ภายในรถม้าที่กำลังเข้าวังตันชิงยังไม่หายโกรธเคือง “ตระกูลที่หน้าด้านเช่นนี้ ฮูหยิน...ไม่สิ คุณหนูอยู่ต่อไปก็อัปมงคลเสียเปล่า”ตันจูรู้ว่าคำพูดนี้มีเหตุผล แต่อดเป็นห่วงไม่ได้ “ยามนี้ ท่านกั๋วกงกับฮูหยินสิ้นไปแล้ว ภายในจวนเหลือเพียงฮูหยินซื่อจื่อและซื่อจื่อน้อย คุณหนูจะไปไหนได้ล่ะ...”ชุยอันหรูกล่าวขึ้น “จะไปไหน ก็สบายใจกว่าต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนเนรคุณพวกนี้”ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางทำตามคำสั่งท่านแม่ อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เคยโอ้อวดชื่อเสียงของอาจารย์ และไม่เคยแสดงฝีมือต่อหน้าใครอีกทั้งทำตามคำสั่งท่านพ่อ ออกเรือนกับผู้มีฐานะต่ำกว่าเพื่อความสงบในชีวิตผลลัพธ์ เวลาภายในสองปี เป็นเพียงสิ่งยืนยันว่าอย่างไรท่านพ่อก็มองพลาดไปในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะกล้ำกลืนฝืนทนต่อไปทำไมต่อให้เหลือนางเพียงคนเดียว ก็ต้องกอบกู้ชื่อเสียงเกียรติยศของจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพี่สะใภ้หม้ายและหลานชายตัวน้อยนางเอ่ยเสียงเรียบ “ข่าวได้ส่งถึงตันไป๋แล้ว นางรู้ดีว่าควรทำเช่นไร พวกเราแค่เตรียมตัวเข้าเฝ้าก็พอ”ตันชิงผงกศีรษะแรง ๆ ตันจูทอดมองประตูวังที่ใกล้เข้ามา “คุณหนู ฮ่องเต้จะออกหน้าแทนพวกเราจริงหร
คำพูดเช่นนี้ยิ่งสะเทือนใจทุกคนที่อยู่ที่นี่มากมายชุยอันหรูกล่าวต่อไป “วันนี้ขอให้ทุกคนช่วยเป็นพยานด้วย ข้าชุยอันหรูแต่งเข้าตระกูลเซียวมาสองปี กตัญญูผู้อาวุโส เลี้ยงดูน้องสาวสามีอย่างดี ไม่เคยทำความผิดใดมาก่อน ยามนี้เมื่อบิดาและพี่ชายสิ้นชีพ กลับถูกคนอื่นรังแกกันเพียงนี้ จึงยืนกรานตัดขาดบุญคุณคุณธรรมกับตระกูลเซียว นับจากวันนี้เป็นต้นไป สมุนไพรราคาแพงที่เคยมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าจากร้านขายยาในเมือง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่มอบให้ฮูหยินใหญ่เลือกตัดเป็นชุดจากร้านขายผ้า และยังมีเครื่องหัวอัญมณีที่เซียวเสวี่ยหลิงใช้ ข้าจะไม่ใช้สินเดิมของตัวเองจ่ายให้อีกแล้ว เชิญเถ้าแก่แต่ละร้านไปเรียกเก็บจากจวนโหวได้เลย”ผู้คนที่มุงดูต่างมึนงง ตระกูลเซียวหน้าไม่อายขนาดนี้เชียวหรือ ถึงกับใช้สินเดิมของหลานสะใภ้มาตั้งสองปี“มิน่าละ ก่อนหน้านี้ตระกูลเซียวตกต่ำถึงขนาดนั้นแล้ว จู่ ๆ ถึงได้ล่ำซำขึ้นมา”“ถูกต้อง กินของคนอื่นใช้ของคนอื่น สุดท้ายยังรังแกคนอื่นลับหลัง”ในที่สุดซวีหวยก็รีบไปตามหมอมาจนได้ ชุยอันหรูไม่สนใจ และไม่ถือสาที่หมอจะตรวจหญิงสาวคนนั้นใหม่ พอดีกับที่ความสนใจของชาวบ้านถูกหันเหไปนางฉวยโอกาสนี้เอ่
