“ค่ะคุณพี่น้องน่ะเอ็นดูหนูแก้วเหมือนลูกสาวคนนึงถ้าตาพรีมได้หนูแก้วเป็นภรรยาน้องก็หมดห่วงค่ะ” พิไลถึงแม้จะคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างเพราะถ้าเป็นเรื่องจริงมีหรือที่ทั้งสองจะปิดกันเงียบไม่มีพิรุทได้ขนาดนี้แต่ในใจก็ภาวนาอยากจะให้ทั้งสองลงเอยกันจริงๆซะเหลือเกิน
“หนูแก้วก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของพี่คนนึงนะจะสู้ค่าสินสอดที่พี่เรียกไหวเหรอ” ดวงแขแกล้งหยอกน้องสาวของตนที่ดูอยากจะได้ลูกสาวคนเล็กของเธอเป็นสะใภ้ซะเหลือเกิน
“เท่าไรน้องก็สู้ค่ะคุณพี่”
“ฮ่าๆๆ” ว่าจบทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
กว่าพีรพัตรและลูกแก้วจะมาถึงอเมริกาแล้วไหนกว่าจะนั่งรถมาถึงโรงแรมที่พักอีกก็ใช้เวลาไปเป็นวันลูกแก้วที่พึ่งเคยนั่งเครื่องเป็นครั้งแรกแล้วยังนั่งเป็นเวลานานอีกต่างหากเธอจึงรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้พอมาถึงโรงแรมเธอก็ขอตัวพักผ่อนทันที
“เดี๋ยวแก้วขอกินยาแล้วนอนพักสักครู่คงเบาแล้วค่ะ....คุณพรีมจะออกไปตอนไหนก็โทรหาแก้วได้เลยนะคะ” ลูกแก้วที่นั่งกุมหัวอยู่บนโซฟาในห้องหันมาบอกกับพีรพัตรเธอคิดว่าถ้านอนพักอีกนิดอาการคงดีขึ้นอีกอย่างเธอก็ไม่อยากให้อาการป่วยของเธอทำให้เสียงานด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกวันนี้คุณไม่ต้องไปเป็นเพื่อนผมหรอกคืนนี้คุณนอนพักก่อนก็ได้เดี๋ยวผมไปคุยงานกับหุ้นส่วนเอง” พีรพัตรที่เห็นอาการของหญิงสาวแล้วก็รู้เลยว่าเธอไปคุยงานกับเขาคืนนี้ไม่ไหวแน่ๆอีกอย่างเขาก็ตั้งใจว่าจะไม่ให้เธอไปอยู่แล้วเพราะหุ้นส่วนของเขานัดเจอกันในคลับหรูที่ดูไม่ปลอดภัยสำหรับเธอเท่าไรแล้วหุ้นส่วนคนนี้ก็ดูจะเป็นเสือผู้หญิงซะด้วยสิ
“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวละกันนะคุณพักผ่อนเถอะ.....มีอะไรโทรเรียกผมได้ตลอดเลยนะคุณ”
“ขอบคุณค่ะ”
20.00 น.
