“เอ่อ..พ่อหนุ่มทานหมดนี่ก็ต้องจ่ายเงินนะ”
หญิงชราก็เพิ่งเคยเห็นว่าคนที่ทานไวทานเยอะก็วันนี้นี่แหละอย่างมากสองถึงสามห่อก็อิ่มแล้วสำหรับการทานข้าวเหนียวของคนทั่วไปจนลืมบอกชายหนุ่มไปว่าถ้าจะชิมเยอะขนาดนี้ก็ต้องจ่ายเงินแล้วเพราะหญิงชราก็มองไม่ออกว่าชายหนุ่มในชุดคนป่วยจะมีเงินจ่ายไหมเลยรีบพูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้
“เงินเหรอครับ..เอ่อ..ผม”
ชายหนุ่มหยุดทานพร้อมทำหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องเงินเพราะตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาก็มีแต่ตัวกับเสื้อผ้าในชุดผู้ป่วยเท่านั้นเอง
“เอ่อ..คุณ”
หลังจากที่หญิงสาวจัดการธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินออกมาหาชายหนุ่มที่สวนหย่อมทันทีเธอเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่กับหญิงชราคนหนึ่งและเขาก็กำลังทานอะไรสักอย่างอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วยเธอจึงต้องรีบเดินเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ยังให้เขาทานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้และตัวเขาเองก็คงยังไม่รู้ตัวด้วย
“แม่หนูเป็นญาติของพ่อหนุ่มคนนี้ใช่ไหม...พอดีเขาทานไปข้าวเหนียวยายไปหลายห่อเลยจะ”
หญิงชราทำหน้าเหมือนเกรงใจหญิงสาวเพราะมันเหมือนเธอมาหลอกขายของคนป่วยเสียหลายห่อแต่อันที่จริงหญิงชราคิดว่าชายหนุ่มคงจะทานเพียงแค่ห่อสองห่อเท่านั้นเอง
“เอ่อ...เท่าไรคะยาย..”
“50 บาทจะ”
“นี่ค่ะ”
หญิงสาวจำต้องใช้มือจับมือของชายหนุ่มที่กำลังจะเอาข้าวเหนียวเข้าปากเอาไว้พร้อมกับหันมายิ้มให้กับหญิงชราพร้อมสอบถามว่าของที่ชายหนุ่มทานไปแล้วมันเป็นราคาเท่าไรพร้อมจ่ายเงินให้หญิงชราทันทีเมื่อหญิงชราได้รับเงินแล้วเธอจึงเดินออกไปจากตรงนั้นและเดินไปขายที่อื่นทันที
“คุณผมยังอยากทานอีก..”
ชายหนุ่มรู้สึกงงที่จู่ๆหญิงสาวมาจับมือของเขาเอาไว้ในขณะที่เขากำลังจะนำอาหารเข้าปากเขาจึงร้องทักเธอว่าอยากทานอีกเพราะตอนนี้เขายังไม่รู้สึกอิ่มเลยด้วยซ้ำ
“พอเลยคุณ..คุณพึ่งฟื้นขึ้นมาตอนนี้คุณยังต้องทานอาหารอ่อนๆอยู่นะ”
หญิงสาวนั่งลงที่ข้างๆชายหนุ่มพร้อมหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาที่คาดโทษเพราะที่เขาทานข้าวเหนียวไปสี่ห้าห่อมันอาจจะทำให้เขามีอาการท้องอืดไข้ขึ้นเป็นได้
“เฮ้อ!!!...เดี๋ยวฉันพาคุณกลับไปนอนพักดีกว่า”
หญิงสาวเดินลากเสานำเกลือของชายหนุ่มเช่นเดิมพร้อมพาเขากลับมานอนพักที่เตียงผู้ป่วยขืนอยู่นานกว่านี้เธอคงได้โดนหมอตำหนิเอาแน่ว่าพาคนป่วยออกมาแล้วไม่ดูแลให้ดีไปทานของสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้
