“เอาน่าร้านนี้แหละคุณเดี๋ยวผมนั่งรอ....ช่วยแต่งตัวให้เธอได้เลยนะครับ” พีรพัตรขี้เกียจยืนเถียงกับเธอเลยถือโอกาสเรียกเด็กในร้านมาพาเธอไปลองชุดแต่งตัวก่อนที่เธอจะยืนเถียงกับเขานานไปกว่านี้หลังจากส่งหญิงสาวให้ไปแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเขาเองก็ให้ช่างเลือกชุดเปลี่ยนใส่ไปงานคืนนี้ใช้เวลาไม่นานมากเขาก็แต่งตัวเสร็จ
คนตัวโตก็นั่งรอหญิงสาวประมาณสองชั่วโมงได้และแล้วเธอก็เดินออกมาวินาทีที่หญิงสาวปรากฏตัวตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มถึงกับละสายตาไม่ได้ชุดที่เธอใส่เป็นชุดราตรีเกาะอกสีขาวเหลือบมุขยาวพอดีตัวกระโปรงแหวกข้างสูงบวกกับหน้าผมที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
รองเท้ากระเป๋าที่มาเป็นเซ็ตเข้ากับชุดซึ่งพอมันอยู่บนตัวเธอแล้วมันยิ่งหน้ามองละด้วยหุ่นทรวดทรงของเธอที่เหมาะกับชุดนี้อย่างมากทำให้เธอดูสวยสะดุดตาจนเขาแทบละสายตาไม่ได้
“คุณพรีมคะ....คุณพรีมมมม...”
“เอ่อ....เสร็จแล้วเหรองั้นเราไปกันเลยงานจะเริ่มแล้ว”
“ค่ะ” พีรพัตรหลุดจากภวังค์จากเสียงเรียกของหญิงสาวเขารีบยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานเมื่อจัดการเสร็จแล้วเขาก็ไปที่งานทันที
ไม่นานมากทั้งสองก็มาถึงงานในเวลาที่งานใกล้จะเริ่ม
“คุณพรีมคะรอแก้วด้วยค่ะ”
ลูกแก้วรู้สึกว่าตอนนี้ชุดที่ใส่ช่างเป็นปัญหาทำเดินลำบากส้นสูงที่ว่าใส่เดินยากแล้วยังมีชุดที่พอดีตัวเป็นอุปสรรคอีก
“คุณเป็นอะไร”
“คือแก้วเดินไม่ถนัดค่ะคุณพรีม”
“เอางี้..งั้นคุณกะแขนผมไว้”
“ค่ะ” พีรพัตรเห็นหญิงสาวมีชุดที่ใส่เป็นอุปสรรคเวลาเดินถ้าเขาปล่อยให้เธอเดินเองคงไม่ดีแน่เขาจึงให้เธอเดินควงแขนเขาคงจะดีกว่าอีกอย่างถ้าเธอเดินควงเขาเข้างานผู้ชายที่หัวงูทั้งหลายจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับเธอด้วยจะไม่ให้เขารู้สึกหวงได้ยังไงก็วันนี้เธอดูสวยสะดุดตาซะขนาดนี้
“พรีมคะ” ขณะที่พีรพัตรกำลังเดินทักทายกับเพื่อนที่เคยร่วมงานก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาทักทายเขาอย่างสนิทสนมเป็นภาษาฝรั่งเศสคราแรกเขาเองก็จำไม่ได้แต่เมื่อเธอเดินมาใกล้ๆก็นึกหน้าออกว่าเป็นเบลล่านางแบบที่เขาเคยร่วมงานด้วยตอนที่เคยถ่ายแบบให้กับแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่ง
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ” หญิงสาวผู้มาใหม่ถือโอกาสเข้ามากอดพีรพัตรเป็นการทักทาย
“นี่ใครคะแฟนคุณเหรอ” เบลล่าถามเพื่อลองเชิงพีรพัตรดูว่าเขาจะบอกว่าผู้หญิงที่มากับเขาว่าอย่างไรหวังว่าคงไม่ใช่แฟนเขาตามที่เธอแกล้งถามหรอกนะ
“เอ่อ..นี่เลขาผมเองครับเธอชื่อลูกแก้ว” พีรพัตรแนะนำลูกแก้วให้เบลล่ารู้จักหญิงสาวมองจากสายตาของพีรพัตรที่มองลูกแก้วแวบแรกเธอก็มองออกทันทีว่าชายหนุ่มที่เธอจ้องเอาไว้ต้องแอบมีใจให้กับคนข้างๆนี้แน่นอนแต่เมื่อปากของเขาบอกเองนี่ว่าแม่นี่เป็นแค่เลขางั้นวันนี้เธอก็มีสิทธิ์
