เดิมชุยอันหรูเป็นบุตรสาวผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลแม่ทัพ ลูกศิษย์ของหมอเทวดา เป็นคนระมัดระวังรอบคอบแม้แต่เรื่องเล็กน้อย เป็นคมในฝัก เชื่อฟังบิดามารดา ออกเรือนกับบุรุษที่มีฐานะต่ำต้อยกว่ามาสามปี แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือบิดาและพี่ชายต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถ และราชโองการภรรยาเท่าเทียม สามีที่ออกเดินทางไปยังสนามรบในคืนวันแต่งงานได้พาคู่รักวัยเยาว์ที่กำลังตั้งครรภ์กลับมาด้วย เมื่อกลับมาถึงก็ประกาศถ้อยคำอันไร้ยางอายออกมาทันที “จืออินมีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศ มีหรือที่หญิงในเรือนหลังเยี่ยงเจ้าจะเทียบได้!” “จืออินยอมเสียสละเพื่อช่วยชีวิตข้า ข้าต้องแต่งงานกับนาง!” ชุยอันหรูแค่นหัวเราะออกมา ไม่เสแสร้งอีกแล้ว หย่าร้างและนำสินเดิมกลับคืนมา ฉีกหน้าครอบครัวชายสารเลวทั้งตระกูล ดูแลพี่สะใภ้ที่เป็นม่ายและหลานชายแท้ ๆ ฟื้นฟูจวนเจิ้นกั๋วกงให้กลับมาอีกครั้ง! แพทย์ฝีมือล้ำเลิศช่วยชีวิตคนมานับไม่ถ้วน เป็นเลิศในทุก ๆ ด้าน แม้นึกเสียใจก็มิเป็นประโยชน์อันใด ด้วยความบังเอิญ นางยังรักษาโรคที่ไม่อาจบอกผู้อื่นของท่านอ๋องขี้โรคคนหนึ่งจนหายดี! ชุยอันหรูยังไม่ทันหนี ก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขน “ท่านหมอฝีมือการรักษาล้ำเลิศ ข้าได้แต่ตอบแทนด้วยร่างกาย...” ขบวนริ้วแดงร้อยลี้ แว่นแคว้นเป็นสินสอด ชุยอันหรูตกตะลึงตาค้าง นางไม่อยากวิวาห์กับบุรุษผู้มียศศักดิ์สูงกว่าอีกแล้ว!
ดูเพิ่มเติมนางมองออกว่าอารมณ์ของเซียวรั่งใกล้จะระเบิดแล้วเซียวรั่งได้พยายามควบคุมอารมณ์ของตนอย่างที่สุดแล้ว ท่องอยู่ในใจตลอดว่าวันนี้เป็นวันมงคลของเขา…“นำทาง...”เขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีจึงสามารถทำให้ตนสงบลง แล้วกัดฟันกล่าวสองคำนี้ออกมาแม่สื่อไม่กล้าลังเล เวลาล้ำค่าอย่างยิ่ง หากพลาดฤกษ์ดีไป ผู้ที่จะเอาโทษนางก็มิได้มีแค่จวนอันหนานโหวแล้วคิดไม่ถึงว่า เมื่อพวกเขาเดินไปถึงถนนสายหลักอีกสาย ก็ถูกผู้คนที่แน่นขนัดชนิดสายน้ำไม่อาจไหลผ่านได้ขวางไว้แล้ว ทว่าที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นอิสตรีเป็นร้านค้าของชุยอันหรูเช่นกัน เพียงแต่ที่นี่จำหน่ายอาภรณ์ตัดสำเร็จและผ้า มีทั้งที่ลดครึ่งราคา กับสินค้าราคาพิเศษ ที่ประกาศลดราคาลงร้อยละเก้าสิบเป็นช่วงเวลาสั้นๆอารมณ์ที่เซียวรั่งกดลงไป ราวสุราที่ไม่เชื่อฟัง ที่คอยหาโอกาสตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง“ดันเข้าไปโดยตรงเลย…” ยามนี้ ในเสียงของทุ้มต่ำของเซียวรั่ง ได้มีเพลิงโทสะค่อยๆ ปะทุขึ้นมาแล้วแม่สื่อรีบเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านโหว ผู้ที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นอิสตรี หากขบวนเกี้ยวพุ่งชนเข้าไปเช่นนี้ จะต้องมีคนได้รับบาดเจ็บแน่ หากเกิดเลือดตกยางออกในวันแต่งงานก็คงจะไม่เป็นมงคล…มิสู้