“ทานน้ำก่อนคุณ...เอามือมานี่”
เมื่อหญิงสาวพาชายหนุ่มมานอนพักที่เตียงเรียบร้อยแล้วเธอจึงหยิบแก้วนำพร้อมจับหลอดให้ชายหนุ่มดื่มเพราะเมื่อครู่เขายังไม่ได้ทานน้ำพร้อมขอมือของเขาที่เปื้อนเพราะจับอาหารทานอยู่เมื่อครู่มาเช็ดอย่างเบามือ
“คุณชื่ออะไรเหรอ..ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้วยสีหน้าสงสัยเพราะอยู่คุยกันตั้งนานสองนานเขายังไม่รู้จักชื่อเธอเลย
“จริงสิ...ฉันก็ลืมบอกคุณไปเลย..ฉันชื่อน้ำเมยแล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
“เอ่อ...ผมก็ไม่รู้”
หญิงสาวลืมไปเสียสนิทว่ายังไม่ได้บอกชื่อของเธอให้เขาได้รู้จักเธอเลยแนะนำตัวเองพร้อมกับถามชายหนุ่มว่าเขาชื่ออะไรอันที่จริงในใจเธอก็รู้อยู่ว่าเขาให้คำตอบเธอไม่ด้แต่เธอแค่อยากจะลองแทรกคำถามไปเนียนๆเท่านั้นเผื่อว่าเขาจะตอบได้แต่หญิงสาวก็ได้คำตอบมาดังเดิมว่าไม่รู้
“เฮ้อ...ฉันว่าแล้ว...เอาแบบนี้นะฉันจะตั้งชื่อให้คุณเองโอเคไหม”
“อืมมม...ก็ดีเหมือนกันว่าแต่คุณจะให้ผมชื่ออะไร”
หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดว่าเธอเองจะตั้งชื่อให้ชายหนุ่มว่าอะไรดีชายหนุ่มเองก็เห็นว่าตอนนี้เขายังจำชื่อตนเองไม่ได้ให้หญิงสาวเป็นคนตั้งให้ใหม่ก็ดีเหมือนกัน
“เมื่อกี้คุณชอบทานข้าวเหนียวหมูหยองมากใช่ไหม”
“ใช่คุณ...มันอร่อยมากตอนนี้ผมยังอยากทานอยู่เลย”
ชายหนุ่มทำสีหน้ามีความหวังเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดถึงข้าวเหนียวหมูหยอง
“ไม่ต้องทำหน้าดีใจหรอกคุณฉันไม่ได้จะให้คุณทาน”
“อ้าว..แล้วคุณจะถามผมทำไม”
ชายหนุ่มมีสีหน้าที่ผิดหวังทันทีเมื่อได้ยินที่หญิงสาวบอกว่าไม่ได้ให้เขาทานแต่เธอกลับมาพูดถึงของที่เขาชอบเนี่ยนะ
“ถ้าคุณชอบทานข้าวเหนียวหมูหยอง...งั้นฉันเรียกคุณว่าหมูหยองดีไหมเข้ากับทรงผมคุณดีหัวหยองเหมือนกันเลย”
หญิงสาวจ้องหน้าของชายหนุ่มที่มองเธอตาแป๋วอยู่อย่างสงสัย
“โอเคไหมคุณ...หมูหยอง”
หญิงสาวฉีกยิ้มพร้อมตั้งคำถามให้ชายหนุ่มภาวนาในใจให้เขาโอเคกับเธอด้วยเพราะเธอเห็นว่าชื่อนี้มันเข้ากับเขาที่สุดแล้วชอบทานข้าวเหนียวหมูหยองแถมหัวยังหยิกหยองเหมือนกันอีกด้วย
“แต่ผมชอบข้าวเหนียวด้วยคุณไม่ต้องเรียกผมว่าข้าวเหนียวหมูหยองเหรอ”
ชายหนุ่มคิดว่าที่จริงเขาชอบทั้งข้าวเหนียวและหมูหยองซึ่งถ้าหญิงสาวจะเรียกชื่อเขาตามของที่เขาชอบก็ต้องเรียกว่าข้าวเหนียวหมูหยองสิถึงจะถูก
“ฮ่าๆๆ..มันยาวไปคุณ....เอาแค่หมูหยองพอเชื่อฉัน”
หญิงสาวถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เลยจริงๆนี่ถ้าเธอเห็นว่าชายหนุ่มเป็นปกติดีเธอก็คงจะคิดว่าเขาคงจะกวนปรสาทเธอเล่นเป็นแน่แต่ตอนนี้เธอคิดว่าที่เขาพูดมาเมื่อครู่เขาน่าจะคิดจริง
“อ๋อ..อืมมเอางั้นก็ได้”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบหญิงสาวเป็นอันว่าเขาเข้าใจและโอเคกับชื่อนี้แล้ว
3วันต่อมา
“นี่คุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะ”
เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ชายหนุ่มนอนอยู่ที่โรงพยาบาลตอนนี้อาการของชายหนุ่มดีขึ้นอย่างมากแผลก็เริ่มแห้งดีแล้วก่อนกลับหมอได้ทำการตัดไหมแผลเย็บให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่หญิงสาวรอรับยาพร้อมเคลียค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างเดียวก็กลับได้
“อืมมมม...ผมยังไม่รู้เลยว่าออกจากโรงพยาบาลไปแล้วผมจะไปอยู่ที่ไหน”
ชายหนุ่มเปลี่ยนชุดที่หญิงสาวเตรียมมาให้เขาเรียบร้อยพร้อมนั่งทำหน้าเศร้าอยู่ที่เตียงเพราะตอนนี้เขายังนึกอะไรไม่ออกเกี่ยวกับตัวของเขาเองเลยแล้วถ้าหมอให้เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนกัน
“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอกคุณ...ไหนๆฉันก็ช่วยคุณมาจนถึงตอนนี้แล้วฉันให้คุณพักอยู่กับฉันก่อนก็ได้แล้วถ้าเผื่อคุณจำได้ว่าคุณบ้านอยู่ที่ไหนหรือว่าพอจะมีญาติที่ไหนคุณก็มาบอกกับฉันก็แล้วกัน”
หญิงสาวเห็นสีหน้าของชายหนุ่มก็พอจะเดาออกว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่สีหน้าเขาบ่งบอกว่ากำลังเหมือนคนหมดหนทางเพราะว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยเธอจึงพูดเพื่อให้เขาหมดกังวลว่าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่อยู่เพราะเธอช่วยเขามาถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด
“ขอบคุณนะคุณที่ช่วยคนไร้หนทางอย่างผม”ชายหนุ่มรู้สึกซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวที่เธอยื่นมือเข้ามาช่วยคนไร้สิ้นหนทางอย่างเขาที่แม้แต่ชื่อตัวเองเขายังจำไม่ได้“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอะไรที่ช่วยได้ฉันพร้อมที่จะช่วยอยู่แล้ว”หญิงสาวส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มพร้อมเก็บของและพาชายหนุ่มเดินออกมารอที่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วยหญิงสาวจัดแจงธุระทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรับยาและจ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้วทั้งสองจึงพากันกลับมาที่บ้านของหญิงสาว17.00 น“ถึงแล้วคุณ..”