แม้สถานการณ์จะค่อนข้างอันตราย แต่ก็ยังจัดการได้เยี่ยนเว่ยฉือรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ได้ ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!”“ไม่ได้?!” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจ เกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิดไปนางคิดว่านางเป็นใคร ถึงได้กล้าที่พูดจาเช่นนี้กับเจ้าแห่งหกตำหนักฝ่ายใน ทั้งยังพูดคำว่าไม่ได้ออกมาอีก?ในขณะที่ฮองเฮากำลังตกตะลึง เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองไปที่ฮ่องเต้คังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าองค์รัชทายาททรงนกเขาไม่ขัน ดังนั้นจึงถือว่าหม่อมฉันเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้ด้วย คดีนี้ยังต้องมีการพิจารณาคดีใหม่ ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวนเลย หากมาฆ่าพยานเสียก่อนคงไม่เหมาะนักใช่หรือไม่เพคะ?”ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ครู่หนึ่งพระองค์สับสนไม่รู้ว่านางเป็นสตรีตระกูลใดแต่สตรีนางนี้กลับกล้าปฏิเสธฮองเฮาต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ชอบพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อทอดพระเนตรผ่านร่างเล็ก ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือไป พระองค์ก็ทรงเห็นร่างไร้ชีวิตที่มีบาดแผลทั่วร่างกายซ่างกวนซีอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ความโศกเศร้าและความเกรี้ยวโกรธของฮ่องเต้คังอู่ถึงจุดสูงสุดเ
เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ชันสูตรศพ ท่านทำไม่เป็นหรือ? ไม่เป็นไร ข้าทำเอง!”เยี่ยนเว่ยฉือมองผางเหออวี้พร้อมรอยยิ้ม ทำท่าทางกระตือรือร้นที่จะได้ทำหน้าที่ผางเหออวี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้า...เจ้าบ้าไปแล้วรึ? สวีเหม่ยเหรินกับองค์ชายน้อยสิ้นพระชมน์ไปหลายวันแล้ว อีกทั้งศพก็อยู่ในโลง กำลังรอทำพิธีฝัง เจ้าจะไปรบกวนวิญญาณคนที่ตายไปอย่างสงบแล้วทำไม?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านใต้เท้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ในมุมมองของข้า มีเพียงการหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและคืนความยุติธรรมแก่ผู้ตายเท่านั้น นั่นถึงจะทำให้ผู้ตายจะได้พบความสงบอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตามกฎของวังหลวง พระสนมที่มีบุตรจะต้องมีการตั้งศพไว้ในห้องนอนเป็นเวลาเจ็ดวันจึงจะทำการฝังได้ ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดพอดี!”กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชันสูตรศพฮองเฮานั่งอยู่บนที่ประทับสูงสบสายตากับซ่างกวนหลี โอรสของนางซ่างกวนหลีพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือพูดถูก ร่างของสวีเหม่ยเหรินยังไม่ถูกฝังฮองเฮาขมวดคิ้วพลางคิดว่าจะขวางอีกฝ่ายอย่างไร ขณะนั้นฮ่องเต้คังอู่ก็ตรัสอย่างจริงจัง