ในตอนที่เซียวร่างขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ออกเดินทางจากจวนอันหนานโหวนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าที่แสร้งป่วยมาหลายวันแต่ไม่มีผู้เหลียวแลได้กำชับเป็นพิเศษว่า “รั่งเอ๋อร์ จำไว้ว่าตอนรับจืออินกลับมา จะต้องผ่านประตูจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย ให้นังหญิงที่คิดว่าตัวเองถูกสองคนนั้นได้เห็นถึงความเบิกบานรุ่งเรืองของจวนอันหนานโหวเรา ให้พวกนางหนึ่งแม่หม้าย หนึ่งลูกกำพร้า เฝ้าจวนเจิ้นกั๋วกงที่ตกต่ำอย่างอิจฉาตาร้อนไปเถอะ”เดิมเซียวรั่งก็คิดเช่นนี้ ความไม่พอใจที่เขามีต่อชุยอันหรูเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ตามการกระทำต่างๆ ในหลายวันนี้ของนาง“ท่านย่า อีกไม่ช้าความเย่อหยิ่งของพวกนางก็จะถูกเหยียบไว้บนพื้นแล้วขอรับ”เมื่อหลินจืออินแต่งเข้ามาอย่างเป็นทางการ เขาก็จะถือว่ากลายเป็นหลานเขยของตระกูลเวินอย่างเป็นทางการเช่นกัน ไม่ว่าท่านมหาราชครูเวินกับอัครมหาเสนาบดีเวินจะไม่พอใจเขาเพราะเรื่องก่อนหน้าเพียงใด เพื่อเห็นแก่หน้าของหลินจืออิน ก็ต้องดูแลเขาอยู่บ้าง“ไปเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างพึงพอใจขบวนรับเจ้าสาวตีฆ้องร้องป่าวไปตลอดทาง ทว่าผู้คนที่อยู่ริมถนนกลับมีไม่มากนัก เรื่องนี้ทำให้เซียวรั่งประหลาดใจอยู่บ้างถนนที่มุ่งไปสู่จวน
เซียวเสวี่ยหลิงด้านหนึ่งกล่าววาจา อีกด้านก็จินตนาการว่าเมื่อใดหลินชวนจะมาขอตนแต่งงานเพราะตระกูลเซียวตั้งใจหลบเลี่ยง สามวันมานี้จึงสุขสงบอย่างไม่คาดคิด แม้แต่ตระกูลเหลียงก็หยุดก่อเรื่องอย่างผิดปกติกาลเวลามิเคยหยุดยั้งเพราะความอาลัย ยิ่งไม่รอคอยเพราะผู้ใดมิทันเตรียมการในวันมงคล ตระกูลเซียวและตระกูลหลินต่างก็คึกคักเป็นพิเศษไม่ว่าภายนอกจะโพนทะนาจนเซียวรั่งกลายเป็นคนเช่นใด แต่เหล่าทหารคนสนิทในอดีตของเขาย่อมต้องมาร่วมความครึกครื้นด้วยเนื่องจากบารมีของตระกูลเวิน หลังจากขบคิดอย่างหนัก ขุนนางใหญ่บางคนในราชสำนักก็มุ่งหน้ามาร่วมงานด้วยเช่นกันส่วนทางตระกูลหลิน ไม่เพียงเวินจี้หลี่ที่มา แม้แต่ท่านมหาราชครูเวินที่สามารถเข้าร่วมประชุมเช้าตามอารมณ์ได้ก็มาด้วยเช่นกันหลินจื้อหย่วนไม่อาจปิดบังความยินดีของตน ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้วันนี้ชื่อเสียงของบุตรสาวตนจะไม่ดีแต่ในอนาคตก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านสามีได้อย่างมีความมั่นใจเช่นกัน“ท่านพ่อตา ท่านพี่ เชิญด้านใน หากจืออินรู้ว่าพวกท่านล้วนมาส่งเจ้าสาว ไม่แน่อาจร้องไห้จนเครื่องประทินโฉมเลอะหมดก็ได้…”“เช่นนั้นจะให้ทำอย่างไร ให้พวกเรากลั
ในตอนที่นางหยางและเซียวเสวี่ยหลิงจากไปนั้น ทุลักทุเลเป็นอย่างมาก ท่าทางสำรวม สง่างามในยามปกติของนางหยางก็หลุดร่อนไปหมดสิ้น แม้แต่ยามเดินก็เริ่มโซเซชุยอันหรูอารมณ์ดีอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าคนตระกูลเซียวจะส่งตัวเองมาให้นางระบายโทสะถึงที่นางนำกล่องอาหารที่ลู่จิ่งเชินมอบให้ออกมา เรียกชุยหลางมา บอกว่าเป็นรางวัลที่ช่วงนี้เขารู้ความเป็นเด็กดี เหลียงจื่ออวี้รู้สึกถอนใจมาก เดิมคิดจะเป็นผู้หนุนหลังเป็นความมั่นใจให้ชุยอันหรู แต่ผลกลับเป็นว่า ทุกครั้งที่มีปัญหาล้วนต้องให้ชุยอันหรูมาจัดการนางแอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า หากยังแตะต้องตระกูลอื่นไม่ได้ เช่นนั้นก็เริ่มลงมือกับตระกูลเหลียงก่อนหากพวกเขายังกล้ามาพูดจาไร้สาระอีก นางจะไม่ทำตัวอ่อนแออีกต่อไปแล้วเมื่อนางหยางกับเซียวเสวี่ยหลิงกลับไปถึงจวนอันหนานโหว ก็พูดเรื่องนี้กับเซียวรั่ง“พวกท่านไปหานางทำไมกัน?”