“คุณแม่จะทำอะไรคะเดี๋ยวทรายทำให้ค่ะ”
“ไม่ต้องฉันทำเองได้”
สุรีพรไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆเพราะแค่ยกหม้อลงจากเตาแค่นี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอทำไม่ได้
“ให้ทรายทำนะคะมันร้อนค่ะ”
ฟึ่บ..” อ๊ายย.. “
เมื่อยื้อแย่งกันไปมาน้ำต้มร้อนๆในหม้อก็กระฉอกลวกมือทรายแก้วจนเธอร้องลั่นสุรีพรจึงจำต้องวางหม้อลงบนเตาแล้วรีบดึงมือทรายแก้วมาล้างน้ำ
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่งยัยเด็กบ้าเอ้ย”
หญิงวัยกลางคนบ่นอุกเมื่อเห็นว่ามือของทรายแก้วเห่อแดงจนเห็นได้ชัดเธอรีบใช้ทิชชู่ซับมือน้อยที่เปียกก่อนจะจูงหญิงสาวออกมาทายาด้านนอก
ทรายแก้วเห็นอาการเป็นห่วงของแม่สามีก็มีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยก่อนจะอมยิ้มออกมาด้วยพฤติกรรมของสุรีพรที่ทีท่าทีห่วงใยเธอตอนนี้เหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด
“ไม่แสบร้อนหรือไงยิ้มอยู่ได้”
“คุณแม่ดุทรายเหมือนที่แม่ทรายชอบพูดเปี๊ยบเลยค่ะ”
“ใครจะไม่ดุอยู่ดีๆก็มาหาเรื่องเจ็บตัว...เดี๋ยวตาเสือก็ว่าฉันทำร้ายเมียตัวเองอีก”
“ไม่หรอกค่ะคุณแม่...ทรายผิดเองที่ไม่ระวัง”
ทรายแก้วยังไม่ยอมหุบยิ้มง่ายๆขณะที่แม่สามีกำลังทายาให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนลืมความเจ็บไปเลยก็ว่าได้
ในเช้าของวันต่อมาเป็นอีกวันที่แม้ทรายแก้วจะยังไม่หายเจ็บมือแต่เธอก็ยังคอยเกาะแกะหยิบจับช่วยนั่นช่วยนี่สุรีพรอยู่ไม่ห่าง
“นี่คุณแม่จะทำอะไรเหรอคะ”
“ฉันจะทำฟักทองเชื่อมเห็นหลังบ้านมีฟักทองแก่พอดี”
“คุณแม่ทานหวานได้เหรอคะ”
“จะทำใส่กล่องไว้ให้ตาเสือน่ะรายนั้นเค้าชอบนักล่ะ”
“พี่เสือรู้คงดีใจนะคะ”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มคิดในใจว่านี่คงเป็นสัญชาติญาณคนเป็นแม่แม้จะทะเลาะกับลูกแรงแค่ไหนก็ไม่เคยหมดความห่วงใยลูกแม้แต่น้อย
“ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้น...เธอจะมาเกะกะฉันทำไมออกไปข้างนอกเลยเดี๋ยวก็มาซุ่มซ่ามเจ็บตัวให้ฉันดูแลอีก”
“ทรายขออยู่ช่วยนะคะ”
“ไม่ต้องฉันเตรียมของเสร็จแล้ว”
“นะคะ”
“เซ้าซี้จริงๆเลย”
สุรีพรบ่นอุกและแล้วก็ไล่ทรายแก้วไม่ได้อีกตามเคย
ช่วงสายๆสุรีพรออกมาที่วัดกับทรายแก้วเพื่อจะมาถวายสังฆทานคราแรกเธอจะออกมาคนเดียวแต่ลูกสะใภ้จอมเกาะแกะก็มิวายอ้อนตามมาจนได้ทั้งสองมาถึงวัดได้ก็ตรงเข้าไปที่โบสถ์เพื่อถวายสังฆทานกับหลวงตาทันที
“หายหน้าหายตาไปนานเลยนะโยม...แล้วไปรู้จักกับโยมพรได้ยังไงถึงมาด้วยกัน”
หลังจากสุรีพรและทรายแก้วถวายสังฆทานกรวดน้ำกันเสร็จแล้วหลวงตาจึงเดินได้เริ่มถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับทรายแก้ว
“ทรายไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลยค่ะหลวงตา..ที่รู้จักกันกับคุณแม่ก็เพราะว่าเป็น..แม่สามีค่ะ”
“โยมแต่งงานแล้วเรอะ”
“จดทะเบียนกับลูกชายอิฉันเฉยๆค่ะท่านเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยเคารพประเพณีกันเท่าไรเลย”
สุรีพรได้ทีบ่นให้หลวงตานั้นได้ฟัง
“อืม...ยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไปแล้วนะโยมเป็นแม่ถ้ามันไม่หนักหนาอะไรก็ต้องทำความเข้าใจเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทุกข์...โยมพรถือว่าได้สะใภ้ดีนะหนูทรายขยันทำงานดูแลหนักเอาเบาสู้ตั้งแต่เล็กๆแล้ว...”
