โรงแรมXXX
08.00น.
“อุ้ปป...แหวะ...”
น้ำเมยมาถึงที่ทำงานได้สักพักก็เกิดอาการเวียนหัวคลื่นไส้ขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้นทำเอาเธอวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันเธอไม่คิดว่าอาการที่เป็นตอนที่ตื่นนอนมันจะยังไม่หาย
“โอเคไหมแก...นี่ฉันว่าวันนี้เลิกงานแล้วไปหาหมอหน่อยเถอะ”
อิงฟ้าเห็นเพื่อนสาวของเธอคลื่นไส้อาเจียนอยู่บ่อยๆเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วและดูว่าอาการมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยเธอเองบอกให้น้ำเมยไปหาหมอหลายครั้งแล้วแต่หญิงสาวก็กลัวว่ามันจะเสียงานเสียเงินเสียเวลาจนเธอเห็นท่าไม่ดีแล้วยังไงวันนี้เธอก็ต้องลากเพื่อนของเธอไปให้หมอตรวจให้ได้
อิงฟ้าและน้ำเมยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆพึ่งจะมาแยกย้ายกันตอนเรียนจบ ม.6 เพราะว่าอิงฟ้าต้องมาเรียนต่ออยู่ที่กรุงเทพกับแม่ส่วนน้ำเมยหลังจากจบ ม.6 แล้วก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลยเพราะหญิงสาวเองอยู่กับยายเพียงสองคนและยายของเธอก็มีอาชีพเพียงแค่ขายขนมหวานเธอจึงไม่อยากสร้างภาระให้กับยายของเธออีกอย่างยายของน้ำเมยเองก็แก่มากแล้วหญิงสาวจึงตัดสินใจให้ยายของเธอพักแล้วเธอเองเป็นคนมาขายแทนจนวันนึงยายของน้ำเมยเสียหญิงสาวจึงเหลือตัวคนเดียว
จนอยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน้าเธอได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้เธอไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บมาจากอะไรเพราะหลังจากที่ชายหนุ่มฟื้นเขาได้ความจำเสื่อมหญิงสาวจำต้องช่วยเหลือให้ที่พักและดูแลเขาไปก่อน
พอนานวันเข้าหญิงชายอยู่ใกล้กันทำให้ก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมาแต่ด้วยโชคชะตาที่ไม่เป็นใจกับหญิงสาวจู่ๆวันนึงชายหนุ่มก็ได้หายสาบสูญจากชีวิตของเธอไปแถมบ้านและที่ดินของเธอก็ถูกยึดจากเจ้าหนี้นอกระบบที่ยายของเธอได้เอาที่ดินไปจำนองไว้ทำให้น้ำเมยกลายเป็นคนไม่มีที่อยู่และที่ทำกิน
โชคดีที่อิงฟ้ากลับไปเที่ยวที่บ้านเกิดของเธอทำให้เจอกับน้ำเมยอิงฟ้าเห็นว่าน้ำเมยมีฝีมือในการทำขนมหวานและอีกอย่างที่ทำงานของเธอก็พึ่งจะมีเชฟขนมหวานลาออกไปอิงฟ้าจึงชวนน้ำเมยมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพมหานครเมืองใหญ่ที่จะให้ชีวิตใหม่แก่น้ำเมยได้
เมื่อน้ำเมยได้เข้ามาทำงานที่โรงแรมในฐานะเชฟขนมหวานเป็นลูกน้องในแผนกของอิงฟ้าได้ไม่นานก็ทำให้ชื่อเสียงของของหวานที่โรงแรมแห่งนี้เลื่องลือเป็นอย่างมากเหมือนเป็นซิกเนเจอร์ของโรงแรมนี้ไปเลย
ไม่ว่านักท่องเที่ยวที่ไหนมาก็ต้องมาชิมขนมหวานที่โรงแรมนี้กันทุกรายทำให้ตอนนี้ทั้งอิงฟ้าและน้ำเมยต่างก็ได้รับคำชมอย่างไม่ขาดปาก