หญิงสาวพาชายหนุ่มนั่งสองแถวจากที่โรงพยาบาลมาที่บ้านกว่าจะมาถึงก็เย็นพอดีตอนนี้ในมือของหญิงสาวมีแต่ของใช้ที่พึ่งซื้อมาใหม่เอาไว้ให้ชายหนุ่มไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวต่างๆ“บ้านคุณเหรอน่าอยู่มากเลย..”ชายหนุ่มยืนมองบ้านไม้ชั้นเดียวที่ค่อนข้างจะเก่าแต่ก็ยังคงสภาพที่ดีอยู่แถมบรรยากาศที่นี่ก็ยังดีอีกด้วยทำให้เขารู้สึกชอบที่นี่ตั้งแต่แรกเห็น“เข้าบ้านกันเถอะเดี๋ยวฉันต้องไปทำกับข้าวอีก..ปะ”หญิงสาวเห็นชายหนุ่มยืนเก้ๆกังๆอยู่ที่หน้าบ้านเธอจึงถือวิสาสะดึงมือของชายหนุ่มเพื่อให้เขาเดินเข้ามาในบ้านเพราะเธอยังต้องเข้าไปจัดการทำอาหารเย็นต่อ
“เป็นอะไรนายหัวหยองแกล้งฉันจนเหนื่อยแล้วเหรอ..ฮ่าๆๆๆ...อื้ม..”หญิงสาวยังคงหัวเราะเพราะตลกอาการของชายหนุ่มที่คิดว่าเขาสู้เธอไม่ได้เลยทำนิ่งใส่แต่จู่ๆชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบเขาก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆจนตอนนี้ริมฝีปากปากของเขามันมาแตะอยู่ที่ริมฝีปากของเธอและแล้วก็ค่อยๆบดเบียดเข้ามาเรื่อยๆจนหญิงสาวต้องร้องท้วงเพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่สนุกกับการแกล้งเขาเสียแล้วในตอนนี้ชายหนุ่มบดจูบหญิงสาวอยู่เนิ่นนานจนตอนนี้อาการที่ร้องท้วงของเธอกลับกลายเป็นยอมอ่อนให้กับเขาโดยง่ายดายเพราะเธอเองก็เริ่มที่จะมีใจให้ชายหนุ่มบ้างแล้วการที่อยู่ด้วยกันทุกวันแถมทุกวันทั้งสองก็ยังสร้างรอยยิ้มให้กันได้บ่อยๆอีกด้วยชายหนุ่มเองเมื่อเขาหายดีเขาก็แบ่งเบาภาระของหญิงสาวได้เยอะอีกทั้งยังช่วยเธอได้ทุกอย่างจากที่ชายหนุ่มเห็นเธอทำกับข้าวให้เขาทานในคราแรกเขาจึงขอหญิงสาวช่วยหัดสอนให้เขาทำเป็นเพื่อที่เขาจะได้ช่วยเธอและงานบ้านก็เช่นกันเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวยุ่งๆเขาก็จัดการทำเองทุกอย่างเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มมีอาการเครียดเขาก็จะคอยเป็นตัวตลกให้หญิงสาวได้ยิ้มอยู่ตลอดเวลาแล้วแบบนี้จะให้หญิงสาว
“ป้าคะมันเกิดอะไรขึ้นคะ”เมื่อน้ำเมยมาถึงที่หน้าบ้านก็เห็นหญิงชรายืนเก็บข้าวของให้เธออยู่เธอจึงรีบเดินเข้าไปถามเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเธอกันแน่“น้ำเมยไปไหนมาลูกหมูหยองโดนไอ้พวกชุดดำพวกนั้นทำร้ายแล้วก็จับขึ้นรถตู้ไปแล้วป้าเองก็ไม่ค่อยได้เห็นเหตุการณ์เท่าไรหรอกเพราะกลัวเสียงปืน”“อะไรนะคะ”หญิงสาวได้ยินคำจากหญิงชราที่เล่าเหตุการณ์อย่างหน้าตาตื่นให้เธอฟังหญิงสาวเองถึงกับเข่าทรุดทันทีเธอไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมาจับตัวชายหนุ่มไปเพราะเหตุใดแต่ตอนนี้หัวใจของเธอสลายหมดแล้วเพราะเธอไม่รู้ว่าเธอจะช่วยชายหนุ่มด้วยวิธีใด“บอล..บอล..พาพี่ไปแจ้งความหน่อยเดี๋ยวนี้เลย”“ครับพี่น้ำเมย”หญิงสาววิ่งรนรานมาหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรถจักรยานยนต์เธอรีบบอกให้เด็กหนุ่มพาเธอไปแจ้งความทันทีเพราะตอนนี้ที่พึ่งเดียวของเธอก็น่าจะเป็นตำรวจจนแล้วจนรอดนี่ก็ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์ที่หญิงสาววิ่งอยู่ที่โรงพักกับบ้านของเธอแถมยังออกตามหาเบาะแสเองอีกต่างห่างจนตอนนี้เธอเองก็เริ่มที่จะท้อแล้วก็หมดกำลังใจแล้วแต่เธอก็ยังไม่หมดหวังที่ว่าจะหาเขาเจอ“ช่วยบอกเสี่ยว่าหนูขอเวลาอีกนิดได้ไหมคะ”“ไม่ได้หรอกน้องเสี่ยเ
“ฉันเข้าไปได้แล้วใช่ไหมคะ.?...คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ”น้ำเมยเห็นว่าชายหนุ่มเลขาของท่านประธานกำลังมองหน้าเธออย่างสงสัยเธอจึงถามเขาออกไปว่ามีอะไรที่จะบอกเธอหรือเปล่า“อ๋อ..เอ่อ..ปะ..เปล่าครับเชิญคุณเข้าไปได้เลยครับ”เจมส์เองมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขากำลังตามหาอยู่เป็นแน่แต่ก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจก่อนเพราะเขาคิดว่าจะรอให้หญิงสาวเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มของเขาด้านในก่อนแล้วเขาค่อยถามคำถามที่คาใจกับเธอทีหลังเพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอเป็นพนักงานที่นี่อยู่แล้วคงตามตัวได้ไม่ยากก๊อกๆๆ“ขออนุญาตค่ะ”หญิงสาวเคาะประตูก่อนที่จะเข้าห้องตามมารยาทตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆแบบไม่สามารถบังคับตัวเองได้เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่าถ้าเห็นใบหน้าของชายหนุ่มอีกเธอจะปล่อยน้ำตาลงมาอย่างง่ายดายน่ะสิ“สวัสดีค่ะบอส...สวัสดีค่ะคุณดาว”น้ำเมยองเห็นแล้วว่าใครอยู่ในห้องบ้างเธอเห็นว่าหญิงสาวอยู่กับชายหนุ่มกำลังนั่งคุยกันอย่างสนิทสนมภาพนั้นมันทำให้เธอต้องเดินก้มหน้าไม่หันมองทั้งคู่พร้อมยกมือสวัสดีทั้งสองอย่างเสียงแผ่วเบา“สวัสดีค่ะ...ดาวอยากเจอคุณตั้งนานแล้ววันนี้ได้เจอกันซะทีนะคะขนมของคุณอร่อยมากเลยค่ะ”ดาวลดาก
