ทันทีที่อันกั๋วกงพูดสิ่งที่อยากจะทำออกมา เขาก็รีบพาคนกลับไปทันทีจนไม่ได้สนใจเสียงเรียกของฮองเฮาที่อยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ“ท่านพี่ใหญ่ ท่านพี่ใหญ่!” ฮองเฮาเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถรั้งอันกั๋วกงไว้ได้เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากำลังโกรธมาก และแทบรอไม่ไหวที่จะไปปลิดชีพเยี่ยนเว่ยฉือเพราะไม่มีใครเคยกล้าชี้หน้าด่าเขามาก่อนเมื่อเห็นอันกั๋วกงจากไปด้วยความโกรธ ฮองเฮาจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ลุงของเจ้าก็ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม”องค์ชายสองซ่างกวนหลียิ้มและกล่าวว่า “เสด็จแม่อย่าทรงกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ผิงอี้โหวไม่มีอำนาจทางทหารอีกต่อไปแล้ว หากท่านลุงจะลงโทษเขาก็เหมือนการขยี้มดให้ตายคามือ”ฮองเฮามองไปที่ซ่างกวนหลีพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้ากลัวว่ามดมันจะไม่ตาย แต่จะกัดตอบน่ะสิ”ซ่างกวนหลีถามอย่างสงสัย “เสด็จแม่ทรงกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะตอบโต้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮองเฮาพูดอย่างจนใจ “ข้ากังวลว่าการฆ่าคนของท่านลุงเจ้าอาจไม่สำเร็จหากทำไปเพราะต้องการระบายความโกรธ”“จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านลุงเป็นถึงกั๋วกงผู้สูงส่ง และเยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นเพียงบุตรีอนุจวนโหว เหตุใดถึงลงโทษนางไม่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” ซ่างกวนหลี
นางเป็นหมอผู้มีความสามารถรอบด้านจากโลกอนาคต ซึ่งที่นั่นทรัพยากรเริ่มขาดแคลนมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ก็ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน และทุกคนปรารถนาที่จะเป็นผู้มีความสามารถที่ทำได้ทุกอย่างเช่นนั้นจึงจะสามารถพิสูจน์คุณค่าของตัวเองและได้รับทรัพยากรมากขึ้นแม้แต่นางก็ไม่มีข้อยกเว้นดังนั้นนางจึงหมกมุ่นอยู่ในวงการแพทย์มาเกือบสามสิบปี ก่อนตายแม้แต่มือบุรุษนางก็ไม่เคยได้สัมผัสอ้อ ยกเว้นมือของบุรุษที่ตายไปแล้วน่ะนะคาดไม่ถึงว่าเดินข้ามเวลามายังไม่ทันครบวัน ก็เกือบจะมาเสียคนเอาตอนแก่อ้อ แต่ก็ยังไม่ถือว่าแก่หรอก เพราะร่างนี้อายุแค่สิบหกปีเท่านั้นแม้สถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ดีนัก แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็มีความสุขมากที่ได้กลับมามีชีวิตอีกหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางใส่กำไลห้วงอนันต์มาด้วยในโลกอนาคต ทุกคนจะมีกำไลห้วงอนันต์ที่ทำจากโลหะ ใช้สำหรับเก็บวัตถุที่ไม่มีชีวิตได้ทุกชนิดพื้นที่เก็บของนั้นไม่ใหญ่มาก เพียงสองสามตารางเมตรเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็ใช้เก็บของใช้ทั่วไปหลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือเดินทางข้ามเวลามา แวบแรกนางก็อยากรู้ทันทีว่าได้นำกำไลห้วงอนันต์ติดตัวมาด้วยหรือไม่
อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าและพูดต่อ “บิดาของนางคือผิงอี้โหว เยี่ยนหานซาน ส่วนมารดาของนางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเสนาธิการทหารเยวี่ยฉงกังที่คอยปกป้องเมืองเป่ยติ้งในเวลานั้น นามว่าเยวี่ยฉงหรง”“หา?” เย่เทียนซูถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่สิ นางเป็นลูกอนุไม่ใช่หรือ? หากมารดาของนางเป็นถึงน้องสาวของแม่ทัพชายแดน เหตุใดกลายมาเป็นอนุได้?