สุรีพรเดินขึ้นมาหาทรายแก้วที่ห้องนอนในช่วงบ่ายเพราะเห็นว่าตั้งแต่ทรายแก้วกลับมาก็ไม่ลงมาด้านล่างอีกเลย
“นอนยังไงไม่ล็อคประตูแม่คนนี้”
สุรีพรบิดลูกบิดประตูห้องนอนของทรายแก้วเห็นว่าไม่ได้ล็อคจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านในทั้งส่ายหัวบ่นอุกเมื่อเห็นว่าเธอไม่รอบคอบเอาเสียเลย
“ทรายแก้ว...ทรายแก้ว... ฉันว่าแล้วเชียว”
สุรีพรเดินเข้ามาเรียกลูกสะใถ้ที่นอนฟุบอยู่กับเตียงไม่ยอมขยับก่อนจะยื่นมือไปแตะหน้าผากพบว่าตัวหญิงสาวร้อนจี๋เป็นเช่นที่เธอคิดไม่มีผิดว่าทรายแก้วตากฝนปล่อยให้ตัวเปียกนานขนาดนั้นจะต้องไข้ขึ้น
เห็นท่าไม่ดีสุรีพรจึงหาน้ำหาผ้ามาเช็ดตัวให้ทรายแก้วก่อนจะโทรเรียกหมอมาดูอการของลูกสะใภ้ด้วยเห็นว่าไข้ขึ้นสูงหากรอให้ทรายแก้วตื่นมาทานยาเองอาจจะชักได้
“แม่จ๋า...หนูอยากกลับบ้าน”
“กลับบ้าน?”
สุรีพรชะงักเล็กน้อยขณะเช็ดหน้าเช็ดตาทรายแก้วไม่เข้าใจในคำที่หญิงสาวเพ้อเท่าไรในเมื่อเห็นว่าเธออยู่ที่นี่ก็ดูจะมีความสุขดีแล้วทำไมถึงอยากกลับบ้าน
ก๊อกๆๆ
“หมอมาแล้วครับคุณท่าน”
“อ่อ..ให้เข้ามาเลย”
สุรีพรไม่ทันที่จะหาความกระจ่างในความสงสัยได้เธอก็ต้องละทิ้งความสงสัยและลุกให้หมอเข้ามาดูอาการทรายแก้วก่อน
หลังจากที่หมอตรวจและฉีดยาลดไข้ให้ทรายแก้วเรียบร้อยแล้วสุรีพรก็คอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวทรายแก้วตลอดจวบจนเข้าเวลาเย็นสุรีพรก็จัดแจงทำข้าวต้มปลาขึ้นมาให้ลูกสะใภ้ของเธอ
“ตื่นพอดี...ลุกมากินข้าวต้มจะได้กินยา”
“ขอบคุณค่ะ”
ร่างบางขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง
“หมอโทรมาบอกว่าการผ่าตัดเจ้าหมาน้อยนั่นผ่านไปด้วยดีฉันให้หมอดูแลมันจนกว่าจะหายค่าใช่จ่ายทุกอย่างฉันออกเอง...ถ้ามันหายเจ็บแล้วเธอจะเลี้ยงมันต่อหรือเปล่า”
“ทรายว่าจะเลี้ยงมันเองค่ะ”
“ถามตาเสือหรือยังรายนั้นไม่ชอบหมาที่สุด...เป็นเมียยังไงถึงไม่รู้นิสัยผัว”
“ทรายจะลองขอพี่เสือดูนะคะ”
ทรายแก้วลืมนึกไปเลยว่าที่นี่คือที่ของชาติเสือไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่ชอบสุนัขทั้งที่ชอบทำบุญแต่อย่างไรก็ช่างเธอจะลองคุยกับชายหนุ่มดูก่อน
ร่วมวันสองวันที่ทรายแก้วป่วยอาหารทุกอย่างที่หญิงสาวทานเป็นฝีมือของสุรีพรทั้งคนเป็นแม่สามียังคอยสอนว่าอาหารอะไรบ้างที่ชาติเสือชอบทานและอะไรที่ไม่ชอบนับว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ทั้งสองคนพูดคุยกันดีตามประสาแม่สามีและลูกสะใภ้