“พวกเธอท่านประธานจะมาแล้วเตรียมตัวออกไปต้อนรับกันได้แล้วเร็วถ้าใครช้าพี่บอกไว้ก่อนว่าท่านดุมากเลยขอบอก”
นุดีหัวหน้าฝ่ายบุคคลรีบเดินมาตามพนักงานทุกคนให้ไปเตรียมตัวรอต้อนรับท่านประทานที่เข้ามาทำงานวันนี้เป็นวันแรกหลังจากที่หายไปเกือบหกเดือน
นุดีเองรู้กิตติศัพท์ของท่านประธานดีว่าเนี้ยบแค่ไหนดังนั้นเธอเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลต้องเตรียมการให้พร้อมไม่อย่างนั้นเธอจะโดนดุเอาได้
“ไหวไหมแกพี่นุดีเรียกแล้ว”
อิงฟ้าถามน้ำเมยที่ยืนหน้าซีดจนแทบไม่มีเลือดฝาด
“ไหวอยู่แก..ว่าแต่ท่านประธานเราก็เจออยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ”
น้ำเมยหันมาถามอิงฟ้าด้วยสีหน้าสงสัยเพราะเธอเองไม่เข้าใจว่าเมื่อก่อนพวกเธอยังไม่ต้องออกไปต้อนรับท่านประทานทุกวันเลยแต่ทำไมวันนี้ทุกคนกลับลุกลี้ลุกลนในการเตรียมตัวต้อนรับกันนัก
“นั่นแค่คนที่รักษาการแต่ท่านประทานคนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนว่าเค้าหายไปไหนมาหลายเดือนแล้วแต่ฉันจะบอกให้แกรู้ไว้เลยนะว่าคุณมาคัสทั้งโหดทั้งเจ้าระเบียบมากเลยขอบอกไปเร็วแก”
อิงฟ้าพูดไปด้วยพลางเดินจูงมือน้ำเมยที่เดินหน้าซีดไปด้วยเพราะถ้าหากพวกเธอยังคงไปช้าคงจะโดนสายตาและวาทะที่เชือดเฉือนอีกเป็นแน่เพราะอิงฟ้าเคยโดนมาแล้วสมัยที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ
อิงฟ้าและน้ำเมยเดินมาถึงจุดตรงหน้าโรงแรมที่มีพนักงานแทบทุกแผนกยืนเรียงแถวกันอยู่เมื่อยืนได้ไม่นานก็มีรถตู้หรูสีดำขับมาจอกที่หน้าโรงแรมทันใดนั้นเองพนักงานทุกคนที่ตอนแรกต่างจัดระเบียบเครื่องแต่งกายและยังคุยเสียงจอกแจกจอแจกันอยู่กลับนิ่งเงียบพร้อมทั้งยืนตัวตรงพร้อมกันทั้งหมดอย่างกับมีรีโมทกดสั่ง
น้ำเมยเองเมื่อเห็นพนักงานทุกคนยืนนิ่งงันเป็นระเบียบมันทำให้เธอต้องทำตามอัตโนมัติโดยที่ไม่มีใครสั่งเธอคิดในใจว่าท่านประธานคนนี้คงจะโหดหน้าดูไม่เช่นนั้นทุกคนคงไม่มีอาการเช่นนี้
“ยินดีต้อนรับการกลับมานะคะท่านประธาน”
“ครับ”
เมื่อชายใส่สูทสีดำของแบรนด์ดังตัวสูงดูมีสง่าน่าเกรงขามลงมาจากรถได้นุดีฝ่ายบุคคลก็กล่าวคำต้อนรับโดยทันทีพนักงานทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาโค้งคำนับให้กับชายหนุ่มที่ทุกคนต่างรู้กันว่าคือท่านประธานใหญ่ของโรงแรมนี้และเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมอีกมากมายหลายแห่ง
มีเพียงน้ำเมยเท่านั้นที่ยังยืนตัวตรงอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นท่านประธานหนุ่มเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองว่าชายหนุ่มที่เธอเฝ้าคอยและตามหามาตลอดตอนนี้เขาจะยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเธอ
“หมูหยอง”หญิงสาวรู้สึกใจเต้นแรงเธอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าไปในโรงแรมแล้วเธอเองกำลังจะก้าวขาเดินตามแต่เธอกลับล้มฟุบลงไปกับพื้นเสียก่อน“น้ำเมยย...”อิงฟ้าถึงกับหน้าเสียที่จู่ๆน้ำเมยก็เป็นลมล้มพับอยู่ข้างๆเธอจึงรีบประคองเพื่อนสาวของเธอขึ้นมาเอาไว้อย่างหลวมๆแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะกลัวว่าจะเป็นจุดสนใจของคนอื่นและเพื่อนเธอก็จะโดนตำหนิไปด้วยว่าร่างกายไม่พร้อมแล้วยังฝืนมาทำงานเพราะที่นี่ถือเป็นกฎเหล็กข้อห้ามว่าถ้าพนักงานไม่ไหวให้แจ้งหัวหน้าลาได้ทันทีห้ามฝืนทำงานโดยเด็ดขาดเพราะผลงานที่ออกมาก็จะดูป่วยตามคนทำไปด้วย“ผมว่าพนักงานที่นี่น่าจะรู้กฎกันดีอยู่นะ”มาคัสมองเพียงหางตาก็รู้ว่ามีคนกำลังล้มลงถึงพนักงานด้านหน้าจะยืนเรียงรายกันอยู่ก็เถอะแต่ด้วยความสูงของระดับสายตาของเขาเองสามารถเห็นได้ทั่วถึงอยู่แล้วชายหนุ่มเดินหันหลังกลับมาทางที่หญิงสาวกำลังเป็นลมพนักงานทุกคนต่างหลีกทางให้กับเขาโดยอัตโนมัติเพราะรับรู้ได้ถึงอาการน้ำนิ่งไหลลึกของเขา“พาเธอไปที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้”“ค่ะๆ...”ตอนนี้อิงฟ้าหน้าซีดเป็นไก่ต้มเพราะเห็นว่าตอนนี้ทุกคนมองมาทางเธอและเพื่อนสาวของเธอที่เป็นลมอยู่เป็นตาเดียวอีกท
“หายไวๆนะคะ”ดาวลดาเห็นว่าพนักงานที่โรงแรมป่วยด้วยความที่อัธยาศัยและจิตใจดีของเธอเลยอวยพรให้หญิงสาวหายป่วยไวๆพร้อมทั้งยังส่งยิ้มหวานให้หญิงสาวทั้งสองและเดินออกไปจากห้องพร้อมชายหนุ่มทิ้งให้น้ำเมยนั่งปวดหัวใจอยู่ในห้องกับภาพตรงหน้าที่เห็นเมื่อครู่“ฮึกๆๆ...”“แกเอ้ยย...ดีนะที่บอสเค้าไม่โกรธแกอะ...เค้าไม่ได้ชื่อหมูหยองนั่นคือท่านประธานใหญ่ที่เราเจอเมื่อเช้าไงแล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็คือคู่หมั้นของเขา”อิงฟ้าเองก็ยังคิดว่าที่เพื่อนของเธอไปเรียกชายหนุ่มว่าหมูหยองอะไรนั่นเพราะเป็นอาการเบลอจากอาการป่วยหญิงสาวโล่งใจที่ท่านประธานหนุ่มไม่ได้โกรธอะไรพร้อมทบทวนให้เพื่อนสาวของเธอฟังอีกรอบว่าทั้งสองคนเมื่อครู่เป็นใครเผื่อเพื่อนเธอจะมีสติขึ้นมาบ้าง“คู่หมั้นเหรอ..ฮือๆๆ..ฮึก..ฮืออ”น้ำเมยได้ยินว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่ที่ท่าทางสนิทสนมกับชายหนุ่มเป็นใครเธอก็กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นเอาไว้ไม่ได้เธออยากให้ตอนนี้มันเป็นแค่ฝันไม่ใช่เรื่องจริงเหลือเกินเพราะตอนนี้เธอยังทำใจยอมรับเรื่องที่ชายหนุ่มจำเธอไม่ได้แถมตอนนี้เขายังควงกับคู่หมั้นหน้าตาชื่นมื่นอีกต่างหาก“ฉันว่าเราไปให้หมอตรวจแกจะดีกว่า..ฉันคิดว่าอาการแกคงหนักแล