“อะไรนะ? เจ้าพูดว่าอะไร?!” ฮ่องเต้คังอู่ทรงเดินอย่างรวดเร็วไปหาเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่บาดแผลบริเวณลำคอของสวีเหม่ยเหริน พลางตอบอย่างสงบว่า “บาดแผลทั้งหมดบนร่างนี้แบ่งออกเป็นบาดแผลก่อนเสียชีวิตและบาดแผลหลังเสียชีวิต สำหรับบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต ผิวหนังจะมีการหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด รอบ ๆ บาดแผลจะมีก้อนเลือดสีดำคล้ำ และหากเลือดไหลออกมากก็อาจมีรอยห้อเลือดด้วย ซึ่งนั่นเป็นกลไลตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นหลังเสียชีวิต ผิวหนังบริเวณบาดแผลจะเรียบเนียน เนื่องจากร่างกายไม่มีกระบวนการแข็งตัวของเลือดแล้ว ดังนั้นบริเวณบาดแผลก็จะไม่มีลิ่มเลือดหรือรอยห้อเลือด เช่นเดียวกับที่เห็นในตอนนี้เพคะ”ฮ่องเต้คังอู่และผางเหออวี้ขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ต่างก็เข้ามาจับตาดูอย่างใกล้ชิด เห็นว่าลักษณะของร่างตรงหน้าตรงกับที่เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวไว้ไม่มีผิดเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ความจริงที่เรียบง่ายเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ชันสูตรศพที่มีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยก็สามารถตรวจพบเบาะแสนี้ได้ แต่เหตุถึงไม่มีใครพูดออกมาเลยเล่า?”ผางเหออวี้สะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าหลบตาเยี่ย
คนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สงสัยเช่นกันสาวน้อยที่เสื้อผ้าผมเผ้ารุงรังผู้นี้เป็นใครกันแน่?เหตุใดถึงได้รู้มากเช่นนี้?ฮองเฮาพูดเสียงแข็งว่า “เหลวไหล เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยจะไปรู้อะไร? อย่าคาดเดาอะไรเรื่อยเปื่อย!”เยี่ยนเว่ยฉือเบะปากพูดว่า “การกล้าตั้งสมมติฐานและตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่ใช่วิธีการพื้นฐานในการคลี่คลายคดีหรือเพคะ? อีกอย่าง สิ่งที่พวกท่านพบในร่างของสวีเหม่ยเหรินไม่มีใครเคยเห็นว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทนี่เพคะ!”ทันทีที่พูดจบ บรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่อยู่ในเหตุการณ์ บ้างก็งุ่มง่ามทำตัวไม่ถูกบ้างก็ก้มหน้าก้มตา เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ช่างพูดได้อย่างไม่อายปากเอาเสียเลย!เมื่อเห็นจากสายตาของฮองเฮาเหมือนต้องการจะโต้เถียง เยี่ยนเว่ยฉือก็พูดต่อทันที “ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเพคะ ในเมื่อตอนนี้ก็ได้รู้สาเหตุการเสียชีวิตของสวีเหม่ยเหรินแล้ว หม่อมฉันแค่ต้องตามหาฆาตกรตัวจริงเท่านั้น ก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้องค์รัชทายาทได้อย่างไรเล่าเพคะ!”ฮ่องเต้คังอู่ตรัสถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าสามารถตามหาฆาตกรตัวจริงได้หรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าและพูดต่อ “ทูลฝ่
ทุกคนยืนชูคอมองอ่างทั้งสองด้วยความสนใจอย่างยิ่งส่วนฮองเฮานั้นถึงกับบีบมือเข้าหากัน แลดูค่อนข้างกังวลทว่าหลังจากที่ทดสอบนางกำนัลและขันทีไปกลุ่มหนึ่ง ก็ไม่มีมือของใครเปลี่ยนสีเลยบุรุษชุดสีชมพูที่อยู่ในความมืดขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เฮ้อ วิธีการของนางไม่ได้ผล!”