“เป็นอะไรนายหัวหยองแกล้งฉันจนเหนื่อยแล้วเหรอ..ฮ่าๆๆๆ...อื้ม..”
หญิงสาวยังคงหัวเราะเพราะตลกอาการของชายหนุ่มที่คิดว่าเขาสู้เธอไม่ได้เลยทำนิ่งใส่แต่จู่ๆชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบเขาก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆจนตอนนี้ริมฝีปากปากของเขามันมาแตะอยู่ที่ริมฝีปากของเธอและแล้วก็ค่อยๆบดเบียดเข้ามาเรื่อยๆจนหญิงสาวต้องร้องท้วงเพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่สนุกกับการแกล้งเขาเสียแล้วในตอนนี้
ชายหนุ่มบดจูบหญิงสาวอยู่เนิ่นนานจนตอนนี้อาการที่ร้องท้วงของเธอกลับกลายเป็นยอมอ่อนให้กับเขาโดยง่ายดายเพราะเธอเองก็เริ่มที่จะมีใจให้ชายหนุ่มบ้างแล้ว
การที่อยู่ด้วยกันทุกวันแถมทุกวันทั้งสองก็ยังสร้างรอยยิ้มให้กันได้บ่อยๆอีกด้วยชายหนุ่มเองเมื่อเขาหายดีเขาก็แบ่งเบาภาระของหญิงสาวได้เยอะอีกทั้งยังช่วยเธอได้ทุกอย่าง
จากที่ชายหนุ่มเห็นเธอทำกับข้าวให้เขาทานในคราแรกเขาจึงขอหญิงสาวช่วยหัดสอนให้เขาทำเป็นเพื่อที่เขาจะได้ช่วยเธอและงานบ้านก็เช่นกันเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวยุ่งๆเขาก็จัดการทำเองทุกอย่างเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มมีอาการเครียดเขาก็จะคอยเป็นตัวตลกให้หญิงสาวได้ยิ้มอยู่ตลอดเวลาแล้วแบบนี้จะให้หญิงสาวปฏิเสธตัวเองได้อย่างไรว่าไม่มีใจให้กับเขา
บทรักของทั้งสองดำเนินไปอย่างเนิ่นนานและนุ่มนวลชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวไม่เคยผ่านมือชายใดมา
เขานึกตำหนิตัวเองอยู่ในหัวว่าไม่ควรที่จะล่วงเกินเธอแบบนี้แต่ตัวของเขาไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้จริงๆเขารักเธอรักอย่างไม่มีข้อแม้ผู้หญิงที่ไม่ได้รวยอะไรมากมายเป็นแค่คนธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำแต่เธอช่างมีจิตใจดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเสมอไม่ใช่แค่เขาแต่จากภาพที่เขาได้เห็นตลอดมาเธอมักมีน้ำใจไม่ว่าจะเป็นกับคนหรือกับสัตว์เธอต่างช่วยเหลืออย่างไม่มีเงื่อนไข
มันทำให้เขาไม่รักเธอไม่ได้จริงๆแม้จะเจอกันเพียงเวลาได้ไม่นานใจจริงลึกๆแล้วเขาอยากให้ตัวเองจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้แบบนี้เพราะเขาจะได้อยู่กับเธอตลอดไป
ชายหนุ่มจุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่ในอ้อมอกของเขาคืนนี้ช่างเป็นคืนที่สวยงามที่สุดเขากอดเธอเอาไว้อย่างหวงแหนจนถึงเช้าเธอจะเป็นของเขาคนเพียงเดียวเท่านั้น
เช้าวันต่อมา
“ว้ายยยย...”
“จะรีบลุกไปไหนคุณ...”
หญิงสาวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่ในเวลาที่เธอตื่นเป็นประจำทุกวันเธอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังหลับอยู่จึงค่อยๆลุกขึ้นแต่ก็ยังโดนแขนของเขารั้งเธอมากอดไว้อยู่จนได้อันที่จริงชายหนุ่มตื่นก่อนเธอได้สักพักแล้วเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังหลับอยู่เขาจึงนอนกอดเธอเอาไว้พลางนึกถึงเรื่องเมือคืนที่เป็นคืนอันดื่มด่ำของเขาและเธอมันทำให้ตอนนี้เขาไม่อยากอยู่ห่างจากเธอสักวินาทีเดียว
“วันนี้หยุดขายของสักวันไม่เป็นไรหรอกผมว่าคุณยังคงยืนไม่ไหว”
ริมฝีปากหนากระซิบเบาๆข้างหูหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าชวนให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเขารู้ดีว่าวันนี้หญิงสาวคงจะลุกทำอะไรไม่ถนัดเป็นแน่เพราะว่าเมื่อคืนสิ่งที่เขาทำลงไปคงทำให้เธอบอบช้ำอยู่ไม่น้อย
“ก็เพราะคุณนั่นแหละ”
หญิงสาวที่นอนเขินหน้าแดงอยู่ตอนนี้เมื่อทำอะไรไม่ถูกก็ใช้คำพูดพลางว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะชายหนุ่มเป็นคนทำและทั้งสองก็นอนกอดกันแล้วหลับต่อด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกันทั้งคู่
3วันต่อมา
“อากาศดีจังเลยนะคุณ”
สองหนุ่มสาวยืนกอดกันอยู่ที่ริมแม่น้ำปายโดยชายหนุ่มยืนกอดเอวหญิงสาวอยู่ทางด้านหลังของเธอทั้งสองชอบมาดูวิวที่นี่ตอนเช้าด้วยกันหลังจากที่ขายของเสร็จ
“หืมมม....คุณทำเป็นด้วยเหรอน่ารักจังเลยค่ะ”
ชายหนุ่มชูแหวนดอกไม้ที่เขาใช้ดอกหญ้านั่งทำกับมือมาให้เธอหญิงสาวรู้สึกทึ่งอย่างมากไม่คิดว่าคนอย่างชายหนุ่มจะทำอะไรน่ารักแบบนี้เป็นด้วย
“แหวนแต่งงานเราไง”
“หืมมม...แต่งงาน”
“ใช่แต่งงาน...”
ชายหนุ่มไม่รีรอให้หญิงสาวได้สงสัยอะไรมากมายเขาคว้ามือข้างซ้ายของหญิงสาวขึ้นมาพร้อมกับสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอทันที
“ขอกันแบบนี้เลยเหรอ”
หญิงสาวยืนเขินหน้าแดงกับการกระทำของเขาพร้อมถามชายหนุ่มอย่างแปลกใจว่าเขาขอเธอแต่งงานดื้อๆแบบนี้เลยหรือ
“ไม่ได้ขอแต่แต่งแล้ว...ก็สวมแหวนแล้วไงตอนนี้คุณก็เป็นเจ้าสาวของผมแล้วนะ”
“หา...”
หญิงสาวจ้องมองหน้าชายหนุ่มตาแป๋วเพื่อดูว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่นแต่เมื่อเธอมองเข้าไปในแววตาของเขาเธอก็เห็นเลยว่าเขาไม่ได้ล้อเธอเล่นแม้แต่นิดเดียว
“ผมจะให้ท้องฟ้าภูเขาและแม่น้ำปายแห่งนี้เป็นพยานว่าเราทั้งสองได้แต่งงานกันเรียบร้อยแล้วและผมก็ขอสัญญาว่าผมจะรักคุณคนเดียวตลอดไป”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคนที่แต่งงานกันธรรมเนียมของคนที่นี่ต้องทำอย่างไรแต่ตอนนี้เขาขอใช้ใจและความรู้สึกที่มีบอกกับหญิงสาวพร้อมประกาศต่อหน้าท้องฟ้าภูเขาแม่น้ำว่าเขาจะรักเธอคนเดียวและตลอดไปพร้อมสวมกอดหญิงสาวอย่างแนบแน่นทันที
“ฉันก็รักคุณ..นายหัวหยอง”
ตอนนี้หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีโมเม้นที่โรแมนติกแบบนี้หญิงสาวค่อยๆยกแขนขึ้นมากอดชายหนุ่มพร้อมปล่อยน้ำตาแห่งความดีใจให้ไหลลงมาและกระซิบให้ชายหนุ่มได้ฟังว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขาเช่นกัน
18.00 น.