หลวงตานั้นมองออกว่าแม่สามีไม่ค่อยจะชอบพอลูกสะใภ้คนนี้เท่าไรนักจึงเอ่ยถึงความดีของทรายแก้วให้สุรีพรได้ฟังคิดว่าอาจจะทำให้สุรีพรนั้นเอ็นดูทรายแก้วเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย
“ค่ะ..อิฉันกราบลาล่ะนะคะเดี๋ยวฝนจะตกซะก่อนที่จะถึงบ้าน”
สุรีพรพูดอะไรไม่ออกเพราะเธอก็ไม่ได้อยากะฟังเสียงชื่นชมลูกสะใภ้จากใครเท่าไรนักจึงรีบขอตัวกราบลาหลวงตาทันที
“โชคดีนะโยม”
สุรีพรกราบลาหลวงตาพร้อมทรายแก้วเสร็จจึงรีบกลับทันทีเพราะเห็นลมฟ้าลมฝนเริ่มมาแล้ว
ครื่นนน.. ซ่าาา
“ตกจนได้นะ..”
ยังไม่ทันที่จะออกจากปากทางเข้าวัดดีฝนห่าใหญ่ก็ซัดสาดกระหน่ำลงมาจนมองแทบไม่เห็นทางทรายแก้วจึงต้องค่อยๆขับรถเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าลูกหมาสีขาวตัวเล็กนอนจมกองเลือดอยู่ข้างถนนเธอจึงหยุดรถกะทันหัน
“ทรายขอจอดรถแปปเดียวนะคะคุณแม่”
“เธอจะไปไหนฝนมันตกอยู่นะ”
สุรีพรจะห้ามหญิงสาวก็เอ่ยไม่ทันเพราะร่างบางเปิดประตูลงรถไปด้วยความรวดเร็วท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจะเห็นตัวลูกสะใภ้เธออีกทีก็อุ้มลูกหมาตัวน้อยที่ครางหงิงๆเข้ามาไว้หลังรถแล้ว
หงิงๆๆ
“มันน่าจะถูกรถชนค่ะต้องรีบพามันไปหาหมอ”
“อ่าวๆ..ไปก็ไป”
สุรีพรมองไปยังลูกหมาที่น่าจะบาดเจ็บสาหัสที่ขาหลังทั้งสองมองไม่ออกเลยว่าจะรอดหรือเปล่า
เป็นครึ่งชั่วโมงแล้วที่ทรายแก้วตัวเปียกปอนยืนสั่นอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์เธอรอฟังอาการของเจ้าหมาน้อยอย่างใจจดใจจ่อไม่นานนักหมอก็ออกมาจากห้องเอ็กซเรย์เพื่อแจ้งผล
“กระดูกที่ขาหลังของน้องหักสองข้างต้องผ่าตัดนะคะ...ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นตอนนี้ประมาณนี้ค่ะ”
“สักครู่นะคะ”
ทรายแก้วรีบเดินกลับมาหาสุรีพรที่นั่งรออยู่ตรงโซฟาด้านนอกเมื่อดูค่าใช้จ่ายแล้วเธอก็ลืมไปเสียสนิทว่าไม่มีเงินขนาดนั้นคนเดียวที่จะช่วยได้ตอนนี้เห็นจะเป็นแม่สามีคนเดียวเท่านั้น
“คุณแม่พอจะมีเงินไหมคะ...ทรายไม่มีเงินติดตัวเลยค่ะแล้วจะรีบขอพี่เสือมาคืนให้นะคะ”
ร่างบางที่เปียกชื้นด้วยหยาดฝนยื่นแผ่นกระดาษค่ารักษาที่หมอแจ้งให้แม่สามี
“เฮ้อ..อยากจะใจบุญนักนะ...เอาเป็นว่าฉันจ่ายค่ารักษาลูกหมาตัวนี้เองละกัน...”
