“ยอมออกมาแล้วเหรอวะไอ้หมาลอบกัด”
เมื่อแม็คคาเอลเห็นแดเนียลเดินออกมาจากห้องได้เขาก็ส่งเสียงด่าทอชายหนนุ่มอย่างเสียงดังเพราะตอนนี้เขาโมโหสุดขีดที่เสียรู้ให้กับแดเนียลจนได้
“ฉันไม่ใช่หมา...และฉันก็ไม่เคยทำร้ายใครก่อน...เพราะแกคนเดียวที่ทำให้น้องสาวฉันต้องตาย”
แดเนียลตอบกลับอันธพาลตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเพราะเขาไม่อยากให้เขาเกิดอาการโมโหขึ้นมาเพราะเขาอาจจะพลั้งมือฆ่าคนได้เขาไม่อยากให้มือของเขาต้องแปดเปื้อนเลือดคนสกปรกอย่างแม็คคาเอล
“น้องแกมันอยากโง่มาให้ฉันข่มขืนเองทำไมล่ะ”
แม็คคาเอลเองยังไม่หยุดที่จะพูดยั่วโมโหอีกฝ่ายเพราะเรื่องนี้ทำให้เขานึกสะใจอยู่ไม่น้อยที่กระตุกต่อมของแดเนียลได้เขาเกลียดแดเนียลที่ทั้งเด่นและดีกว่าเขาไปเสียทุกอย่างแถมตอนนี้เขายิ่งเกลียดเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะแดเนียลทำให้เขาหมดตัวเหมือนหมาจนตรอก
“หึ้ยยย...ไอ้สารเลว”
ปลั้กก
แดเนียลถึงขนาดฟิลขาดเมื่อแม็คคาเอลพูดถึงความเลวระยำที่ทำไว้กับน้องสาวของเขาชายหนุ่มพุ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่หน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วงและไม่มีความปราณี
ปลั้กก
“ดีนะที่ฉลาดแล้วโง่อยู่ตั้งนาน”
แม็คคาเอลเองก็ต่อยแดเนียลสวนกลับเหมือนกันแล้วก็ยังไม่พ้นพูดจาค่อนขอดชายหนุ่มที่โง่คิดว่าคนอื่นเป็นคนทำน้องสาวตัวเองตายอยู่ตั้งนาน
พลั้กกกก
“ฉันเกลียดแก”
แม็คคาเอลผลักแดเนียลจนล้มลงพร้อมยิ้มเย้ยและสาดคำพูดใส่ชายหนุ่มเสียงแผดอย่างคนบ้าคลั่ง
“หึ้ยยยย”
ปลั้กๆๆๆๆ...ปลั้กๆๆๆ
แดเนียลพยุงตัวเองลุกขึ้นมาได้ก็ปล่อยหมัดหนักๆรัวใส่แม็คคาเอลจนตอนนี้นอนสลบเหมือดคาพื้นเพราะความแค้นตอนนี้มือไม้ของเขาสั่นไปหมดเขาอยากให้แม็คคาเอลเจ็บอย่างที่น้องสาวของเขาเจ็บอีกอย่างเขาก็เกลียดความโง่ของตัวเองด้วยเลยควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ค่อยจะอยู่
“พอเถอะครับนายเดี๋ยวมันจะตายตรงนี้เอานะครับ”
เจสันเองกลัวว่านายของเขาจะพลาดทำคนตายเพราะความโกรธซึ่งมันไม่ส่งผลดีต่อเจ้านายของเขาเป็นแน่ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะเคลียเรื่องนี้ได้ก็เถอะเขาจึงรีบไปห้ามเจ้านายหนุ่มของเขาและรีบดึงตัวออกมาอย่างเร็วที่สุดพร้อมพาเจ้านายของเขากลับบ้านทันที
22.00 น.