“พี่น้ำเมยๆ..ป้าบัวให้มาตามว่าที่บ้านพี่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ช่วงเย็นหญิงสาวออกมาซื้อของที่ตลาดตามปกติจู่ๆบอลเด็กหนุ่มอายุ 17 หลานป้าบัวที่อยู่ข้างบ้านของเธอก็วิ่งลงมาจากมอเตอร์ไซด์หน้าตาตื่นแล้ววิ่งมาหาเธอพร้อมบอกให้หญิงสาวรีบกลับไปที่บ้านด่วน
“มีอะไรเหรอน้องบอล”
หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเด็กหนุ่มจึงรีบมาตามเธอแบบนี้เธอจึงถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ก็มีพวกผู้ชายชุดดำบุกมาทำร้ายพี่หมูหยองถึงในบ้านเลยสิพี่ไปรีบกลับเร็ว”
“หา..งั้นรีบพาพี่ไปเลยเร็ว”
เมื่อได้คำตอบจากปากเด็กหนุ่มหญิงสาวถึงกับทิ้งของที่อยู่ในมือพร้อมบอกให้เด็กหนุ่มพาเธอกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
“ป้าคะมันเกิดอะไรขึ้นคะ”เมื่อน้ำเมยมาถึงที่หน้าบ้านก็เห็นหญิงชรายืนเก็บข้าวของให้เธออยู่เธอจึงรีบเดินเข้าไปถามเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเธอกันแน่“น้ำเมยไปไหนมาลูกหมูหยองโดนไอ้พวกชุดดำพวกนั้นทำร้ายแล้วก็จับขึ้นรถตู้ไปแล้วป้าเองก็ไม่ค่อยได้เห็นเหตุการณ์เท่าไรหรอกเพราะกลัวเสียงปืน”“อะไรนะคะ”หญิงสาวได้ยินคำจากหญิงชราที่เล่าเหตุการณ์อย่างหน้าตาตื่นให้เธอฟังหญิงสาวเองถึงกับเข่าทรุดทันทีเธอไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมาจับตัวชายหนุ่มไปเพราะเหตุใดแต่ตอนนี้หัวใจของเธอสลายหมดแล้วเพราะเธอไม่รู้ว่าเธอจะช่วยชายหนุ่มด้วยวิธีใด“บอล..บอล..พาพี่ไปแจ้งความหน่อยเดี๋ยวนี้เลย”“ครับพี่น้ำเมย”หญิงสาววิ่งรนรานมาหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรถจักรยานยนต์เธอรีบบอกให้เด็กหนุ่มพาเธอไปแจ้งความทันทีเพราะตอนนี้ที่พึ่งเดียวของเธอก็น่าจะเป็นตำรวจจนแล้วจนรอดนี่ก็ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์ที่หญิงสาววิ่งอยู่ที่โรงพักกับบ้านของเธอแถมยังออกตามหาเบาะแสเองอีกต่างห่างจนตอนนี้เธอเองก็เริ่มที่จะท้อแล้วก็หมดกำลังใจแล้วแต่เธอก็ยังไม่หมดหวังที่ว่าจะหาเขาเจอ“ช่วยบอกเสี่ยว่าหนูขอเวลาอีกนิดได้ไหมคะ”“ไม่ได้หรอกน้องเสี่ยเ
“ฉันเข้าไปได้แล้วใช่ไหมคะ.?...คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ”น้ำเมยเห็นว่าชายหนุ่มเลขาของท่านประธานกำลังมองหน้าเธออย่างสงสัยเธอจึงถามเขาออกไปว่ามีอะไรที่จะบอกเธอหรือเปล่า“อ๋อ..เอ่อ..ปะ..เปล่าครับเชิญคุณเข้าไปได้เลยครับ”เจมส์เองมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขากำลังตามหาอยู่เป็นแน่แต่ก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจก่อนเพราะเขาคิดว่าจะรอให้หญิงสาวเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มของเขาด้านในก่อนแล้วเขาค่อยถามคำถามที่คาใจกับเธอทีหลังเพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอเป็นพนักงานที่นี่อยู่แล้วคงตามตัวได้ไม่ยากก๊อกๆๆ“ขออนุญาตค่ะ”หญิงสาวเคาะประตูก่อนที่จะเข้าห้องตามมารยาทตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆแบบไม่สามารถบังคับตัวเองได้เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่าถ้าเห็นใบหน้าของชายหนุ่มอีกเธอจะปล่อยน้ำตาลงมาอย่างง่ายดายน่ะสิ“สวัสดีค่ะบอส...