เมื่อรู้ว่าชุยอันหรูเข้าวัง ทุกคนในตระกูลเซียวไม่มีแก่ใจจะต้อนรับแขกเหรื่อหลินจืออินขอตัวกลับบ้านอย่างรู้กาลเทศะเซียวรั่งส่งนางออกจากจวนด้วยตัวเอง อีกทั้งยังปลอบใจกันยกใหญ่หลินจืออินรู้สึกแค่เริ่มต้นนางก็ชนะแล้ว จึงอารมณ์ดีมาก จนกระทั่งกลับไปถึงหน้าประตูตระกูลหลิน ยังตกรางวัลให้คนเฝ้าประตูคราวนี้บ่าวในตระกูลหลินรู้กันไปทั่วว่าคุณหนูใหญ่ท่านนี้ ที่แอบหนีออกไปโดยพลการ จนทำให้นายท่านกับฮูหยินอับอายขายหน้า กำลังจะได้ดิบได้ดีทว่าสุดท้ายตรงหน้าประตูใหญ่ตระกูลหลิน กลับมีคนกลุ่มหนึ่งมายืนล้อมวงกัน จากนั้นตีฆ้องร้องป่าวอย่างเป็นลำดับ เมื่อคนตระกูลหลินได้ยินเสียง จึงรีบมาที่ประตูทางเข้า อยากจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นทว่าเมื่อได้ยินคำอวยพรอย่างชัดเจน กลับสีหน้าซีดเซียว!“ตระกูลหลินมีบุตรสาวแรกแย้ม กลายเป็นผู้มีผลงานในชั่วข้ามคืน พ่อแม่พี่น้องไม่ได้ผลประโยชน์ คิดแต่จะแต่งงานกับสามีผู้อื่น” นี่มาอวยพรหรือ? เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่องหลินจืออินที่เมื่อครู่เพิ่งกระหยิ่มได้ใจทั้งตกใจและโมโห คนพวกนี้กล้าดูถูกตัวเองขนาดนี้เชียวหรือ?“ที่นี่คือจวนตระกูลหลิน ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมากำเริบเสิบสาน!”
หลังจากชุยอันหรูได้ยิน รีบลงจากรถม้าทันที พร้อมวิ่งไปที่ประตูทางเข้าเสียงจากด้านใน ดังออกมาอย่างชัดเจน“พวกเจ้าคนตระกูลเซียวที่เห็นแก่ผลประโยชน์ ไร้ศีลธรรมจรรยา ถึงกับกล้าทำเรื่องที่ไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ไม่กลัวฟ้าดินลงโทษ ไม่กลัวต้องตายโหงตายห่ากันทุกคนหรือ!”“ลองไปดูทั่วเมืองหลวงสิ มีบ้านไหนที่กล้าแต่งอนุภรรยาเข้าจวนอย่างออกหน้าออกตา ในขณะที่พ่อตากับพี่ชายภรรยาเพิ่งตายได้ร่างกระดูกไม่ทันเย็น แต่พวกเจ้าตระกูลเซียวกลับจะแต่งภรรยาเท่าเทียม ซ้ำยังไปขอพระราชทานต่อหน้าพระพักตร์ ไม่กลัวสุสานบรรพบุรุษตระกูลเซียวจะระเบิด ลูกหลานอับอายขายหน้าบ้างหรือ!”“ข้าจะบอกพวกเจ้านะ จวนเจิ้นกั๋วกงยังมีลูกชายข้าอยู่ แต่ต่อให้ไม่มีบุรุษสักคน ข้าที่เป็นหม้ายก็จะขอสู้ตาย ทวงความยุติธรรมให้น้องสาวสามีข้าแน่นอน!”ชุยอันหรูอบอุ่นหัวใจ ความมั่นใจจากครอบครัวบ้านมารดา กลับได้มาจากพี่สะใภ้หรือนี่ช่วงเวลาที่ผ่านมา แรงกดดันที่พี่สะใภ้ได้รับ จะน้อยไปกว่านางได้อย่างไร?“วันนี้โชคดีที่ข้ามา ไม่อย่างนั้นคงจับไม่ได้ว่าพวกเจ้าคิดจะใช้สินเดิมของน้องสาวสามีข้า ไปสู่ขอนังหน้าด้านตระกูลหลินนั่น เห็นว่าจวนเจิ้นกั๋วกงของพ
คนตระกูลเซียวคาดคิดไม่ถึงว่าในวังจะส่งคนมาจริงๆ คำพูดเมื่อครู่ของชุยอันหรู ทำให้พวกเขาเริ่มกระวนกระวายเหลียงจื่ออวี้ก็มองชุยอันหรูอย่างกังวลเช่นกัน กลัวว่านางแค่กำลังอวดเก่ง“วางใจได้”ชุยอันหรูตบมือของนางเบาๆ ก่อนจะดึงชุยหลางมาที่ข้างกายตัวเองและคุกเข่ารับราชโองการด้วยกัน“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฝ่าบาทมีพระบัญชา อันหนานโหวละเมิดหลักจริยธรรม แต่งภรรยาเท่าเทียมในช่วงไว้อาลัย เราเห็นแก่ที่ความดีความชอบด้านการศึกซึ่งไม่เคยมีมาก่อน แม้ปฏิเสธคำร้องปลดสามีของบุตรสาวเจิ้นกั๋วกง แต่อนุญาตให้หย่า ให้มีผลทันที จวนอันหนานโหวต้องคืนค่าใช้จ่ายบุตรสาวเจิ้นกั๋วกงในสองปีทั้งหมดภายในสามวัน รวมเป็นเงินเจ็ดแสนห้าหมื่นตำลึง จบราชโองการ”เซียวรั่งมองตาค้างแล้ว ชุยอันหรูเข้าวังก็เพื่อขอราชโองการปลดสามี?