“บอกพ่อกับแม่คุณหรือยัง”
ชายหนุ่มหย่อนก้นนั่งลงเก้าอี้โซฟาตรงข้ามกับน้ำรินก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังโซฟาตัวยาวที่มีเรื่องราวของเขาและเธอในคืนนั้น
“ยัง”
น้ำรินรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังคิดอะไรเธอรีบเข้ามานั่งตรงหน้าของเขาก่อนจะรีบตอบไปตามตรงเพราะลำบากใจที่จะคุยกับพ่อและแม่ด้วยกลัวว่าพวกท่านจะผิดหวังที่เธอดันมาท้องก่อนที่จะแต่งงานมีสามี
“จะบอกพวกท่านเมื่อไร”
“คุณจะมาเจ้ากี้เจ้าการอะไรกับชีวิตฉัน”
น้ำรินบ่นเสียงอู้อี้
“ก็ลูกผมอยู่ในท้องคุณ..ผมต้องรับผิดชอบ”
“เฮ้อ...ฉันไม่กล้าบอกพ่อกับแม่”
“ทำไม”
“ฉันกลัวพวกท่านเสียใจ...”
“อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้”
“แล้วคุณล่ะบอกพ่อแม่คุณหรือยัง”
“ผมไม่มี”
“หืม”
คำตอบของนักรบทำน้ำรินตกใจพอสมควร
“ถ้าคุณกลัว..ผมจะคุยกับพ่อแม่คุณเอง”
นักรบตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่หญิงสาวเองหากเธอไม่กล้าพูดเพราะเขาอยากจะทำให้สิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ถูกคลี่คลายไปในทางที่ถูกต้อง
“ฉันกลัวแม่กับพ่อฉันผิดหวังถ้ารู้ว่าฉันเมาแล้วไปนอนกับคนที่ไม่รู้จักจนท้อง”
“ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้วไงผมชื่อนักรบคุณชื่อน้ำริน...เราแค่บอกพวกท่านว่าเราคบกันนานแล้วแค่นี้ก็ได้”
“เฮ้อ..ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ”
น้ำรินหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับไม่อยากให้ชีวิตตัวเองต้องมาอยู่จุดนี้เลย
และแล้วน้ำรินก็ขับรถนำนักรบมาที่ร้านดอกไม้ใจกลางเมืองของพ่อและแม่เธอในช่วงหัวค่ำ
“อ้าวยัยรินจะเข้ามาที่ร้านทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะลูกแม่จะได้เตรียมของโปรดเราไว้ให้”
นภาหญิงวัยกลางคนที่กำลังเก็บของปิดร้านเห็นลูกสาวตัวเองเดินมาก็เอ่ยทักทายเสียงดังจนสารัชสามีเดินออกมาจากในร้านเพื่อมาต้อนรับลูกสาวหน้าระรื่น
“ไอ้ตัวแสบของพ่อไหนโผล่มาได้วันนี้ไม่ต้องเข้าเวรเหรอลูก”
ชายวัยเกือบ60ร่างสูงท้วมเข้ามาโอบกอดน้ำรินด้วยความคิดถึงเพราะนานๆทีลูกสาวจะว่างมาหา
“ไม่ค่ะ.. วันนี้หนูจะมาคุยกับพ่อแม่”
น้ำรินเอ่ยด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวก่อนจะกวักมือเรียกนักรบให้เดินออกมาจากรถ
“ใครล่ะ...เพื่อนเหรอลูก”
สองสามีภรรยามองชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทสีดำกันเป็นตาเดียว