สวัสดีค่ะคุณดาว”น้ำเมยองเห็นแล้วว่าใครอยู่ในห้องบ้างเธอเห็นว่าหญิงสาวอยู่กับชายหนุ่มกำลังนั่งคุยกันอย่างสนิทสนมภาพนั้นมันทำให้เธอต้องเดินก้มหน้าไม่หันมองทั้งคู่พร้อมยกมือสวัสดีทั้งสองอย่างเสียงแผ่วเบา“สวัสดีค่ะ...ดาวอยากเจอคุณตั้งนานแล้ววันนี้ได้เจอกันซะทีนะคะขนมของคุณอร่อยมากเลยค่ะ”ดาวลดาก
“คือ...คุณเจมส์คะ”“ค..ครับ”น้ำเมยเองถึงกับมีสีหน้าที่ตกใจและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดเธอภาวนาว่าอย่าให้เรื่องนี้ไปถึงหูของมาคัสเลยไม่ทันที่เจมส์จะพูดจบเธอก็พูดตัดบทของเขาขึ้นมาทันทีจนเจมส์เองถึงกับมีน้ำเสียงและสีหหน้าที่สงสัย“เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้ใช่ไหมคะ..แล้วยังไม่มีใครเห็นรูปนี้แล้วใช่ไหม”หญิงสาวรัวคำถามกับชายหนุ่มเพราะตอนนี้ในใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วตอนนี้เธอไม่ได้อยากให้ใครมาขอบคุณเธอทั้งนั้นเพราะไม่อยากให้ครอบครัวของมาคัสรู้เรื่องนี้มันจะทำให้เธอไปจากเขาลำบากขึ้นอีกแถมยังคงต้องมีคำถามมากมายตามมาชวนให้เธอคิดถึงเรื่องอดีตอีกด้วย“เอ่อ..ยังครับยังไม่มีใครเห็นรูปนี้แต่ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่ามีผู้หญิงที่ช่วยคุณมาร์คเอาไว้ตอนก่อนที่พวกผมจะไปเจอ”“เฮ้อ...ค่อยโล่งอกฉันจะบอกความจริงว่าฉันช่วยเจ้านายของคุณเอาไว้ก็ได้”หญิงยกมือขึ้นทาบอกของเธอทันทีเมื่อได้ยินคำตอบที่ทำให้เธอสบายใจ“ผมว่าแล้วว่ายังไงก็ต้องเป็นคุณ”เจมส์รู้สึกว่าวันนี้งานที่เขาต้องสะสางมันมาถึงผลสำเร็จแล้วเพราะวันนี้เขาเจอตัวหญิงสาวที่ช่วยเจ้านายหนุ่มของเขาเอาไว้ได้แล้วด้วยเจ้านายของเขาจำไม่ได้ว่าตอนที่อยู่ที่ปายใครช
“หึ...งั้นผมถามก็ได้ไอ้ที่ธุระที่คุณว่ามันคือธุระอะไร...แล้วนายล่ะเจมส์ตอบฉันได้หรือเปล่าว่ามันคือเรื่องอะไร”ชายหนุ่มเมื่อเห็นหญิงสาวพูดว่าตัวเธอเองไม่ได้ทำอะไรผิดแค่มีธุระคุยกันเฉยๆเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าธุระที่ต้องจับไม้จับมือกันขนาดนั้นมันธุระเรื่องอะไรเขาจึงถามเธอออกไปเมื่อไม่ได้คำตอบจากปากหญิงสาวเขาก็นึกแค่นหัวเราะอยู่ในใจว่าเขาคิดถูกพร้อมทำน้ำเสียงและสีหน้ากระหยิ่มหันไปทางเจมส์เลขาของเขาพร้อมถามว่าธุระที่คุยกันมันคือเรื่องอะไรหากเป็นธุระจริงๆอย่างที่ว่าก็คงจะตอบเขาได้“เอ่อ..”เจมส์เองเห็นทั้งสองยืนเถียงกันอย่างไม่ลดลาวาศอกเขาเองคิดว่าคงต้องพูดอะไรขึ้นมาบ้างแล้วไม่เช่นนั้นเจ้านายหนุ่มที่ไม่ชอบให้ใครมาหยามหน้าอย่างเขาคงเถียงกับหญิงสาวไม่เลิกเป็นแน่และดูท่าแล้วหญิงสาวเองก็คงไม่ยอมเจ้านายหนุ่มของเขาด้วยเช่นกันช่างเป็นคู่กัดที่สมกันจริงๆเจมส์คิดในใจ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะในเมื่อบอสเห็นว่าเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีที่พนักงานอย่างฉันเป็นคนทำงั้นฉันขอลาออกค่ะ”น้ำเมยเห็นว่าเจมส์กำลังจะเอ่ยปากพูดเธอกลัวว่าความลับของเธอจะรั่วไหลเสียเหลือเกินจึงชิงพูดขึ้นมาก่อนในเมื่อชายหนุ่มดูท่าจะอยากให