หนนี้เซียวรั่งกลับมิได้กล่าวโทษชุยอันหรูในทันที แต่กลับสอบถามออกมาประโยคหนึ่งก่อน“บัวหิมะที่ท่านย่าของเจ้าต้องการ ข้าเปลี่ยนคนไปซื้อหลายครั้ง แต่ขอเพียงร้านยาได้ยินว่าเป็นคนจากจวนอันหนานโหวก็จะปฏิเสธไม่ยอมขายทันที ต่อมาถึงขนาดปฏิเสธไม่ขา
“ฮูหยินใหญ่ ท่านมักทำตัวอ่อนแอคล้ายไม่มีพิษภัยต่อผู้ใด จะแกล้งเขลาทำไม่รู้ก็ดี จะล้อเล่นกับหัวใจคนก็ช่าง ท่านเพียงต้องการให้คนรู้สึกว่าข้าใจร้าย เอาความกับบางเรื่องไม่ยอมปล่อย เช่นนี้ก็จะสามารถช่วยกู้ชื่อเสียงตระกูลเซียวของท่านกลับมาได้บ้างมิใช่หรือ?”“เพียงแต่วิธีการเช่นนี้ ไม่ฉลาดเลยจริงๆ บัดนี้ ลูกชายของท่านได้เป็นท่านโหวแล้ว ท่านเป็นถึงฮูหยินใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ลูกไม้ที่บรรดาสาวน้อยใช้เพื่อแย่งชิงบุรุษกันแล้วล่ะ”ในที่สุดเกราะป้องกันของนางหยางพังทลาย ตัวตนของนางถูกชุยอันหรูใช้วิธีที่เรียบง่ายโผงผาง ทว่ามีประสิทธิภาพและเป็นความจริงสรุปย่อออกมา นางรู้สึกว่าในเสี้ยววินาทีนั้น การเสแสร้งทั้งหมดของตนได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว“ชุยอันหรู เจ้ากล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับท่านแม่ของข้าได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไร นางก็คือผู้อาวุโสของเจ้า!”เซียวเสวี่ยหลิงก็คิดคำตำหนิที่ใช้ได้ไม่ออกเช่นกัน จึงได้แต่ยกความอาวุโสมาข่มคน“แล้วเหตุใดคนอกตัญญู ที่กินใช้ของของข้ามาสองปีแบบเจ้า ถึงได้กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับข้าเล่า?”“ก็อาศัยที่เจ้าเหยียดหยามท่านแม่ข้าเมื่อครู่ ข้าก็ไม่อาจทน”เซียวเสวี่ยหลิงคิดเ
คำพูดไม่แยแสสิ่งใดนี้ของนาง ทำให้แม้แต่เซียวเสวี่ยหลิงได้ฟังแล้วก็รู้สึกบาดหู“ชุยอันหรู เจ้ามันก็แค่ได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านหญิงเท่านั้น เหตุใดจึงพูดจาร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้?”นางหยางถือโอกาสคว้าเซียวเสวี่ยหลิงไว้ จากนั้นก็เริ่มสวมบทบาทของตนอีกครั้ง “เสวี่ยหลิง อย่าได้ทะเลาะกับอันหรู พวกเราไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น…เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นตระกูลเซียวของเราที่ทำผิดต่อนางก่อน ขอเพียงวันนี้ นางยอมรับปากผ่อนปรนให้ร้านยาขายบัวหิมะให้ตระกูลเซียวเราเพื่อต่อชีวิตท่านย่าของเจ้า ต่อให้พูดไม่น่าฟังกว่านี้ พวกเราก็ต้องยอมรับมันนะ”ในที่สุด เหลียงจื่ออวี้ก็เข้าใจเป้าหมายของอีกฝ่ายแล้ว นางก็มิได้อดทนต่อไปอีก ปกป้องชุยอันหรูไว้ด้านหลังทันที“ข้าว่านะ ฮูหยินใหญ่ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เหตุใดท่านจึงได้ไร้ซึ่งความละอายเยี่ยงนี้ นางเพียงประกาศออกไปว่า จะไม่ใช้สินเดิมของตัวเองช่วยจ่ายเงินให้พวกท่านอีก เป็นเถ้าแก่ร้านยาทั้งหลายที่มีคุณธรรม ไม่เต็มใจจะทำการค้ากับจวนโหวของพวกท่านเอง เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับอันหรูกัน?”