“ผมนักรบครับเป็นแฟนน้ำริน”
ยังไม่ทันที่น้ำรินจะได้ปริปากพูดนักรบก็แนะนำตัวเองขึ้นมาก้อน
“แฟน”
สองสามีภรรยามองหน้ากันเลิ่กลั่กปกติแล้วน้ำรินจะคุยกับพวกเขาทุกเรื่องไม่ยักรู้ว่าเรื่องแฟนจะไม่ยอมบอกกันก่อน
น้ำรินเห็นสีหน้าตกใจของทั้งสองใจของเธอก็เสียไปแล้วครึ่งหนึ่งเมื่อสองสามีภรรยาหายตกใจก็ได้ชวนให้ทั้งคู่เข้ามาคุยถึงธุระหลังร้าน
“ผมทำน้ำรินท้องมาที่นี่ก็เพื่อมาแสดงความรับผิดชอบเธอครับ”
นักรบเห็นจังหวะเหมาะก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงดึงน้ำรินลงมานั่งกุมมือต่อหน้าพ่อและแม่ของเธอก่อนจะบอกความจริงว่าเขานั้นทำเธอท้องส่วนเรื่องตอนไหนยังไงเขาไม่พูดถึงเพราะไม่อยากให้หญิงสาวไม่สบายใจ
“หนูขอโทษค่ะแม่ขอโทษนะคะพ่อ”
สาวเจ้าก้มหน้างุดเอ่ยเสียงสั่นมือน้อยบีบมือนักรบแน่นทำให้เขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังกังวลมาก
“เฮ้อ..ให้มันได้อย่างนี้..”
สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยแววตาที่นักรบก็เดาไม่ออกว่าทั้งคู่โกรธแค่ไหน
“ได้ดั่งใจพ่อกับแม่จริงๆเลยลูก”
ร่างบางที่กำลังก้มหน้างุดสะดุ้งเฮือกขณะที่ทั้งพ่อและแม่เธอเข้ามาสวมกอดด้วยท่าทียินดี
“ไม่โกรธหนูเหรอคะ”
“โกรธอะไรล่ะลูกเราน่ะเรียนจบมีงานทำแล้วพ่อกับแม่ก็อยากจะมีหลานบ้างแต่ยังไม่ทันได้คุยกับเราก็มีมาซะก่อนแล้ว”
“คุณพ่อคุณแม่จะเรียกสินสอดเท่าไรก็ว่ามาเลยนะครับ”
นักรบพอจะโล่งใจก่อนจะเปรยเรื่องสินสอดกับทั้งสองด้วยท่าทียินดี
“อืม.. ทำงานอะไรล่ะเรา”
สารัชกลับไปนั่งบนโซฟาที่เดิมก่อนจะหันมาซักประวัติลูกเขยด้วยท่าทีผ่อนคลายเพราะเขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องฐานะหรือชาติตระกูลกับลูกแค่ขอให้มีงานการทำเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวก็พอ
“เป็นผู้จัดการบริษัททัวร์ที่นี่ครับ”
นักรบบอกเพียงอาชีพปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องที่ตัวเองถนัดที่สุดคือเป็นบอดี้การ์ดและเป็นมือปืนด้วยกลัวทุกคนจะตกใจ
“อืม..พ่อกับแม่ไม่เรียกร้องอะไรมากหรอกลูกไหวแค่ไหนก็แค่นั้นพ่อรู้ว่าเราอยู่ในช่วงหนุ่มสาวกำลังสร้างตัวกัน”
นภาได้ยินดังนั้นก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรมากเอาแค่นักรบนั้นไหวจะให้ก็พอเพราะไหนๆเขาก็มีลูกกับลูกสาวเธอแล้วอยากให้เก็บเงินไปตั้งตัวกันดีกว่าเอามาเป็นค่าสินสอดทั้งหมด
“เงินสด4ล้านครับพร้อมโฉนดที่ดินที่เชียงใหม่อีก50ไร่พอหรือเปล่าครับ”
“หา..”
