จริงอยู่ที่ไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปมันก็คงจะไม่มีความสุขอยู่ดีเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวหรือเปล่าหรือแค่ชอบเท่านั้น“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดถึงผมจะยังให้คำตอบคุณไม่ได้ว่าผมรักคุณหรือเปล่าแต่ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบคุณ” คำตอบจากปากของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลกๆตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอที่เขามาดูแลเธอก็คงอยากที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของเขาเท่านั้นเธอรู้สึกโมโหตัวเองที่เมื่อคืนยอมเผลอไผลไปกับเขาอย่างลืมตัวลืมอายมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยสักนิด“คุณไม่ต้องรับผิดชอบแก้วหรอกในเมื่อเราไม่ได้รักกันแก้วจะถือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดพลาดที่เราไม่ได้ตั้งใจต่อไปนี้เรื่องระหว่างคุณกับแก้วขอให้ลืมมันไปคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ลูกแก้วกลั้นใจพูดแบบนั้นออกไปเพราะคิดว่าที่เขาจะรับผิดชอบเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้นถ้
3 เดือนผ่านไป17.50 น.“พี่สาครับลูกแก้วกลับไปแล้วเหรอครับ” พีรพัตรที่พึ่งออกมาจากห้องประชุมเขาเหลือบมองไปที่ห้องของลูกแก้วซึ่งเคยเป็นห้องของสาวิตรีมาก่อนพบว่าไฟปิดลงเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าวันนี้หญิงสาวกลับไปแล้วแต่ก็อยากรู้ว่าหญิงสาวกลับไปเมื่อไรจึงเอ่ยถามสาวิตรี“ค่ะพึ่งกลับไปเมื่อสักพักนี้เองค่ะ”“ครับงั้นผมกลับก่อนนะครับ”“ค่ะคุณพรีม..เอ่อคุณพรีมคะช่วยดูอาการของลูกแก้วหน่อยก็ดีนะคะพี่เห็นลูกแก้วมักจะวูบๆอยู่บ่อยๆน่ะค่ะพี่บอกให้ไปหาหมอตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมไปค่ะ”“งั้นเหรอครับโอเคครับเดี๋ยวผมจะดูเธอให้” สาวิตรีคิดว่าทั้งสองต้องมีปัญหากันตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาแน่นอนทั้งการที่หญิงสาวขอเปลี่ยนตำแหน่งกับเธอและตอนนี้ก็ยังไปกลับที่ทำงานเองอีกด้วยเธอไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของทั้งสองมากนักแต่เมื่อเห็นอาการของลูกแก้วเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้เธอคิดว่าถ้าให้พีรพัตรเป็นคนบอกหญิงสาวเธอก็น่าจะฟังบ้างและนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ทั้งสองอาจจะมีโอกาศพูดคุยกันและกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ พีรพัตรเองหลังๆมานี้ก็แอบเห็นอาการของลูกแก้วเหมือนกันแต่เขาไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงเธอเขาพยายามจะเข้าหาเธอหลายรอบแล้ว
20นาทีผ่าน“คุณยังไม่หายคลื่นไส้อีกเหรอ” พีรพัตรเดินสำรวจห้องครัวของหญิงสาวเรียบร้อยแล้วก็ออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่นเมื่อตอนเดินกลับมาเขาเองยังได้ยินเสียงของหญิงสาวอาเจียนยังไม่ยอมหยุดเขาเองอยากจะไปดูอาการเธอใกล้ๆแต่ก็กลัวเมื่อเข้าไปใกล้หญิงสาวแล้วอาการของเธอจะหนักขึ้นกว่าเดิมจึงได้แต่ตะโกนถามเธอแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรได้ยินแต่เสียงอาเจียนที่ดังออกมาเท่านั้น เขานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นของเธอสักพักหมอก็มาถึงเมื่อหมอเข้ามาเขาก็เดินพาหมอมาดูอาการของลูกแก้วที่กำลังเป็นตอนนี้ทันที“ช่วยตรวจเธอให้ละเอียดเลยนะครับหมอผมว่าอาการเธอน่าจะหนักอยู่ครับ” หมอและพยาบาลมาประคองลูกแก้วไปนอนที่เตียงและตรวจอาการของเธออย่างละเอียดอีกครั้งหญิงสาวไม่ให้ชายหนุ่มเข้าใกล้หมอเลยให้ชายหนุ่มรออยู่ด้านนอกเพราะยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้เธอยิ่งทำให้อาการของเธอกำเริบขึ้นมาอีก“ยาที่ผมให้ไว้ยังทานอยู่ไหมครับคุณลูกแก้ว”“ทานอยู่ค่ะแต่ก็ใกล้จะหมดแล้วค่ะ”“งั้นเดี๋ยวหมอให้ยาเพิ่มไว้นะครับ”“ค่ะ”“ยังไงช่วงนี้ก็ทานผักผลไม้เยอะๆนะครับ..ถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวหมอกลับก่อนนะครับ”“ขอบคุณค่ะหมอ” ลูกแก้วรู้ดีว่าเมื่อหมอออกไปชา
“พอเลยคุณผมไม่เคยลำบากใจที่จะรับผิดชอบตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ” ชายหนุ่มยืนพูดอยู่ที่ปลายเตียงของหญิงสาวไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เธอเพราะกลัวเธอจะอาเจียนออกมาอีกทั้งที่ในใจอยากเข้าไปกอดปลอบคนที่ร้องให้สะอึกสะอื้นอยู่ตอนนี้ใจจะขาด“ฮือๆ..แล้วคุณพรีมคิดอะไรก็บอกแก้วมาสิ….ฮือๆๆ” ร่างบางที่นั่งสะอื้นอยู่ที่เตียงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ชายหนุ่มคิดยังไงกับเธอกันแน่ก็ตอนนั้นบอกว่าไม่รักแล้วตอนนี้บอกว่าเธอไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงอีกเธอสับสนกับคำพูดเขาจริงๆ“คุณหยุดร้องแล้วฟังผมก่อนได้ไหม” พีรพัตรต้องปรามหญิงสาวให้หยุดร้องจะได้คุยกันให้รู้เรื่องสักทีถ้าเธอยังสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนี้วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ“แก้วก็อยาก….กก…จะหยุดแต่มัน…..ฮึกๆ…หยุดไม่ได้…ฮือๆ” ลูกแก้วเองก็อยากจะหยุดแต่เมื่อมองหน้าเขาได้ยินคำที่เขาพูดน้ำตาเธอมันก็ไหลออกมาตลอดเธอไม่รู้ว่าจะหยุดมันยังไง“งั้นก็ฟังผมนะ…คือ..ผมรักคุณ…ผมไม่รู้ว่ารักตั้งแต่เมื่อไรแต่ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณแต่งงานกับผมเถอะนะ” ในเมื่อเธอไม่หยุดร้องเขาก็บอกรักเธอทั้งๆที่ยังร้องอยู่ละกันเผื่อเธอจะยอมหยุดร้องแล้