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” เบลล่าทักทายหญิงสาวที่ยืนข้างชายหนุ่มที่เธอหมายตาเอาไว้เป็นภาษาฝรั่งเศสหวังจะให้หญิงสาวเสียหน้าที่โต้ตอบกับเธอไม่ได้แต่เปล่าเลยลูกแก้วตอบเธออย่างฉะฉานทำเอาคนถามหน้าเสียอยู่ไม่น้อย
“งั้นเดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ” เบลล่ารู้สึกไม่ชอบหน้าลูกแก้วขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเพราะรู้สึกว่าหญิงสาวนั้นทันเกมของเธอและไม่ได้ด้อยกว่าเธอสักเท่าไรทั้งรูปร่างหน้าตาความสามารถแถมพีรพัตรยังดูจะมีใจให้หญิงสาวอีกยังไงเธอก็ไม่ยอมแพ้หน้าจืดๆอย่างหญิงสาวเด็ดขาดเธอจึงขอปลีกตัวมาตั้งหลักก่อน
พีรพัตรเองก็รู้ว่าเบลล่าคิดยังไงกับเขาตั้งแต่ร่วมงานกันครั้งนั้นแล้วเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมาเจอกับเธอที่นี่อีก
พีรพัตรเดินทักทายคนในงานสักพักก็พาหญิงสาวที่เดินควงรอบงานไปนั่งพักที่หน้างานเพราะเห็นจากที่เธอเดินไม่ค่อยถนัดมานานมากแล้วเลยคิดว่าให้เธอนั่งพักจะดีกว่า
“เดี๋ยวคุณนั่งพักตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวผมมา”
“ค่ะ”
หลังจากที่พีรพัตรพาเธอมานั่งรอที่หน้างานแล้วเขาก็เดินกลับใปในงานต่อลูกแก้วเองก็อยากพักขาอยู่เหมือนกันรองเท้าที่เธอใส่ตอนนี้ก็กัดเท้าเธอจนแดงไปหมดพลางนึกถึงผู้หญิงคนที่เข้ามาทักทายกับพีรพัตรเธอเองรู้สึกไม่ชอบหน้าสักเท่าไรเพราะดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอเอาซะเลย
และยังรู้อีกว่าที่หญิงสาวถามคำถามเธอเป็นภาษาฝรั่งเศสนั้นจงใจให้เธอเสียหน้าแต่จะมาทำให้คนอย่างลูกแก้วเสียหน้าก็ยากหน่อยเพราะเรื่องภาษาเธอก็เก่งอยู่พอสมควรเพราะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือและไฝ่เรียนรู้อยู่แล้ว
แต่ตัวเธอเองก็รู้สึกงงตัวเองที่รู้สึกไม่พอใจเรื่องที่เบลล่าอยู่ดีๆก็เข้ามากอดพีรพัตรมากกว่าถึงมันจะเป็นการทักทายก็เถอะเธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจขนาดนี้หญิงสาวพยายามสลัดความคิดออกจากหัวและหันมาดูเท้าตัวเองต่อ
“เจ็บเท้าเหรอครับ”
“อ๋อค่ะ....คุณพูดไทยได้ด้วยเหรอคะ” ขณะที่ลูกแก้วกำลังนั่งถอดรองเท้านวดเท้าอยู่นั้นก็มีชายหนุ่มหน้าฝรั่งเดินเข้ามาทักทายเธอเป็นภาษาไทยเธอจึงแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“ผมเจคอปครับผมเป็นลูกครึ่งน่ะครับแม่ผมเป็นคนไทยผมเห็นคุณมากับพรีมว่าจะเข้ามาทักทายตั้งนานแล้วแต่ผมติดคุยกับผู้ใหญ่อยู่น่ะครับ”
“คุณรู้จักคุณพรีมด้วยเหรอคะ”
“ผมเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยกับพรีมครับแล้วเอ่อ......คุณเป็นนนน.......”