สิ้นเสียงนักรบทุกคนต่างก็นิ่งอึ้งมองหน้ากันแท้กระทั้งน้ำรินก็แทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอไม่คิดเหมือนกันว่าชายหนุ่มจะมีสมบัติอะไรเยอะขนาดนี้
“ป.. เป็นแค่ผู้จัดการจริงๆหรือเปล่าลูก”
นภาเอ่ยถามเสียงอึกอัก
“ครับ...ผมเล่นหุ้นตามเจ้านายผมด้วยแล้วก็ทำงานเก็บเงินอย่างเดียวไม่ค่อยได้ใช้อะไรครับ”
ทุกคนต่างโล่งอกโดยเฉพาะน้ำรินที่แอบคิดไปไกลว่าคนที่เป็นพ่อของลูกจะค้าขายของเถื่อน
“ได้สามีดีนะเราเนี่ย”
นภายิ้มร่าเห็นว่านักรบมีพอที่จะเลี้ยงดูลูกกับหลานเธอได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว
“เอ่อ..ค่ะแม่”
น้ำรินที่ยังอึ้งกับค่าสินสอดไม่หายค่อยๆแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลังจากที่ตกลงเรื่องสินสอดกันเสร็จทั้งสองก็อยู่ทานข้าวเย็นกับสารัชและนภาก่อนจะขอตัวกลับ
“ทำไมคุณให้ค่าสินสอดเยอะขนาดนั้นล่ะ”
น้ำรินมาถึงบ้านได้ก็รีบถามเรื่องที่คาใจกับนักรบ
“ผมอยากให้...คุณอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า”
ชายหนุ่มคิดเสียว่าค่าสินสอดเป็นค่าชดเชยค่าเสียหายของหญิงสาวทั้งร่างกายและความรู้สึกหากเธออยากจะได้อะไรเพิ่มเขาก็ยินดี
“หึ..ไม่อะ..แต่ฉันไม่จัดงานแต่งใหญ่โตนะแค่บอกกล่าวให้ผู้ใหญ่กับเพื่อนๆรู้ก็พอ”
“แล้วแค่คุณ...แต่ถ้าแต่งแล้วคุณต้องลาออกจากงานผมไม่อยากให้ลูกผมเป็นอันตราย”
“แลกกับการนอนคนละห้องกับคุณ”
“ได้..ตกลงตามนั้น”
นักรบไม่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้วขอแค่หญิงสาวยอมลาออกจากงานเพื่อความปลอดภัยของลูกเขาเป็นพอ
ชาติเสือรักษาตัวได้สามสี่วันเขามีแม่และภรรยาคอยดูแลตลอดวันนี้ก็ได้กลับมาที่บ้านเสียที“แม่จะอยู่ดูแลแกที่นี่ต่อไม่ว่าอะไรนะ”สุรีพรแม้นจะไม่เคยได้รับคำพูดดีๆกับลูกชายเมื่อดูแลเขาอยู่ที่โรงพยาบาลแต่เธอก็อยากดูแลชาติเสือต่อจนหายดี“คุณแม่กลับไปเถอะครับผมมีทั้งลูกน้องทั้งทรายแก้วดูแลอยู่แล้ว”“อืม.. ได้.. พรุ่งนี้แม่จะกลับ”สุรีพรรับปากกับชาติเสือด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักบางครั้งเธอก็เหนื่อยเหลือเกินกับลูกชายตัวเองที่แม้นเธอจะมีทีท่าห่วงใยขนาดไหนแต่เขาก็ยังทำเป็นไม่รับรู้ทรายแก้วรับรู้คำที่ชาติเสือพูดจาไม่ค่อยดีใส่สุรีพรตลอดเธอจึงอึดอัดกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่พอสมควรทรายแก้วดูแลชาติเสือจนเขาหลับไปได้ก็ถึงเวลาที่เธอจะมาทำให้เรื่องคาใจมันกระจ่างเสียทีแม้นจะดูเสียมารยาทก็ตาม“ทรายขอเสียมารยาทถามนะคะคุณแม่..