“ชุยอันหรู เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? พ่อและพี่ชายของเจ้าไม่อยู่แล้ว หย่ากับพี่ชายข้า ยังจะมีใครเอาเจ้าอีก?”เซียวเสวี่ยหลิงเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว ตะคอกออกมาโดยตรงสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าปวดใจมากกว่านั้นคือเงินทอง“เจ็ดแสนห้าหมื่นตำลึง เหตุใดเจ้าไม่ไปปล้นเลยล่ะ?”ชุยอันหรูมองพวกนางด้วยสายตาเย็นชา“ถ้าหากพวกท่าน
จวนตระกูลหลิน“ตกลงชุยอันหรูรู้เรื่องที่เจ้าท้องได้อย่างไร?” จนถึงตอนนี้นางเวินก็ยังไม่เข้าใจหลินจืออินแทบจะนอนอยู่ตรงนั้นอย่างสิ้นหวัง นึกถึงตัวเองกลับมาอย่างมีเกียรติ และยังสามารถเข้าจวนโหว เดิมทีควรจะมีหน้ามีตาสมปรารถนา แต่เพราะการกระทำที่สวนทางของชุยอันหรู กลับตาลปัตรในพริบตาตอนนี้ชื่อเสียงของนางป่นปี้แน่“ท่านแม่ ข้าไม่รู้จริงๆ…”เสียงของหลินจืออินแหบแห้ง“ไม่แน่นางเฒ่าคนนั้นนั่นแหละที่ได้ใจจนชั่วขณะเผลอพลั้งปาก ผู้อาวุโสสองคนนั้นของตระกูลเซียว คนหนึ่งเห็นผลประโยชน์ลืมบุญคุณ อีกคนหน้าเนื้อใจเสือ น้องหญิงแต่งไปต้องได้รับความคับข้องใจแน่นอน”หลินชวนที่เซียวเสวี่ยหลิงชอบมาโดยตลอด บ่นอย่างไม่เกรงใจหลินจื้อหย่วนเงียบมาโดยตลอด สีหน้าบึ้งตึง“มาพูดเรื่องนี้ตอนนี้มีประโยชน์อะไร? เพราะเจ้าคนเดียว ชื่อเสียงของตระกูลหลินถูกทำลายหมดแล้ว”“ชุยอันหรูคนนี้เหลวไหลจริงๆ ไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว นางกลับไม่อยากพึ่งใบบุญของจวนอันหนานโหว และยังบ้าๆ บอๆ จะสู้จนตายไปข้างหนึ่ง หมดหนทางเยียวยาแล้วจริงๆ”ท้ายที่สุดนางเวินก็ตำหนิลูกสาวไม่ลง“เอาเป็นว่ามอบเรื่องนี้ให้เซียวรั่งไปจัดการ เขาต้องให
ความอัปยศอดสูที่ชัดเจนเช่นนี้ ตระกูลหลินไม่อยากรับต่อให้หักแค่หนึ่งตำลึง วันข้างหน้าจะไม่สามารถเงยหน้าต่อหน้าชุยอันหรูได้อีก“นี่น้องหญิงพูดอะไรเนี่ย ตระกูลหลินของเราเลื่อมใสพ่อลูกเจิ้นกั๋วกงมาโดยตลอด จะมาเรียกร้องเช่นนี้ในเวลานี้ได้อย่างไร เป็นเพราะคนรับใช้ของจวนอันหนานโหวถ่ายทอดคำพูดผิดแน่ๆ ส่งผลให้ท่านโหวเข้าใจเจตนาผิด”เวลานี้หลินจืออินยังคิดจะแสร้งเป็นคนดี“ไม่ตายแล้ว?”ชุยอันหรูกล่าวถากถางมองดูสีหน้าของหลินจืออินที่ปั้นยาก นางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“เจอข้าครั้งหน้า จำไว้ว่าอย่าเรียกน้องหญิง ข้าเป็นคนต่ำตมมากเลยหรือ ถึงรับคนอย่างเจ้าเป็นพี่หญิง?”ในที่สุดคำพูดของชุยอันหรู ก็ทำให้สัญชาตญาณการปกป้องน้องสาวของหลินชวนระเบิด“เจ้าอย่าให้มันมากนัก น้องหญิงข้าเกรงใจเจ้ามากแล้ว เจ้ายังเอาอย่างไรอีก?”เหลียงจื่ออวี้ถามทันที “บอกข้าสิ อันหรูทำเกินไปอย่างไร? ถ้าหากน้องหญิงของเจ้าพบเจอเรื่องเช่นนี้ เจ้าจะหัวเราะเหอะๆ เกลี้ยกล่อมให้น้องสาวเจ้าอดทนหรือ?”หลินชวนเงียบแล้ว เพราะเขาเป็นคนสองมาตรฐานหลินจื้อหย่วนเอ่ยปาก “ข้าน้อยเข้าใจได้ว่าฮูหยินท่านแม่ทัพกับแม่นางชุยโกรธ แต่ก็ไม่จำเป็นต้อ