คลับหรู
“Hi….พรีม” เจมส์ที่พึ่งเดินเข้าคลับมากับเลขาสาวสวยของเขาเมื่อเห็นพีรพัตรนั่งรออยู่แล้วเขาจึงเดินเข้าไปทักทายทันที
“หวัดดีเจมส์” พีรพัตรรีบลุกขึ้นทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มยินดี
“นี่เลขาของผมเอมม่า”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เช่นกันค่ะ” เจมส์แนะนำหญิงสาวที่เป็นเลขาของเขาให้กับพีรพัตรได้รู้จักเธอยื่นมือให้เขาเป็นการทักทายพร้อมส่งสายตาโปรยเสน่ห์แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพียงแต่กล่าวทักทายและรีบหลบสายตาลงไม่อยากทำให้เธอรู้สึกว่าเขาอยากที่จะสานต่อ
“คุณยังเป็นคนตรงเวลาเหมือนเดิมเลยนะวันนี้คุณมาคนเดียวเหรอผมคิดว่าจะมีเลขาสาวสวยมาด้วยซะอีก”
“พอดีเธอป่วยนิดหน่อยน่ะครับผมเลยให้เธอพัก”
“งั้นเหรอครับ....งั้นเราเริ่มคุยงานกันเลยดีกว่า”
“ครับ” ทั้งสองคุยงานกันราวๆชั่วโมงได้จากนั้นเจมส์ก็เริ่มชวนพีรพัตรดื่มสังสรรค์กันนิดหน่อยเมื่อพีรพัตรดื่มพอเป็นพิธีแล้วจึงขอตัวกลับเพราะรู้สึกเป็นห่วงคนที่กำลังป่วยอยู่ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะดีขึ้นหรือยังในใจตอนนี้อยากอยู่ดูแลเธอเหลือเกินแต่ติดว่าต้องมาคุยงานนั่นเอง
หลังจากคุยงานเรียบร้อยแล้งพีรพัตรก็กลับถึงที่โรงแรมโดยใช้เวลาไม่นานนักเขารีบเข้ามาดูลูกแก้วทันทีไม่ต้องแปลกใจเลยที่ทำไมเขาเข้าห้องเธอได้ก็เพราะเขาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของโรงแรมที่นี่เพียงเขาขอคีการ์ดสำรองกับพนักงานเท่านั้น
เมื่อเขาเปิดห้องมาก็พบว่าหญิงสาวนอนหลับอยุ่ภายใต้แสงสลัวๆของโคมไฟที่หัวเตียงเขาดึงผ้าห่มที่มันล่วงลงข้างล่างขึ้นมาห่มให้เธอนึกเอ็นดูคนตรงหน้าเวลานอนนิ่งๆแล้วน่ารักอย่างบอกไม่ถูกก่อนที่เขาจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วสัมผัสไปที่แก้มของเธอ
จากนั้นไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่เขารู้สึกว่าแก้มของเธอตอนนี้มันน่าหอมซะเหลือเกินเขาจึงก้มตัวกดจมูกไปที่แก้มนวลครู่ใหญ่จะว่าเขาเมาก็ไม่ใช่เพราะเขาก็ไม่ได้ดื่มเยอะขนาดนั้นที่ทำไปเพราะใจมันสั่งให้เขาทำล้วนๆเขารู้ว่าหญิงสาวคงหลับเพราะฤทธิ์ยาไม่อย่างนั้นเธอคงตื่นมาโวยวายตั้งแต่ที่เขาเปิดประตูเข้าห้องเธอมาแล้ว
หลังจากพีรพัตรนั่งมองหน้าคนที่นอนหลับอยู่จนพอใจเขาก็กลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องของตัวเองชายหนุ่มยิ้มให้ตัวเองเบาๆไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะมาลักหลับหอมแก้มผู้หญิงที่ดูกะโปโลได้
เขาไม่รู้ว่าเขาเองเริ่มสนใจเธอตั้งแต่เมื่อไรแต่เมื่อนึกถึงตั้งแต่ที่มีเธอเข้ามาป่วนในชีวิตถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่ก็ทำให้เขามีรอยยิ้มมากขึ้นและรู้สึกสบายใจทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ๆกับเธอแม้จะดูเหมือนไม่ค่อยลงรอยกันก็ตาม
วันต่อมา
Rrrr
“ดีขึ้นหรือยังคุณ” ลูกแก้วที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์พอเห็นชื่อว่าเป็นใครเธอจึงกดรับแต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็โพล่งถามออกมาก่อน