พี่เสือกับคุณแม่มีอคติอะไรต่อกันเหรอคะ”“เฮ้อ..เรื่องมันก็นานมาแล้วนะ.. ตอนนั้นตาเสือคบกับผู้หญิงอยู่คนนึง....”คราแรกสุรีพรไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเก่าเท่าไรแต่เธอคิดว่าควรจะเล่าให้ภรรยาลูกได้รับรู้เผื่อทรายแก้วจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์เธอกับลูกชายดีขึ้นได้บ้าง“อย่างนี้นี่เอง..”ทรายแก้วฟั
“คุณมาที่นี่ได้ไง”พลันสายตาชายหนุ่มยังไม่ทันตวัดมองไปที่ทรายแก้วผู้หญิงที่นั่งข้างภรรยาเจ้านายก็เป็นจุดดึงดูดความสนใจของเขาเสียก่อนในตอนนี้ทั้งน้ำรินและนักรบต่างก็มีท่าทีตกใจไปตามๆกัน“ฉันมาหาเพื่อนฉันแล้วคุณมาได้ไง”“ที่นี่บ้านเจ้านายผม...แล้วผมก็พักบ้านใกล้ๆนี้”“โลกกลมจังเลยนะคะ”ทรายแก้วไม่ต้องถามให้แน่ใจก็รู้แล้วว่าพ่อของลูกเพื่อนเธอเป็นใครเวลาพ้นผ่านไปร่วมอาทิตย์ตอนนี้ก็ถึงวันงานแต่งของนักรบและน้ำรินงานแต่งของทั้งสองจัดขึ้นที่บ้านของน้ำรินไม่ได้มีพิธีรีตรองอะไรมากมายมีเพียงบอกกล่าวให้เพื่อนๆและญาติที่สนิทได้รับรู้มีการวางสินสอดและจดทะเบียนสมรสเท่านั้นหลังเสร็จสิ้นพิธีบ่าวสาวก็สังสรรค์กับเพื่อนฝูงตามประสา“พี่ไม่นึกว่าจะเห็นภาพรบมีครอบครัวเลย”ชาติเสือยืนมองนักรบยืนคู่กับน้ำรินขณะแจกของชำร่วยให้คนที่มาในงานเขาปลื้มใจดั่งเห็นน้องชายคนหนึ่งเป็นฝั่งเป็นฝาแม้จะกะทันหันก็ตาม“ทรายก็ไม่คิดว่ารินจะแต่งงานมีลูกก่อนเพื่อนเหมือนกันค่ะ..”ทรายแก้วยิ้มร่าคิดมาเสมอว่าคนอย่างน้ำรินคงจะหาแฟนยากเพราะเป็นคนที่ค่อนข้างเลือกเยอะแล้วคนที่อยู่กับเพื่อนเธอได้ต้องเป็นคนที่ใจเย็นมากจริงๆเธอเห็นว่านี่แ
“แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดคุณแม่ทั้งหมดนะคะท่านแค่หวังดีกับพี่เสือ..แล้วท่านก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องร้าย”“อย่าพูดเรื่องนี้กับพี่อีก”จบคำพูดของทรายแก้วชาติเสือก็ลุกขึ้นพรวดเอ่ยกับร่างบางเสียงแข็งด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์“เพราะพี่เสือยังรักคุณอรอยู่ใช่ไหมล่ะคะ”สาวเจ้ามองร่างสูงเดินเข้าบ้านผ่านม่านน้ำตาริมฝีปากบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือผสมความน้อยเนื้อต่ำใจอยากจะถามคำถามนี้กับเขาตั้งแต่เมื่อครู่แต่ใจก็ไม่กล้าเพราะกลัวคำตอบมันจะย้อนกลับมาทำร้ายจิตใจตัวเองตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