นางหยางจึงบีบน้ำตาออกมาสองสามหยดเสียเลย “ไม่ว่าฮูหยินท่านแม่ทัพจะติเตียนอย่างไร ข้าก็ไม่กล
ชุยอันหรูเดินผ่านกลุ่มคน ตรงไปยืนเคียงข้างเหลียงจื่ออวี้ที่หน้าประตูใหญ่เมื่อนางหยางเห็นนางเดินเข้ามา ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุภาพเหมาะสมอย่างยิ่งว่า “อันหรู ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีความแค้น นี่ก็เป็นเรื่องสมควร ผู้ใดใช้ให้เขาทำเรื่องบัดซบเช่นนั้นออกมาล่ะ แต่ถึงอย่างไรท่านแม่ก็อายุมากแล้ว อาการป่วยของท่าน ยังเป็นเจ้าใช้เวลาดูแลมาสองปีจึงได้ดีขึ้นอีก เจ้าก็คงทำใจดูท่านผู้เฒ่าที่อายุมากขนาดนี้เช่นนางไม่ได้รับการรักษาไม่ได้กระมัง?”คำพูดของนางหยาง ไม่เหมือนกับผู้อื่นในตระกูลเซียว นางถ่อมตัวมาก และยังยอมรับว่าเป็นความผิดของเซียวรั่งทั้งหมดเพียงแต่ท่าทางเช่นนี้ของนาง ไม่ได้ผลกับชุยอันหรูนานแล้ว“ฮูหยินใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง เพราะวันนั้นที่ข้าสามารถรวบรวมความกล้าเข้าวังทูลขอพระราชโองการหย่าจากฝ่าบาทได้ ก็เป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่ามอบความกล้าให้ข้า เป็นนางที่เตือนข้าด้วยวาจาเชือดเฉือนว่า หากไม่พอใจการพระราชทานสมรสและมีปัญญา ก็จงเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท นางที่มีพลังมากขนาดนั้นจะล้มป่วยได้อย่างไร?”นางหยางถูกพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็สูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย “อันหรู ข้ารู้ว่าเจ้ายั
ซวีหวยพูดกับรั่วกู่เบาๆ อยู่ด้านข้างว่า “ทั้งหมด…ครึ่งราคา…คนเต็มไปหมด…”รั่วกู่ก็นึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นได้แล้วเช่นกัน ดูท่าท่านหญิงผู้นี้ไม่เคยคิดจะกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อรักษาหน้าตาใดๆ“วันหลังก็มาพบกันที่นี่เถิด ประมาณเวลานานเท่าใดจึงต้องตรวจอีกครั้ง เรื่องนี้ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า”“ที่นี่มองเห็นทัศนียภาพได้กว้าง สะดวกในการชมความครึกครื้นในเมืองที่สุด มิสู้เป็นอีกสามวันข้างหลังเถิด”ลู่จิ่งเชินก็อยากเห็นเช่นกันว่า ในวันที่หลินจืออินออกเรือนจะเกิดเรื่องวุ่นวายได้สักเท่าใดกันแน่“ก็ดี น้อมรับคำสั่งท่านหมอ”“รู้ว่าท่านหญิงเป็นห่วงคนที่บ้าน ข้าได้ให้ห้องครัวเตรียมกล่องอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านหญิงสามารถนำกลับไปให้ซื่อจื่อน้อยและฮูหยินท่านแม่ทัพได้”เมื่อเห็นชุยอันหรูลุกขึ้น ลู่จิ่งเชินก็กล่าวขึ้นอีกครั้งแม้แต่ตันชิงกับตันจูก็งุนงงไปแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าอาหารของภัตตาคารหลั่นเพ่ยไม่เคยอนุญาตให้นำออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารกล่องอะไรเลย“ขอบคุณท่านอ๋องมาก…”“วางใจเถิด ไม่มีพิษ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ต้องการทักษะการแพทย์ซึ่งไร้ผู้เปรียบได้ของเจ้า”“ข้าไม่ได้แคลงใจในตัวท่านอ๋อง…”ล