ทรายแก้วเดินมาหาสุรีพรที่ห้องในช่วงดึกเมื่อเห็นว่าแม่สามีของเธอกำลังเก็บกระเป๋าจึงรู้สึกใจหายไม่น้อยรู้ตัวว่าสุรีพรไม่ได้ชอบอะไรเธอนักแต่เวลาที่มีแม่สามีอยู่ด้วยทำให้เธอมีความสุขเหมือนกับว่าได้แม่ของเธอกลับมา
“คุณแม่จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ใช่น่ะสิ.. พรุ่งนี้ตาเสือก็กลับมาแล้วฉันไม่อยากอยู่ให้ขัดหูขัดตาเท่าไร”
“เป็นเพราะทรายใช่หรือเปล่าคะที่ทำให้คุณแม่กับคุณเสือต้องทะเลาะกัน”
ร่างบางยืนกุมมือแน่นก้มหน้างุดเธอไม่อยากให้สองแม่ลูกต้องผิดใจกันเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เลย
“ถึงไม่มีเธอตาเสือก็ไม่ถูกกับฉันอยู่ดี..เธอกลับไปนอนพักเถอะฉันก็จะนอนเหมือนกัน”
สุรีพรเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงอ่อนเรื่องผิดใจของเธอและชาติเสือเธอเองก็ไม่อยากจะพูดถึงนัก
“ค่ะคุณแม่”
ทรายแก้วหันหลังกลับด้วยความสงสัยแต่ก็คร้านที่จะถามถึงสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องบาดหมางสองแม่ลูกต่อเพราะคิดว่าหากแม่สามีเธออยากพูดคงอธิบายให้เธอฟังตั้งแต่เมื่อครู่ไปแล้ว
เช้าวันต่อมาสุรีพรที่กำลังเตรียมตัวจะเดินทางกลับคราแรกคิดว่าจะไม่เจอชาติเสือเห็นทีจะคาดการณ์เวลาผิดเสียแล้วเพราะขณะที่เธอจะก้าวขาออกจากบ้านลูกชายจอมเย่อหยิ่งก็เดินเข้ามาในบ้านพอดี
“ไม่ยักรู้นะครับว่าคุณแม่จะมาค้างที่นี่ตอนผมไม่อยู่คิดจะทำอะไรภรรยาผมหรือเปล่า”
สุรีพรอารมณ์เสียแต่เช้าไม่คิดว่าลูกชายเธอจะทักทายด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยอคติเมื่อเจอหน้ากัน
“ฉันก็แค่อยากจะทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ฉันให้มากขึ้นเท่านั้น”
“ทำความรู้จักหรือจับผิดกันแน่”
ทรายแก้วยืนมองทั้งสองอยู่ห่างๆด้วยแววตาที่หดหู่ไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้เลยสักนิดอยากให้ชาติเสือนั้นพูดจาดีๆกับแม่ตัวเองบ้างเพราะรู้ดีว่าสุรีพรห่วงชาติเสือไม่น้อย
“สายตาแกที่มองแม่ไม่เคยดีเลยสินะ...ขอตัวกลับก่อนล่ะ”
“เอ่อ...คุณแม่จะมาที่นี่อีกเมื่อไรคะ”
ทรายแก้วรีบวิ่งไปดึงมือแม่สามีเอาไว้เพราะอยากจะรู้ว่าเธอนั้นจะมาที่นี่อีกเมื่อไร
“ฉันไม่อยากจะมาเพราะรู้ดีว่าเจ้าของบ้านไม่ค่อยอยากจะต้อนรับ”
“ก็.. รู้ตัวนี่ครับ”