“คือ...คุณเจมส์คะ”“ค..ครับ”น้ำเมยเองถึงกับมีสีหน้าที่ตกใจและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเธอภาวนาว่าอย่าให้เรื่องนี้ไปถึงหูของมาคัสเลยไม่ทันที่เจมส์จะพูดจบเธอก็พูดตัดบทของเขาขึ้นมาทันทีจนเจมส์เองถึงกับมีน้ำเสียงและสีหหน้าที่สงสัย“เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้ใช่ไหมคะ..แล้วยังไม่มีใครเห็นรูปนี้แล้วใช่ไหม”หญิงสาวรัวคำถามกับชายหนุ่มเพราะตอนนี้ในใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วตอนนี้เธอไม่ได้อยากให้ใครมาขอบคุณเธอทั้งนั้นเพราะไม่อยากให้ครอบครัวของมาคัสรู้เรื่องนี้มันจะทำให้เธอไปจากเขาลำบากขึ้นอีกแถมยังคงต้องมีคำถามมากมายตามมาชวนให้เธอคิดถึงเรื่องอดีตอีกด้วย“เอ่อ..ยังครับยังไม่มีใครเห็นรูปนี้แต่ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่ามีผู้หญิงที่ช่วยคุณมาร์คเอาไว้ตอนก่อนที่พวกผมจะไปเจอ”“เฮ้อ...ค่อยโล่งอกฉันจะบอกความจริงว่าฉันช่วยเจ้านายของคุณเอาไว้ก็ได้”หญิงยกมือขึ้นทาบอกของเธอทันทีเมื่อได้ยินคำตอบที่ทำให้เธอสบายใจ“ผมว่าแล้วว่ายังไงก็ต้องเป็นคุณ”เจมส์รู้สึกว่าวันนี้งานที่เขาต้องสะสางมันมาถึงผลสำเร็จแล้วเพราะวันนี้เขาเจอตัวหญิงสาวที่ช่วยเจ้านายหนุ่มของเขาเอาไว้ได้แล้วด้วยเจ้านายของเขาจำไม่ได้ว่าตอนที่อยู่ที่ปายใครช
“หึ...งั้นผมถามก็ได้ไอ้ที่ธุระที่คุณว่ามันคือธุระอะไร...แล้วนายล่ะเจมส์ตอบฉันได้หรือเปล่าว่ามันคือเรื่องอะไร”ชายหนุ่มเมื่อเห็นหญิงสาวพูดว่าตัวเธอเองไม่ได้ทำอะไรผิดแค่มีธุระคุยกันเฉยๆเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าธุระที่ต้องจับไม้จับมือกันขนาดนั้นมันธุระเรื่องอะไรเขาจึงถามเธอออกไปเมื่อไม่ได้คำตอบจากปากหญิงสาวเขาก็นึกแค่นหัวเราะอยู่ในใจว่าเขาคิดถูกพร้อมทำน้ำเสียงและสีหน้ากระหยิ่มหันไปทางเจมส์เลขาของเขาพร้อมถามว่าธุระที่คุยกันมันคือเรื่องอะไรหากเป็นธุระจริงๆอย่างที่ว่าก็คงจะตอบเขาได้“เอ่อ..”เจมส์เองเห็นทั้งสองยืนเถียงกันอย่างไม่ลดลาวาศอกเขาเองคิดว่าคงต้องพูดอะไรขึ้นมาบ้างแล้วไม่เช่นนั้นเจ้านายหนุ่มที่ไม่ชอบให้ใครมาหยามหน้าอย่างเขาคงเถียงกับหญิงสาวไม่เลิกเป็นแน่และดูท่าแล้วหญิงสาวเองก็คงไม่ยอมเจ้านายหนุ่มของเขาด้วยเช่นกันช่างเป็นคู่กัดที่สมกันจริงๆเจมส์คิดในใจ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะในเมื่อบอสเห็นว่าเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีที่พนักงานอย่างฉันเป็นคนทำงั้นฉันขอลาออกค่ะ”น้ำเมยเห็นว่าเจมส์กำลังจะเอ่ยปากพูดเธอกลัวว่าความลับของเธอจะรั่วไหลเสียเหลือเกินจึงชิงพูดขึ้นมาก่อนในเมื่อชายหนุ่มดูท่าจะอยากให