“ทำไมยังไม่กลับซะทีนะ”
ดาวลดาเดินวนไปวนมาอยู่ที่ห้องโถงด้านล่างเธอกะว่าวันนี้จะรอคุยกับชายหนุ่มเรื่องที่เมื่อไรจะยอมให้เธอกลับบ้านเสียทีเพราะเธอเองหายมาหลายวันแล้วถึงแม้ว่าจะโทรคุยกับพ่อของเธอบ้างก็เถอะเธอยังอยากจะตีชายหนุ่มอย่างแรงๆเสียทีที่ช่างคิดแผนการเสียเหลือเกินถ้าเธอไม่โทรหาพ่อของเธอก็คงจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนส่งข้อความบอกกับพ่อของเธอว่าจะอยู่เที่ยวกับเพื่อนสักพักแต่อีกใจเธอคิดว่ายังดีที่เขายังบอกให้พ่อเธอได้สบายใจ
แต่ตอนนี้ที่เธออยากคุยกับเขาก็เพราะเธอรู้สึกอึดอัดอยากกลับบ้านแล้วอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับเขาอยู่ดีเพราะตลอดเวลาที่ตั้งแต่ทะเลาะกันวันนั้นเขาก็ไม่ได้มาสนใจหรือมาพูดคุยกับเธอเลยสักนิดเดียวเธอเลยตั้งใจว่าวันนี้ยังไงเธอก็ต้องคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง
“ค่อยๆครับนาย”
เจสันเดินพยุงเจ้านายหนุ่มของเขาเข้ามาในบ้านด้วยความทุลักทุเลเพราะเจ้านายหนุ่มของเขาเจ็บตัวแล้วจะยังนั่งดื่มอยู่ก่อนจะกลับมาที่บ้านอีกเลยมีสภาพที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร
“ทำไมพี่แดนเป็นแบบนี้ล่ะคะ...คุณเจสันพาพี่แดนขึ้นไปที่ห้องเลยค่ะเดี๋ยวดาวตามไปทำแผลให้นะคะ”
ดาวลดาเองที่รอจะคุยกับชายหนุ่มอยู่ข้างล่างเมื่อเห็นสภาพของเขาแล้วเธอถึงกับต้องใช้สองมือกุมริมฝีปากแล้วรีบเดินเข้าไปหาเจสันที่กำลังพยุงชายหนุ่มอยู่พร้อมกับซักกับเจสันว่าชายหนุ่มไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพเป็นแบบนี้พร้อมให้เขาพาชายหนุ่มขึ้นไปพักที่ห้องของเขาก่อนและเธอเองจะไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลแล้วตามขึ้นไป
“นี่พี่แดน...ไปกัดกับหมาที่ไหนมาคะเนี่ย”
ดาวลดาตามเข้ามาในห้องของแดเนียลพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลหญิงสาวแกล้วกระซิบถามเจสันอีกครั้งว่าตกลงเขาไปโดนอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพเป็นแบบนี้
“เอ่อ...คุณดาวรอถามนายดูดีกว่าครับ...ผมขอตัวก่อนผมฝากนายด้วยนะครับคุณดาว”
เจสันถึงกับกลั้นขำแทบไม่ทันเมื่อได้ยินที่หญิงสาวกระซิบถามเขาเองไม่รู้ว่าจะตอบเรื่องนี้กับเธอยังไงเหมือนกันเขาคิดว่าให้เจ้าตัวมาตอบจะดีกว่าพร้อมฝากเจ้านายหนุ่มของเขาไว้กับหญิงสาวเสียเลยเพราะว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้วเขาดูออกว่าหญิงสาวน่าจะดูแลเจ้านายหนุ่มของเขาได้ดีกว่าเขาเป็นแน่