หญิงวัยกลางคนถอนหายใจก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้กับลูกสะใภ้
“ขอบคุณคุณแม่มากเลยนะคะ”
เมื่อได้คนที่ยื่นมือช่วยแล้วสาวเจ้าจึงยิ้มร่ารีบสาวเท้ากลับเข้าไปหาหมอด้านในทันที
หลังจากที่เคลียค่าใช้จ่ายและรับฟังขั้นตอนการรักษาเจ้าลูกหมาครู่ใหญ่ทรายแก้วกับสุรีพรก็ได้กลับเสียทีขากลับสุรีพรเป็นคนขับรถเพราะเห็นว่าทรายแก้วตัวสั่นเทาเป็นลูกนกคงจะขับรถให้เธอไม่ไหวแน่
“พาลูกหมามาหาหมอไม่คิดถึงกระเงินในกระเป๋าตัวเองเลยเหรอว่ามีหรือไม่มี...จะจิตใจดีจนตัวเองเดือดร้อนทุกเรื่องเลยหรือไง”
“ทรายไม่ทันคิดหรอกค่ะขอแค่ได้ช่วยไว้ก่อน..คิดดูสิคะคุณแม่ถ้าเราไม่ได้ไปเจอเจ้าลูกหมานั่นวันนี้มันจะเป็นยังไง”
“เธอนี่จริงๆเลย”
สุรีพรไม่ใช่คนใจดำแค่เงินรักษาลูกหมาตัวนั้นเธอออกให้ได้เพียงแค่ไม่ชอบนิสัยที่ดีเกินไปของทรายแก้วเท่านั้นเธอถึงจะตั้งแง่กับทรายแก้วตั้งแต่แรกแต่ความจริงใจของหญิงสาวทำให้เห็นว่าทรายแก้วนั้นพร้อมจะทำดีกับทุกคนจริงๆแม้นคนที่ร้ายใส่อย่างเธอแต่นิสัยคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเช่นนี้ก็ทำให้ทรายแก้วนั้นเดือดร้อนได้เหมือนกัน
สุรีพรเดินขึ้นมาหาทรายแก้วที่ห้องนอนในช่วงบ่ายเพราะเห็นว่าตั้งแต่ทรายแก้วกลับมาก็ไม่ลงมาด้านล่างอีกเลย“นอนยังไงไม่ล็อคประตูแม่คนนี้”สุรีพรบิดลูกบิดประตูห้องนอนของทรายแก้วเห็นว่าไม่ได้ล็อคจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านในทั้งส่ายหัวบ่นอุกเมื่อเห็นว่าเธอไม่รอบคอบเอาเสียเลย“ทรายแก้ว...ทรายแก้ว... ฉันว่าแล้วเชียว”สุรีพรเดินเข้ามาเรียกลูกสะใถ้ที่นอนฟุบอยู่กับเตียงไม่ยอมขยับก่อนจะยื่นมือไปแตะหน้าผากพบว่าตัวหญิงสาวร้อนจี๋เป็นเช่นที่เธอคิดไม่มีผิดว่าทรายแก้วตากฝนปล่อยให้ตัวเปียกนานขนาดนั้นจะต้องไข้ขึ้นเห็นท่าไม่ดีสุรีพรจึงหาน้ำหาผ้ามาเช็ดตัวให้ทรายแก้วก่อนจะโทรเรียกหมอมาดูอการของลูกสะใภ้ด้วยเห็นว่าไข้ขึ้นสูงหากรอให้ทรายแก้วตื่นมาทานยาเองอาจจะชักได้“แม่จ๋า...หนูอยากกลับบ้าน”“กลับบ้าน?”สุรีพรชะงักเล็กน้อยขณะเช็ดหน้าเช็ดตาทรายแก้วไม่เข้าใจในคำที่หญิงสาวเพ้อเท่าไรในเมื่อเห็นว่าเธออยู่ที่นี่ก็ดูจะมีความสุขดีแล้วทำไมถึงอยากกลับบ้านก๊อกๆๆ“หมอมาแล้วครับคุณท่าน”“อ่อ..ให้เข้ามาเลย”สุรีพรไม่ทันที่จะหาความกระจ่างในความสงสัยได้เธอก็ต้องละทิ้งความสงสัยและลุกให้หมอเข้ามาดูอาการทรายแก้วก่อนหลังจากที