หลังจากที่อิงฟ้าได้อ่านเอกสารที่ประธานหนุ่มยื่นให้เธอแล้วเธอถึงกับกุมขมับทันทีไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะกล้าต่อว่าท่านประธานในหนังสือลาออกได้เจ็บแสบขนาดนี้หญิงสาวรู้ดีว่าคนอย่างประธานหนุ่มไม่ชอบให้ใครมาหยามหรือท้าทายอำนาจอยู่แล้วเธอคิดไม่ออกเลยว่าถ้าน้ำเมยเจอกับท่านประธานหนุ่มอีกครั้งชายหนุ่มจะทำเช่นไร“ผมรู้มาว่าน้ำเมยเป็นเพื่อนของคุณแล้วก็อยู่ที่เดียวกันด้วยใช่ไหม”“เอ่อ..ค่ะ”อิงฟ้าเองรู้อยู่แล้วว่าคนอื่นต้องรู้เรื่องนี้แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าประธานหนุ่มจะถามเธอทำไมในตอนนี้เธอก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจพร้อมก้มหน้ารับฟังคำของประธานหนุ่มต่อว่าเขาจะพูดว่าอะไรอีก“งั้นผมจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้”เมื่อมาคัสได้คำตอบจากปากหญิงสาวแล้วเขาพูดยังไม่ทันขาดคำก็เดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วทันทีทิ้งให้หญิงสาวที่ยืนก้มหน้าอยู่ยืนอยู่คนเดียวแบบนั้น“อ่อ..ค่ะ..ฮะ..อะไรนะคะเดี๋ยวค่ะบอสรอฉันด้วยค่ะ”อิงฟ้าเองคิดว่าประธานหนุ่มก็คงบ่นไปเรื่อยเพราะความไม่พอใจเธอจึงไม่ได้สนใจฟังอะไรมากมายนักแต่เมื่อนึกคำพูดของเขาอีกทีทำให้ตอนนี้ใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว เพราะจู่ๆประธานหนุ่มเล่นพูดว่าจะไปหาเพื่อนสาว
“นี่คุณขับให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหมฮะ....”อิงฟ้ารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนของเธออย่างมากจึงแผดเสียงใส่ชายหนุ่มที่ขับรถไม่ได้ดั่งใจเธอเพราะใจเธอตอนนี้มันอยู่ที่คอนโดของเธอเรียบร้อยแล้วเธอไม่น่าไปเผลอปากบอกกับท่านประธานว่าน้ำเมยอยู่กับเธอเลยจริงๆ“นี่ก็เร็วแล้วนะคุณแต่รถมันติดจะไปได้ยังไง..รถผมไม่ได้เหาะได้นะคุณ”เจมส์เองรู้สึกรำคาญเสียงของหญิงสาวเต็มทนเพราะตลอดทางที่นั่งรถกับเขามาเธอไม่ได้หยุดพูดแล้วก็ยังนั่งไม่อยู่สุขอีกด้วยเขาไม่รู้ว่าเธอร้อนใจอะไรนักหนา“อือออ...เพื่อนฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”อิงฟ้านั่งกุมมือตัวเองแน่นพร้อมกดมือถือโทรหาเพื่อนของเธอภาวนาในใจว่าอย่าให้เพื่อนของเธอเจอประธานหนุ่มตอนนี้เลยครั้นโทรไปบอกเพื่อนเธอแต่เพื่อนเธอก็ไม่รับสาย“นี่คุณคุณมาร์คก็คงจะไม่ถึงกับฆ่ากับแกงเพื่อนคุณหรอกน่ายังเพื่อนคุณก็เป็นผู้หญิงคุณจะกังวลอะไรนักหนาเนี่ย”เจมส์เองเห็นอาการที่หญิงสาวเป็นห่วงเพื่อนของเธอที่ดูจะเกินเหตุอันที่จริงเขารู้แหละว่าเจ้านายหนุ่มเขาคงจะโกรธน้ำเมยที่ไปเขียนด่าแบบนั้นแต่เขาเชื่อว่าเจ้านายหนุ่มของเขาก็คงจะไม่ถึงกับขั้นลงไม้ลงมือกับผู้หญิงหรอกแต่ถ้าพูดจาส่อเสียดหรือข่มขู่อะ