ชาติเสือเอ่ยเสียงห้วนไล่หลังแม่ตนขณะที่กำลังเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถตู้ที่เด็ดเดี่ยวรอไปส่งสุรีพรน้ำตาคลอทุกครั้งที่เจอคำพูดไม่ดีของลูกชายเธอเสียใจแต่ที่ต้องทำเข้มแข็งเพียงเพราะไม่อยากถูกมองว่าเรียกความสงสาร
“จะพูดดีๆกับคุณแม่สักหน่อยก็ไม่ได้เหรอคะ”
ทรายแก้วรู้ว่าสุรีพรน่าจะเสียใจกับคำพูดของชาติเสือเธอจึงหันมามองค้อนต่อว่าคนที่ได้ชื่อว่าสามีที่แสนจะปากเสียแม้แต่กับแม่ของตัวเอง
“เรื่องของฉัน..ขอตัวอยากพักผ่อน”
ร่างสูงที่พึ่งจะกลับมาทำเป็นหูทวนลมเดินถือเสื้อสูทสาวเท้าขึ้นห้องไปหน้าตาเฉยพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวเพราะรู้ว่าเธอยังไม่รู้เรื่องที่เจ็บปวดในใจของเขาว่ามันมีมากมายแค่ไหน
ตกบ่ายทรายแก้วเห็นว่าชาติเสือออกมานั่งในห้องทำงานแล้วเธอจึงถือโอกาสนี้คุยกับเขาเรื่องเจ้าลูกหมาที่เธออยากจะเลี้ยงเสียเลยหวังในใจว่าเขาจะอนุญาตโดยง่ายโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก
ก๊อกๆๆ
“มีอะไร”
เสียงทุ้มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยความสงสัยโดยปกติแล้วเธอจะไม่ค่อยมายุ่งกับเขาเท่าไรในเวลาทำงานหากเขาไม่สั่งให้เธอเข้ามา
ทรายแก้วเดินเข้ามานั่งหน้าโต๊ะทำงานชายหนุ่มได้ก็รีบเปิดรูปเจ้าลูกสุนัขสีขาวตัวอวบอ้วนให้ชาติเสือได้ดู
“เอามาให้ฉันดูทำไม”
“ลูกหมาที่ทรายกับคุณแม่ช่วยมันเอาไว้ค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าเธอจะเลี้ยง”
“ขอเลี้ยงเจ้าหมาน้อยตัวเดียวเองนะคะ”
สาวเจ้าเริ่มทำสีหน้าออดอ้อนอัตโนมัติเพราะอยากจะเลี้ยงเจ้าลูกหมาตัวกลมนี้จริงๆ
“ไม่ได้ฉันไม่ชอบเสียงเห่าของมัน”
ชาติเสือส่ายหัวก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นเขาไม่อยากจะมองสายตาขี้อ้อนของหญิงสาวตอนนี้เท่าไรนักด้วยอาจจะทำให้ใจอ่อนกับคำขอได้ง่าย
“เอาไว้ที่เรือนอื่นก็ไม่ได้เหรอคะ”“ไม่ได้...หน้าที่ของเธอคือสนใจเพียงฉันไม่ใช่ไปสนใจหมา”“แต่ทรายอยากดูแลมันนี่คะมันน่าสงสารจะตาย”“ฉันไม่ให้เลี้ยง..ฉันไม่ชอบหมา”“ใจร้ายแม้กระทั่งกับหมา”ทรายแก้วผุดลุกหันหลังบุ้ยปากบ่นอู้อี้ไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ชายหนุ่มนั้นทำท่าทีไม่สนใจเรื่องที่เธอร้องขออีกทั้งยังหันหน้ามาคุยกับเธอดีๆอีกด้วย“ทรายแก้ว”ใบหน้าคมส่ายไปมาจ้องมองร่างบางที่เดินไม่พอใจออกนอกห้องไปจะให้เขาตามใจเธอเรื่องนี้เห็นจะเป็นไปได้ยากเพราะมีปมในใจเรื่องของลูกหมาด้วยเด็กๆอยากจะเล่นหมาบ้านของยายตนแต่กลับถูกไล่กัดหลังจากนั้นจึงไม่ชอบลูกหมาอีกเลยจนถึงตอนนี้เจอที่ไหนเป็นต้องเดินเลี่ยงทุกทีโต๊ะอาหารเย็นวันนี้ปกคลุมไปด้วยความเงียบเพราะทรายแก้วยังคงครุ่นคิดหาวิธีจะทำอย่างไรให้ขาติเสือยอมให้เธอเลี้ยงลูกสุนัขส่วนชาติเสือเองก็ยังไม่อยากหาเรื่องคุยกับหญิงสาวเพราะกลัวว่าเธอจะทำหน้าออดอ้อนขอเลี้ยงเจ้าลูกหมาที่เขาไม่ชอบขึ้นมาอีกช่วงเวลาของอาหารคาวดำเนินไปพักใหญ่เมื่อเรียบร้อยแล้วทรายแก้วจึงรีบเดินเข้าไปหยิบกล่องฟักทองเชื่อมในตู้เย็นออกมาให้ชาติเสือเธอ“ของหวานค่ะ”“อืม..”ชาติเสือเห็นกล่องฟักทองเ
“อ่า..อ้าสส..”คนตัวโตส่งเสียงคำรามลั่นขณะโหมกระแทกสะโพกแกร่งถี่รัววันนี้เขาจะทำศึกสวาทให้หนำใจจากที่ห่างตุ๊กตายางตัวโปรดไปหลายวัน“อ้ะ.. อ้ะ.. อื้ออ.. “ร่างบางนอนหัวสั่นหัวครอนครางเสียงอ่อนเสียงหวานมือเรียวยกจิกปัดป่ายไม่อยู่สุขเพราะในตัวตอนนี้มีแต่ความเสียวซ่านวาบหวามครอบงำเมื่อหนำใจกับท่วงท่าพื้นฐานแล้วคนตัวโตก็รวบอุ้มร่างบางให้กอดคอซุกหน้าแนบอกจัดการกระหน่ำซอยสะโพกใส่หญิงสาวด้วยลีลาเร่าร้อนไม่ผ่อนจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันสนั่นห้อง“อื้อ..อืมม..”และแล้วหญิงสาวก็ต้องซุกใบหน้ากับอกแกร่งกลั้นเสียงครางหวานอีกเช่นเคยด้วยกลัวจะดังจนคนอื่นที่เฝ้าอยู่นอกบ้านได้ยินคนตัวโตกระหน่ำซอยร่างบางพักใหญ่จนเธอเริ่มเกาะเกี่ยวรั้งคอขอเขาไม่ไหวจึงวางเธอลงที่โซฟานุ่มขึ้นคร่อมขย่มร่างบางจนหัวสั่นหัวครอนอีกครั้งบทสวาทวาบหวามของทั้งคู่กินเวลาไปเกือบค่อนแจ้งด้วยชาติเสืออยากชดเชยเวลาที่เขาห่างเธอไปหลายวันคืนนี้เขาจึงกระหน่ำบทรักหนำใจให้หายคิดถึงร่างบางอันพอดีไม้พอดีมือนี้ในคืนเดียวช่วงสายของวันต่อมาชาติเสือยังคงนอนขลุกเปลือยเปล่าล่อนจ้อนอดก่ายร่างบางไม่ยอมปล่อยทรายแก้วเริ่มขยับตัวตื่นเพราะแสงอาทิตย์เริ่มส
ช่วงเที่ยงของวันต่อมาวันนี้น้ำรินนัดเจอเตชินที่คาเฟ่แห่งหนึ่งย่านตัวเมืองของเชียงใหม่เพื่อเตรียมหาซื้อของขวัญเซอร์ไพรซ์วันเกิดของเพื่อนรักอย่างทรายแก้ว“ฉันไม่รู้จะหาของขวัญอะไรให้ทรายมันดีไม่เห็นมันจะชอบอะไรสักอย่างเลย”เตชินบ่นขณะตักก้อนเค้กฝอยทองเข้าปากเพราะไม่รู้เลยจริงๆว่าทรายแก้วชอบอะไรเป็นพิเศษเพราะเห็นว่าเพื่อนเธอไม่เคยซื้อของอะไรใหม่ๆให้กับตัวเองเลยหรือตีตี้ร่างเป็นชายรูปหล่อแต่ใจเป็นหญิงเขาเป็นเพื่อนกับสองสาวตั้งแต่สมัยมัธยมแม้นจะแยกกันเรียนในช่วงมหาลัยแต่ความสนิทก็ไม่เคยลดน้อยลงไปตอนนี้เตชินทำงานเป็นHrบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพที่มาที่นี่ได้หลายวันก็เพราะใช้วันพักร้อน“ให้อะไรมันก็ชอบทั้งนั้นแหละน่า”น้ำรินในชุดเกาะอกสีดำโชว์เนินอกอิ่มกับกระโปรงยีนส์สั้นจู๋นั่งไขว่ห้างยกแก้วจิบกาแฟก่อนจะปัดป่ายมือไปมาต่อหน้าเตชินเพราะคิดว่าของอะไรที่เพื่อนๆให้ทรายแก้วน่าจะชอบทั้งนั้นไม่อยากให้เตชินคิดอะไรมาก“เจอหน้าฉันจะเฉ่งซะทีมีผัวก็ไม่เคยจะบอกเพื่อน”เตชินบ่นอุกเธอยังคงเคืองใจที่ทรายแก้วมีสามีเป็นตัวเป็นตนจนจดทะเบียนแล้วแต่ไม่ยักจะยอมบอกเขา“มันกะทันหันแหละฉันก็พึ่งรู้เหมือนกัน”น้ำรินที
“อืม..หล่อออ..น้าเนี่ยย”ร่างของน้ำรินซุกซบอยู่ที่อกของนักรบเธอเงยหน้ามองคนที่เข้ามาช่วยพยุงด้วยสายตาปรือเยิ้มก่อนจะฉีกยิ้มชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเสียงงัวเงีย“คุณ..มีสติอยู่หรือเปล่าครับ”นักรบได้กลิ่นแอลกอฮอลจากลมหายใจหญิงสาวหน้าสวยก็พอจะรู้ว่าเธอน่าจะดื่มไปเยอะพอสมควรหากปล่อยให้เธออยู่คนเดียวตรงนี้มีหวังถูกใครหิ้วไปง่ายๆแน่“.. รถ.. พางงงปายยส่งหน่อย”“บ้านคุณอยู่ที่ไหนครับ”นักรบเบือนสายตาหนีคนในอ้อมอกเพราะสายเดี่ยวแหวกอกชิ้นน้อยของเธอแทบจะปิดอะไรไม่มิด“อืม.. ปาย.. ก่อนเดี๋ยวบอก”“ครับๆ”ชายหนุ่มพยุงหญิงสาวมาขึ้นรถของตนก่อนจะขับออกจากผับไปด้วยความเร็วน้ำรินขึ้นรถได้ก็นอนฟุบไม่พูดไม่จาร่างอวบอั๋นขยับเขยื้อนแต่ละทีทำใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นส่ำด้วยชุดที่เธอใส่น้อยชิ้นแถมหุ่นของเธอก็ยั่วยวนผู้ชายเต็มตัวอย่างเขาได้เป็นอย่างดีรถคันหรูแล่นมาจนใกล้ถึงสี่แยกใหญ่นักรบต้องชะลอรถถามหญิงสาวที่เอาแต่นอนแน่นิ่งไม่ยอมบอกทาง“คุณ.. บ้านคุณอยู่ที่ไหนครับ”“บ้าน.!”สาวเจ้าลืมตาตื่นตะโกนจนคนขับที่นั่งข้างๆถึงกับสะดุ้ง“ค..ครับบ้านคุณอยู่ที่ไหน”“หมู่บ้านxxxบ้านเลขที่45/2อำเภอ..บลาๆๆ”“ไหวหรือเปล
“อึก..อ๊ายย.. อย่าฆ่าาากันเลย.. ฮือๆๆ”สาวเจ้าเจ็บปวดดั่งถูกมีดกรีด เธอส่งเสียงร้องระงมเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ“หา.!.”นักรบก้มลงมองส่วนเชื่อมต่อเพียงแค่เขาขยับตัวตนดึงออกแค่ครึ่งเดียวเลือดหยดน้อยก็หลั่งไหลตามออกมาไม่ขาดสายครั้นจะหยุดการกระทำตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้เขาใช้วิธีกลับไปเล้าโลมหญิงสาวด้วยรสจูบต่อเพื่อผ่อนคลายความเจ็บกดแช่แท่งร้อนคาร่องสวาทพักใหญ่จนเห็นได้ว่าหญิงสาวเริ่มปรับตัวได้จึงค่อยขยับสะโพกแกร่งเนิบนาบเข้าออกเชื่องช้าและเริ่มเร่าร้อนขึ้นในเวลาต่อมาจวบจนค่อนคืนศึกสวาทจึงจบลงได้ช่วงเย็นของวันต่อมา“ฮือๆๆ...”