“เค้าชื่อว่าหมูหยองเป็นชื่อที่ฉันตั้งให้เค้าเองคือที่ฉันบอกไม่รู้จักคือตอนที่ฉันเจอเค้าความจำของเขาเสื่อมฉันเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ในเมื่อเขายังจำอะไรไม่ได้ฉันเลยให้เค้าอยู่กับฉันไปก่อนแต่พอนานวันเข้าที่ทำให้ฉันรักเค้าคือความห่วงใยความใส่ใจความดีและความรักที่เค้ามีให้ฉันมันทำให้ฉันมอบทั้งตัวและหัวใจให้เค้าไปหมดแล้วแต่วันนึงเขาก็หายตัวไปฉันตามหาเท่าไรก็หาไม่เจอจนตอนนี้ฉันคิดว่าเค้าตายไปแล้วด้วยซ้ำแต่วันนี้.....ช่างมันเถอะเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”น้ำเมยเล่าจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสาวของเธอที่ตอนนี้นั่งอ้าปากพร้อมทำสีหน้าเศร้าตามเรื่องที่เธอเล่าเธอเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้น้ำเมยเองตั้งใจไว้ว่าจะเล่าเพียงแค่นี้เพราะเธอไม่อยากพาดพิงถึงชายหนุ่มอีกแล้ววันนี้เธอรู้สถานะของเขาแล้วว่าเขาและเธออยู่ห่างกันขนาดไหนตอนนี้ใจของเธอคิดว่าดีแล้วที่ชายหนุ่มจำเธอไม่ได้อีกอย่างชายหนุ่มก็มีคู่หมั้นที่เหมาะสมกันอยู่แล้วอีกต่างหากในเมื่อโชคชะตามันพาเธอเดินมาทางนี้ถึงแม้เธอจะน้อยใจในโชคชะตาบ้างแต่เธอก็พร้อมจะยอมรับมันละจะเลี้ยงลูกของเธอคนเดียวให้ดีที่สุดอย่างน้อยเธอก็มีหนึ่งสิ่งที่อยู่ในตัวเธอเป็นตัวแทนความรัก
“ห๊า....คนนี่...เลือดเต็มเลยยย...ตายหรือยังเนี่ยย”หญิงสาวเดินไปแหวกพงหญ้าดูด้วยแสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องมาแล้วทำให้เธอเห็นว่าสิ่งที่เจ้าขาวตามให้เธอมาถึงที่นี่เพื่อที่จะเธอมาดูคนที่บาดเจ็บนอนอยู่ตรงนี้หญิงสาวเองตอนนี้นั่งมองร่างชายหนุ่มที่นอนหงายใบหน้าและศรีษะมีแต่เลือดอยู่เธอไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าจึงเอื้อมมือจับชีพจรของเขาดูอย่างกล้าๆกลัวๆ“ยังไม่ตายนี่...”หญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือดอยู่เขายังมีชีวิตอยู่เธอจึงรีบโทรเรียกรถพยาบาลมารับตัวของเขาไปรักษาอย่างเร็วที่สุดเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปโดนอะไรมาถึงได้มีสภาพเป็นเช่นนี้โรงพยาบาลXXX“คุณเป็นญาติกับคนไข้หรือเปล่าคะ”“เอ่อ...คือฉันเป็นคนเจอเค้านอนสลบอยู่ที่ริมแม่น้ำน่ะค่ะ...ฉันไม่รู้จักเค้า”น้ำเมยตอบพยาบาลไปตามความจริงเพราะเธอพึ่งจะเจอชายหนุ่มนอนจมกองเลือดอยู่เมื่อเช้านี้เองแถมน่าตาท่าทางชายหนุ่มจะไม่ใช่คนแถวนี้อีกด้วยเพราะหน้าลูกออกลูกครึ่งเสียขนาดนั้นแถวที่เธออยู่คงไม่มี“งั้นเป็นไรค่ะ..เรื่องประวัติของคนไข้เดี๋ยวทางเราให้ทางตำรวจตรวจสอบอีกทีค่ะ”“ค่ะๆ”พยาบาลเห็นว่าตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะหาประวัติของคนไข้ได้และอ