ชุยอันหรูส่ายศีรษะ “นางไม่กล้า ตอนนี้ข้าอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ อีกทั้งท่านพ่อกับท่านพี่ตายในสนามรบ ถ้าหากนางจะให้ข้าแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ ผู้คนทั่วใต้ฟ้าล้วนรังเกียจ”เหลียงจื่ออวี่พยักหน้า “อืม ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว ข้าก็วางใจแล้ว ปัจจุบันจวนเจิ้นกั๋วกงของเรายังมีหลางเอ๋อร์ บรรดาศักดิ์ของเจิ้นกั๋วกงก็ไม่ถูกเรียกคืน ใครก็อย่าคิดดูถูกตระกูลชุยของพวกเรา”ชุยอันหรูคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ตัดสินใจทำให้พี่สะใภ้มีสติ“พี่สะใภ้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะฝ่าบาทระแวงท่านพ่อกับท่านพี่ ก็ไม่จำเป็นต้องนำทหารออกรบด้วยตัวเอง และข้าก็ไม่จำเป็นต้องออกเรือนกับผู้มีศักดิ์ต่ำกว่า”“วันนี้หากไม่ใช่เพราะข้าทำให้เรื่องราวมันบานปลาย อีกทั้งเรื่องที่หลินจืออินท้องก็กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน เกรงว่าข้าคงขอราชโองการหย่าฉบับนี้ไม่ได้”เหลียงจื่ออวี้ตะลึง อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจชุยอันหรูถอนใจแล้วกล่าว “เพราะเซียวรั่งใช้ความดีความชอบด้านการทหารบีบคั้นฝ่าบาท”“ท่านพ่อกับท่านพี่มีความดีความชอบด้านการศึกเช่นนี้ ยังไม่เคยบังคับฝ่าบาททำอะไรเลย เขาที่เป็นขุนนางใหม่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ ก็กล้าขอพระราชทา
นางมองออกว่าอารมณ์ของเซียวรั่งใกล้จะระเบิดแล้วเซียวรั่งได้พยายามควบคุมอารมณ์ของตนอย่างที่สุดแล้ว ท่องอยู่ในใจตลอดว่าวันนี้เป็นวันมงคลของเขา…“นำทาง...”เขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีจึงสามารถทำให้ตนสงบลง แล้วกัดฟันกล่าวสองคำนี้ออกมาแม่สื่อไม่กล้าลังเล เวลาล้ำค่าอย่างยิ่ง หากพลาดฤกษ์ดีไป ผู้ที่จะเอาโทษนางก็มิได้มีแค่จวนอันหนานโหวแล้วคิดไม่ถึงว่า เมื่อพวกเขาเดินไปถึงถนนสายหลักอีกสาย ก็ถูกผู้คนที่แน่นขนัดชนิดสายน้ำไม่อาจไหลผ่านได้ขวางไว้แล้ว ทว่าที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นอิสตรีเป็นร้านค้าของชุยอันหรูเช่นกัน เพียงแต่ที่นี่จำหน่ายอาภรณ์ตัดสำเร็จและผ้า มีทั้งที่ลดครึ่งราคา กับสินค้าราคาพิเศษ ที่ประกาศลดราคาลงร้อยละเก้าสิบเป็นช่วงเวลาสั้นๆอารมณ์ที่เซียวรั่งกดลงไป ราวสุราที่ไม่เชื่อฟัง ที่คอยหาโอกาสตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง“ดันเข้าไปโดยตรงเลย…” ยามนี้ ในเสียงของทุ้มต่ำของเซียวรั่ง ได้มีเพลิงโทสะค่อยๆ ปะทุขึ้นมาแล้วแม่สื่อรีบเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านโหว ผู้ที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นอิสตรี หากขบวนเกี้ยวพุ่งชนเข้าไปเช่นนี้ จะต้องมีคนได้รับบาดเจ็บแน่ หากเกิดเลือดตกยางออกในวันแต่งงานก็คงจะไม่เป็นมงคล…มิสู้
ในตอนที่เซียวร่างขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ออกเดินทางจากจวนอันหนานโหวนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าที่แสร้งป่วยมาหลายวันแต่ไม่มีผู้เหลียวแลได้กำชับเป็นพิเศษว่า “รั่งเอ๋อร์ จำไว้ว่าตอนรับจืออินกลับมา จะต้องผ่านประตูจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย ให้นังหญิงที่คิดว่าตัวเองถูกสองคนนั้นได้เห็นถึงความเบิกบานรุ่งเรืองของจวนอันหนานโหวเรา ให้พวกนางหนึ่งแม่หม้าย หนึ่งลูกกำพร้า เฝ้าจวนเจิ้นกั๋วกงที่ตกต่ำอย่างอิจฉาตาร้อนไปเถอะ”เดิมเซียวรั่งก็คิดเช่นนี้ ความไม่พอใจที่เขามีต่อชุยอันหรูเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ตามการกระทำต่างๆ ในหลายวันนี้ของนาง“ท่านย่า อีกไม่ช้าความเย่อหยิ่งของพวกนางก็จะถูกเหยียบไว้บนพื้นแล้วขอรับ”เมื่อหลินจืออินแต่งเข้ามาอย่างเป็นทางการ เขาก็จะถือว่ากลายเป็นหลานเขยของตระกูลเวินอย่างเป็นทางการเช่นกัน ไม่ว่าท่านมหาราชครูเวินกับอัครมหาเสนาบดีเวินจะไม่พอใจเขาเพราะเรื่องก่อนหน้าเพียงใด เพื่อเห็นแก่หน้าของหลินจืออิน ก็ต้องดูแลเขาอยู่บ้าง“ไปเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างพึงพอใจขบวนรับเจ้าสาวตีฆ้องร้องป่าวไปตลอดทาง ทว่าผู้คนที่อยู่ริมถนนกลับมีไม่มากนัก เรื่องนี้ทำให้เซียวรั่งประหลาดใจอยู่บ้างถนนที่มุ่งไปสู่จวน
เซียวเสวี่ยหลิงด้านหนึ่งกล่าววาจา อีกด้านก็จินตนาการว่าเมื่อใดหลินชวนจะมาขอตนแต่งงานเพราะตระกูลเซียวตั้งใจหลบเลี่ยง สามวันมานี้จึงสุขสงบอย่างไม่คาดคิด แม้แต่ตระกูลเหลียงก็หยุดก่อเรื่องอย่างผิดปกติกาลเวลามิเคยหยุดยั้งเพราะความอาลัย ยิ่งไม่รอคอยเพราะผู้ใดมิทันเตรียมการในวันมงคล ตระกูลเซียวและตระกูลหลินต่างก็คึกคักเป็นพิเศษไม่ว่าภายนอกจะโพนทะนาจนเซียวรั่งกลายเป็นคนเช่นใด แต่เหล่าทหารคนสนิทในอดีตของเขาย่อมต้องมาร่วมความครึกครื้นด้วยเนื่องจากบารมีของตระกูลเวิน หลังจากขบคิดอย่างหนัก ขุนนางใหญ่บางคนในราชสำนักก็มุ่งหน้ามาร่วมงานด้วยเช่นกันส่วนทางตระกูลหลิน ไม่เพียงเวินจี้หลี่ที่มา แม้แต่ท่านมหาราชครูเวินที่สามารถเข้าร่วมประชุมเช้าตามอารมณ์ได้ก็มาด้วยเช่นกันหลินจื้อหย่วนไม่อาจปิดบังความยินดีของตน ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้วันนี้ชื่อเสียงของบุตรสาวตนจะไม่ดีแต่ในอนาคตก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านสามีได้อย่างมีความมั่นใจเช่นกัน“ท่านพ่อตา ท่านพี่ เชิญด้านใน หากจืออินรู้ว่าพวกท่านล้วนมาส่งเจ้าสาว ไม่แน่อาจร้องไห้จนเครื่องประทินโฉมเลอะหมดก็ได้…”“เช่นนั้นจะให้ทำอย่างไร ให้พวกเรากลั