บุรุษชุดสีทองแค่นเสียงเบา ๆ “ข้าคิดว่านางจะฉลาดหลักแหลมเสียอีก ไม่เพียงนางทำลายแผนของศิษย์พี่แล้วล่ะ เพราะตอนนี้นางได้เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย”เป็นดังที่คาดไว้ ทันทีที่ทางนี้เอ่ยจบฮองเฮาที่อยู่ทางนั้นก็เริ่มโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือ“เจ้าช่างบังอาจที่กล้าหลอกใช้ฝ่าบาทกับข้า เจ้าลองใช้สองตามองดูสิ มีฝ่ามือของใครเปลี่ยนสีหรือไม่ พูดจาเหลวไหลยิ่งนัก! ใครก็ได้มาลากนาง…”ก่อนที่ฮองเฮาจะพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็แคะหูแล้วพูดด้วยความรำคาญ “ฮองเฮาเพคะ พวกเรายืนใกล้กันมากเช่นนี้ พระองค์ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงดังถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนหูหนวก”หลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ให้โอกาสให้ฮองเฮาได้ตำหนิตนต่อ พลางชี้ไปยังเฟินเอ๋อร์ที่ยืนหลบมุมอยู่ในกลุ่มคนรับใช้แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท นางคือฆาตกรเพคะ”อะไรนะ?!เฟินเ
เฟินเอ๋อร์รู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกท่วมตัว นางมองฮองเฮาอย่างมีความหวัง แต่กลับได้รับสายตาเย็นชาจากอีกฝ่าย“มองอะไร นางให้เจ้าล้างมือ ก็รีบ ๆ ล้างไปสิ!” ฮองเฮาตำหนิเฟินเอ๋อร์ตัวสั่นพลางจุ่มมือลงในน้ำอย่างไม่เต็มใจเพื่อล้างให้สะอาดหลังจากเช็ดมือให้แห้ง นางก็เดินไปที่อ่างน้ำส้มสายชูและน้ำด่างตอนที่นำมือจุ่มน้ำส้มสายชู มือก็ยังปกติอยู่แต่เมื่อมือนำไปจุ่มในน้ำด่าง มันก็กลายเป็นสีน้ำเงินอ่อนอย่างรวดเร็ว!ทุกคนตกตะลึง ส่วนฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงอุทาน “สารเลว เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”ขาของเฟินเอ๋อร์อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้นนางร้องไห้อ้อนวอน “ฝ่าบาท โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เพคะ ในวันเทศกาลฮัวเฉาวันนั้น แขกทุกคนล้วนดื่มเหล้าดอกท้อ มีเพียงสวีเหม่ยเหรินเท่านั้นที่ดื่มเหล้าบ๊วย ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนไหนติดป้ายชื่อเหล้าทั้งสองชนิดสลับกัน หม่อมฉันเลย...เลยเผลอหยิบผิดเพคะ!”“หยิบผิดหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “สวีเหม่ยเหรินเพิ่งให้กำเนิดองค์ชายน้อย ทั้งยังอยู่ในช่วงให้นมบุตร นางจะดื่มเหล้าได้อย่างไร?”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็มองไปที่จักรพรรดิคังอู่และพูดต่อ
บุรุษชุดสีชมพูในความมืดใช้ศอกผลักชายในชุดสีทองพลางเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นี่ เจ้าไม่ไปช่วยหน่อยหรือ? รัฐทายาท*แห่งอ๋องเซียวเหยา อย่างน้อยก็พูดสักหน่อยจะเป็นไรไป?”ปรากฏว่าบุรุษในชุดสีทองไม่ใช่ใครอื่น เขาคือพระโอรสในอ๋องเซียวเหยา นามว่าอวี๋เฟยเหยียนและคุณชายที่มีลักษณะคล้ายสตรีในชุดสีชมพูที่อยู่ข้าง ๆ ก็คือเย่เทียนซูศิษย์พี่รองของเขาทั้งสองเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของซ่างกวนซีอวี๋เฟยเหยียนกอดอกพลางพูดอย่างเหยียดหยาม “ศิษย์พี่ให้พวกเรามาสังเกตการณ์ ไม่ได้สั่งให้ช่วยใคร แล้วเหตุใดต้องไปยุ่งเรื่องของนางด้วย”เย่เทียนซูม้วนผมของตัวเอง แสร้งทำเป็นปวดใจและพูดว่า “เฮ้อ แต่นางน่าสนใจจริง ๆ อีกทั้ง... นางก็ดูไม่เหมือนคนอายุสั้นเลย”“ไม่เมื่อไม่ใช่คนอายุสั้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าหรือเจ้าลงมือ เอาล่ะ ออกจากวังไปรายงานกันเถอะ!” อวี๋เฟยเหยียนเขย่งเท้าทะยานจากไปเย่เทียนซูหันกลับไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ตามอวี๋เฟยเหยียนไปทว่าทันทีที่พวกเขาจากไป พวกเขาก็พลาดการแสดงที่น่ารับชมเมื่อเห็นอันกั๋วกงเดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมกับดาบสยบพยัคฆ์ในมือ เยี่ยนเว่ยฉือก็เท้าเอวตะ