“ฉันลูกแก้วค่ะเป็นเลขาคุณพรีม” ลูกแก้วเห็นชายหนุ่มถามคำถามพร้อมทำหน้าสงสัยเธอก็พอจะเดาออกว่าเขาจะถามอะไรเธอจึงตอบเขาไป
“ให้ผมช่วยดูเท้าให้ไหมครับดูมันเริ่มบวมแล้วนะครับ” ลูกแก้วเห็นเจคอปกำลังก้มลงดูที่เท้าของเธอหญิงสาวก็หันหนีเพราะกลัวคนอื่นจะมองไม่ดีอีกอย่างเธอก็พึ่งรู้จักกับเขาจะมาถึงเนื้อถึงตัวกันมันทำให้เธอไม่สบายใจที่จะให้ช่วยเท่าไร“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวนั่งอีกสักพักคงหายปวดค่ะ”“งั้นเดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อนนะครับ”“ได้ค่ะ” ทั้งเจคอปและลูกแก้วนั่งคุยกันสักพักพีรพัตรก็เดินออกจากในงานมาเมื่อเห็นว่าลูกแก้วอยู่กับใครเขาถึงกับควันออกหูอุตส่าห์ให้เธอมานั่งรอหน้างานจะได้ไม่ไปเจอพวกเสือพวกตะเข้ที่ในงานแล้วยังมิวายมาเจอนอกงานอีกคนที่เธอนั่งอยู่ด้วยเป็นเพื่อเขาก็จริงแต่ก็ได้ชื่อว่าตัวพ่อเรื่องผู้หญิงเหมือนกัน“กลับกันเถอะคุณ”“เอ่อ..” พีรพัตรเดินเข้าดึงมือลูกแก้วที่กำลังนั่งอยู่โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวทำเอาเธองงเล็กน้อยไม่รู้ว่าเขาจะรีบไปไหนเหมือนกัน“ไงเพื่อนไม่เจอกันนานเลยนะ”“อืม..ฉันกลับก่อนนะ” เจคอปเห็นพีรพัตรเดินเข้ามาด้วยอาการไม่พอใจก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เขาห้ามยุ่งเขาจึงรู้สึกเสียดายนิดหน่อยแต่ผู้หญิงในสต็อคของเขามีให้เลือกมากมายอยู่แล้วพลาดคนนี้ไปก็ไม่เห็นเป็นไร“คุณพรีมเดินช้าๆหน่อยสิคะแก้วเ
หลายชั่วโมงต่อมา ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และได้กระทำย่ำยีหญิงสาวไร้เดียงสาที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าถึงเขาจะรู้สึกชอบเธอแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ารักเธอหรือเปล่าแต่ถึงอย่างไรในสมองของเขาเองก็สั่งว่าเธอไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะเขาเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แท้ๆ จากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไปเขารู้ดีว่าเป็นคนแรกของเธอยิ่งทำให้ชายหนุ่มนั้นโกรธตัวเองเข้าไปใหญ่ไม่รู้ว่าเธอตื่นมาจะว่าอย่างไรแต่เขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องรับผิดชอบในตัวเธออย่างแน่นอนเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายพอกล้าทำต้องกล้ารับอยู่แล้ว ชายหนุ่มนอนตะแคงใช้แขนชันหัวจ้องมองร่างบางที่เนื้อตัวเธอมีแต่รอยแดงจากการกระทำของเขายิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสารเขาได้แต่คิดโทษตัวเองอยู่พักใหญ่แล้วซุกตัวใช้แขนแกร่งของเขานอนกอดด้านหลังเธออย่างทะนุถนอมแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามเธอไปเช้าวันต่อมา พีรพัตรรู้สึกตัวตื่นก็ใช้มือควานหาร่างบางที่เขานอนกอดเมื่อคืนแต่เมื่อพบกับความว่างเปล่าเขาจึงลืมตาขึ้นเขามองหาหญิงสาวไปทั่วห้องก็ไม่มีวี่แววของเธอไม่รู้ว่าเธอออกไปตอนไหนและหวังในใจว่าเธอคงยังไม่หนีเขาไปไหนเพราะเขายั
