แม้สถานการณ์จะค่อนข้างอันตราย แต่ก็ยังจัดการได้เยี่ยนเว่ยฉือรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ได้ ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!”“ไม่ได้?!” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจ เกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิดไปนางคิดว่านางเป็นใคร ถึงได้กล้าที่พูดจาเช่นนี้กับเจ้าแห่งหกตำหนักฝ่ายใน ทั้งยังพูดคำว่าไม่ได้ออกมาอีก?ในขณะที่ฮองเฮากำลังตกตะลึง เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองไปที่ฮ่องเต้คังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าองค์รัชทายาททรงนกเขาไม่ขัน ดังนั้นจึงถือว่าหม่อมฉันเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้ด้วย คดีนี้ยังต้องมีการพิจารณาคดีใหม่ ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวนเลย หากมาฆ่าพยานเสียก่อนคงไม่เหมาะนักใช่หรือไม่เพคะ?”ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ครู่หนึ่งพระองค์สับสนไม่รู้ว่านางเป็นสตรีตระกูลใดแต่สตรีนางนี้กลับกล้าปฏิเสธฮองเฮาต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ชอบพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อทอดพระเนตรผ่านร่างเล็ก ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือไป พระองค์ก็ทรงเห็นร่างไร้ชีวิตที่มีบาดแผลทั่วร่างกายซ่างกวนซีอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ความโศกเศร้าและความเกรี้ยวโกรธของฮ่องเต้คังอู่ถึงจุดสูงสุดเ
เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ชันสูตรศพ ท่านทำไม่เป็นหรือ? ไม่เป็นไร ข้าทำเอง!”เยี่ยนเว่ยฉือมองผางเหออวี้พร้อมรอยยิ้ม ทำท่าทางกระตือรือร้นที่จะได้ทำหน้าที่ผางเหออวี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้า...เจ้าบ้าไปแล้วรึ? สวีเหม่ยเหรินกับองค์ชายน้อยสิ้นพระชมน์ไปหลายวันแล้ว อีกทั้งศพก็อยู่ในโลง กำลังรอทำพิธีฝัง เจ้าจะไปรบกวนวิญญาณคนที่ตายไปอย่างสงบแล้วทำไม?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านใต้เท้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ในมุมมองของข้า มีเพียงการหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและคืนความยุติธรรมแก่ผู้ตายเท่านั้น นั่นถึงจะทำให้ผู้ตายจะได้พบความสงบอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตามกฎของวังหลวง พระสนมที่มีบุตรจะต้องมีการตั้งศพไว้ในห้องนอนเป็นเวลาเจ็ดวันจึงจะทำการฝังได้ ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดพอดี!”กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชันสูตรศพฮองเฮานั่งอยู่บนที่ประทับสูงสบสายตากับซ่างกวนหลี โอรสของนางซ่างกวนหลีพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือพูดถูก ร่างของสวีเหม่ยเหรินยังไม่ถูกฝังฮองเฮาขมวดคิ้วพลางคิดว่าจะขวางอีกฝ่ายอย่างไร ขณะนั้นฮ่องเต้คังอู่ก็ตรัสอย่างจริงจัง
“อะไรนะ? เจ้าพูดว่าอะไร?!” ฮ่องเต้คังอู่ทรงเดินอย่างรวดเร็วไปหาเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่บาดแผลบริเวณลำคอของสวีเหม่ยเหริน พลางตอบอย่างสงบว่า “บาดแผลทั้งหมดบนร่างนี้แบ่งออกเป็นบาดแผลก่อนเสียชีวิตและบาดแผลหลังเสียชีวิต สำหรับบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต ผิวหนังจะมีการหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด รอบ ๆ บาดแผลจะมีก้อนเลือดสีดำคล้ำ และหากเลือดไหลออกมากก็อาจมีรอยห้อเลือดด้วย ซึ่งนั่นเป็นกลไลตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นหลังเสียชีวิต ผิวหนังบริเวณบาดแผลจะเรียบเนียน