“ฮองเฮามิได้มาสักพักแล้ว อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าสักครู่เถิด”“…เพคะ”ไทเฮาทรงใส่ใจมาก เตรียมรถม้าแยกไว้ให้เหลียงจื่ออวี้เป็นพิเศษที่หน้าประตูวังอีกคัน เพราะชุยอันหรูยังต้องไปตรวจอาการให้ลู่จิ่งเชินอีก“พี่สะใภ้ ท่านกลับจวนไปก่อน ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ”“ได้ เช่นนั้นเจ้าระวังหน่อย”อันที่จริงแล้ว เหลียงจื่ออวี้ก็เป็นห่วงเช่นกันว่า หากพวกนางไม่อยู่ทั้งสองคน แล้วคนตระกูลเหลียงมาก่อปัญหาอีก เหล่าข้ารับใช้จะรับมือไม่ไหวชุยอันหรูนั่งรถม้าไปที่ภัตตาคารที่ไทเฮาบอกนางก่อนหน้า ‘ภัตตาคารหลั่นเพ่ย’สภาพแวดล้อมของที่นี่งามสง่า ดังนั้นการเลือกลูกค้าจึงจุกจิกอยู่บ้างเช่นกัน บรรดาคนหยาบกระด้างเสเพลพวกนั้น ย่อมไม่มีโอกาสจะขึ้นชั้นบนแม้แต่น้อยลู่จิ่งเชินอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นบนสุด ทอดตามองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างไม่เร่งร้อนทว่า ใจของซวีหวยกับรั่วกู่กลับไม่สงบอยู่บ้าง เพราะพวกเขาประจักษ์ต่อสายตาตนเองแล้ว หลังจากลู่จิ่งเชินกินยาของชุยอันหรูเข้าไปอาการก็ดีขึ้น วันนี้จึงแทบอดรนทนไม่ไหวอยากให้ชุยอันหรูรักษาขั้นต่อไปให้ท่านอ๋องของพวกเขา“ทำให้ท่านอ๋องรอนานแล้ว”ในยามที่ซวีหวยและรั่วกู่เห็นชุยอันหรู
ต้าเซี่ย วสันตฤดูปีที่สิบห้าของจักรพรรดิเกา จวนอันหนานโหว ณ เมืองหลวง“ราชโองการ!”ผู้ใหญ่และเด็กของตระกูลเซียวทั้งหมดได้มารวมกันอยู่ที่ประตูใหญ่แล้ว ตั้งแต่ฮูหยินผู้เฒ่าและนางหยางมารดาครองหม้ายมาหลายปีของเซียวรั่ง จนถึงบรรดาคนรับใช้คุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รอขันทีอ่านราชโองการเพียงแต่ชุยอันหรูที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ไม่เข้ากับบรรดาญาติผู้หญิงตระกูลเซียวที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามสีสันฉูดฉาดที่กำลังรอรับพระราชทานรางวัลชุยอันหรูเป็นบุตรสาวในภรรยาเอกเพียงคนเดียวของเจิ้นกั๋วกงเจิ้นกั๋วกงและบุตรชายมีผลงานในการศึกมากมาย เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน แต่เมื่อหลายวันก่อน ทั้งสองเสียชีวิตระหว่างการสู้รบ ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้จัดพิธีทุกข์แห่งชาติเป็นพิเศษ โดยกินเวลาต่อเนื่องเก้าวัน รวมเวลาการเดินทาง เมื่อวานเพิ่งเป็นสัปดาห์ที่ห้า“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีพระบัญชา เดิมอันหนานป๋อเซียวรั่ง สังหารศัตรูที่ด่านหู่เหลาอย่างกล้าหาญ เอาชนะศัตรู กำจัดความยากลำบากในชายแดนทางใต้ให้เรา เลื่อนยศเป็นอันหนานโหวและประทานตำแหน่งผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์เมืองหลวง...”“หลินจืออินบุตรสาวข...
ความคิดเห็น