“อะ..เอ่อ..ค่ะ”
ดาวลารับคำอย่างตะกุกตะกักที่จู่ๆเจสันก็ทิ้งให้เธอดูแลชายหนุ่มอยู่คนเดียวพร้อมเดินออกจากห้องไปเสียอย่างนั้นแต่เธอเองคิดว่าแค่ทำแผลให้เขาเรียบร้อยแล้วเธอก็คงจะกลับห้องของตัวเองไปเธอไม่รู้ว่าเธอเองทำไมต้องห่วงเขาขนาดนี้ด้วยเธออุตส่าห์ทำใจแข็งแล้วแท้ๆแต่ก็แพ้ความน่าสงสารของเขาอยู่ดีเธอคงปล่อยให้เขานอนเจ็บอยู่แบบที่ไม่สนใจไม่ได้หรอก
“ดูซิหน้าบวมหมดเลย...เห้ออ”
ดาวลดาใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าของชายหนุ่มก่อนแล้วค่อยทายาตรงบริเวณฟกช้ำที่หน้าของชายหนุ่มมุมปากของเขาก็ยังมีรอยแตกอีกด้วยเธอล่ะอยากรู้จริงๆว่าชายหนุ่มไปมีเรื่องกับใครมาแถมยังดื่มมาจนเมาอีกเธอรับรู้ได้จากกลิ่นที่มันคละคลุ้งอยู่ตอนนี้อีกด้วยจะมีสักวันไหมที่เธอเจอหน้าของเขาแล้วชายหนุ่มจะไม่เมากลับมา
“อุ้ยย!!!”
“ห่วงพี่ด้วยเหรอ”
ดาวดลาส่งเสียงออกมาเพราะตกใจที่จู่ๆชายหนุ่มก็คว้ามาที่ข้อมือเธอเสียอย่างนั้นพร้อมกับถามคำถามที่เธอเองลำบากใจที่จะตอบอีกด้วยครั้นจะตอบว่าไม่ห่วงคงเป็นไปไม่ได้เพราะเธอมานั่งทำแผลให้เขาอยู่ตรงนี้คงจะปฏิเสธว่าไม่ห่วงได้ยากครั้นถ้าบอกว่าห่วงก็คงจะเสียฟอร์มเธอไปหน่อยเพราะทนไม่คุยกับเขาได้ตั้งนานจะมาเสียฟอร์มตอนนี้ไม่ได้
“เปล่าซะหน่อย...ดาวก็แค่...สงสารเห็นคนเจ็บก็ต้องช่วยเป็นปกติอยู่แล้ว”
ดาวลดาพูดพร้อมเก็บยาใส่กล่องปฐมพยาบาลอย่างไม่สนใจที่จะมองชายหนุ่มที่พูดกับเธออยู่
“ดาวทำแผลให้พี่แดนเสร็จแล้ว...ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว”
“ว้ายย”
ดาวลดาหยิบกล่องปฐมพยาบาลพร้อมลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะเดินออกไปจากห้องของชายหนุ่มแต่เธอก็โดนชายหนุ่มใช้แขนแกร่งรวบตัวหญิงสาวเอาไว้เสียก่อนทำให้หญิงสาวต้องลงไปนั่งอยู่ที่เตียงของชายหนุ่มโดยมีเขากอดเอาไว้
“ปล่อยดาวเดี๋ยวนี้พี่แดนดาวจะกลับห้อง”ดาวลดาพยายามที่จะออกไปจากอ้อมกอดของชายหนุ่มเพราะเธอไม่ค่อยชอบสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไร“ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักได้ไหม...วันนี้พี่ไปจัดการกับคนที่มันทำร้ายเบลมา...พี่เกลียดมัน”แดเนียลรู้สึกโหยหาอ้อมกอดของหญิงสาวอย่างมากตอนนี้เขาอยากเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เอได้ฟังว่าวันนี้เขาไปเจออะไรมาและเขารู้สึกอย่างไรเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากที่จะคุยกับเธอแต่ที่เขารู้คือเขารู้สึกสบายใจเมื่อเขาได้กลับมาเห็นใบหน้าหวานๆของเธอรอเขาอยู่ที่บ้านทุกวัน“ดาวจะบอกพี่แดนเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ...ว่าการแก้แค้นมันไม่ส่งผลดีต่อฝ่ายใดเลยสักนิด”ดาวลดาถึงกับถอนหายใจในความเจ้าคิดเจ้าแค้นของชายหนุ่มเธอรู้ว่าเขาโกรธที่มีคนทำกับน้องสาวของเขาแบบนั้นอันที่จริงก็ไม่ได้เป็นเพราะคนที่ทำร้ายเบลล่าเพียงฝ่ายเดียวแต่มันรวมกับเบลล่าหาทางออกโดยที่จะจบแบบนี้อีกด้วยที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเบลล่าที่เลือกทางนี้เพราะเธอคิดว่าถ้าหากเพื่อนสาวของเธอยอมสู้อีกสักนิดเธอว่าชีวิตของเพื่อนเธอตอนนี้คงจะมีแต่รอยยิ้มแน่นอนเพราะว่าเพื่อนสาวของเธอมีคนที่รักรออยู่มากขนาดนี้คนที่รักเธอจะทำให้เธอ
“ถ้าดาวเดาไม่ผิดน่าจะเป็นไดอารีของเบลใช่ไหมคะ”ดาวลดาจำได้ว่าเบลลล่าจะชอบเขียนไดอารี่แทบจะทุกวันแถมยังมีหลายๆเล่มที่เป็นสีเดียวกันรูปแบบเดียวกันอีกด้วยเธอเห็นไดอารี่ในมือของชายหนุ่มมันทำให้เธอจำได้ทันทีว่าน่าจะเป็นของเพื่อนสาวเธอ“อืมม.เล่มนี้.เบลเขียนเกี่ยวกับตัวเธอและก็เพื่อนรักของเธอไว้อย่างละเอียดเลยหละ”แดเนียลกระซิบข้างหูของหญิงสาวว่ามันถูกต้องแบบที่เธอคิดและในไดอารี่ของน้องสาวของเขามันก็ทำให้เขาได้รู้เรื่องราวอะไรมากมายที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย“อืมม..ละเอียด..เลย..เหรอคะ”ดาวลดารู้สึกหน้าร้อนผ่าวถ้าในไดอารี่มันเขียนละเอียดแสดงว่าตอนนี้ชายหนุ่มก็ต้องรู้ความลับของเธอแล้วล่ะสิ“เก่งนะเราปิดพี่ได้ตั้งนาน...แถมของขวัญวันวาเลนไทน์กับวันเกิดที่ส่งมาให้พี่ทุกปีก็เป็นฝีมือเราเองสินะ”แดเนียลเองสงสัยอยู่ตั้งนานว่าใครจะรู้วันเกิดของเขานอกเสียจากคนในครอบครัววันนี้มันทำให้เขารู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใครเขายอมรับในหัวใจของหญิงสาวจริงๆที่ปกปิดความรู้สึกของตัวเองได้นานอย่างนี้ นี่ถ้าเกิดว่าหญิงสาวยอมบอกความในใจกับเขาตั้งแต่ตอนนั้นป่านี้เขาอาจจะขอเธอแต่งงานไปแล้วก็ได้เพราะว่าในต
“เดี๋ยวพ่อจะดูฤกษ์แต่งที่เร็วที่สุดให้แล้วกันนะเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง”“ครับคุณพ่อ”“หืมม...