“เอาไว้ที่เรือนอื่นก็ไม่ได้เหรอคะ”“ไม่ได้...หน้าที่ของเธอคือสนใจเพียงฉันไม่ใช่ไปสนใจหมา”“แต่ทรายอยากดูแลมันนี่คะมันน่าสงสารจะตาย”“ฉันไม่ให้เลี้ยง..ฉันไม่ชอบหมา”“ใจร้ายแม้กระทั่งกับหมา”ทรายแก้วผุดลุกหันหลังบุ้ยปากบ่นอู้อี้ไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ชายหนุ่มนั้นทำท่าทีไม่สนใจเรื่องที่เธอร้องขออีกทั้งยังหันหน้ามาคุยกับเธอดีๆอีกด้วย“ทรายแก้ว”ใบหน้าคมส่ายไปมาจ้องมองร่างบางที่เดินไม่พอใจออกนอกห้องไปจะให้เขาตามใจเธอเรื่องนี้เห็นจะเป็นไปได้ยากเพราะมีปมในใจเรื่องของลูกหมาด้วยเด็กๆอยากจะเล่นหมาบ้านของยายตนแต่กลับถูกไล่กัดหลังจากนั้นจึงไม่ชอบลูกหมาอีกเลยจนถึงตอนนี้เจอที่ไหนเป็นต้องเดินเลี่ยงทุกทีโต๊ะอาหารเย็นวันนี้ปกคลุมไปด้วยความเงียบเพราะทรายแก้วยังคงครุ่นคิดหาวิธีจะทำอย่างไรให้ขาติเสือยอมให้เธอเลี้ยงลูกสุนัขส่วนชาติเสือเองก็ยังไม่อยากหาเรื่องคุยกับหญิงสาวเพราะกลัวว่าเธอจะทำหน้าออดอ้อนขอเลี้ยงเจ้าลูกหมาที่เขาไม่ชอบขึ้นมาอีกช่วงเวลาของอาหารคาวดำเนินไปพักใหญ่เมื่อเรียบร้อยแล้วทรายแก้วจึงรีบเดินเข้าไปหยิบกล่องฟักทองเชื่อมในตู้เย็นออกมาให้ชาติเสือเธอ“ของหวานค่ะ”“อืม..”ชาติเสือเห็นกล่องฟักทองเ
“อ่า..อ้าสส..”คนตัวโตส่งเสียงคำรามลั่นขณะโหมกระแทกสะโพกแกร่งถี่รัววันนี้เขาจะทำศึกสวาทให้หนำใจจากที่ห่างตุ๊กตายางตัวโปรดไปหลายวัน“อ้ะ.. อ้ะ.. อื้ออ.. “ร่างบางนอนหัวสั่นหัวครอนครางเสียงอ่อนเสียงหวานมือเรียวยกจิกปัดป่ายไม่อยู่สุขเพราะในตัวตอนนี้มีแต่ความเสียวซ่านวาบหวามครอบงำเมื่อหนำใจกับท่วงท่าพื้นฐานแล้วคนตัวโตก็รวบอุ้มร่างบางให้กอดคอซุกหน้าแนบอกจัดการกระหน่ำซอยสะโพกใส่หญิงสาวด้วยลีลาเร่าร้อนไม่ผ่อนจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันสนั่นห้อง“อื้อ..อืมม..”และแล้วหญิงสาวก็ต้องซุกใบหน้ากับอกแกร่งกลั้นเสียงครางหวานอีกเช่นเคยด้วยกลัวจะดังจนคนอื่นที่เฝ้าอยู่นอกบ้านได้ยินคนตัวโตกระหน่ำซอยร่างบางพักใหญ่จนเธอเริ่มเกาะเกี่ยวรั้งคอขอเขาไม่ไหวจึงวางเธอลงที่โซฟานุ่มขึ้นคร่อมขย่มร่างบางจนหัวสั่นหัวครอนอีกครั้งบทสวาทวาบหวามของทั้งคู่กินเวลาไปเกือบค่อนแจ้งด้วยชาติเสืออยากชดเชยเวลาที่เขาห่างเธอไปหลายวันคืนนี้เขาจึงกระหน่ำบทรักหนำใจให้หายคิดถึงร่างบางอันพอดีไม้พอดีมือนี้ในคืนเดียวช่วงสายของวันต่อมาชาติเสือยังคงนอนขลุกเปลือยเปล่าล่อนจ้อนอดก่ายร่างบางไม่ยอมปล่อยทรายแก้วเริ่มขยับตัวตื่นเพราะแสงอาทิตย์เริ่มส