เนื่องจากร่างกายไม่มีกระบวนการแข็งตัวของเลือดแล้ว ดังนั้นบริเวณบาดแผลก็จะไม่มีลิ่มเลือดหรือรอยห้อเลือด เช่นเดียวกับที่เห็นในตอนนี้เพคะ”ฮ่องเต้คังอู่และผางเหออวี้ขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ต่างก็เข้ามาจับตาดูอย่างใกล้ชิด เห็นว่าลักษณะของร่างตรงหน้าตรงกับที่เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวไว้ไม่มีผิดเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ความจริงที่เรียบง่ายเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ชันสูตรศพที่มีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยก็สามารถตรวจพบเบาะแสนี้ได้ แต่เหตุถึงไม่มีใครพูดออกมาเลยเล่า?”ผางเหออวี้สะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าหลบตาเยี่ย
คนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สงสัยเช่นกันสาวน้อยที่เสื้อผ้าผมเผ้ารุงรังผู้นี้เป็นใครกันแน่?เหตุใดถึงได้รู้มากเช่นนี้?ฮองเฮาพูดเสียงแข็งว่า “เหลวไหล เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยจะไปรู้อะไร? อย่าคาดเดาอะไรเรื่อยเปื่อย!”เยี่ยนเว่ยฉือเบะปากพูดว่า “การกล้าตั้งสมมติฐานและตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่ใช่วิธีการพื้นฐานในการคลี่คลายคดีหรือเพคะ? อีกอย่าง สิ่งที่พวกท่านพบในร่างของสวีเหม่ยเหรินไม่มีใครเคยเห็นว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทนี่เพคะ!”ทันทีที่พูดจบ บรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่อยู่ในเหตุการณ์ บ้างก็งุ่มง่ามทำตัวไม่ถูกบ้างก็ก้มหน้าก้มตา เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ช่างพูดได้อย่างไม่อายปากเอาเสียเลย!เมื่อเห็นจากสายตาของฮองเฮาเหมือนต้องการจะโต้เถียง เยี่ยนเว่ยฉือก็พูดต่อทันที “ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเพคะ ในเมื่อตอนนี้ก็ได้รู้สาเหตุการเสียชีวิตของสวีเหม่ยเหรินแล้ว หม่อมฉันแค่ต้องตามหาฆาตกรตัวจริงเท่านั้น ก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้องค์รัชทายาทได้อย่างไรเล่าเพคะ!”ฮ่องเต้คังอู่ตรัสถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าสามารถตามหาฆาตกรตัวจริงได้หรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าและพูดต่อ “ทูลฝ่
ทุกคนยืนชูคอมองอ่างทั้งสองด้วยความสนใจอย่างยิ่งส่วนฮองเฮานั้นถึงกับบีบมือเข้าหากัน แลดูค่อนข้างกังวลทว่าหลังจากที่ทดสอบนางกำนัลและขันทีไปกลุ่มหนึ่ง ก็ไม่มีมือของใครเปลี่ยนสีเลยบุรุษชุดสีชมพูที่อยู่ในความมืดขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เฮ้อ วิธีการของนางไม่ได้ผล!”บุรุษชุดสีทองแค่นเสียงเบา ๆ “ข้าคิดว่านางจะฉลาดหลักแหลมเสียอีก ไม่เพียงนางทำลายแผนของศิษย์พี่แล้วล่ะ เพราะตอนนี้นางได้เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย”เป็นดังที่คาดไว้ ทันทีที่ทางนี้เอ่ยจบฮองเฮาที่อยู่ทางนั้นก็เริ่มโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือ“เจ้าช่างบังอาจที่กล้าหลอกใช้ฝ่าบาทกับข้า เจ้าลองใช้สองตามองดูสิ มีฝ่ามือของใครเปลี่ยนสีหรือไม่ พูดจาเหลวไหลยิ่งนัก! ใครก็ได้มาลากนาง…”ก่อนที่ฮองเฮาจะพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็แคะหูแล้วพูดด้วยความรำคาญ “ฮองเฮาเพคะ พวกเรายืนใกล้กันมากเช่นนี้ พระองค์ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงดังถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนหูหนวก”หลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ให้โอกาสให้ฮองเฮาได้ตำหนิตนต่อ พลางชี้ไปยังเฟินเอ๋อร์ที่ยืนหลบมุมอยู่ในกลุ่มคนรับใช้แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท นางคือฆาตกรเพคะ”อะไรนะ?!เฟินเ