ในตอนที่นางหยางและเซียวเสวี่ยหลิงจากไปนั้น ทุลักทุเลเป็นอย่างมาก ท่าทางสำรวม สง่างามในยามปกติของนางหยางก็หลุดร่อนไปหมดสิ้น แม้แต่ยามเดินก็เริ่มโซเซชุยอันหรูอารมณ์ดีอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าคนตระกูลเซียวจะส่งตัวเองมาให้นางระบายโทสะถึงที่นางนำกล่องอาหารที่ลู่จิ่งเชินมอบให้ออกมา เรียกชุยหลางมา บอกว่าเป็นรางวัลที่ช่วงนี้เขารู้ความเป็นเด็กดี เหลียงจื่ออวี้รู้สึกถอนใจมาก เดิมคิดจะเป็นผู้หนุนหลังเป็นความมั่นใจให้ชุยอันหรู แต่ผลกลับเป็นว่า ทุกครั้งที่มีปัญหาล้วนต้องให้ชุยอันหรูมาจัดการนางแอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า หากยังแตะต้องตระกูลอื่นไม่ได้ เช่นนั้นก็เริ่มลงมือกับตระกูลเหลียงก่อนหากพวกเขายังกล้ามาพูดจาไร้สาระอีก นางจะไม่ทำตัวอ่อนแออีกต่อไปแล้วเมื่อนางหยางกับเซียวเสวี่ยหลิงกลับไปถึงจวนอันหนานโหว ก็พูดเรื่องนี้กับเซียวรั่ง“พวกท่านไปหานางทำไมกัน?”หนนี้เซียวรั่งกลับมิได้กล่าวโทษชุยอันหรูในทันที แต่กลับสอบถามออกมาประโยคหนึ่งก่อน“บัวหิมะที่ท่านย่าของเจ้าต้องการ ข้าเปลี่ยนคนไปซื้อหลายครั้ง แต่ขอเพียงร้านยาได้ยินว่าเป็นคนจากจวนอันหนานโหวก็จะปฏิเสธไม่ยอมขายทันที ต่อมาถึงขนาดปฏิเสธไม่ขา
“ฮูหยินใหญ่ ท่านมักทำตัวอ่อนแอคล้ายไม่มีพิษภัยต่อผู้ใด จะแกล้งเขลาทำไม่รู้ก็ดี จะล้อเล่นกับหัวใจคนก็ช่าง ท่านเพียงต้องการให้คนรู้สึกว่าข้าใจร้าย เอาความกับบางเรื่องไม่ยอมปล่อย เช่นนี้ก็จะสามารถช่วยกู้ชื่อเสียงตระกูลเซียวของท่านกลับมาได้บ้างมิใช่หรือ?”“เพียงแต่วิธีการเช่นนี้ ไม่ฉลาดเลยจริงๆ บัดนี้ ลูกชายของท่านได้เป็นท่านโหวแล้ว ท่านเป็นถึงฮูหยินใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ลูกไม้ที่บรรดาสาวน้อยใช้เพื่อแย่งชิงบุรุษกันแล้วล่ะ”ในที่สุดเกราะป้องกันของนางหยางพังทลาย ตัวตนของนางถูกชุยอันหรูใช้วิธีที่เรียบง่ายโผงผาง ทว่ามีประสิทธิภาพและเป็นความจริงสรุปย่อออกมา นางรู้สึกว่าในเสี้ยววินาทีนั้น การเสแสร้งทั้งหมดของตนได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว“ชุยอันหรู เจ้ากล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับท่านแม่ของข้าได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไร นางก็คือผู้อาวุโสของเจ้า!”เซียวเสวี่ยหลิงก็คิดคำตำหนิที่ใช้ได้ไม่ออกเช่นกัน จึงได้แต่ยกความอาวุโสมาข่มคน“แล้วเหตุใดคนอกตัญญู ที่กินใช้ของของข้ามาสองปีแบบเจ้า ถึงได้กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับข้าเล่า?”“ก็อาศัยที่เจ้าเหยียดหยามท่านแม่ข้าเมื่อครู่ ข้าก็ไม่อาจทน”เซียวเสวี่ยหลิงคิดเ