ช่วงเที่ยงของวันต่อมาวันนี้น้ำรินนัดเจอเตชินที่คาเฟ่แห่งหนึ่งย่านตัวเมืองของเชียงใหม่เพื่อเตรียมหาซื้อของขวัญเซอร์ไพรซ์วันเกิดของเพื่อนรักอย่างทรายแก้ว“ฉันไม่รู้จะหาของขวัญอะไรให้ทรายมันดีไม่เห็นมันจะชอบอะไรสักอย่างเลย”เตชินบ่นขณะตักก้อนเค้กฝอยทองเข้าปากเพราะไม่รู้เลยจริงๆว่าทรายแก้วชอบอะไรเป็นพิเศษเพราะเห็นว่าเพื่อนเธอไม่เคยซื้อของอะไรใหม่ๆให้กับตัวเองเลยหรือตีตี้ร่างเป็นชายรูปหล่อแต่ใจเป็นหญิงเขาเป็นเพื่อนกับสองสาวตั้งแต่สมัยมัธยมแม้นจะแยกกันเรียนในช่วงมหาลัยแต่ความสนิทก็ไม่เคยลดน้อยลงไปตอนนี้เตชินทำงานเป็นHrบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพที่มาที่นี่ได้หลายวันก็เพราะใช้วันพักร้อน“ให้อะไรมันก็ชอบทั้งนั้นแหละน่า”น้ำรินในชุดเกาะอกสีดำโชว์เนินอกอิ่มกับกระโปรงยีนส์สั้นจู๋นั่งไขว่ห้างยกแก้วจิบกาแฟก่อนจะปัดป่ายมือไปมาต่อหน้าเตชินเพราะคิดว่าของอะไรที่เพื่อนๆให้ทรายแก้วน่าจะชอบทั้งนั้นไม่อยากให้เตชินคิดอะไรมาก“เจอหน้าฉันจะเฉ่งซะทีมีผัวก็ไม่เคยจะบอกเพื่อน”เตชินบ่นอุกเธอยังคงเคืองใจที่ทรายแก้วมีสามีเป็นตัวเป็นตนจนจดทะเบียนแล้วแต่ไม่ยักจะยอมบอกเขา“มันกะทันหันแหละฉันก็พึ่งรู้เหมือนกัน”น้ำรินที
“อืม..หล่อออ..น้าเนี่ยย”ร่างของน้ำรินซุกซบอยู่ที่อกของนักรบเธอเงยหน้ามองคนที่เข้ามาช่วยพยุงด้วยสายตาปรือเยิ้มก่อนจะฉีกยิ้มชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเสียงงัวเงีย“คุณ..มีสติอยู่หรือเปล่าครับ”นักรบได้กลิ่นแอลกอฮอลจากลมหายใจหญิงสาวหน้าสวยก็พอจะรู้ว่าเธอน่าจะดื่มไปเยอะพอสมควรหากปล่อยให้เธออยู่คนเดียวตรงนี้มีหวังถูกใครหิ้วไปง่ายๆแน่“.. รถ.. พางงงปายยส่งหน่อย”“บ้านคุณอยู่ที่ไหนครับ”นักรบเบือนสายตาหนีคนในอ้อมอกเพราะสายเดี่ยวแหวกอกชิ้นน้อยของเธอแทบจะปิดอะไรไม่มิด“อืม.. ปาย.. ก่อนเดี๋ยวบอก”“ครับๆ”ชายหนุ่มพยุงหญิงสาวมาขึ้นรถของตนก่อนจะขับออกจากผับไปด้วยความเร็วน้ำรินขึ้นรถได้