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าอันกั๋วกงนั้นหยิ่งผยองแต่คาดไม่ถึงว่าคนที่เป็นเพียงขุนนางจะหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้ฮ่องเต้ทรงยืนอยู่ตรงนี้แท้ ๆ เขากล้าฆ่าคนต่อหน้าสาธารณชนได้อย่างไร?ทันใดนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พลิกฝ่ามือ เข็มเงินสองเล่มปรากฏอยู่ที่ปลายนิ้วของนางทว่าในขณะที่นางกำลังจะสู้กลับ จู่ ๆ ร่างที่ไม่สมประกอบก็ร่วงลงมาจากฟ้า และดึงเยี่ยนเว่ยฉือมาไว้ข้างหลังเขาผู้นั้นปกป้องเยี่ยนเว่ยฉือพลางถอยหลังไปสองก้าว แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ยังคงได้ยินเสียงดัง!เป็นเสียงดาบคมเฉือนผ่านผิวหนัง!“ชูจิ่ง?!”“องค์รัชทายาท?!”“เสด็จพี่ใหญ่?!”จากนั้นก็มีเสียงอุทานจากทุกคนใช่แล้ว คนที่มารับการโจมตีแทนเยี่ยนเว่ยฉือไม่ใช่ใครอื่น นอกจากองค์รัชทายาทซ่างกวนซีที่บาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่าง!อันกั๋วกงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ปลายดาบสยบพยัคฆ์ของเขาแทงทะลุไหล่ของซ่างกวนซีซ่างกวนซีเช็ดเลือดตรงมุมปากพลางแค่นเสียงเย็น “อันกั๋วกง บังอาจนักนะที่กล้าลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!”อันกั๋วกงหายใจเฮือกใหญ่อย่างหวาดกลัวและรีบดึงดาบออกมา จากนั้นก็ทำมือคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!”หากฆ่าเยี่ยนเว่ยฉือไปก็คงจะไม่เป็
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว
อวี๋เฟยเหยียนไปที่ห้องครัว เลือกสุราดอกท้อชั้นดีมาไหหนึ่ง กำลังจะใส่เมามายลืมโลกนี้ลงไป ทว่ากลับคิดอะไรขึ้นมาได้“เอ๊ะ? ไม่ถูก วันนี้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องงดเสวย ดื่มได้แต่น้ำชา ดื่มสุราไม่ได้!”อวี๋เฟยเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค้นหาของในครัว ในที่สุดก็เจอดอกสายน้ำผึ้งเขายิ้ม “นี่ดีกว่า ต้มชาดอกสายน้ำผึ้งให้ศิษย์พี่ดื่ม นอกจากจะดับร้อนได้แล้ว กลิ่นของดอกสายน้ำผึ้งยังกลบกลิ่นสุราได้ด้วย”อวี๋เฟยเหยียนเริ่มลงมือทันที หลังจากธูปหมดไปดอกหนึ่ง ชาก็ต้มเสร็จแล้วเขาเปิดขวดกระเบื้องใบเล็กที่ฉินเซียงหรูให้มา กำลังจะรินลงในกาน้ำชา แต่น้ำชากำลังเดือด เมื่อเปิดฝาออก ไอน้ำร้อนก็พุ่งขึ้นมาและไอน้ำเหล่านั้นก็พัดพาแอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงบนมือของอวี๋เฟยเหยียนกระจายไปในอากาศทันทีหลังจากที่อวี๋เฟยเหยียนได้กลิ่น เขาก็เริ่มเวียนหัว“นี่…นี่…ของของฉินเซียงหรู เหตุใดฤทธิ์สุราถึงแรงเช่นนี้!”อวี๋เฟยเหยียนเซไปเซมา ฝืนรินสุราลงในน้ำชาสองสามหยดตอนที่เขากังวลว่ายังไม่พอ เขาก็ถูกกลิ่นสุราทำให้มึนเมา หลังจากที่โลกหมุนอยู่ชั่วขณะ เขาก็ล้มลงกับพื้นห้องครัว สลบไปเตาบังร่างของเขาไว้ ทำให้ไคจือและซ่านเย่ที
หลังจากเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็ออกจากเรือนหน้าไปทางลานรั่วชู อวี๋เฟยเหยียนยืนอยู่ที่ทางแยก มองไปที่เรือนซวงหาน มองไปที่เรือนรั่วชู คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไปหาฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูกำลังยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา วันนี้มีปลาแห้งเพิ่มมาตัวหนึ่ง อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูที่กำลังทาเกลือบนปลา อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาหมักปลาเค็มอีกหรือ? ข้างหน้าเขาทำลายข้าวของกันจนหมดแล้ว!”ฉินเซียงหรูยิ้ม พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าได้ยินแล้ว”“ได้ยินแล้ว?” อวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “ได้ยินแล้วยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้?”“แล้วจะให้ทำอย่างไร?” ฉินเซียงหรูมองอวี๋เฟยเหยียนอย่างขบขัน “ไปช่วยแม่นางเยี่ยนตำหนิองค์รัชทายาทที่ไม่รู้จักบุญคุณ? หรือไปช่วยองค์รัชทายาทตำหนิแม่นางเยี่ยนว่าชอบยุ่งไม่เข้าเรื่อง?”อวี๋เฟยเหยียนอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออกฉินเซียงหรูยังคงทำปลาต่อไป พูดว่า “ถ้าจะให้ข้าพูด การที่แม่นางเยี่ยนก่อเรื่องเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยวันนี้ของทุกปี ทุกคนก็จะได้ไม่ลำบาก แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้าดัง เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงจะยังปล่อยวางไม่ได้ ก็ควรจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ จะยึดติดอยู่กั
เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเช่นนั้น จู่ ๆ ก็หยุดเดินเยี่ยนเว่ยฉือตาเป็นประกาย คิดว่าซ่างกวนซีจะกลับมากินอาหารแล้ว แต่ไม่คิดว่าหลังจากซ่างกวนซีหันกลับมา สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความโกรธเขาเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉืออย่างโกรธเคือง จับคอเสื้อของนางไว้ ตะโกนด่าว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ มีธุระก็เรียกหา ไม่มีธุระก็เมินเฉย! เจ้าคิดจะเรียกใช้ข้าอย่างคล่องแคล่ว! อยากให้ข้าช่วยตามหาฮวาอวี๋ ถึงอุตส่าห์ประจบประแจง เมื่อเจ้าคิดว่าข้าหมดประโยชน์ เจ้าก็เมินเฉย หลบหน้า เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าจำไว้ ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเจ้า ในสายตาของข้าเป็นเพียงเรื่องน่าขัน! เหมือนกับตัวเจ้า น่าขันสิ้นดี!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็ผลักเยี่ยนเว่ยฉือออกอย่างแรงโชคดีที่อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ตาไวคว้าตัวเยี่ยนเว่ยฉือไว้ ไม่อย่างนั้นนางคงล้มก้นกระแทกพื้นไปแล้วทว่าแค่นั้นยังไม่พอ หลังจากที่ซ่างกวนซีผลักเยี่ยนเว่ยฉือออก เขากลับใช้ฝ่ามือฟาดไปที่โต๊ะอาหารเกิดเสียงดังสนั่น โต๊ะอาหารที่จัดไว้อย่างดีแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ แม้แต่โต๊ะก็หักกระจัดกระจายเยี่ยนเว่ยฉือ ไคจือ และซ่านเย่ตกตะลึงไคจือและซ่านเย่รีบคุก
เยี่ยนเว่ยฉือรีบพยักหน้า “ใช่ ๆ ดังนั้นข้าจะทำเค้กวันเกิดให้เขา!”“พระชายา อะไร…อะไรคือเค้กวันเกิดหรือเพคะ?” ซ่านเย่ถามอย่างงุนงงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตอบ “ทำออกมาเสร็จแล้วประเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนไปทำอาหารหลาย ๆ อย่าง กับข้าวหกอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่าง อร่อยและดีต่อสุขภาพ!”ไคจือและซ่านเย่พูดพร้อมกัน “เพคะ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”บ่าวและนายสามคนยุ่งกันอยู่ในครัวอย่างสนุกสนานจางมามาที่อยู่หน้าประตูเห็นดังนั้นก็ถามพ่อบ้านจางด้วยความสงสัย “พระชายากำลังทำอะไรอยู่ในครัวรึ? วันนี้ไม่ใช่วันที่องค์รัชทายาทต้องงดเสวยหรือ?”