Share

ตอนที่19 ยัยเด็กบ้า

“คุณแม่จะทำอะไรคะเดี๋ยวทรายทำให้ค่ะ”

“ไม่ต้องฉันทำเองได้”

สุรีพรไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆเพราะแค่ยกหม้อลงจากเตาแค่นี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอทำไม่ได้

“ให้ทรายทำนะคะมันร้อนค่ะ”

ฟึ่บ..” อ๊ายย.. “

เมื่อยื้อแย่งกันไปมาน้ำต้มร้อนๆในหม้อก็กระฉอกลวกมือทรายแก้วจนเธอร้องลั่นสุรีพรจึงจำต้องวางหม้อลงบนเตาแล้วรีบดึงมือทรายแก้วมาล้างน้ำ

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่งยัยเด็กบ้าเอ้ย”

หญิงวัยกลางคนบ่นอุกเมื่อเห็นว่ามือของทรายแก้วเห่อแดงจนเห็นได้ชัดเธอรีบใช้ทิชชู่ซับมือน้อยที่เปียกก่อนจะจูงหญิงสาวออกมาทายาด้านนอก

ทรายแก้วเห็นอาการเป็นห่วงของแม่สามีก็มีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยก่อนจะอมยิ้มออกมาด้วยพฤติกรรมของสุรีพรที่ทีท่าทีห่วงใยเธอตอนนี้เหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด

“ไม่แสบร้อนหรือไงยิ้มอยู่ได้”

“คุณแม่ดุทรายเหมือนที่แม่ทรายชอบพูดเปี๊ยบเลยค่ะ”

“ใครจะไม่ดุอยู่ดีๆก็มาหาเรื่องเจ็บตัว...เดี๋ยวตาเสือก็ว่าฉันทำร้ายเมียตัวเองอีก”

“ไม่หรอกค่ะคุณแม่...ทรายผิดเองที่ไม่ระวัง”

ทรายแก้วยังไม่ยอมหุบยิ้มง่ายๆขณะที่แม่สามีกำลังทายาให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนลืมความเจ็บไปเลยก็ว่าได้

ในเช้าของวันต่อมาเป็นอีกวันที่แม้ทรายแก้วจะยังไม่หายเจ็บมือแต่เธอก็ยังคอยเกาะแกะหยิบจับช่วยนั่นช่วยนี่สุรีพรอยู่ไม่ห่าง

“นี่คุณแม่จะทำอะไรเหรอคะ”

“ฉันจะทำฟักทองเชื่อมเห็นหลังบ้านมีฟักทองแก่พอดี”

“คุณแม่ทานหวานได้เหรอคะ”

“จะทำใส่กล่องไว้ให้ตาเสือน่ะรายนั้นเค้าชอบนักล่ะ”

“พี่เสือรู้คงดีใจนะคะ”

ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มคิดในใจว่านี่คงเป็นสัญชาติญาณคนเป็นแม่แม้จะทะเลาะกับลูกแรงแค่ไหนก็ไม่เคยหมดความห่วงใยลูกแม้แต่น้อย

“ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้น...เธอจะมาเกะกะฉันทำไมออกไปข้างนอกเลยเดี๋ยวก็มาซุ่มซ่ามเจ็บตัวให้ฉันดูแลอีก”

“ทรายขออยู่ช่วยนะคะ”

“ไม่ต้องฉันเตรียมของเสร็จแล้ว”

“นะคะ”

“เซ้าซี้จริงๆเลย”

สุรีพรบ่นอุกและแล้วก็ไล่ทรายแก้วไม่ได้อีกตามเคย

ช่วงสายๆสุรีพรออกมาที่วัดกับทรายแก้วเพื่อจะมาถวายสังฆทานคราแรกเธอจะออกมาคนเดียวแต่ลูกสะใภ้จอมเกาะแกะก็มิวายอ้อนตามมาจนได้ทั้งสองมาถึงวัดได้ก็ตรงเข้าไปที่โบสถ์เพื่อถวายสังฆทานกับหลวงตาทันที

“หายหน้าหายตาไปนานเลยนะโยม...แล้วไปรู้จักกับโยมพรได้ยังไงถึงมาด้วยกัน”

หลังจากสุรีพรและทรายแก้วถวายสังฆทานกรวดน้ำกันเสร็จแล้วหลวงตาจึงเดินได้เริ่มถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับทรายแก้ว

“ทรายไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลยค่ะหลวงตา..ที่รู้จักกันกับคุณแม่ก็เพราะว่าเป็น..แม่สามีค่ะ”

“โยมแต่งงานแล้วเรอะ”

“จดทะเบียนกับลูกชายอิฉันเฉยๆค่ะท่านเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยเคารพประเพณีกันเท่าไรเลย”

สุรีพรได้ทีบ่นให้หลวงตานั้นได้ฟัง

“อืม...ยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไปแล้วนะโยมเป็นแม่ถ้ามันไม่หนักหนาอะไรก็ต้องทำความเข้าใจเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทุกข์...โยมพรถือว่าได้สะใภ้ดีนะหนูทรายขยันทำงานดูแลหนักเอาเบาสู้ตั้งแต่เล็กๆแล้ว...”