ก็นอนฟุบไม่พูดไม่จาร่างอวบอั๋นขยับเขยื้อนแต่ละทีทำใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นส่ำด้วยชุดที่เธอใส่น้อยชิ้นแถมหุ่นของเธอก็ยั่วยวนผู้ชายเต็มตัวอย่างเขาได้เป็นอย่างดีรถคันหรูแล่นมาจนใกล้ถึงสี่แยกใหญ่นักรบต้องชะลอรถถามหญิงสาวที่เอาแต่นอนแน่นิ่งไม่ยอมบอกทาง“คุณ.. บ้านคุณอยู่ที่ไหนครับ”“บ้าน.!”สาวเจ้าลืมตาตื่นตะโกนจนคนขับที่นั่งข้างๆถึงกับสะดุ้ง“ค..ครับบ้านคุณอยู่ที่ไหน”“หมู่บ้านxxxบ้านเลขที่45/2อำเภอ..บลาๆๆ”“ไหวหรือเปล
“อึก..อ๊ายย.. อย่าฆ่าาากันเลย.. ฮือๆๆ”สาวเจ้าเจ็บปวดดั่งถูกมีดกรีด เธอส่งเสียงร้องระงมเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ“หา.!.”นักรบก้มลงมองส่วนเชื่อมต่อเพียงแค่เขาขยับตัวตนดึงออกแค่ครึ่งเดียวเลือดหยดน้อยก็หลั่งไหลตามออกมาไม่ขาดสายครั้นจะหยุดการกระทำตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้เขาใช้วิธีกลับไปเล้าโลมหญิงสาวด้วยรสจูบต่อเพื่อผ่อนคลายความเจ็บกดแช่แท่งร้อนคาร่องสวาทพักใหญ่จนเห็นได้ว่าหญิงสาวเริ่มปรับตัวได้จึงค่อยขยับสะโพกแกร่งเนิบนาบเข้าออกเชื่องช้าและเริ่มเร่าร้อนขึ้นในเวลาต่อมาจวบจนค่อนคืนศึกสวาทจึงจบลงได้ช่วงเย็นของวันต่อมา“ฮือๆๆ...”น้ำรินเอาแต่ร้องห่มร้องให้อยู่บนห้องนอนงานการของเธอก็ไม่ได้ไปทำเพราะรู้สึกระบมไปทั้งตัวแถมยังมีไข้อ่อนๆเธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมายังไงก็นึกไม่ออกจำได้แค่ตอนเช้าเธอนั้นตื่นมาพร้อมกับผู้ชายที่นอนเปลือยกายกกเธออยู่ที่โซฟาแถมความบริสุทธิ์ของเธอที่เก็บเอาไว้มาจนถึงตอนนี้ก็ถูกชายแปลกหน้านั่นพรากไปด้วยตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกได้แต่เพียงร้องให้ระบายความเสียใจเท่านั้นบริษัทxxxตอนนี้ได้เวลาเลิกงานของนักรบแต่เขายังนั่งจมอยู่ที่เก้าอี้ทำงานทั้งที่งานทุกอย่างก็เ
“ผมมีงานต้องเคลียอีกนิด”“เสียดายแย่”น้ำรินเห็นทีต้องสะกิดเตชินหญิงสาวเน้นเขี้ยวเน้นฟันส่ายหัวไม่ให้เตชินทำท่าทีเสียมารยาท“นี่..ผัวเพื่อน!”“ขอตัวนะครับ”ชาติเสือรีบแกะมือเตชินออกก่อนจะหมุนตัวเข้าบ้านไปทันทีเพราะไม่มีอะไรที่น่ากังวลใจสำหรับเขาแล้ว“ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆทรายแก้ว...