เฟินเอ๋อร์รู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกท่วมตัว นางมองฮองเฮาอย่างมีความหวัง แต่กลับได้รับสายตาเย็นชาจากอีกฝ่าย“มองอะไร นางให้เจ้าล้างมือ ก็รีบ ๆ ล้างไปสิ!” ฮองเฮาตำหนิเฟินเอ๋อร์ตัวสั่นพลางจุ่มมือลงในน้ำอย่างไม่เต็มใจเพื่อล้างให้สะอาดหลังจากเช็ดมือให้แห้ง นางก็เดินไปที่อ่างน้ำส้มสายชูและน้ำด่างตอนที่นำมือจุ่มน้ำส้มสายชู มือก็ยังปกติอยู่แต่เมื่อมือนำไปจุ่มในน้ำด่าง มันก็กลายเป็นสีน้ำเงินอ่อนอย่างรวดเร็ว!ทุกคนตกตะลึง ส่วนฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงอุทาน “สารเลว เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”ขาของเฟินเอ๋อร์อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้นนางร้องไห้อ้อนวอน “ฝ่าบาท โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เพคะ ในวันเทศกาลฮัวเฉาวันนั้น แขกทุกคนล้วนดื่มเหล้าดอกท้อ มีเพียงสวีเหม่ยเหรินเท่านั้นที่ดื่มเหล้าบ๊วย ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนไหนติดป้ายชื่อเหล้าทั้งสองชนิดสลับกัน หม่อมฉันเลย...เลยเผลอหยิบผิดเพคะ!”“หยิบผิดหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “สวีเหม่ยเหรินเพิ่งให้กำเนิดองค์ชายน้อย ทั้งยังอยู่ในช่วงให้นมบุตร นางจะดื่มเหล้าได้อย่างไร?”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็มองไปที่จักรพรรดิคังอู่และพูดต่อ
บุรุษชุดสีชมพูในความมืดใช้ศอกผลักชายในชุดสีทองพลางเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นี่ เจ้าไม่ไปช่วยหน่อยหรือ? รัฐทายาท*แห่งอ๋องเซียวเหยา อย่างน้อยก็พูดสักหน่อยจะเป็นไรไป?”ปรากฏว่าบุรุษในชุดสีทองไม่ใช่ใครอื่น เขาคือพระโอรสในอ๋องเซียวเหยา นามว่าอวี๋เฟยเหยียนและคุณชายที่มีลักษณะคล้ายสตรีในชุดสีชมพูที่อยู่ข้าง ๆ ก็คือเย่เทียนซูศิษย์พี่รองของเขาทั้งสองเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของซ่างกวนซีอวี๋เฟยเหยียนกอดอกพลางพูดอย่างเหยียดหยาม “ศิษย์พี่ให้พวกเรามาสังเกตการณ์ ไม่ได้สั่งให้ช่วยใคร แล้วเหตุใดต้องไปยุ่งเรื่องของนางด้วย”เย่เทียนซูม้วนผมของตัวเอง แสร้งทำเป็นปวดใจและพูดว่า “เฮ้อ แต่นางน่าสนใจจริง ๆ อีกทั้ง... นางก็ดูไม่เหมือนคนอายุสั้นเลย”“ไม่เมื่อไม่ใช่คนอายุสั้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าหรือเจ้าลงมือ เอาล่ะ ออกจากวังไปรายงานกันเถอะ!” อวี๋เฟยเหยียนเขย่งเท้าทะยานจากไปเย่เทียนซูหันกลับไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ตามอวี๋เฟยเหยียนไปทว่าทันทีที่พวกเขาจากไป พวกเขาก็พลาดการแสดงที่น่ารับชมเมื่อเห็นอันกั๋วกงเดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมกับดาบสยบพยัคฆ์ในมือ เยี่ยนเว่ยฉือก็เท้าเอวตะ
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าอันกั๋วกงนั้นหยิ่งผยองแต่คาดไม่ถึงว่าคนที่เป็นเพียงขุนนางจะหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้ฮ่องเต้ทรงยืนอยู่ตรงนี้แท้ ๆ เขากล้าฆ่าคนต่อหน้าสาธารณชนได้อย่างไร?ทันใดนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พลิกฝ่ามือ เข็มเงินสองเล่มปรากฏอยู่ที่ปลายนิ้วของนางทว่าในขณะที่นางกำลังจะสู้กลับ จู่ ๆ ร่างที่ไม่สมประกอบก็ร่วงลงมาจากฟ้า และดึงเยี่ยนเว่ยฉือมาไว้ข้างหลังเขาผู้นั้นปกป้องเยี่ยนเว่ยฉือพลางถอยหลังไปสองก้าว แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ยังคงได้ยินเสียงดัง!เป็นเสียงดาบคมเฉือนผ่านผิวหนัง!“ชูจิ่ง?!”“องค์รัชทายาท?!”“เสด็จพี่ใหญ่?!”