แพทย์นิติเวชหญิงเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังตั้งครรภ์ลูกน้อยแสนล้ำค่าบังเอิญได้เดินทางข้ามเวลา มือซ้ายของนางถือมีดเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ผู้วายชนม์ มือขวาถือเข็มเพื่อรักษาคนที่ยังมีลมหายใจ ไม่ว่าเรื่องของคนเป็นหรือคนตายนางพร้อมลุยได้หมด! เยี่ยนเว่ยฉือ : ด้วยความสามารถของข้า จะมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ในยุคโบราณไม่ได้เลยหรือ? ผู้ชายหรือ? ผู้ชายคืออะไร? พวกผู้ชายมีแต่จะส่งผลต่อความเร็วที่ข้าชักมีดก็เท่านั้น อ้อ ยกเว้นผู้ชายรูปงาม! ซ่างกวนซี องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าซางผู้หล่อเหลาเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าถูกใส่ร้ายป้ายสี เขามีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่นยากจะหาใครเปรียบ ทั้งยังน่ากลัวและโหดเหี้ยมจนไร้คู่ต่อสู้ในสนามประลอง ตัวตน ตำแหน่ง ความมั่งคั่งและเกียรติยศศักดิ์ศรี ทุกสิ่งล้วนสลายหายไปจนเหลือเพียงความว่างเปล่าเนื่องจากต้องคดีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซ่างกวนซี : เจ้าต้องช่วยข้า เยี่ยนเว่ยฉือ : ขอเหตุผลหน่อยสิ ซ่างกวนซี : หากเจ้าอยากช่วยชีวิตคน ข้าก็จะเป็นคนป่วย! หากเจ้าอยากฆ่าคน ข้าก็จะมอบชีวิตให้! หากเจ้าอยากจะรักใคร ข้าก็ว่างอยู่! เยี่ยนเว่ยฉือ : กล้าพูดกับข้าเช่นนี้เชียว ช่างอาจหาญเสียจริง!
View Moreความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง
ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง
"เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา
ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี
แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก
ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ
เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างมองซ่างกวนซี จากนั้นก็เบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย"ข้า... นี่... เอ่อ ถึงแม้... ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าจะรัดรูป แต่หน้าอกข้าเล็ก ดังนั้นก็ยัง... ก็ยังมีที่ว่าง"นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน พูดจบแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็อยากจะทุบหัวตัวเองซ่างกวนซีถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว ทอดสายตามองไปยัง... หน้าอกของเยี่ยนเว่ยฉือ!"หน้าอกเล็กหรือ? หึ เจ้าช่างแก้ตัวเก่งฯํฏ แต่ตัวข้ากลับรู้สึกว่า หน้าอกของเจ้าเล็กตรงไหนกัน? หรือว่าวิชามือเบาของเจ้า ยังสามารถขโมยหน้าอกของตนเองแล้วซ่อนเอาไว้ได้ด้วย?"ซ่างกวนซียื่นนิ้วชี้เรียวยาวออกมา แตะเบา ๆ ที่ตำแหน่งหัวใจของเยี่ยนเว่ยฉือ สองครั้งเมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันทีซ่างกวนซีก็ตระหนักได้ว่า ตนเองเพิ่งทำอะไรลงไปความตั้งใจเดิมที่อยากจะซักถาม ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปบรรยากาศเริ่มผิดปกติ ทั้งสองคนต่างก็ถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว"ฝ่าบาท!" เยี่ยนเว่ยฉือเอามือปิดหน้าอกโดยสัญชาตญาณ น้ำเสียงออดอ้อนปนตำหนิเล็กน้อยซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าการกระทำเมื่อครู่ของตนเองนั้นค่อนข้างจะหุนหันพลันแล่นแต่ใครใช้ให้เด็ก
ในฐานะแพทย์นิติเวช เยี่ยนเว่ยฉือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะถูกส่งไปผลิตทายาทใช่แล้ว ผลิตทายาท!นางต้องมีทายาททางสายเลือดคนสุดท้ายกับซ่างกวนซี องค์รัชทายาทผู้ถูกทอดทิ้งแห่งแคว้นจิ่วหลีที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนางเป็นแพทย์นิติเวชจากศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ด ผู้ซึ่งเดินทางข้ามเวลามาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่ทันที่วิญญาณจะเข้ากันกับร่างกายได้ดี นางก็ได้สวมชุดแต่งงานแบบลวก ๆ และถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง“เชิญทางนี้ องค์รัชทายาทกำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน!” เสียงเหยียดหยามของขันทีดังเข้ามาในโสตประสาทของนางเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังห้องขังตรงหน้า พบว่าภายในคุกใหญ่โตนี้ มีเพียงเงาร่างสีขาวนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งเขาคือพระโอรสของอดีตฮองเฮา องค์รัชทายาทซ่างกวนซีผู้ไร้ค่าน่ะหรือ?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้ครุ่นคิดอย่างกระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็มีแรงผลักมหาศาลจากด้านหลังผลักส่งนางเข้าไปในห้องขัง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา!ปัง! แกร๊ง!ประตูห้องขังถูกลงกลอนจากด้านนอก ขันทีที่พานางมายืนอยู่ด้านนอกห้องขังพลางพูดว่า “เจ้ามีเวลาสองชั่วยาม เจ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีทายาทกับฝ่าบาทสำเร็จหรือ...
Comments