ฤกษ์แต่ง”ดาวลดาถึงกับทำหน้างงที่จู่ๆทั้งสองดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียอย่างนั้นตอนนี้เธอรู้สึกสับสนไปหมดแล้วอันที่จริงดนัยเองก็รู้สึกโกรธมากในครั้งแรกที่รู้เรื่องแต่พอมองเรื่องราวอย่างที่เขาเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเขาถือว่าชายหนุ่มมีความรับผิดชอบและใจถึงมากเลยทีเดียวที่กล้าเข้ามาพูดต่อหน้าเขาอย่างไม่ยำเกรงและที่เขายอมยกลูกสาวสุดที่รักให้ชายหนุ่มไปง่ายๆไม่ใช่เพราะว่าทั้งคู่เสียกันไปแล้วแต่เป็นเพราะว่าเขามองออกว่าลูกสาวของเขามีความสุขและยิ้มด้วยหัวใจเมื่ออยู่กับชายหนุ่มและเขารู้ดีว่าชายหนุ่มทำเรื่องแบบนี้ไปเพราะความเข้าใจผิดและยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายอีกอย่างเขาก็พร้อมที่จะยกลูกสาวของเขาให้ก็เพราะว่าเขารู้ว่าถ้าลูกสาวของเขาแต่งงานกับชายหนุ่มไปชีวิตของเธอไม่ลำบากแน่นอนเพราะชื่อเสียงของชายหนุ่มในแวดวงธุรกิจถือว่ารู้จักกันดีในฐานะนักธุรกิจหนุ่มที่เก่งและโปรไฟล์ดีอยู่ไม่น้อยคนเป็นพ่อออย่างเขาคงไม่ต้องห่วงอะไรมาก“ร้ายนักนะพี่แดนที่ทำให้พ่อดาวใจอ่อนได้”ดาวลดาอดแซวชายหนุ่มไม่ได้ที่ไม่รู้เข้าไปคุยกับ
“แอร๊...แอ้...”เด็กหญิงที่นอนกลิ้งคว่ำกลิ้งหงายอยู่ในเปลสีชมพูส่งเสียงทักทายคนมาใหม่ราวกับอยากที่จะร่วมวงสนธนาด้วย“ว่าไงจ้ะสาวน้อย...อาซื้อชุดสวยมาฝากเพียบเลยนะคะ...เราไปดูชุดสวยกันดีกว่าเนอะ”“แอร๊...อร้า..คิกๆๆ”ดาวลดาอุ้มหลานสาวของเธอออกมาจากเปลเด็กพร้อมไปนั่งที่โซฟาเล่นกันกับหลานสองคนอย่างไม่สนใจใครแล้วในตอนนี้เพราะว่าเธอคิดถึงมาก“น้องดาวท่าทางน่าจะเลี้ยงเด็กเป็นแล้วนะ...นายไม่คิดจะมีลูกบ้างเหรอ”มาคัสเห็นว่าทั้งสองแต่งงานกันมาตั้งนานแล้วก็ก็ไม่ยักจะเห็นมีลูกเสียทีและเขาก็เห็นว่าดาวลดาเองก็มีความพร้อมที่จะเป็นแม่คนมากแล้วด้วย“ใครว่าไม่อยากมีล่ะแต่ยังไม่มามากกว่าฉันเองให้หมอตรวจดูแล้วนะหมอบอกว่าร่างกายของดาวยังอ่อนแอคงต้องรอให้เธอแข็งแรงอีกนิดตอนนี้ชั้นก็พยายามบำรุงเธอทุกอย่างเลย”แดเนียลตอบมาคัสไปด้วยแววตาที่เศร้าหมองแต่เขาก็ยังพยายามฝืนยิ้มเขาเองอยากจะมีลูกใจจะขาดแต่ก็ต้องดูสุขภาพภรรยาของเขาด้วยตอนนี้เขาคิดว่าถ้าภรรยาเขาแข็งแรงเมื่อไรลุกก็คงจะมาเองตอนนี้เขาก็พยายามบำรุงหญิงสาวสุดขีด“จริงสิ...น้องดาวป่วยบ่อยตั้งแต่เด็กๆแล้วยังไงฉันก็เอาใจช่วยนายนะฉันไปอาบน้ำก่อนเชิญนายตามสบาย
โรงแรมXXX08.00น.“อุ้ปป...แหวะ...”น้ำเมยมาถึงที่ทำงานได้สักพักก็เกิดอาการเวียนหัวคลื่นไส้ขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้นทำเอาเธอวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันเธอไม่คิดว่าอาการที่เป็นตอนที่ตื่นนอนมันจะยังไม่หาย“โอเคไหมแก...