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหตุการณ์ที่แน่ชัด รู้เพียงว่ามารดาของนางเสียชีวิตเมื่อนางอายุได้หกขวบ หลังจากนั้นมารดาเลี้ยงก็ไม่ต้อนรับนาง จึงส่งนางไปยังโรงเลี้ยงสัตว์ ตั้งแต่นั้นมา เด็กคนนี้ก็มีชีวิตที่ยากลำบากมาโดยตลอด”เย่เทียนซูพยักหน้าและกล่าวว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติ หัวหน้าหมู่บ้านตามชายแดนมักจะมองคนไม่เท่าเทียมกัน หากนายหญิงไม่ชอบลูกอนุ พวกเขาก็ย่อมปฏิบัติกับนางอย่างโหดร้ายเป็นธรรมดา”“นางนอนในเล้าหมูมาตลอดเลยหรือ?” ซ่างกวนซีถามแทรกอวี๋เฟยเหยียนสะดุ้งเล็กน้อยและตอบโดยไม่รู้ตัว “ศิษย์พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไร?”ซ่างกวนซีเม้มริมฝีปาก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือที่มีท่าทางเลื่อนลอยไร้แก่นสารจะไม่ได้พูดโกหกชีวิตของนางยากลำบากและเจออุปสรรคมามาก
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เทียนซูพูด อวี๋เฟยเหยียนก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “หากนางสามารถช่วยศิษย์พี่ใหญ่กำจัดพิษกู่เย็นได้จริง ๆ ข้าก็จะไม่ถือสาเรื่องที่นางเคยทำลายแผนของพวกเรา”ซ่างกวนซียังคงนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “เฟยเหยียน พรุ่งนี้เจ้าจงเข้าเมืองหลวงมาอย่างเปิดเผย แล้วป่าวประกาศว่าเจ้ามาเมืองหลวงก็เพราะข้า ข้าต้องการให้เจ้ากดดันอันกั๋วกงต่อหน้าธารกำนัล”อวี๋เฟยเหยียนเป็นบุตรของอ๋องเซียวเหยา และที่ดินศักดินาของตระกูลอ๋องเซียวเหยาก็คือเมืองกูซูตามกฎหมาย ตระกูลอ๋องเซียวเหยาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองหลวงโดยปราศจากราชโองการ ดังนั้นอวี๋เฟยเหยียนจึงติดตามซ่างกวนซีมายังเมืองหลวงและซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมาตลอดตอนนี้ซ่างกวนซีสั่งให้เขาปรากฏตัวอย่างเปิดเผย เขาย่อมรู้สึกยินดีมาก ตอบตกลงทันทีจากนั้นซ่างกวนซีก็มองไปที่เย่เทียนซูอีกครั้งและพูดต่อ “ส่วนเจ้ากลับไปที่หอหงซิ่ว ต่อหน้าก็อย่าทำตัวเกี่ยวข้องกับข้า คอย...คอยปกป้องเยี่ยนเว่ยฉืออย่างลับ ๆ ด้วย”หอหงซิ่วเป็นหอนางโลมที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวงเพราะในราชสำนักล้วนถูกอันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นค
ซ่างกวนซีรีบนำผ้าห่มไปคลุมไว้แล้วหันหลังจากไปทันทีเขาเดินกลับมาที่เรือนพลางสูดหายใจเฮือกใหญ่ และอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ยัยเด็กบ้าสมควรตายเอ๊ย เหตุใดถึงไม่ใส่เสื้อผ้านอนเล่า?”นั่นเกือบจะทำลาย ‘วิชาถงจื่อกง’ ที่เขาฝึกฝนมาหลายปีซ่างกวนซีกุมหน้าอกของตัวเอง พยายามระงับจังหวะหัวใจที่เต้นรัว แต่เขาไม่สามารถระงับความรู้สึกร้อนรุ่มคันยุบยิบที่กระจายไปทั่วร่างกายได้ไม่รู้ว่ามันเป็นอาการคันจากแผลที่กำลังจะหาย หรือเป็นเพราะความรู้สึกภายในหัวใจที่ไม่สามารถควบคุมได้ซู่ซู่ซู่!ฝนฤดูใบไม้ผลิที่ตกลงมาค่อย ๆ ดับไฟราคะในหัวใจของซ่างกวนซีเขามองกลับไปที่ห้องของเยี่ยนเว่ยฉือ และพยายามพูดหลอกตัวเองว่า “แม้ข้าจะเห็นเรือนร่างของเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็เห็นของข้าไปแล้วเช่นกัน ก็ถือว่า...เจ้าไม่ได้เสียเปรียบ!”ซ่างกวนซีเดินจากไป แต่ความคิดของเขายังคงอยู่ที่ใต้ผ้าห่มผืนนั้น……เช้าวันรุ่งขึ้นเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าคราวนี้ตนนอนหลับสบายเป็นพิเศษอาจเป็นเพราะนางเคยนอนในเล้าหมูมาก่อน ยากนักที่จะได้นอนบนเตียงใหญ่ ๆ ที่ไม่มีกลิ่นมูลหมูหรือเสียงหมูรบกวนนางลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย และผ้าห่มบนตัวของนางก็ร่วงลง