“แต่งงานเหรอแก้วไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รักแก้วเด็ดขาดการแต่งงานมันต้องเกิดจากความรักเมื่อไม่เคยรักกันแต่งกันไปเดี๋ยวก็มีปัญหากันอยู่ดี” ที่หญิงสาวพูดออกมามันก็จริงอยู่ที่ไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปมันก็คงจะไม่มีความสุขอยู่ดีเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวหรือเปล่าหรือแค่ชอบเท่านั้น“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดถึงผมจะยังให้คำตอบคุณไม่ได้ว่าผมรักคุณหรือเปล่าแต่ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบคุณ” คำตอบจากปากของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลกๆตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอที่เขามาดูแลเธอก็คงอยากที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของเขาเท่านั้นเธอรู้สึกโมโหตัวเองที่เมื่อคืนยอมเผลอไผลไปกับเขาอย่างลืมตัวลืมอายมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยสักนิด“คุณไม่ต้องรับผิดชอบแก้วหรอกในเมื่อเราไม่ได้รักกันแก้วจะถือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดพลาดที่เราไม่ได้ตั้งใจต่อไปนี้เรื่องระหว่างคุณกับแก้วขอให้ลืมมันไปคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ลูกแก้วกลั้นใจพูดแบบนั้นออกไปเพราะคิดว่าที่เขาจะรับผิดชอบเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้นถ้
3 เดือนผ่านไป17.50 น.“พี่สาครับลูกแก้วกลับไปแล้วเหรอครับ” พีรพัตรที่พึ่งออกมาจากห้องประชุมเขาเหลือบมองไปที่ห้องของลูกแก้วซึ่งเคยเป็นห้องของสาวิตรีมาก่อนพบว่าไฟปิดลงเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าวันนี้หญิงสาวกลับไปแล้วแต่ก็อยากรู้ว่าหญิงสาวกลับไปเมื่อไรจึงเอ่ยถามสาวิตรี“ค่ะพึ่งกลับไปเมื่อสักพักนี้เองค่ะ”“ครับงั้นผมกลับก่อนนะครับ”“ค่ะคุณพรีม..เอ่อคุณพรีมคะช่วยดูอาการของลูกแก้วหน่อยก็ดีนะคะพี่เห็นลูกแก้วมักจะวูบๆอยู่บ่อยๆน่ะค่ะพี่บอกให้ไปหาหมอตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมไปค่ะ”“งั้นเหรอครับโอเคครับเดี๋ยวผมจะดูเธอให้” สาวิตรีคิดว่าทั้งสองต้องมีปัญหากันตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาแน่นอนทั้งการที่หญิงสาวขอเปลี่ยนตำแหน่งกับเธอและตอนนี้ก็ยังไปกลับที่ทำงานเองอีกด้วยเธอไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของทั้งสองมากนักแต่เมื่อเห็นอาการของลูกแก้วเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้เธอคิดว่าถ้าให้พีรพัตรเป็นคนบอกหญิงสาวเธอก็น่าจะฟังบ้างและนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ทั้งสองอาจจะมีโอกาศพูดคุยกันและกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ พีรพัตรเองหลังๆมานี้ก็แอบเห็นอาการของลูกแก้วเหมือนกันแต่เขาไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงเธอเขาพยายามจะเข้าหาเธอหลายรอบแล้ว