หลังจากที่อิงฟ้าได้อ่านเอกสารที่ประธานหนุ่มยื่นให้เธอแล้วเธอถึงกับกุมขมับทันทีไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะกล้าต่อว่าท่านประธานในหนังสือลาออกได้เจ็บแสบขนาดนี้หญิงสาวรู้ดีว่าคนอย่างประธานหนุ่มไม่ชอบให้ใครมาหยามหรือท้าทายอำนาจอยู่แล้วเธอคิดไม่ออกเลยว่าถ้าน้ำเมยเจอกับท่านประธานหนุ่มอีกครั้งชายหนุ่มจะทำเช่นไร“ผมรู้มาว่าน้ำเมยเป็นเพื่อนของคุณแล้วก็อยู่ที่เดียวกันด้วยใช่ไหม”“เอ่อ..ค่ะ”อิงฟ้าเองรู้อยู่แล้วว่าคนอื่นต้องรู้เรื่องนี้แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าประธานหนุ่มจะถามเธอทำไมในตอนนี้เธอก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจพร้อมก้มหน้ารับฟังคำของประธานหนุ่มต่อว่าเขาจะพูดว่าอะไรอีก“งั้นผมจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้”เมื่อมาคัสได้คำตอบจากปากหญิงสาวแล้วเขาพูดยังไม่ทันขาดคำก็เดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วทันทีทิ้งให้หญิงสาวที่ยืนก้มหน้าอยู่ยืนอยู่คนเดียวแบบนั้น“อ่อ..ค่ะ..ฮะ..อะไรนะคะเดี๋ยวค่ะบอสรอฉันด้วยค่ะ”อิงฟ้าเองคิดว่าประธานหนุ่มก็คงบ่นไปเรื่อยเพราะความไม่พอใจเธอจึงไม่ได้สนใจฟังอะไรมากมายนักแต่เมื่อนึกคำพูดของเขาอีกทีทำให้ตอนนี้ใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว เพราะจู่ๆประธานหนุ่มเล่นพูดว่าจะไปหาเพื่อนสาว
“นี่คุณขับให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหมฮะ....”อิงฟ้ารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนของเธออย่างมากจึงแผดเสียงใส่ชายหนุ่มที่ขับรถไม่ได้ดั่งใจเธอเพราะใจเธอตอนนี้มันอยู่ที่คอนโดของเธอเรียบร้อยแล้วเธอไม่น่าไปเผลอปากบอกกับท่านประธานว่าน้ำเมยอยู่กับเธอเลยจริงๆ“นี่ก็เร็วแล้วนะคุณแต่รถมันติดจะไปได้ยังไง..รถผมไม่ได้เหาะได้นะคุณ”เจมส์เองรู้สึกรำคาญเสียงของหญิงสาวเต็มทนเพราะตลอดทางที่นั่งรถกับเขามาเธอไม่ได้หยุดพูดแล้วก็ยังนั่งไม่อยู่สุขอีกด้วยเขาไม่รู้ว่าเธอร้อนใจอะไรนักหนา“อือออ...เพื่อนฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”อิงฟ้านั่งกุมมือตัวเองแน่นพร้อมกดมือถือโทรหาเพื่อนของเธอภาวนาในใจว่าอย่าให้เพื่อนของเธอเจอประธานหนุ่มตอนนี้เลยครั้นโทรไปบอกเพื่อนเธอแต่เพื่อนเธอก็ไม่รับสาย“นี่คุณคุณมาร์คก็คงจะไม่ถึงกับฆ่ากับแกงเพื่อนคุณหรอกน่ายังเพื่อนคุณก็เป็นผู้หญิงคุณจะกังวลอะไรนักหนาเนี่ย”เจมส์เองเห็นอาการที่หญิงสาวเป็นห่วงเพื่อนของเธอที่ดูจะเกินเหตุอันที่จริงเขารู้แหละว่าเจ้านายหนุ่มเขาคงจะโกรธน้ำเมยที่ไปเขียนด่าแบบนั้นแต่เขาเชื่อว่าเจ้านายหนุ่มของเขาก็คงจะไม่ถึงกับขั้นลงไม้ลงมือกับผู้หญิงหรอกแต่ถ้าพูดจาส่อเสียดหรือข่มขู่อะ