จากนั้นก็มีเสียงอุทานจากทุกคนใช่แล้ว คนที่มารับการโจมตีแทนเยี่ยนเว่ยฉือไม่ใช่ใครอื่น นอกจากองค์รัชทายาทซ่างกวนซีที่บาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่าง!อันกั๋วกงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ปลายดาบสยบพยัคฆ์ของเขาแทงทะลุไหล่ของซ่างกวนซีซ่างกวนซีเช็ดเลือดตรงมุมปากพลางแค่นเสียงเย็น “อันกั๋วกง บังอาจนักนะที่กล้าลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!”อันกั๋วกงหายใจเฮือกใหญ่อย่างหวาดกลัวและรีบดึงดาบออกมา จากนั้นก็ทำมือคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!”หากฆ่าเยี่ยนเว่ยฉือไปก็คงจะไม่เป็
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี
เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าคำพูดของตนเองฟังไม่ขึ้นนางยิ้มแห้งๆ แล้วหันไปมองลู่อู๋ เลียนแบบน้ำเสียงของซ่างกวนซีข่มขู่ "เจ้า คอยดูเถอะ!"คนสารเลวนี่ กล้ามาเคาะประตูในเวลากลางวันแสกๆ ไม่ใช่จงใจมาขัดขวางนางหรือ?หากนางผ่านด่านซ่างกวนซีไม่ได้ นางก็จะไม่ปล่อยให้ลู่อู๋ผ่านวันนี้ไปได้เช่นกัน! ฮึ่ม!ลู่อู๋เห็นดังนั้นก็อยากจะร้องไห้ "นาง... นางพูดความจริง ข้า... ข้าหมายปองท่านหญิงหมิงหยางจริงๆ ถึงแม้ว่านางจะแก่ไปหน่อย ผิวเหี่ยวไปหน่อย นิสัยดุร้ายไปหน่อย เอวหนาขาใหญ่ ไปหน่อย แต่ข้าชอบแบบนี้! มี... มีความอบอุ่นเหมือนมารดา!"ทุกคน "...""ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกเยี่ยนเว่ยฉือก็ตกตะลึง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า "เจ้าโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีไหวพริบ สอนได้!"ฉินเซียงหรูมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้ามืดครึ้ม แล้วยิ้มแย้ม "อยู่ข้างกายท่านช่างน่าสนุกสนานยิ่งนัก! สนุกกว่าตอนอยู่ในค่ายทหารเสียอีก!"ซ่างกวนซีถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการสั่งสอนเยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวยังปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่าการจัดการกองทัพเขาไม่กล่าวสิ่งใด ลุกขึ้นยืน เดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉ
"เอ่อ เพราะว่า..." ลู่อู๋มองซ่างกวนซี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกว่าปัญหายิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆซ่างกวนซีเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ นั่งลงบนบัลลังก์ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างใจเย็น แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?"ลู่อู๋มองเยี่ยนเว่ยฉือ "เพราะว่า...""ข้าถามเจ้า เจ้าจ้องมองพระชายาด้วยเหตุใด?" ซ่างกวนซีตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาลู่อู๋มีสีหน้าลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากพูดความจริง ก็คงจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือขุ่นเคือง ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาจะกล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้อย่างไร?แต่หากไม่พูดความจริง วันนี้เขาจะออกจากจวนรัชทายาทได้หรือ?ลู่อู๋ยังคงอ้ำอึ้ง "เพราะว่า...""เพราะเขาอยากให้ข้าทำหน้าที่แม่สื่อ!" เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวออกมา ทำเอาทุกคนตกตะลึง"อะ... อะไรนะ?" อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง มองเยี่ยนเว่ยฉือฉินเซียงหรูก็ตกตะลึง ถ้วยชาในมือเกือบหลุดซ่างกวนซีขมวดคิ้ว มองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดจาเหลวไหลเยี่ยนเว่ยฉือใช้ศอกกระทุ้งลู่อู๋ "รีบพูดสิ ใช่หรือไม่?"ลู่อู๋รู้สึกว่าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่พยักหน