นี่ฉันว่าวันนี้เลิกงานแล้วไปหาหมอหน่อยเถอะ”อิงฟ้าเห็นเพื่อนสาวของเธอคลื่นไส้อาเจียนอยู่บ่อยๆเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วและดูว่าอาการมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยเธอเองบอกให้น้ำเมยไปหาหมอหลายครั้งแล้วแต่หญิงสาวก็กลัวว่ามันจะเสียงานเสียเงินเสียเวลาจนเธอเห็นท่าไม่ดีแล้วยังไงวันนี้เธอก็ต้องลากเพื่อนของเธอไปให้หมอตรวจให้ได้อิงฟ้าและน้ำเมยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆพึ่งจะมาแยกย้ายกันตอนเรียนจบ ม.6 เพราะว่าอิงฟ้าต้องมาเรียนต่ออยู่ที่กรุงเทพกับแม่ส่วนน้ำเมยหลังจากจบ ม.6 แล้วก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลยเพราะหญิงสาวเองอยู่กับยายเพียงสองคนและยายของเธอก็มีอาชีพเพียงแค่ขายขนมหวานเธอจึงไม่อยากสร้างภาระให้กับยายของเธออีกอย่างยายของน้ำเมยเองก็แก่มากแล้วหญิงสาวจึงตัดสินใจให้ยายของเธอพักแล้วเธอเองเป็นคนมาขายแทนจนวันนึงยายของน้ำเมยเสียหญิงสาวจึงเหลือตัวคนเดียวจนอยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน
“หมูหยอง”หญิงสาวรู้สึกใจเต้นแรงเธอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าไปในโรงแรมแล้วเธอเองกำลังจะก้าวขาเดินตามแต่เธอกลับล้มฟุบลงไปกับพื้นเสียก่อน“น้ำเมยย...”อิงฟ้าถึงกับหน้าเสียที่จู่ๆน้ำเมยก็เป็นลมล้มพับอยู่ข้างๆเธอจึงรีบประคองเพื่อนสาวของเธอขึ้นมาเอาไว้อย่างหลวมๆแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะกลัวว่าจะเป็นจุดสนใจของคนอื่นและเพื่อนเธอก็จะโดนตำหนิไปด้วยว่าร่างกายไม่พร้อมแล้วยังฝืนมาทำงานเพราะที่นี่ถือเป็นกฎเหล็กข้อห้ามว่าถ้าพนักงานไม่ไหวให้แจ้งหัวหน้าลาได้ทันทีห้ามฝืนทำงานโดยเด็ดขาดเพราะผลงานที่ออกมาก็จะดูป่วยตามคนทำไปด้วย“ผมว่าพนักงานที่นี่น่าจะรู้กฎกันดีอยู่นะ”มาคัสมองเพียงหางตาก็รู้ว่ามีคนกำลังล้มลงถึงพนักงานด้านหน้าจะยืนเรียงรายกันอยู่ก็เถอะแต่ด้วยความสูงของระดับสายตาของเขาเองสามารถเห็นได้ทั่วถึงอยู่แล้วชายหนุ่มเดินหันหลังกลับมาทางที่หญิงสาวกำลังเป็นลมพนักงานทุกคนต่างหลีกทางให้กับเขาโดยอัตโนมัติเพราะรับรู้ได้ถึงอาการน้ำนิ่งไหลลึกของเขา“พาเธอไปที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้”“ค่ะๆ...”ตอนนี้อิงฟ้าหน้าซีดเป็นไก่ต้มเพราะเห็นว่าตอนนี้ทุกคนมองมาทางเธอและเพื่อนสาวของเธอที่เป็นลมอยู่เป็นตาเดียวอีกท