“นี่คุณสี่วันแล้วนะที่คุณนอนนิ่งอยู่แบบนี้..ฟื้นได้แล้วฉันจะได้รู้ว่าคุณเป็นใครซะที”น้ำเมยนั่งลงอยู่ข้างเตียงของชายหนุ่มพร้อมนั่งพุดคุยกับเขาเป็นปกติแบบนี้ทุกวันถึงเธอจะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้รับรู้สิ่งที่เธอพูดแต่เธอเองก็อยากจะพูดให้เขาฟังเป็นการคลายเหงากลายๆให้เธอนั่นเอง“คุณ..”หญิงสาวถึงกับเบิกตาโพรงขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่ามือของชายหนุ่มเริ่มขยับและเขาก็กำลังจะยกมันมากุมหัวของตัวเองอยู่เธอจึงรีบกดออดเรียกพยาบาลทันทีตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงมากที่เห็นว่าชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วทำให้เธอเริ่มมีความหวังในใจว่าเธอจะได้รู้เสียทีว่าเขาเป็นใครและบาดเจ็บจากอะไรมาดีไม่ดีเธอจะได้ช่วยเขาตามหาญาติให้มารับเขากลับไปอีกด้วยเมื่อหญิงสาวกดเรียกพยาบาลได้สักพักหมอก็เข้ามาตรวจอาการของชายหนุ่มทันทีตอนนี้หญิงสาวได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆเพราะไม่อยากไปรบกวนเวลาที่หมอตรวจชายหนุ่มอยู่“คุณยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่าครับ”“คือ..ตอนนี้ผมปวดหัวนิดหน่อยครับ”“คุณชื่ออะไรจำได้ไหมครับ”หมอเริ่มตรวจอาการภายนอกของชายหนุ่มพร้อมกับลองถามคำขามของเขาเพื่อเชคอาการภายใน“เอ่อ..ผม...ผมไม่รู้”ตอนนี้สีหน้าชายหนุ่มดูมึนงงอยู่อย
“เอ่อ..พ่อหนุ่มทานหมดนี่ก็ต้องจ่ายเงินนะ”หญิงชราก็เพิ่งเคยเห็นว่าคนที่ทานไวทานเยอะก็วันนี้นี่แหละอย่างมากสองถึงสามห่อก็อิ่มแล้วสำหรับการทานข้าวเหนียวของคนทั่วไปจนลืมบอกชายหนุ่มไปว่าถ้าจะชิมเยอะขนาดนี้ก็ต้องจ่ายเงินแล้วเพราะหญิงชราก็มองไม่ออกว่าชายหนุ่มในชุดคนป่วยจะมีเงินจ่ายไหมเลยรีบพูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้“เงินเหรอครับ..เอ่อ..ผม”ชายหนุ่มหยุดทานพร้อมทำหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องเงินเพราะตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาก็มีแต่ตัวกับเสื้อผ้าในชุดผู้ป่วยเท่านั้นเอง“เอ่อ..คุณ”หลังจากที่หญิงสาวจัดการธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินออกมาหาชายหนุ่มที่สวนหย่อมทันทีเธอเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่กับหญิงชราคนหนึ่งและเขาก็กำลังทานอะไรสักอย่างอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วยเธอจึงต้องรีบเดินเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ยังให้เขาทานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้และตัวเขาเองก็คงยังไม่รู้ตัวด้วย“แม่หนูเป็นญาติของพ่อหนุ่มคนนี้ใช่ไหม...พอดีเขาทานไปข้าวเหนียวยายไปหลายห่อเลยจะ”หญิงชราทำหน้าเหมือนเกรงใจหญิงสาวเพราะมันเหมือนเธอมาหลอกขายของคนป่วยเสียหลายห่อแต่อันที่จริงหญิงชราคิดว่าชายหนุ่มคงจะทานเพียงแค่ห่อสองห่อเท่านั้นเอง