พ่อบ้านจางก็ไม่เข้าใจ ตอบกลับไปว่า “องค์รัชทายาททรงงดเสวยคนเดียว ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องงดตาม พระชายาคงทำอาหารกินเองกระมัง”จางมามาพยักหน้าเล็กน้อย “ก็จริงของท่าน ข้าไปซื้อของที่องค์รัชทายาทต้องใช้ก่อน ดูแลที่นี่ดี ๆ อย่าให้ครัวไฟไหม้ล่ะ!”จางมามาไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือทำอาหารของเยี่ยนเว่ยฉือพ่อบ้านจางรับคำด้วยรอยยิ้ม…… หลังเที่ยงวัน ซ่างกวนซีพาอวี๋เฟยเหยียนกลับมาที่จวนองค์รัชทายาทเยี่ยนเว่ยฉือสังเกตว่าวันนี้ซ่างกวนซีกลับมาช้าเป็นพิเศษแต่ไม่ได้สัง
เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะกล่าวว่า “ก่อนที่จะรู้จักท่าน ข้าไม่เคยได้ยินชื่อปลาตัวนี้เลย แต่ข้าก็ยังยืนยันได้ว่ามันเป็นของปลอม!”“เป็นเพราะอะไรกัน?” ฉินเซียงหรูไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉืออธิบายต่อ “เพราะท่านเคยบอกว่า มัจฉาทองคำจิ่วหยางชอบกินหญ้าหางสุนัขเขียว ซึ่งหญ้าหางสุนัขเขียวขึ้นในที่ลุ่ม ปลาที่ชาวเป่ยอิ้นนำมาอาศัยอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนใกล้ภูเขาไฟ สภาพอากาศที่นั่นแตกต่างจากที่ลุ่มมาก! ที่เขาว่า ดินน้ำเลี้ยงคนฉันใด ก็ใช้กับสัตว์ได้เช่นกัน ในเมื่อชอบกินหญ้าหางสุนัขเขียวในที่ลุ่ม มัจฉาทองคำจิ่วหยางก็ต้องอาศัยอยู่ในที่ลุ่มหรือบริเวณใกล้เคียง จะไปอยู่แถวภูเขาไฟได้อย่างไร? ปลาบินไม่ได้เสียหน่อย!”ฉินเซียงหรูพยักหน้ายิ้ม ๆ “ถูกต้อง ถูกต้อง! แม่นางเยี่ยนฉลาดหลักแหลมจริง ๆ ในเมื่อท่านรู้เหตุผลนี้แล้ว เหตุใดถึงยังรับ... ปลาแห้งตัวนี้ไว้?”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ “ฝ่าบาททรงรักและเอ็นดูองค์รัชทายาท อย่าให้พระองค์ต้องทรงผิดหวังเลย แม้จะไม่สามารถช่วยเรื่องพิษกู่เย็นขององค์รัชทายาทได้ แต่ก็นำไปทำอาหาร ทำซุปบำรุงกระเพาะของเขาได้! ข้านำมาให้ท่าน ท่านจะได้ดูว่าปลาพิเศษตัวนี้จะใช้เป็นยาได้หรือไม่ ในเมื่อหายากเช่น
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตากล่าว “นี่ก็เป็นความคิดที่ดี แต่จะหาเขาเจอได้อย่างไร? อีกอย่าง ถึงข้าจะหาเขาเจอ เขาก็คงไม่เต็มใจเข้าวังไปพร้อมกับข้า เขาเป็นโจรขุดสุสาน เข้าวังกับข้าก็เท่ากับพาตนเองไปติดกับมิใช่หรือ?”ซ่างกวนซีตอบกลับอย่างเฉยเมย “หากเขาเป็นโจรขุดสุสานจริง นั่นถึงจะเรียกว่าติดกับตนเอง แต่หากเขาไม่ใช่ นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ องครักษ์เงาของสำนักอิ้นเฉิงก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอ ในสองแคว้นสี่นครเลื่องชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม เขาถูกคนสำนักอิ้นเฉิงตามล่ามาตลอด ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องตายอย่างแน่นอน หากครั้งนี้สามารถชี้แจงถึงสิ่งที่เขาทำต่อหน้าทั้งสองแคว้น ก็อาจจะหลุดพ้นจากการตามล่าของสำนักอิ้นเฉิงได้”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “สิ่งที่ท่านกล่าวนับว่ามีเหตุผล พรุ่งนี้ข้าจะลองไปตามหาเขาดู!”“พรุ่งนี้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีปฏิเสธเยี่ยนเว่ยฉือสงสัย “ทำไมไม่ได้?”ซ่างกวนซีเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนที่เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าจะไม่ได้รับคำตอบเสียแล้ว ซ่างกวนซีก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ตรงกับเทศกาลตวนอู่”ต้องอยู่ในจวนเพื่อฉลองเทศกาลงั้นหรือ?เขาก็ยึดถือพิธีรีตองในการใช้ชีวิตดีนี่!เมื่อคิดได้ดังนั้น เ
เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “หากเป็นอย่างที่ฝ่าบาทกล่าว ในช่วงสิบวันนี้ ข้าก็ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ไปบันทึกชื่อและฐานะของชาวบ้านก็พอแล้วใช่หรือไม่? ถึงตอนนั้นก็ดูว่าใครบันทึกได้มากกว่ากัน”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “ไม่ว่าเจ้าจะบันทึกได้เท่าไหร่ ก็ไม่มีทางมากกว่าจวนอ๋องจ่างซิ่น”“ทำไมหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่เข้าใจ “เป็นเพราะจวนอ๋องจ่างซิ่นมีคนมากกว่าหรือ?”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้อมูลประจำตัวของชาวเมืองหลวง มีบันทึกไว้ที่ที่ว่าการเมือง อ๋องจ่างซิ่นแค่ส่งคนไปที่สำนักปกครองเมืองหลวงก็ได้ทุกอย่างมาแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด ตอนที่เขากว้านซื้อเถาเหลยกง เขาคงได้บันทึกข้อมูลทั้งหมดไปแล้ว ชิงลงมือก่อน”“หา? ตาเฒ่าใกล้ตายเอ๊ย ทำไมถึงเจ้าเล่ห์เช่นนี้! นี่มันร่วมมือกับอวี้ฉืออวิ๋นจ้าววางแผนเล่นงานข้าชัด ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือฟุบลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี ดูหดหู่เล็กน้อยซ่างกวนซีเงียบไป ไม่พูดอะไรต่อเยี่ยนเว่ยฉือฟุบอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ไม่สิ! ฝ่าบาท เรื่องเหล่านี้ท่านคงคิดไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีตอบกลับอย่างเย็นชา “คิดแล้วอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งอย่างร้อนใจ “ฝ่าบาทคิดคำนวณปัญหาที่ยุ่งยากเช่น
เรือนซวงหานหลังจากกลับถึงห้องตัวเอง ซ่างกวนซีก็ไม่สนใจเยี่ยนเว่ยฉืออีก เดินตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็สั่งให้ไคจือซ่านเย่เตรียมน้ำร้อนที่ห้องข้างๆ และไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกันดังนั้นเมื่อซ่างกวนซีออกมา ก็เห็นเยี่ยนเว่ยฉืออยู่ในชุดชั้นในสีขาว กำลังเช็ดผมที่ยังหมาด ๆ อยู่แววตาของซ่างกวนซีหม่นลงเล็กน้อย หัวใจเต้นเร็วขึ้น“เอ๊ะ? ฝ่าบาทอาบเสร็จแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองเขาเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย ถามอย่างใจเย็นว่า “เจ้าก็อาบเสร็จแล้วหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบรับ “ใช่แล้ว ข้ากลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของฝ่าบาท ก็เลยอาบพร้อมท่าน”ลมหายใจของซ่างกวนซีติดขัด เผลอแย้งออกไปว่า “เช่นนี้ไม่เรียกว่าอาบพร้อมกัน”“อ้อ หือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา รู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาด “ฝ่าบาท...ว่าอย่างไรนะ?”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง มองนางจากมุมสูงลงมา เอ่ยเสียงต่ำว่า “ข้าบอกว่า เช่นนี้ ไม่เรียกว่าอาบพร้อมกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือมองสายตาที่ร้อนแรงของซ่างกวนซี พลันรู้สึกใจสั่นขึ้นมาผู้ชายคนนี้ บนร่างกายนั้นแผ่รังสีที่คนนอกไม่อาจเข้าใกล้ตลอดเวลาแต่