Share

บทที่ 10 ไม่เปลี่ยนสีเลยหรือ?

ทุกคนยืนชูคอมองอ่างทั้งสองด้วยความสนใจอย่างยิ่ง

ส่วนฮองเฮานั้นถึงกับบีบมือเข้าหากัน แลดูค่อนข้างกังวล

ทว่าหลังจากที่ทดสอบนางกำนัลและขันทีไปกลุ่มหนึ่ง ก็ไม่มีมือของใครเปลี่ยนสีเลย

บุรุษชุดสีชมพูที่อยู่ในความมืดขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เฮ้อ วิธีการของนางไม่ได้ผล!”

บุรุษชุดสีทองแค่นเสียงเบา ๆ “ข้าคิดว่านางจะฉลาดหลักแหลมเสียอีก ไม่เพียงนางทำลายแผนของศิษย์พี่แล้วล่ะ เพราะตอนนี้นางได้เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย”

เป็นดังที่คาดไว้ ทันทีที่ทางนี้เอ่ยจบ

ฮองเฮาที่อยู่ทางนั้นก็เริ่มโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือ

“เจ้าช่างบังอาจที่กล้าหลอกใช้ฝ่าบาทกับข้า เจ้าลองใช้สองตามองดูสิ มีฝ่ามือของใครเปลี่ยนสีหรือไม่ พูดจาเหลวไหลยิ่งนัก! ใครก็ได้มาลากนาง…”

ก่อนที่ฮองเฮาจะพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็แคะหูแล้วพูดด้วยความรำคาญ “ฮองเฮาเพคะ พวกเรายืนใกล้กันมากเช่นนี้ พระองค์ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงดังถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนหูหนวก”

หลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ให้โอกาสให้ฮองเฮาได้ตำหนิตนต่อ พลางชี้ไปยังเฟินเอ๋อร์ที่ยืนหลบมุมอยู่ในกลุ่มคนรับใช้แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท นางคือฆาตกรเพคะ”

อะไรนะ?!

เฟินเอ๋อร์เบิกตากว้างมองเยี่ยนเว่ยฉือ จากนั้นก็รีบคุกเข่าและพูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่นะเพคะ ฝ่าบาทเองก็ทรงเห็น ฝ่าบาททรงเห็นอย่างชัดเจนว่ามือของหม่อมฉันไม่ได้เปลี่ยนสีเพคะ!”

เฟินเอ๋อร์ยื่นมือออกมา พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างร้อนรน

ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างก็พูดอย่างร้อนใจ “นั่นสิ มือของนางไม่ได้เปลี่ยนสีเลย เจ้าพูดจาไร้สาระอะไรของเจ้า?”

เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปหาเฟินเอ๋อร์พร้อมกับจับข้อมือซ้ายของนางพลิกฝ่ามือขึ้น

จากนั้นนางก็ยิ้มเยาะพลางพูดว่า “มือของนางไม่ได้เปลี่ยนสี แต่ชายแขนเสื้อของนางเปลี่ยนสีเพคะ”

ทุกคนมองไปก็พบว่าชายแขนเสื้อสีน้ำเงินอ่อนของเฟินเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินอมเทา ราวกับว่าสีของผ้าจางลง

ผางเหออวี้มีความอยากรู้ จึงเดินไปพลิกข้อมือขวาของเฟินเอ๋อร์ ก็เห็นว่าสีของชายแขนเสื้อด้านขวาไม่ได้เปลี่ยนไป

จากนั้นเขาก็มองไปยังบรรดาคนรับใช้คนอื่น ๆ แล้วสั่งว่า “ยื่นมือออกมาให้หมด!”

ทุกคนต่างยื่นมือออก ปรากฏว่าชายแขนเสื้อของคนอื่น ๆ ไม่ได้เปลี่ยนสี แค่เปียกน้ำเท่านั้น ในบรรดาคนจำนวนมาก มีเพียงชายแขนเสื้อด้านซ้ายของเฟินเอ๋อร์เท่านั้นที่สีผ้าซีดลง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางตรัสว่า “อธิบายมาให้ชัดเจน”

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าและอธิบายว่า “ทูลฝ่าบาท เสื้อผ้าของนางกำนัลและขันทีในวังล้วนทำจากผ้าไหมย้อมคราม ซึ่งเป็นการใช้ต้นครามมาย้อมสีผ้า เมื่อต้นครามสัมผัสกับน้ำด่าง สีของมันจะซีดลงอย่างรวดเร็ว แต่น้ำส้มสายชูจะทำให้น้ำด่างมีฤทธิ์เป็นกลาง พูดง่าย ๆ ก็คือคนที่ไม่มีความผิดจะนำมือไปแช่น้ำส้มสายชูแล้วตามด้วยน้ำด่างอย่างว่าง่าย แม้จะเปียกไปถึงชายแขนเสื้อแต่สีของผ้าก็จะไม่ซีดจางเพคะ”

ผางเหออวี้ที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วพลางพูดว่า “ที่ชายแขนเสื้อของเฟินเอ๋อร์จางลง นั่นหมายความว่านางไม่ได้จุ่มมือซ้ายของนางลงในน้ำส้มสายชู เพียงแต่จุ่มในน้ำด่างเท่านั้นหรือ?”

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ใช่เพคะ ขอเรียนถามหน่อยว่าหากนางไม่มีความผิด เหตุใดนางถึงไม่กล้าจุ่มมือในน้ำส้มสายชูก่อนแล้วจุ่มในน้ำด่างเหมือนคนอื่น ๆ? แต่กลับใช้มือขวาจุ่มน้ำส้มสายชู แล้วสลับไปใช้มือซ้ายจุ่มน้ำด่างแทน?”

เมื่อเฟินเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ซีดลงทันที

นางพยายามปกป้องตัวเองด้วยความหวาดกลัว “หม่อม...หม่อมฉันแค่บังเอิญ... บังเอิญลืมเพคะ!”

“ลืม?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเบา ๆ พลางพูดว่า “เอาล่ะ ลืมก็ไม่เป็นไร แค่ลองอีกครั้งก็ได้ใช่ไหม? ใครก็ได้ นำอ่างน้ำสะอาดมาให้นางล้างมือแล้วลองอีกครั้ง!”

ฮ่องเต้คังอู่ที่อยู่ด้านข้างทอดพระเนตรเห็นเยี่ยนเว่ยฉือออกคำสั่ง ทว่าก็ทรงไม่ได้ห้ามปราม เพียงทรงพยักหน้าให้องครักษ์

หลังจากนั้นไม่นาน องครักษ์ก็เดินมาพร้อมกับอ่างทองแดง เยี่ยนเว่ยฉือรีบไปรับอ่างทองแดงมาส่งให้เฟินเอ๋อร์ด้วยตัวเอง

นางยิ้มและพูดว่า “แม่นางเฟินเอ๋อร์ ล้างมือสิ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status