20นาทีผ่าน“คุณยังไม่หายคลื่นไส้อีกเหรอ” พีรพัตรเดินสำรวจห้องครัวของหญิงสาวเรียบร้อยแล้วก็ออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่นเมื่อตอนเดินกลับมาเขาเองยังได้ยินเสียงของหญิงสาวอาเจียนยังไม่ยอมหยุดเขาเองอยากจะไปดูอาการเธอใกล้ๆแต่ก็กลัวเมื่อเข้าไปใกล้หญิงสาวแล้วอาการของเธอจะหนักขึ้นกว่าเดิมจึงได้แต่ตะโกนถามเธอแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรได้ยินแต่เสียงอาเจียนที่ดังออกมาเท่านั้น เขานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นของเธอสักพักหมอก็มาถึงเมื่อหมอเข้ามาเขาก็เดินพาหมอมาดูอาการของลูกแก้วที่กำลังเป็นตอนนี้ทันที“ช่วยตรวจเธอให้ละเอียดเลยนะครับหมอผมว่าอาการเธอน่าจะหนักอยู่ครับ” หมอและพยาบาลมาประคองลูกแก้วไปนอนที่เตียงและตรวจอาการของเธออย่างละเอียดอีกครั้งหญิงสาวไม่ให้ชายหนุ่มเข้าใกล้หมอเลยให้ชายหนุ่มรออยู่ด้านนอกเพราะยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้เธอยิ่งทำให้อาการของเธอกำเริบขึ้นมาอีก“ยาที่ผมให้ไว้ยังทานอยู่ไหมครับคุณลูกแก้ว”“ทานอยู่ค่ะแต่ก็ใกล้จะหมดแล้วค่ะ”“งั้นเดี๋ยวหมอให้ยาเพิ่มไว้นะครับ”“ค่ะ”“ยังไงช่วงนี้ก็ทานผักผลไม้เยอะๆนะครับ..ถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวหมอกลับก่อนนะครับ”“ขอบคุณค่ะหมอ” ลูกแก้วรู้ดีว่าเมื่อหมอออกไปชา
“พอเลยคุณผมไม่เคยลำบากใจที่จะรับผิดชอบตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ” ชายหนุ่มยืนพูดอยู่ที่ปลายเตียงของหญิงสาวไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เธอเพราะกลัวเธอจะอาเจียนออกมาอีกทั้งที่ในใจอยากเข้าไปกอดปลอบคนที่ร้องให้สะอึกสะอื้นอยู่ตอนนี้ใจจะขาด“ฮือๆ..แล้วคุณพรีมคิดอะไรก็บอกแก้วมาสิ….ฮือๆๆ” ร่างบางที่นั่งสะอื้นอยู่ที่เตียงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ชายหนุ่มคิดยังไงกับเธอกันแน่ก็ตอนนั้นบอกว่าไม่รักแล้วตอนนี้บอกว่าเธอไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงอีกเธอสับสนกับคำพูดเขาจริงๆ“คุณหยุดร้องแล้วฟังผมก่อนได้ไหม” พีรพัตรต้องปรามหญิงสาวให้หยุดร้องจะได้คุยกันให้รู้เรื่องสักทีถ้าเธอยังสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนี้วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ“แก้วก็อยาก….กก…จะหยุดแต่มัน…..ฮึกๆ…หยุดไม่ได้…ฮือๆ” ลูกแก้วเองก็อยากจะหยุดแต่เมื่อมองหน้าเขาได้ยินคำที่เขาพูดน้ำตาเธอมันก็ไหลออกมาตลอดเธอไม่รู้ว่าจะหยุดมันยังไง“งั้นก็ฟังผมนะ…คือ..ผมรักคุณ…ผมไม่รู้ว่ารักตั้งแต่เมื่อไรแต่ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณแต่งงานกับผมเถอะนะ” ในเมื่อเธอไม่หยุดร้องเขาก็บอกรักเธอทั้งๆที่ยังร้องอยู่ละกันเผื่อเธอจะยอมหยุดร้องแล้