“ขอบคุณนะคุณที่ช่วยคนไร้หนทางอย่างผม”ชายหนุ่มรู้สึกซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวที่เธอยื่นมือเข้ามาช่วยคนไร้สิ้นหนทางอย่างเขาที่แม้แต่ชื่อตัวเองเขายังจำไม่ได้“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอะไรที่ช่วยได้ฉันพร้อมที่จะช่วยอยู่แล้ว”หญิงสาวส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มพร้อมเก็บของและพาชายหนุ่มเดินออกมารอที่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วยหญิงสาวจัดแจงธุระทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรับยาและจ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้วทั้งสองจึงพากันกลับมาที่บ้านของหญิงสาว17.00 น“ถึงแล้วคุณ..”หญิงสาวพาชายหนุ่มนั่งสองแถวจากที่โรงพยาบาลมาที่บ้านกว่าจะมาถึงก็เย็นพอดีตอนนี้ในมือของหญิงสาวมีแต่ของใช้ที่พึ่งซื้อมาใหม่เอาไว้ให้ชายหนุ่มไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวต่างๆ“บ้านคุณเหรอน่าอยู่มากเลย..”ชายหนุ่มยืนมองบ้านไม้ชั้นเดียวที่ค่อนข้างจะเก่าแต่ก็ยังคงสภาพที่ดีอยู่แถมบรรยากาศที่นี่ก็ยังดีอีกด้วยทำให้เขารู้สึกชอบที่นี่ตั้งแต่แรกเห็น“เข้าบ้านกันเถอะเดี๋ยวฉันต้องไปทำกับข้าวอีก..ปะ”หญิงสาวเห็นชายหนุ่มยืนเก้ๆกังๆอยู่ที่หน้าบ้านเธอจึงถือวิสาสะดึงมือของชายหนุ่มเพื่อให้เขาเดินเข้ามาในบ้านเพราะเธอยังต้องเข้าไปจัดการทำอาหารเย็นต่อ
“เป็นอะไรนายหัวหยองแกล้งฉันจนเหนื่อยแล้วเหรอ..ฮ่าๆๆๆ...อื้ม..”หญิงสาวยังคงหัวเราะเพราะตลกอาการของชายหนุ่มที่คิดว่าเขาสู้เธอไม่ได้เลยทำนิ่งใส่แต่จู่ๆชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบเขาก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆจนตอนนี้ริมฝีปากปากของเขามันมาแตะอยู่ที่ริมฝีปากของเธอและแล้วก็ค่อยๆบดเบียดเข้ามาเรื่อยๆจนหญิงสาวต้องร้องท้วงเพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่สนุกกับการแกล้งเขาเสียแล้วในตอนนี้ชายหนุ่มบดจูบหญิงสาวอยู่เนิ่นนานจนตอนนี้อาการที่ร้องท้วงของเธอกลับกลายเป็นยอมอ่อนให้กับเขาโดยง่ายดายเพราะเธอเองก็เริ่มที่จะมีใจให้ชายหนุ่มบ้างแล้วการที่อยู่ด้วยกันทุกวันแถมทุกวันทั้งสองก็ยังสร้างรอยยิ้มให้กันได้บ่อยๆอีกด้วยชายหนุ่มเองเมื่อเขาหายดีเขาก็แบ่งเบาภาระของหญิงสาวได้เยอะอีกทั้งยังช่วยเธอได้ทุกอย่างจากที่ชายหนุ่มเห็นเธอทำกับข้าวให้เขาทานในคราแรกเขาจึงขอหญิงสาวช่วยหัดสอนให้เขาทำเป็นเพื่อที่เขาจะได้ช่วยเธอและงานบ้านก็เช่นกันเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวยุ่งๆเขาก็จัดการทำเองทุกอย่างเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มมีอาการเครียดเขาก็จะคอยเป็นตัวตลกให้หญิงสาวได้ยิ้มอยู่ตลอดเวลาแล้วแบบนี้จะให้หญิงสาว