น้ำรินเอาแต่ร้องห่มร้องให้อยู่บนห้องนอนงานการของเธอก็ไม่ได้ไปทำเพราะรู้สึกระบมไปทั้งตัวแถมยังมีไข้อ่อนๆเธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมายังไงก็นึกไม่ออกจำได้แค่ตอนเช้าเธอนั้นตื่นมาพร้อมกับผู้ชายที่นอนเปลือยกายกกเธออยู่ที่โซฟาแถมความบริสุทธิ์ของเธอที่เก็บเอาไว้มาจนถึงตอนนี้ก็ถูกชายแปลกหน้านั่นพรากไปด้วยตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกได้แต่เพียงร้องให้ระบายความเสียใจเท่านั้นบริษัทxxxตอนนี้ได้เวลาเลิกงานของนักรบแต่เขายังนั่งจมอยู่ที่เก้าอี้ทำงานทั้งที่งานทุกอย่างก็เ
“ผมมีงานต้องเคลียอีกนิด”“เสียดายแย่”น้ำรินเห็นทีต้องสะกิดเตชินหญิงสาวเน้นเขี้ยวเน้นฟันส่ายหัวไม่ให้เตชินทำท่าทีเสียมารยาท“นี่..ผัวเพื่อน!”“ขอตัวนะครับ”ชาติเสือรีบแกะมือเตชินออกก่อนจะหมุนตัวเข้าบ้านไปทันทีเพราะไม่มีอะไรที่น่ากังวลใจสำหรับเขาแล้ว“ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆทรายแก้ว...ทั้งหล่อทั้งล่ำ”เตชินยังไม่วายมองตามหลังชาติเสือตาเยิ้มทรายแก้วก็ได้แต่อมยิ้มเข้าใจดีว่าเพื่อนเธอนานๆทีจะได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเพราะทำแต่งาน“ผัวเพื่อนก็ไม่เว้น..โถ่..มานั่งนี่เลย”น้ำรินรีบดึงเตชินลงนั่งเก้าอี้จะได้เลิกฟุ้งซ่านเสียทีหลังจากนั่งคุยกันพักใหญ่เตชินก็นึกขึ้นได้ว่าเตรียมเครื่องดื่มเพิ่มความสนุกมาด้วยเขารีบวิ่งไปที่รถเพื่อหยิบถังไวน์หลังรถมาตั้งกลางโต๊ะอาหารต่อหน้าสองสาวคิดว่าหากคืนนี้จะเมาให้เต็มที่เพราะอยู่ที่บ้านเพื่อนจึงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น“ฉันเตรียมมา”“วันนี้ฉันไม่ดื่มนะไม่ค่อยจะดี”น้ำรินรีบปฏิเสธเพราะเธอไม่อยากจะเมาอีกแล้วกลัวเหลือเกินกับการที่ทำอะไรน่าอายลงไปแล้วจำอะไรไม่ได้“อ้าว...งั้นคงต้องเป็นแกแล้วล่ะทรายที่ต้องดื่มเป็นเพื่อนฉัน”เตชินบุ้ยปากก่อนจะหันมาจับจ้องทรายแก้ว“ตีตี้..แกก็
วันเวลาที่ทรายแก้วใช้ชีวิตอยู่กับชาติเสือเนิ่นนานจวบจนสองเดือนกว่าแล้วทั่งคู่สนิทกันมากโดยที่ชาติเสือไม่รู้ตัวมีเพียงทรายแก้วเท่านั้นที่รู้ทุกอย่างว่าความรู้สึกของตัวเองแปรเปลี่ยนมากมายขนาดไหนคำพูดคำจาของทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากขึ้นโดยชาติเสือนั้นเปลี่ยนจากแทนตัวเองว่าฉันเป็นพี่ทุกคำที่พูดจากับทรายแก้วหากไม่ติดว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามสัญญาก็เปรียบเสมือนคู่นี้เป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่น่ารักคู่หนึ่งเลยทีเดียวชาติเสือไว้ใจทรายแก้วจนปล่อยให้ไปไหนมาไหนได้แต่ต้องกลับมาตามเวลาที่เขากำหนดชีวิตทรายแก้วในตอนนี้จึงรู้สึกมีอิสระไม่อึดอัดเช่นแต่ก่อนแถมยังมีเจ้าลูกหมาที่เคยช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาเรียกได้ว่าช่วงนี้ทรายแก้วมีรอยยิ้มทุกวันเลยก็ว่าได้พักหลังมานี้เธอค่อนข้างมีความสุขมากเพราะชาติเสือไม่เคยพูดหรือกระทำไม่ดีกับเธอคอยตามใจสารพัดทั้งตัวติดเธอไม่ค่อยห่างความรู้สึกดีที่เธอมีให้เขาจึงมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆวันนี้เสธฐาเข้ามาหาน้องสาวตนในช่วงเช้าเพื่อที่จะมาบอกถึงข่าวดีบางอย่างให้ทรายแก้วได้รับรู้“เป็นยังไงบ้าง” “ทรายเริ่มชินกับที่นี่แล้วค่ะพี่เสธ”“อืม..เห็นแบบนี้พี่ค่อยโล่งใจ
โรงพยาบาลทรายแก้วมาถึงโรงพยาบาลพร้อมชาติเสือได้เธอก็เอาแต่ร้องห่มร้องให้ดีที่ตอนนี้นำรินเข้าเวรในโรงพยาบาลจึงคอยปลอบทรายแก้วให้ผ่อนคลายความตึงเครียดได้บ้าง“ฮือๆๆ..”“ไม่เป็นไรแล้วทราย..คุณเสืออยู่ในมือหมอแล้ว”“เค้าจะปลอดภัยใช่ไหม”“อืม..เชื่อฉันเค้าไม่ได้ถูกยิงในจุดสำคัญ..เดี๋ยวฉันมานะต้องไปช่วยหมอแล้ว”“อืม..”น้ำรินคงต้องปล่อยให้ทรายแก้วนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินไปก่อนเพราะเธอเองต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อไม่นานนักเด็ดเดี่ยวและนักรบก็มาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับตำรวจตอนนี้ทรายแก้วถูกตำรวจพาไปนั่งสอบปากคำพักใหญ่โดยมีเด็ดเดี่ยวดูแลอยู่ไม่ห่างส่วนนักรบก็นั่งคอยฟังความคืบหน้าการรักษาจากหมอในห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดเพราะเป็นห่วงเจ้านายที่รักดั่งพี่ชายคนหนึ่งก็ว่าได้“เฮ้อ.. อดนอนนิดหน่อยทำสำออยไปได้ยัยน้ำริน”น้ำรินเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยใบหน้าซีดเซียวนั่งพักลงที่เก้าอี้ตรงหน้าห้องผ่าตัดสูดยาดมเฮือกใหญ่เธอถูกหมอและพยาบาลสั่งให้มาพักเพราะเหมือนจะวูบขณะเป็นลูกมือหมอไม่เข้าใจว่าร่างกายตัวเองตอนนี้ทำไมอ่อนแอเสียจริงทั้งที่วัยของเธอก็ยังไม่เข้าเลขสามอดนอนไม่ถึงคืนถึงกับจะเป็นลมเสีย