คำพูดไม่แยแสสิ่งใดนี้ของนาง ทำให้แม้แต่เซียวเสวี่ยหลิงได้ฟังแล้วก็รู้สึกบาดหู“ชุยอันหรู เจ้ามันก็แค่ได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านหญิงเท่านั้น เหตุใดจึงพูดจาร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้?”นางหยางถือโอกาสคว้าเซียวเสวี่ยหลิงไว้ จากนั้นก็เริ่มสวมบทบาทของตนอีกครั้ง “เสวี่ยหลิง อย่าได้ทะเลาะกับอันหรู พวกเราไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น…เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นตระกูลเซียวของเราที่ทำผิดต่อนางก่อน ขอเพียงวันนี้ นางยอมรับปากผ่อนปรนให้ร้านยาขายบัวหิมะให้ตระกูลเซียวเราเพื่อต่อชีวิตท่านย่าของเจ้า ต่อให้พูดไม่น่าฟังกว่านี้ พวกเราก็ต้องยอมรับมันนะ”ในที่สุด เหลียงจื่ออวี้ก็เข้าใจเป้าหมายของอีกฝ่ายแล้ว นางก็มิได้อดทนต่อไปอีก ปกป้องชุยอันหรูไว้ด้านหลังทันที“ข้าว่านะ ฮูหยินใหญ่ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เหตุใดท่านจึงได้ไร้ซึ่งความละอายเยี่ยงนี้ นางเพียงประกาศออกไปว่า จะไม่ใช้สินเดิมของตัวเองช่วยจ่ายเงินให้พวกท่านอีก เป็นเถ้าแก่ร้านยาทั้งหลายที่มีคุณธรรม ไม่เต็มใจจะทำการค้ากับจวนโหวของพวกท่านเอง เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับอันหรูกัน?”นางหยางจึงบีบน้ำตาออกมาสองสามหยดเสียเลย “ไม่ว่าฮูหยินท่านแม่ทัพจะติเตียนอย่างไร ข้าก็ไม่กล
ชุยอันหรูเดินผ่านกลุ่มคน ตรงไปยืนเคียงข้างเหลียงจื่ออวี้ที่หน้าประตูใหญ่เมื่อนางหยางเห็นนางเดินเข้ามา ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุภาพเหมาะสมอย่างยิ่งว่า “อันหรู ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีความแค้น นี่ก็เป็นเรื่องสมควร ผู้ใดใช้ให้เขาทำเรื่องบัดซบเช่นนั้นออกมาล่ะ แต่ถึงอย่างไรท่านแม่ก็อายุมากแล้ว อาการป่วยของท่าน ยังเป็นเจ้าใช้เวลาดูแลมาสองปีจึงได้ดีขึ้นอีก เจ้าก็คงทำใจดูท่านผู้เฒ่าที่อายุมากขนาดนี้เช่นนางไม่ได้รับการรักษาไม่ได้กระมัง?”คำพูดของนางหยาง ไม่เหมือนกับผู้อื่นในตระกูลเซียว นางถ่อมตัวมาก และยังยอมรับว่าเป็นความผิดของเซียวรั่งทั้งหมดเพียงแต่ท่าทางเช่นนี้ของนาง ไม่ได้ผลกับชุยอันหรูนานแล้ว“ฮูหยินใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง เพราะวันนั้นที่ข้าสามารถรวบรวมความกล้าเข้าวังทูลขอพระราชโองการหย่าจากฝ่าบาทได้ ก็เป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่ามอบความกล้าให้ข้า เป็นนางที่เตือนข้าด้วยวาจาเชือดเฉือนว่า หากไม่พอใจการพระราชทานสมรสและมีปัญญา ก็จงเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท นางที่มีพลังมากขนาดนั้นจะล้มป่วยได้อย่างไร?”นางหยางถูกพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็สูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย “อันหรู ข้ารู้ว่าเจ้ายั