“เอ่อ.....แก้วโอเคแล้วค่ะคุณพรีมมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“โอเคก็ดีแล้ว....ผมจะบอกคุณว่าเย็นนี้ผมจะพาคุณออกไปข้างนอกอีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”
“โอเคค่ะ” ทั้งสองใช้เวลาประมาณชั่วโมงก็มาถึงห้างดังพีรพัตรบอกกับลูกแก้วว่าจะพามาเลือกซื้อชุดที่ต้องใส่ออกงานคืนนี้ทำเอาหญิงสาวแอบบ่นเขาเป็นการใหญ่ที่ไม่บอกล่วงหน้าว่าจะพาเธอออกงาน
“ช่วยแต่งตัวให้เธอพร้อมไปงานคืนนี้ด้วยครับขอแบบดูดีที่สุดเท่าไรผมพร้อมจ่าย”
“ได้เลยค่ะ” พีรพัตรพาลูกแก้วเดินเข้าชอปเสื้อผ้าแบรนด์หรูและเดินไปสั่งพนักงานให้แต่งตัวให้กับเธอพอลูกแก้วเห็นป้ายราคาชุดแต่ละชุดเธอก็ถึงต้องกับรีบดึงแขนพีรพัตรมาคุยส่วนตัวแบบเบาๆ
“คุณพรีมคะนี่มันแพงมากเลยนะคะแก้วไม่มีปัญญาจ่ายหรอกค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงคุณเดี๋ยวผมจ่ายให้”
“ถึงคุณจะจ่ายให้แก้วก็ว่ามันแพงเกินไปอยู่ดีค่ะเราไปเลือกดูร้านอื่นที่ถูกกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“เอาน่าร้านนี้แหละคุณเดี๋ยวผมนั่งรอ....ช่วยแต่งตัวให้เธอได้เลยนะครับ” พีรพัตรขี้เกียจยืนเถียงกับเธอเลยถือโอกาสเรียกเด็กในร้านมาพาเธอไปลองชุดแต่งตัวก่อนที่เธอจะยืนเถียงกับเขานานไปกว่านี้หลังจากส่งหญิงสาวให้ไปแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเขาเองก็ให้ช่างเลือกชุดเปลี่ยนใส่ไปงานคืนนี้ใช้เวลาไม่นานมากเขาก็แต่งตัวเสร็จ คนตัวโตก็นั่งรอหญิงสาวประมาณสองชั่วโมงได้และแล้วเธอก็เดินออกมาวินาทีที่หญิงสาวปรากฏตัวตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มถึงกับละสายตาไม่ได้ชุดที่เธอใส่เป็นชุดราตรีเกาะอกสีขาวเหลือบมุขยาวพอดีตัวกระโปรงแหวกข้างสูงบวกกับหน้าผมที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รองเท้ากระเป๋าที่มาเป็นเซ็ตเข้ากับชุดซึ่งพอมันอยู่บนตัวเธอแล้วมันยิ่งหน้ามองละด้วยหุ่นทรวดทรงของเธอที่เหมาะกับชุดนี้อย่างมากทำให้เธอดูสวยสะดุดตาจนเขาแทบละสายตาไม่ได้“คุณพรีมคะ....คุณพรีมมมม...”“เอ่อ....เสร็จแล้วเหรองั้นเราไปกันเลยงานจะเริ่มแล้ว”“ค่ะ” พีรพัตรหลุดจากภวังค์จากเสียงเรียกของหญิงสาวเขารีบยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานเมื่อจัดการเสร็จแล้วเขาก็ไปที่งานทันที ไม่นานมากทั้งสองก็มาถึงงานในเวลาที่งานใกล้จะเริ่ม“คุณพรีมคะรอแก้วด้วยค่ะ”ลูก
“ให้ผมช่วยดูเท้าให้ไหมครับดูมันเริ่มบวมแล้วนะครับ” ลูกแก้วเห็นเจคอปกำลังก้มลงดูที่เท้าของเธอหญิงสาวก็หันหนีเพราะกลัวคนอื่นจะมองไม่ดีอีกอย่างเธอก็พึ่งรู้จักกับเขาจะมาถึงเนื้อถึงตัวกันมันทำให้เธอไม่สบายใจที่จะให้ช่วยเท่าไร“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวนั่งอีกสักพักคงหายปวดค่ะ”“งั้นเดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อนนะครับ”“ได้ค่ะ” ทั้งเจคอปและลูกแก้วนั่งคุยกันสักพักพีรพัตรก็เดินออกจากในงานมาเมื่อเห็นว่าลูกแก้วอยู่กับใครเขาถึงกับควันออกหูอุตส่าห์ให้เธอมานั่งรอหน้างานจะได้ไม่ไปเจอพวกเสือพวกตะเข้ที่ในงานแล้วยังมิวายมาเจอนอกงานอีกคนที่เธอนั่งอยู่ด้วยเป็นเพื่อเขาก็จริงแต่ก็ได้ชื่อว่าตัวพ่อเรื่องผู้หญิงเหมือนกัน“กลับกันเถอะคุณ”“เอ่อ..” พีรพัตรเดินเข้าดึงมือลูกแก้วที่กำลังนั่งอยู่โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวทำเอาเธองงเล็กน้อยไม่รู้ว่าเขาจะรีบไปไหนเหมือนกัน“ไงเพื่อนไม่เจอกันนานเลยนะ”“อืม..ฉันกลับก่อนนะ” เจคอปเห็นพีรพัตรเดินเข้ามาด้วยอาการไม่พอใจก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เขาห้ามยุ่งเขาจึงรู้สึกเสียดายนิดหน่อยแต่ผู้หญิงในสต็อคของเขามีให้เลือกมากมายอยู่แล้วพลาดคนนี้ไปก็ไม่เห็นเป็นไร“คุณพรีมเดินช้าๆหน่อยสิคะแก้วเ
หลายชั่วโมงต่อมา ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และได้กระทำย่ำยีหญิงสาวไร้เดียงสาที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าถึงเขาจะรู้สึกชอบเธอแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ารักเธอหรือเปล่าแต่ถึงอย่างไรในสมองของเขาเองก็สั่งว่าเธอไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะเขาเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แท้ๆ จากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไปเขารู้ดีว่าเป็นคนแรกของเธอยิ่งทำให้ชายหนุ่มนั้นโกรธตัวเองเข้าไปใหญ่ไม่รู้ว่าเธอตื่นมาจะว่าอย่างไรแต่เขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องรับผิดชอบในตัวเธออย่างแน่นอนเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายพอกล้าทำต้องกล้ารับอยู่แล้ว ชายหนุ่มนอนตะแคงใช้แขนชันหัวจ้องมองร่างบางที่เนื้อตัวเธอมีแต่รอยแดงจากการกระทำของเขายิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสารเขาได้แต่คิดโทษตัวเองอยู่พักใหญ่แล้วซุกตัวใช้แขนแกร่งของเขานอนกอดด้านหลังเธออย่างทะนุถนอมแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามเธอไปเช้าวันต่อมา พีรพัตรรู้สึกตัวตื่นก็ใช้มือควานหาร่างบางที่เขานอนกอดเมื่อคืนแต่เมื่อพบกับความว่างเปล่าเขาจึงลืมตาขึ้นเขามองหาหญิงสาวไปทั่วห้องก็ไม่มีวี่แววของเธอไม่รู้ว่าเธอออกไปตอนไหนและหวังในใจว่าเธอคงยังไม่หนีเขาไปไหนเพราะเขายั
“แต่งงานเหรอแก้วไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รักแก้วเด็ดขาดการแต่งงานมันต้องเกิดจากความรักเมื่อไม่เคยรักกันแต่งกันไปเดี๋ยวก็มีปัญหากันอยู่ดี” ที่หญิงสาวพูดออกมามันก็จริงอยู่ที่ไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปมันก็คงจะไม่มีความสุขอยู่ดีเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวหรือเปล่าหรือแค่ชอบเท่านั้น“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดถึงผมจะยังให้คำตอบคุณไม่ได้ว่าผมรักคุณหรือเปล่าแต่ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบคุณ” คำตอบจากปากของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลกๆตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอที่เขามาดูแลเธอก็คงอยากที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของเขาเท่านั้นเธอรู้สึกโมโหตัวเองที่เมื่อคืนยอมเผลอไผลไปกับเขาอย่างลืมตัวลืมอายมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยสักนิด“คุณไม่ต้องรับผิดชอบแก้วหรอกในเมื่อเราไม่ได้รักกันแก้วจะถือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดพลาดที่เราไม่ได้ตั้งใจต่อไปนี้เรื่องระหว่างคุณกับแก้วขอให้ลืมมันไปคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ลูกแก้วกลั้นใจพูดแบบนั้นออกไปเพราะคิดว่าที่เขาจะรับผิดชอบเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้นถ้
3 เดือนผ่านไป17.50 น.“พี่สาครับลูกแก้วกลับไปแล้วเหรอครับ” พีรพัตรที่พึ่งออกมาจากห้องประชุมเขาเหลือบมองไปที่ห้องของลูกแก้วซึ่งเคยเป็นห้องของสาวิตรีมาก่อนพบว่าไฟปิดลงเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าวันนี้หญิงสาวกลับไปแล้วแต่ก็อยากรู้ว่าหญิงสาวกลับไปเมื่อไรจึงเอ่ยถามสาวิตรี“ค่ะพึ่งกลับไปเมื่อสักพักนี้เองค่ะ”“ครับงั้นผมกลับก่อนนะครับ”“ค่ะคุณพรีม..เอ่อคุณพรีมคะช่วยดูอาการของลูกแก้วหน่อยก็ดีนะคะพี่เห็นลูกแก้วมักจะวูบๆอยู่บ่อยๆน่ะค่ะพี่บอกให้ไปหาหมอตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมไปค่ะ”“งั้นเหรอครับโอเคครับเดี๋ยวผมจะดูเธอให้” สาวิตรีคิดว่าทั้งสองต้องมีปัญหากันตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาแน่นอนทั้งการที่หญิงสาวขอเปลี่ยนตำแหน่งกับเธอและตอนนี้ก็ยังไปกลับที่ทำงานเองอีกด้วยเธอไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของทั้งสองมากนักแต่เมื่อเห็นอาการของลูกแก้วเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้เธอคิดว่าถ้าให้พีรพัตรเป็นคนบอกหญิงสาวเธอก็น่าจะฟังบ้างและนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ทั้งสองอาจจะมีโอกาศพูดคุยกันและกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ พีรพัตรเองหลังๆมานี้ก็แอบเห็นอาการของลูกแก้วเหมือนกันแต่เขาไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงเธอเขาพยายามจะเข้าหาเธอหลายรอบแล้ว
20นาทีผ่าน“คุณยังไม่หายคลื่นไส้อีกเหรอ” พีรพัตรเดินสำรวจห้องครัวของหญิงสาวเรียบร้อยแล้วก็ออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่นเมื่อตอนเดินกลับมาเขาเองยังได้ยินเสียงของหญิงสาวอาเจียนยังไม่ยอมหยุดเขาเองอยากจะไปดูอาการเธอใกล้ๆแต่ก็กลัวเมื่อเข้าไปใกล้หญิงสาวแล้วอาการของเธอจะหนักขึ้นกว่าเดิมจึงได้แต่ตะโกนถามเธอแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรได้ยินแต่เสียงอาเจียนที่ดังออกมาเท่านั้น เขานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นของเธอสักพักหมอก็มาถึงเมื่อหมอเข้ามาเขาก็เดินพาหมอมาดูอาการของลูกแก้วที่กำลังเป็นตอนนี้ทันที“ช่วยตรวจเธอให้ละเอียดเลยนะครับหมอผมว่าอาการเธอน่าจะหนักอยู่ครับ” หมอและพยาบาลมาประคองลูกแก้วไปนอนที่เตียงและตรวจอาการของเธออย่างละเอียดอีกครั้งหญิงสาวไม่ให้ชายหนุ่มเข้าใกล้หมอเลยให้ชายหนุ่มรออยู่ด้านนอกเพราะยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้เธอยิ่งทำให้อาการของเธอกำเริบขึ้นมาอีก“ยาที่ผมให้ไว้ยังทานอยู่ไหมครับคุณลูกแก้ว”“ทานอยู่ค่ะแต่ก็ใกล้จะหมดแล้วค่ะ”“งั้นเดี๋ยวหมอให้ยาเพิ่มไว้นะครับ”“ค่ะ”“ยังไงช่วงนี้ก็ทานผักผลไม้เยอะๆนะครับ..ถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวหมอกลับก่อนนะครับ”“ขอบคุณค่ะหมอ” ลูกแก้วรู้ดีว่าเมื่อหมอออกไปชา