าทรายแก้วไม่กล้าที่จะมองหน้าชาติเสือเท่าไรนักเพราะไม่รู้ว่าเขานั้นหายโกรธเธอหรือยังจวบจนได้เวลาอาหารเช้าเธอจึงยอมเดินมาตามชายหนุ่มที่เดินเล่นอยู่ริมชายหาดให้กลับไปที่บ้านพักเพื่อทานอาหารเช้า“พนักงานเอาอาหารเช้ามาเสริฟแล้วนะคะ”ชาติเสือดึงแขนเรียวของทรายแก้วรวบตัวเธอเข้ามากอดด้วยไม่อยากให้เธอและเขาต้องตกอยู่ในบรรยากาศที่อึมครึมขณะที่เที่ยวพักผ่อนกัน“โกรธพี่เรื่องเมื่อคืนเหรอ”หญิงสาวส่ายหัวซุกใบหน้าหวานซบกับอกแกร่ง“พี่แค่ไม่ชอบให้เธอพูดเรื่องนั้น..ขอได้หรือเปล่าอย่าพูดถึงมันอีก”“ก็ได้ค่ะ”ทรายแก้วเงียบไ
“อินเข้าใจแล้วล่ะค่ะ...แต่เอ..พี่ชายอินไม่มีใจให้คุณทรายจริงหรือเปล่าน้า”อินทิราหยอกชาติเสือด้วยรอยยิ้มอ่อนเพราะรู้ว่าคนอย่างชาติเสือหากไม่สนใจผู้หญิงคนไหนจริงๆคงไม่อยากให้อยู่ใกล้ตัว“อย่าแซวพี่สิ”ริมฝีปากหนาเริ่มคลี่ยิ้มเขินก่อนจะส่ายหัวแค่นี้อินทิราก็ดูออกแล้วว่าชาติเสือนั้นคิดอย่างไรกับทรายแก้วคงไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เป็นของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวเป็นแน่แม้ชายหนุ่มจะทำทีปฏิเสธก็ตาม“น้ำผลไม้อินได้หรือยังคะคุณทราย”หลังลงมาจากชั้นบนพักใหญ่ทรายแก้วก็ตัดสินใจจะนำน้ำผลไม้ไปเสริฟให้กับอินทิราอีกครั้งแต่เธอดันลงมาก่อน“เอ่อ.. ได้พอดีค่ะช้าหน่อยนะคะ”“ขอบคุณค่ะ..”อินทิรายกแก้วน้ำผลม้ขึ้นดื่มเรียบร้อยแล้วจึงค่อๆหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟาและล้วงกรอบรูปในกระเป๋าผ้ายื่นให้ทรายแก้วขณะที่เธอกำลังจะนั่งลงตรงข้าม“อ่อ..นี่รูปพี่อรอินลืมให้พี่เสือฝากคุณทรายด้วยนะคะ”“ค่ะ..”กรอบรูปโชว์ใบหน้าของอินทุอรหรายังไม่ทันที่จะถึงมือของทรายแก้วดีมันก็ล่วงหล่นลงพื้นเสียก่อนเพล้งง“พี่อร”อินทิรามีท่าทีตกใจจนร้องสุดเสียงทำให้ชาติเสือที่ได้ยินรีบวิ่งลงมาชั้นล่างด้วยความรวดเร็ว“ฉันขอโทษค่ะ”ทรายแก้วรีบก้มลงเก็บเศษก
ฟึ่บบบ.. ปึกกเมื่อรถตู้คันหรูแล่นออกมาจากบ้านหลังเล็กไม่นานนักก็ขับเข้ามาที่บ้านพักริมน้ำตกหลังใหญ่ติดริมถนนร่างบางที่ถูกมัดมือมัดปากถูกลากขึ้นมาโยนลงบนเตียงอย่างไร้ความนุ่มนวลทั้งถูกคนตัวโตคร่อมตรึงร่างเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปไหน“กล้าดียังไงทรยศฉันฮะ!”