“เออ...จริงด้วยคุณก็มัวแต่หลอกถามให้ฉันคุยเพลินรีบไปที่ห้องฉันเร็ว”อิงฟ้าที่มัวแต่เล่าเรื่องของเพื่อนเธอเพลินจนลืมไปเลยว่าตอนนี้เธอต้องรีบไปหาเพื่อนสาวของเธอนี่นาเมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้นเธอเองก็โทษชายหนุ่มเป็นการใหญ่ที่ชวนคุยเธอจนเธอคุยเพลินไปเลยคอนโดอิงฟ้าติ๊งงงงงง“อิงฟ้าเหรอ..ทำไมกลับมาเร็วจัง”น้ำเมยที่กำลังกวาดพื้นอยู่เมื่อได้ยินเสียงออดที่หน้าห้องเธอก็รีบเดินมาเปิดประตูหญิงสาวแปลกใจว่าทำไมวันนี้เพื่อนของเธอกลับมาเร็วผิดปกติเพราะตอนนี้มันยังเช้าอยู่เลย“บอส!!!”น้ำเมยถึงกับตาโตเบิกโพรงทันทีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครแล้วเธอก็พอจะเดาออกด้วยว่าที่เขามาถึงที่นี่สาเหตุน่าจะเป็นเพราะอะไรคงจะเป็นเพราะหนังสือลาออกของเธอเป็นแน่เมื่อหญิงสาวรู้ดังนั้นจึงรีบที่จะปิดประตูหนีชายหนุ่มทันที“ไม่ต้องหนีผมเลยเล่นเขียนใบลาออกมาด่าผมเป็นหน้าๆคิดว่าผมจะอยู่เฉยเหรอ”มาคัสเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะปิดประตูเพื่อหนีหน้าเขาชายหนุ่มจึงใช้แขนแกร่งดันประตูเอาไว้อย่างไม่สะทกสะท้านในแรงผลักของหญิงสาวพร้อมก้าวเข้าห้องของเธออย่างหน้าตาเฉย“ผมต้องการคุยกับคุณ”“นี่...คุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะคุณไม่ได้เป็นเจ้านา
“ทะ..ท้อง...งง...เหรอครับ”มาคัสรู้สึกตกใจอย่างมากที่รู้ว่าหญิงสาวที่เขาไปหาเรื่องเธอถึงที่ห้องเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่“ใช่ครับนี่คุณพ่อยังไม่รู้เหรอครับคนไข้น่าจะตั้งครรภ์ได้ประมาณสามเดือนกว่าแล้วยังไงดีใจด้วยนะครับหมอต้องขอตัวก่อน”“ครับคุณหมอ”ชายหนุ่มไม่มีเวลาที่จะปฏิเสธว่าหญิงสาวไม่ใช่ภรรยาของเขาเพราะว่าเขากำลังคิดตามเรื่องที่หมอบอกกับเขาอยู่ว่าหญิงสาวท้องได้ประมาณสามเดือนกว่าแล้วแต่ที่เขาดูประวัติเธอที่ทำงานหญิงสาวพึ่งจะเข้ามาทำงานได้เพียงแค่สองเดือนกว่าๆเองแบบนี้ก็เท่ากับว่าหญิงสาวท้องก่อนที่จะเข้าทำงานเป็นแน่10 นาทีต่อมา“อืมมม....คุณ”น้ำเมยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อมองเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ข้างเตียงของเธอหญิงสาวรู้สึกใจหายวาบทันทีในใจคิดในแง่ดีอยู่ว่าชายหนุ่มอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ว่าอาการที่เธอเป็นอยู่มันเกิดจากสาเหตุอะไรไม่อย่างนั้นเพื่อนสาวของเธอซวยแน่เพราะชายหนุ่มคงต้องซักกันยาว“ตื่นแล้วเหรอ...หมอให้คุณพักอีกสักพัก..เดี๋ยวผมกลับไปส่งคุณที่ห้องเอง”ชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวพึ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนนี้เขาเองยังไม่อยากที่จะถามคำถามอะไรให้หญิงสาวเกิดอาการ