“คุณก็รู้นี่ว่าสามีของคุณเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทจะให้ภรรยาตัวเองหยุดทำงานบ้างคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...นั่งก่อนเดี๋ยวผมไปยกอาหารมาให้นะครับ” ชายหนุ่มใช้สองมือดันตัวหญิงสาวจากด้านหลังแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวให้เธอนั่งรอเขาเอาอาหารมาเสริฟ ลุกแก้วเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งหน้าแดงไม่กล้าสบตาคนที่คุยด้วยเพราะเขินคำพูดที่เขาพูดว่าตัวเองเป็นสามีและเธอป็นภรรยาของเขา เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีช่วงเวลาดีๆแบบนี้กับชายหนุ่มผู้ชายที่เคร่งขรึมเจ้าระเบียบหน้ายักษ์คนที่เธอเจอครั้งแรกตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเขาดูอ่อนโยนอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเธอขอให้เขาเป็นแบบนี้กับเธอตลอดไปไม่ใช่แค่ช่วงที่เป็นโปรโมชั่นเท่านั้น“โหทำไมมันเยอะจังเลยล่ะคะคุณพรีม” ลูกแก้วมองพีรพัตรยกจานอาหารมาให้เธอคราแรกก็คิดว่าหมดแล้วนี่เขายังเดินไปหยิบมาจนเต็มโต๊ะอาหารเธอไม่รู้ว่าอาหารที่เขาทำเธอจะทานได้หรือเปล่าเพราะไอ้อาการแพ้ท้องของเธอนี่แหละจนต้องทำให้เธอทานข้าวต้มกับไข่เค็มอยู่ทุกวันเพราะทานได้แค่นั้น...เธอเคยลองทานอาหารที่เขาบอกว่าดีต่อผู้หญิงตั้งครรภ์หลายต่อหลายอย่างแต่เมื่อตักเข้าปากเท่าไม่ทันได้เคี้ยวเท่าไรก็ต้อง
“อืม..ยัยหนู” แผ่นดินรู้สึกตัวตื่นเพราะแรงฝ่ามือของลูกสาวที่กำลังตีหน้าเขาอยู่จึงใช้แขนทั้งสองข้างรวบตัวลูกสาวตัวกลมของเขามากอดไว้บนอกและเริ่มการทำโทษลูกสาวด้วยการใช้ไรหนวดฟัดไปที่แก้มพองๆก่อนจะพลิกตัวกลับมาฟัดที่พุงกลมๆของเจ้าก้อนอีกที“อร๊าย...แอ้.เฮ่อๆ”“พอแล้วค่ะพี่พอลเลิกแกล้งยัยหนูได้แล้วค่ะลูกหัวเราะจนจะไม่มีเสียงอยู่แล้ว” พลอยไพลินที่เห็นคนเป็นสามีกำลังแกล้งลูกสาวหัวเราะจนจะไม่มีเสียงอยู่แล้วจึงส่งเสียงปรามคนตัวโตซะหน่อย“โถ่พลอย..ก็พลอยปล่อยให้ยัยหนูแกล้งพี่ก่อนทำไมล่ะ”“พี่พอลจะมาโทษพลอยไม่ได้นะคะก็พี่พอลตื่นสายเองพลอยก็เลยปล่อยให้ยัยหนูก็เลยปลุกเท่านั้นเองค่ะ” พลอยไพลินแสร้งพูดก่อนจะอมยิ้มแล้วมองไปทางอื่น“พี่รู้สึกมึนๆหัวน่ะพลอยพี่ขอนอนต่ออีกสักพักนะ” วันนี้แผ่นดินรู้สึกมึนหัวอ่อนล้าอ่อนเพลียผิดปกติเขาเลยตื่นสายไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกันปกติก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยคิดว่าจะนอนต่ออีกสักพักก็อาการก็คงจะดีขึ้นเอง“พี่พอลเป็นอะไรหรือเปล่าคะไปหาหมอดีไหม” เมื่อเห็นผู้เป็นสามีหน้าซีดผิดปกติแถมยังบ่นว่ามึนหัวขอนอนต่ออีกเธอเห็นท่าไม่ดีเพราะปกติเธอก็ไม่เคยเห็นคนที่แข็งแรงแ