เสียงทุ้มใหญ่ตวาดด้วยความโกรธก่อนจะดึงผ้าปิดปากของหญิงสาวออกเขาเชื่อใจหญิงสาวจนปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนเองได้แต่เธอก็ดันมาทรยศความไว้ใจของเขาจนหมดสิ้น“ปล่อยทรายไปซะทีเถอะนะคะปล่อยให้ทรายมีชีวิตอิสระของทรายซะที”ทรายแก้วขอร้องด้วยเสียงสะอื้นน้ำตาแห่งความอึดอัดหัวใจหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย“ไม่..เธอคือของของฉันถ้าฉันไม่อนุญาตให้ไปเธอก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”ร่างใหญ่ลุกขึ้นลงจากเตียงดึงขาเรียวของหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะล่ามกับโซ่ใหญ่ขังเธอเอาไว้ให้หนีเขาไปไหนไม่ได้อีก“คิดจะหนีฉันก็ต้องเจอแบบนี้”“ทรายไม่ใช่สัตว์เลี้ยงอย่าทำแบบนี้..ฮือๆๆ”ใบหน้าหวานแปดเปื้อนไปด้วยน้ำตาเมื่อถูกคนที่ตนรักกระทำเยี่ยงเธอไม่ใช่คนแคว้กก.. “อื้อ...”เสื้อผ้าของทรายแก้วถูกฉีกทิ้งเป็นเสี่ยงๆด้วยน้ำมือของชาติเสือตอนนี้เขาดูดุร้ายกว่าทุกครั้งที่ทรายแก้วเคยพบจนเธอรู้สึกกลัวอารมณ์
สุรีพรรับรู้เรื่องราวทุกอย่างจากชาติเสือเธอก็มีท่าทีเป็นห่วงทรายแก้วไม่น้อยด้วยเอ็นดูเห็นหญิงสาวเป็นลูกคนหนึ่งไปแล้ววันนี้เธอจึงเดินทางมาที่บ้านน้ำรินเพื่อมาดูสภาพจิตใจของทรายแก้วว่าเธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง“ทรายแก้ว”“คุณแม่”ทรายแก้วเห็นสุรีพรก็โผเข้ากอดแน่น“กินอะไรเสียหน่อยเถอะนะ...พี่เราเค้าจะได้ไปดีไม่ต้องมามีห่วงอะไร”สุรีพรรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของทรายแก้วเธอยกมือลูบหัวทุยเบาๆปลอบโยนหญิงสาวด้วยความสงสารสุรีพรอยู่กับทรายแก้วพักใหญ่จนหญิงสาวนั้นยอมทานข้าวได้บ้างเธอจึงกลับ“ทรายเป็นยังไงบ้างครับคุณแม่”ชาติเสือเอ่ยถามคนเป็นแม่ขณะที่ท่านเดินเข้ามาในบ้านด้วยน้ำเสียงและท่าทีเหนื่อยอ่อนเพราะยุ่งกับงานที่วัดมาทั้งวัน“เธอเจ็บปวดมาก..มากจริงๆ”“เป็นเพราะผม”ชาติเสือนั่งฟุบลงกุมขมับที่โซฟาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้“รักเธอจริงๆใช่ไหม”สุรีพรลงนั่งข้างลูกชายยื่นมือแตะบ่าก่อนจะเอ่ยถามชาติเสือด้วยน้ำเสียงอ่อนแม้นจะรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าทุกอย่างเป็นแค่สัญญาแต่เธอก็ดูออกว่าลูกชายของเธอและทรายแก้วน่าจะรักกันจริงๆ“ครับ...”ชาติเสือพยักหน้าอย่างไม่ลังเลก่อนจะรวบกอดแม่