“พอเลยคุณผมไม่เคยลำบากใจที่จะรับผิดชอบตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ” ชายหนุ่มยืนพูดอยู่ที่ปลายเตียงของหญิงสาวไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เธอเพราะกลัวเธอจะอาเจียนออกมาอีกทั้งที่ในใจอยากเข้าไปกอดปลอบคนที่ร้องให้สะอึกสะอื้นอยู่ตอนนี้ใจจะขาด“ฮือๆ..แล้วคุณพรีมคิดอะไรก็บอกแก้วมาสิ….ฮือๆๆ” ร่างบางที่นั่งสะอื้นอยู่ที่เตียงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ชายหนุ่มคิดยังไงกับเธอกันแน่ก็ตอนนั้นบอกว่าไม่รักแล้วตอนนี้บอกว่าเธอไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงอีกเธอสับสนกับคำพูดเขาจริงๆ“คุณหยุดร้องแล้วฟังผมก่อนได้ไหม” พีรพัตรต้องปรามหญิงสาวให้หยุดร้องจะได้คุยกันให้รู้เรื่องสักทีถ้าเธอยังสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนี้วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ“แก้วก็อยาก….กก…จะหยุดแต่มัน…..ฮึกๆ…หยุดไม่ได้…ฮือๆ” ลูกแก้วเองก็อยากจะหยุดแต่เมื่อมองหน้าเขาได้ยินคำที่เขาพูดน้ำตาเธอมันก็ไหลออกมาตลอดเธอไม่รู้ว่าจะหยุดมันยังไง“งั้นก็ฟังผมนะ…คือ..ผมรักคุณ…ผมไม่รู้ว่ารักตั้งแต่เมื่อไรแต่ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณแต่งงานกับผมเถอะนะ” ในเมื่อเธอไม่หยุดร้องเขาก็บอกรักเธอทั้งๆที่ยังร้องอยู่ละกันเผื่อเธอจะยอมหยุดร้องแล้
“คุณก็รู้นี่ว่าสามีของคุณเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทจะให้ภรรยาตัวเองหยุดทำงานบ้างคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...นั่งก่อนเดี๋ยวผมไปยกอาหารมาให้นะครับ” ชายหนุ่มใช้สองมือดันตัวหญิงสาวจากด้านหลังแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวให้เธอนั่งรอเขาเอาอาหารมาเสริฟ ลุกแก้วเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งหน้าแดงไม่กล้าสบตาคนที่คุยด้วยเพราะเขินคำพูดที่เขาพูดว่าตัวเองเป็นสามีและเธอป็นภรรยาของเขา เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีช่วงเวลาดีๆแบบนี้กับชายหนุ่มผู้ชายที่เคร่งขรึมเจ้าระเบียบหน้ายักษ์คนที่เธอเจอครั้งแรกตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเขาดูอ่อนโยนอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเธอขอให้เขาเป็นแบบนี้กับเธอตลอดไปไม่ใช่แค่ช่วงที่เป็นโปรโมชั่นเท่านั้น“โหทำไมมันเยอะจังเลยล่ะคะคุณพรีม” ลูกแก้วมองพีรพัตรยกจานอาหารมาให้เธอคราแรกก็คิดว่าหมดแล้วนี่เขายังเดินไปหยิบมาจนเต็มโต๊ะอาหารเธอไม่รู้ว่าอาหารที่เขาทำเธอจะทานได้หรือเปล่าเพราะไอ้อาการแพ้ท้องของเธอนี่แหละจนต้องทำให้เธอทานข้าวต้มกับไข่เค็มอยู่ทุกวันเพราะทานได้แค่นั้น...เธอเคยลองทานอาหารที่เขาบอกว่าดีต่อผู้หญิงตั้งครรภ์หลายต่อหลายอย่างแต่เมื่อตักเข้าปากเท่าไม่ทันได้เคี้ยวเท่าไรก็ต้อง