ซวีหวยพูดกับรั่วกู่เบาๆ อยู่ด้านข้างว่า “ทั้งหมด…ครึ่งราคา…คนเต็มไปหมด…”รั่วกู่ก็นึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นได้แล้วเช่นกัน ดูท่าท่านหญิงผู้นี้ไม่เคยคิดจะกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อรักษาหน้าตาใดๆ“วันหลังก็มาพบกันที่นี่เถิด ประมาณเวลานานเท่าใดจึงต้องตรวจอีกครั้ง เรื่องนี้ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า”“ที่นี่มองเห็นทัศนียภาพได้กว้าง สะดวกในการชมความครึกครื้นในเมืองที่สุด มิสู้เป็นอีกสามวันข้างหลังเถิด”ลู่จิ่งเชินก็อยากเห็นเช่นกันว่า ในวันที่หลินจืออินออกเรือนจะเกิดเรื่องวุ่นวายได้สักเท่าใดกันแน่“ก็ดี น้อมรับคำสั่งท่านหมอ”“รู้ว่าท่านหญิงเป็นห่วงคนที่บ้าน ข้าได้ให้ห้องครัวเตรียมกล่องอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านหญิงสามารถนำกลับไปให้ซื่อจื่อน้อยและฮูหยินท่านแม่ทัพได้”เมื่อเห็นชุยอันหรูลุกขึ้น ลู่จิ่งเชินก็กล่าวขึ้นอีกครั้งแม้แต่ตันชิงกับตันจูก็งุนงงไปแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าอาหารของภัตตาคารหลั่นเพ่ยไม่เคยอนุญาตให้นำออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารกล่องอะไรเลย“ขอบคุณท่านอ๋องมาก…”“วางใจเถิด ไม่มีพิษ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ต้องการทักษะการแพทย์ซึ่งไร้ผู้เปรียบได้ของเจ้า”“ข้าไม่ได้แคลงใจในตัวท่านอ๋อง…”ล
“ฮองเฮามิได้มาสักพักแล้ว อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าสักครู่เถิด”“…เพคะ”ไทเฮาทรงใส่ใจมาก เตรียมรถม้าแยกไว้ให้เหลียงจื่ออวี้เป็นพิเศษที่หน้าประตูวังอีกคัน เพราะชุยอันหรูยังต้องไปตรวจอาการให้ลู่จิ่งเชินอีก“พี่สะใภ้ ท่านกลับจวนไปก่อน ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ”“ได้ เช่นนั้นเจ้าระวังหน่อย”อันที่จริงแล้ว เหลียงจื่ออวี้ก็เป็นห่วงเช่นกันว่า หากพวกนางไม่อยู่ทั้งสองคน แล้วคนตระกูลเหลียงมาก่อปัญหาอีก เหล่าข้ารับใช้จะรับมือไม่ไหวชุยอันหรูนั่งรถม้าไปที่ภัตตาคารที่ไทเฮาบอกนางก่อนหน้า ‘ภัตตาคารหลั่นเพ่ย’สภาพแวดล้อมของที่นี่งามสง่า ดังนั้นการเลือกลูกค้าจึงจุกจิกอยู่บ้างเช่นกัน บรรดาคนหยาบกระด้างเสเพลพวกนั้น ย่อมไม่มีโอกาสจะขึ้นชั้นบนแม้แต่น้อยลู่จิ่งเชินอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นบนสุด ทอดตามองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างไม่เร่งร้อนทว่า ใจของซวีหวยกับรั่วกู่กลับไม่สงบอยู่บ้าง เพราะพวกเขาประจักษ์ต่อสายตาตนเองแล้ว หลังจากลู่จิ่งเชินกินยาของชุยอันหรูเข้าไปอาการก็ดีขึ้น วันนี้จึงแทบอดรนทนไม่ไหวอยากให้ชุยอันหรูรักษาขั้นต่อไปให้ท่านอ๋องของพวกเขา“ทำให้ท่านอ๋องรอนานแล้ว”ในยามที่ซวีหวยและรั่วกู่เห็นชุยอันหรู