ทั้งหล่อทั้งล่ำ”เตชินยังไม่วายมองตามหลังชาติเสือตาเยิ้มทรายแก้วก็ได้แต่อมยิ้มเข้าใจดีว่าเพื่อนเธอนานๆทีจะได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเพราะทำแต่งาน“ผัวเพื่อนก็ไม่เว้น..โถ่..มานั่งนี่เลย”น้ำรินรีบดึงเตชินลงนั่งเก้าอี้จะได้เลิกฟุ้งซ่านเสียทีหลังจากนั่งคุยกันพักใหญ่เตชินก็นึกขึ้นได้ว่าเตรียมเครื่องดื่มเพิ่มความสนุกมาด้วยเขารีบวิ่งไปที่รถเพื่อหยิบถังไวน์หลังรถมาตั้งกลางโต๊ะอาหารต่อหน้าสองสาวคิดว่าหากคืนนี้จะเมาให้เต็มที่เพราะอยู่ที่บ้านเพื่อนจึงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น“ฉันเตรียมมา”“วันนี้ฉันไม่ดื่มนะไม่ค่อยจะดี”น้ำรินรีบปฏิเสธเพราะเธอไม่อยากจะเมาอีกแล้วกลัวเหลือเกินกับการที่ทำอะไรน่าอายลงไปแล้วจำอะไรไม่ได้“อ้าว...งั้นคงต้องเป็นแกแล้วล่ะทรายที่ต้องดื่มเป็นเพื่อนฉัน”เตชินบุ้ยปากก่อนจะหันมาจับจ้องทรายแก้ว“ตีตี้..แกก็
วันเวลาที่ทรายแก้วใช้ชีวิตอยู่กับชาติเสือเนิ่นนานจวบจนสองเดือนกว่าแล้วทั่งคู่สนิทกันมากโดยที่ชาติเสือไม่รู้ตัวมีเพียงทรายแก้วเท่านั้นที่รู้ทุกอย่างว่าความรู้สึกของตัวเองแปรเปลี่ยนมากมายขนาดไหนคำพูดคำจาของทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากขึ้นโดยชาติเสือนั้นเปลี่ยนจากแทนตัวเองว่าฉันเป็นพี่ทุกคำที่พูดจากับทรายแก้วหากไม่ติดว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามสัญญาก็เปรียบเสมือนคู่นี้เป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่น่ารักคู่หนึ่งเลยทีเดียวชาติเสือไว้ใจทรายแก้วจนปล่อยให้ไปไหนมาไหนได้แต่ต้องกลับมาตามเวลาที่เขากำหนดชีวิตทรายแก้วในตอนนี้จึงรู้สึกมีอิสระไม่อึดอัดเช่นแต่ก่อนแถมยังมีเจ้าลูกหมาที่เคยช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาเรียกได้ว่าช่วงนี้ทรายแก้วมีรอยยิ้มทุกวันเลยก็ว่าได้พักหลังมานี้เธอค่อนข้างมีความสุขมากเพราะชาติเสือไม่เคยพูดหรือกระทำไม่ดีกับเธอคอยตามใจสารพัดทั้งตัวติดเธอไม่ค่อยห่างความรู้สึกดีที่เธอมีให้เขาจึงมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆวันนี้เสธฐาเข้ามาหาน้องสาวตนในช่วงเช้าเพื่อที่จะมาบอกถึงข่าวดีบางอย่างให้ทรายแก้วได้รับรู้“เป็นยังไงบ้าง” “ทรายเริ่มชินกับที่นี่แล้วค่ะพี่เสธ”“อืม..เห็นแบบนี้พี่ค่อยโล่งใจ