“หายไวๆนะคะ”ดาวลดาเห็นว่าพนักงานที่โรงแรมป่วยด้วยความที่อัธยาศัยและจิตใจดีของเธอเลยอวยพรให้หญิงสาวหายป่วยไวๆพร้อมทั้งยังส่งยิ้มหวานให้หญิงสาวทั้งสองและเดินออกไปจากห้องพร้อมชายหนุ่มทิ้งให้น้ำเมยนั่งปวดหัวใจอยู่ในห้องกับภาพตรงหน้าที่เห็นเมื่อครู่“ฮึกๆๆ...”“แกเอ้ยย...ดีนะที่บอสเค้าไม่โกรธแกอะ...เค้าไม่ได้ชื่อหมูหยองนั่นคือท่านประธานใหญ่ที่เราเจอเมื่อเช้าไงแล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็คือคู่หมั้นของเขา”อิงฟ้าเองก็ยังคิดว่าที่เพื่อนของเธอไปเรียกชายหนุ่มว่าหมูหยองอะไรนั่นเพราะเป็นอาการเบลอจากอาการป่วยหญิงสาวโล่งใจที่ท่านประธานหนุ่มไม่ได้โกรธอะไรพร้อมทบทวนให้เพื่อนสาวของเธอฟังอีกรอบว่าทั้งสองคนเมื่อครู่เป็นใครเผื่อเพื่อนเธอจะมีสติขึ้นมาบ้าง“คู่หมั้นเหรอ..ฮือๆๆ..ฮึก..ฮืออ”น้ำเมยได้ยินว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่ที่ท่าทางสนิทสนมกับชายหนุ่มเป็นใครเธอก็กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นเอาไว้ไม่ได้เธออยากให้ตอนนี้มันเป็นแค่ฝันไม่ใช่เรื่องจริงเหลือเกินเพราะตอนนี้เธอยังทำใจยอมรับเรื่องที่ชายหนุ่มจำเธอไม่ได้แถมตอนนี้เขายังควงกับคู่หมั้นหน้าตาชื่นมื่นอีกต่างหาก“ฉันว่าเราไปให้หมอตรวจแกจะดีกว่า..ฉันคิดว่าอาการแกคงหนักแล
“เค้าชื่อว่าหมูหยองเป็นชื่อที่ฉันตั้งให้เค้าเองคือที่ฉันบอกไม่รู้จักคือตอนที่ฉันเจอเค้าความจำของเขาเสื่อมฉันเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ในเมื่อเขายังจำอะไรไม่ได้ฉันเลยให้เค้าอยู่กับฉันไปก่อนแต่พอนานวันเข้าที่ทำให้ฉันรักเค้าคือความห่วงใยความใส่ใจความดีและความรักที่เค้ามีให้ฉันมันทำให้ฉันมอบทั้งตัวและหัวใจให้เค้าไปหมดแล้วแต่วันนึงเขาก็หายตัวไปฉันตามหาเท่าไรก็หาไม่เจอจนตอนนี้ฉันคิดว่าเค้าตายไปแล้วด้วยซ้ำแต่วันนี้.....ช่างมันเถอะเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”น้ำเมยเล่าจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสาวของเธอที่ตอนนี้นั่งอ้าปากพร้อมทำสีหน้าเศร้าตามเรื่องที่เธอเล่าเธอเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้น้ำเมยเองตั้งใจไว้ว่าจะเล่าเพียงแค่นี้เพราะเธอไม่อยากพาดพิงถึงชายหนุ่มอีกแล้ววันนี้เธอรู้สถานะของเขาแล้วว่าเขาและเธออยู่ห่างกันขนาดไหนตอนนี้ใจของเธอคิดว่าดีแล้วที่ชายหนุ่มจำเธอไม่ได้อีกอย่างชายหนุ่มก็มีคู่หมั้นที่เหมาะสมกันอยู่แล้วอีกต่างหากในเมื่อโชคชะตามันพาเธอเดินมาทางนี้ถึงแม้เธอจะน้อยใจในโชคชะตาบ้างแต่เธอก็พร้อมจะยอมรับมันละจะเลี้ยงลูกของเธอคนเดียวให้ดีที่สุดอย่างน้อยเธอก็มีหนึ่งสิ่งที่อยู่ในตัวเธอเป็นตัวแทนความรัก