“ผมรู้ครับว่าใครเป็นคนจับตัวคุณทรายไป”“สิชล”ชาติเสือมองไปยังผู้ชายที่เขารู้จักดีว่าเป็นใครเขาคือสิชลเพื่อนสนิทในกลุ่มของอินทุอรแต่ไม่รู้ว่าสิชลนั้นรู้ได้อย่างไรว่าทรายแก้วถูกจับตัวไป“เรื่องทุกอย่างเป็นฝีมือของอิน”“อิน.. ทำไม”ทุกคนต่างหูผึ่งจ้องมองมายังชายผู้มาใหม่รอฟังคำอธิบายของเขาเป็นตาเดียว“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”ทรายแก้วที่ถูกมัดมือมัดเท้านั่งอยู่มุมห้องมองอินทิราอย่างไม่เข้าใจว่าหญิงสาวหลอกให้เธอตามมาที่นี่แล้วกระทำกับเธอแบบนี้เพราะอะไร“ก็เพราะเธอดันซวยเป็นคนรักของพี่เสือน่ะสิ”อินทิราสบถออกมาด้วยท่าทีเป็นคนละคนกับที่ทรายแก้วเคยรู้จักเธอดูมีความโกรธแค้นในใจมากมายแววตาของเธอก็ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด“คนรักเหรอ...ฉันไม่ใช่คนที่เค้ารักคุณเข้าใจผิดแล้ว”ทรายแก้วรีบปฏิเสธ“ฉันรู้ว่าเธออยู่กับพี่เสือเพราะสัญญาแต่ฉันไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าเธอกับพี่เสือรักกันจริงๆ”“แล้วคุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”“ฉันจะฆ่าเธอต่อหน้าพี่เสือฉันจะทำให้พี่เสือสูญเสียคนที่ตัวเองรักอย่างที่ฉันสูญเสียพี่อรไง.. ตอนนั้นฉันจ้างคนมาฆ่าแกแต่พี่เสือก็ดันรับเคราะห์แทน..แต่ตอนนี้เธอได้ตายจริงๆแน่”“ค.. คุณอิน!”“ตั้งแต่
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมขวบปีณ เกาะเล็กๆทางภาคใต้ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักเป็นเกาะที่สุรีพรสัมปทานเอาไว้เพื่อทำฟาร์มหอยมุกชาติเสือมาอยู่ที่นี่ได้ร่วมหนึ่งปีแล้วเขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายคอยคุมงานที่นี่ว่างก็ออกเรือหาปูหาปลาแก้เหงาตามประสาที่เขามาอยู่ที่นี่ก็เพราะเมื่อครั้งที่เจ็บครั้งนั้นเขาขอให้ทรายแก้วกลับมาอยู่ด้วยเธอตอบตกลงแต่ต้องรอให้เธอพร้อมก่อนเท่านั้นโดยเธอจะขอไปอยู่ที่อื่นเพื่อทำใจให้ลืมเรื่องราวในอดีตแล้วเธอจะกลับมาอยู่กับเขาชาติเสือที่กลัวว่าถึงเวลานั้นแล้วหญิงสาวจะหายไปจากชีวิตของเขาจึงเลือกที่จะให้ทรายแก้วอยู่ที่บ้านส่วนเขาก็ขอมาอยู่ที่เกาะแทนอย่างน้อยเธอไม่ได้อยู่ในสายตาแต่อยู่ในที่ของเขาก็ยังดีนี่ก็ร่วมหนึ่งปีแล้วชายหนุ่มยังไม่เห็นว่าจะมีวี่แววที่ทรายแก้วจะเอ่ยมาเสียทีว่าพร้อมที่จะอยู่กับเขาแล้วคนความอดทนต่ำอย่างเขาต้องมาฝึกรออะไรที่ไม่มีจุดหมายเป็นอะไรที่ยากมากจริงๆแต่เพื่อทรายแก้วเขายอมทุกอย่างขณะที่นั่งรับลมยามเย็นอยู่ที่ริมชายหาดหน้าบ้านไม้ริมทะเลหลังใหญ่ท้ายเกาะจู่ๆชาติเสือก็ต้องรีบหันขวับไปตามเสียงร้องโยเยของเด็กน้อยที่ดังมาแต่ไกล“แอ้..แง่ๆๆ..”“โอ๋ๆ..ไม่ร้อ