หลวงตานั้นมองออกว่าแม่สามีไม่ค่อยจะชอบพอลูกสะใภ้คนนี้เท่าไรนักจึงเอ่ยถึงความดีของทรายแก้วให้สุรีพรได้ฟังคิดว่าอาจจะทำให้สุรีพรนั้นเอ็นดูทรายแก้วเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย

“ค่ะ..อิฉันกราบลาล่ะนะคะเดี๋ยวฝนจะตกซะก่อนที่จะถึงบ้าน”

สุรีพรพูดอะไรไม่ออกเพราะเธอก็ไม่ได้อยากะฟังเสียงชื่นชมลูกสะใภ้จากใครเท่าไรนักจึงรีบขอตัวกราบลาหลวงตาทันที

“โชคดีนะโยม”

สุรีพรกราบลาหลวงตาพร้อมทรายแก้วเสร็จจึงรีบกลับทันทีเพราะเห็นลมฟ้าลมฝนเริ่มมาแล้ว

ครื่นนน.. ซ่าาา

“ตกจนได้นะ..”

ยังไม่ทันที่จะออกจากปากทางเข้าวัดดีฝนห่าใหญ่ก็ซัดสาดกระหน่ำลงมาจนมองแทบไม่เห็นทางทรายแก้วจึงต้องค่อยๆขับรถเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าลูกหมาสีขาวตัวเล็กนอนจมกองเลือดอยู่ข้างถนนเธอจึงหยุดรถกะทันหัน

“ทรายขอจอดรถแปปเดียวนะคะคุณแม่”

“เธอจะไปไหนฝนมันตกอยู่นะ”

สุรีพรจะห้ามหญิงสาวก็เอ่ยไม่ทันเพราะร่างบางเปิดประตูลงรถไปด้วยความรวดเร็วท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจะเห็นตัวลูกสะใภ้เธออีกทีก็อุ้มลูกหมาตัวน้อยที่ครางหงิงๆเข้ามาไว้หลังรถแล้ว

หงิงๆๆ

“มันน่าจะถูกรถชนค่ะต้องรีบพามันไปหาหมอ”

“อ่าวๆ..ไปก็ไป”

สุรีพรมองไปยังลูกหมาที่น่าจะบาดเจ็บสาหัสที่ขาหลังทั้งสองมองไม่ออกเลยว่าจะรอดหรือเปล่า

เป็นครึ่งชั่วโมงแล้วที่ทรายแก้วตัวเปียกปอนยืนสั่นอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์เธอรอฟังอาการของเจ้าหมาน้อยอย่างใจจดใจจ่อไม่นานนักหมอก็ออกมาจากห้องเอ็กซเรย์เพื่อแจ้งผล

“กระดูกที่ขาหลังของน้องหักสองข้างต้องผ่าตัดนะคะ...ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นตอนนี้ประมาณนี้ค่ะ”

“สักครู่นะคะ”

ทรายแก้วรีบเดินกลับมาหาสุรีพรที่นั่งรออยู่ตรงโซฟาด้านนอกเมื่อดูค่าใช้จ่ายแล้วเธอก็ลืมไปเสียสนิทว่าไม่มีเงินขนาดนั้นคนเดียวที่จะช่วยได้ตอนนี้เห็นจะเป็นแม่สามีคนเดียวเท่านั้น

“คุณแม่พอจะมีเงินไหมคะ...ทรายไม่มีเงินติดตัวเลยค่ะแล้วจะรีบขอพี่เสือมาคืนให้นะคะ”

ร่างบางที่เปียกชื้นด้วยหยาดฝนยื่นแผ่นกระดาษค่ารักษาที่หมอแจ้งให้แม่สามี

“เฮ้อ..อยากจะใจบุญนักนะ...เอาเป็นว่าฉันจ่ายค่ารักษาลูกหมาตัวนี้เองละกัน...”

หญิงวัยกลางคนถอนหายใจก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้กับลูกสะใภ้

“ขอบคุณคุณแม่มากเลยนะคะ”

เมื่อได้คนที่ยื่นมือช่วยแล้วสาวเจ้าจึงยิ้มร่ารีบสาวเท้ากลับเข้าไปหาหมอด้านในทันที

หลังจากที่เคลียค่าใช้จ่ายและรับฟังขั้นตอนการรักษาเจ้าลูก​หมาครู่ใหญ่ทรายแก้วกับสุรีพรก็ได้กลับเสียทีขากลับสุรีพรเป็นคนขับรถเพราะเห็นว่าทรายแก้วตัวสั่นเทาเป็นลูกนกคงจะขับรถให้เธอไม่ไหวแน่

“พาลูกหมามาหาหมอไม่คิดถึงกระเงินในกระเป๋าตัวเองเลยเหรอว่ามีหรือไม่มี...จะจิตใจดีจนตัวเองเดือดร้อนทุกเรื่องเลยหรือไง”

“ทรายไม่ทันคิดหรอกค่ะขอแค่ได้ช่วยไว้ก่อน..คิดดูสิคะคุณแม่ถ้าเราไม่ได้ไปเจอเจ้าลูกหมานั่นวันนี้มันจะเป็นยังไง”

“เธอนี่จริงๆเลย”

สุรีพร​ไม่ใช่คนใจดำแค่เงินรักษาลูกหมาตัวนั้นเธอออกให้ได้เพียงแค่ไม่ชอบนิสัยที่ดีเกินไปของทรายแก้วเท่านั้นเธอถึงจะตั้งแง่กับทรายแก้วตั้งแต่แรกแต่ความจริงใจของหญิงสาวทำให้เห็นว่าทรายแก้วนั้นพร้อมจะทำดีกับทุกคนจริงๆแม้นคนที่ร้ายใส่อย่างเธอแต่นิสัยคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเช่นนี้ก็ทำให้ทรายแก้วนั้นเดือดร้อนได้เหมือนกัน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status