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองทุกคนด้วยความสับสน จากนั้นก็มองไปทางประตูใหญ่ด้านนอก นางขมวดคิ้วและพูดว่า “ตาแก่เช่นท่านนี่ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ ท่านพาคนมากมายบุกเข้ามาในจวนองค์รัชทายาทของข้า ซ้ำยังบอกว่าข้าทำตัวสามหาว? ข้าว่าท่านทำตัวสามหาวยิ่งกว่าเสียอีก!”ตาแก่?นางเรียกเขาว่าตาแก่อย่างนั้นรึ?!อันกั๋วกงกัดฟันพลางพูดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าสวมรอยแอบอ้างเป็นชายารัชทายาทแทนน้องสาวของเจ้าเยี่ยนชิงซู ตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?”“สวมรอยแอบอ้าง?” เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจจุดประสงค์ในการมาเยือนของอันกั๋วกงแล้วใครมันจะไปอยากปลอมตัวเป็นคนอื่นแล้วเข้าคุกไปมีสัมพันธ์สืบทายาทกันนี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการเลยด้วยซ้ำ จบไหม?เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่อันกั๋วกงและพูดด้วยความโกรธ “อันกั๋วกง การจะใช้คำว่าสวมรอยแอบอ้างได้นั้น ก่อนอื่นก็ต้อง ‘สวมรอย’ ก่อนสิ ข้าไม่เคยบอกเสียหน่อยว่าข้าคือเยี่ยนชิงซู”“เถียงข้าให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ วันนี้เจ้าไม่มีทางรอดพ้นจากความผิดฐานสวมรอยแอบอ้างเป็นชายารัชทายาทไปได้แน่ ใครก็ได้ไปคุมตัวนางมา ข้าจะจับนางส่งเข้าคุก!”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างเ
เยี่ยนเว่ยฉือถอยหลังไปทีละก้าวจนหลังชนบานประตูเสียงดังกึกอันกั๋วกงรู้ว่าซ่างกวนซีอยู่ในห้อง แต่เขาไม่ยอมปรากฏตัว และไม่แม้แต่จะออกมาปกป้องนางเลยหรือซ่างกวนซีอาจจะเกลียดนางไปแล้วเพราะรู้ว่านางไม่ใช่เยี่ยนชิงซู?เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็ยิ้มเยาะพลางก้าวเข้าไปหาเยี่ยนเว่ยฉือดูท่าเขาต้องการจะจับนางด้วยตัวเองหรือ?เย่เทียนซูที่อยู่ในความมืดกลอกตาแล้วพูดว่า “ตาแก่ผู้นี้ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง ถึงกับยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อที่จะได้ระบายความโกรธและลงมือทำร้ายสาวน้อยไร้ทางสู้!”อวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่ยอมออกมาไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด พวกเราควรทำอย่างไรดี?”เย่เทียนซูเองก็คำนึงปัญหานี้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ครุ่นคิดถึงต้นสายปลายเหตุ ก็มีคนมาเยือนที่จวนองค์รัชทายาทแห่งนี้เพิ่มอีก“ท่านพ่อ ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป!” เสียงของเด็กสาวพูดขึ้น“ซูเอ๋อร์ อย่าดื้อ พวกเราต้องยอมรับผิดและขอโทษ ตอนนี้เรื่องเลยเถิดไปไกลแล้ว องค์รัชทายาทคงไม่ยอมข้องเกี่ยวกับเจ้าอีกแน่!” คนที่พูดประโยคนั้นเป็นชายวัยกลางคนดูเหมือนทั้งสองคนจะคิดว่าไม่มีใครอยู่ในจวนองค์รัชทายาท ถึงได้พูดจาไม่ม
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเยี่ยนชิงซูเห็นท่านหญิงหมิงหยางเดินเข้ามา นางก็รีบกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของมารดาแล้วพูดอย่างเอาแต่ใจ “ท่านแม่ ท่านมาก็ดีแล้ว พวกเขาบอกว่าท่านพ่อมีความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้เจ้าค่ะ!”หมิงหยางลูบเรือนผมยาวของลูกสาวด้วยความรัก จากนั้นก็มองไปที่อันกั๋วกงพลางขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านใต้เท้าอันกั๋วกง นั่นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า? เหตุใดท่านไม่เชิญพี่ชายของข้ามาพูดคุยรายละเอียดกันเล่า?”อันกั๋วกงแค่นเสียงเย็น ท่านหญิงหมิงหยางใช้ชื่อพี่ชายใหญ่อ๋องจ่างซิ่นมาอ้างเช่นนี้ เพื่อต้องการจะกดดันเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?ทุกวันนี้ จะเป็นคนจากในหรือนอกราชสำนักก็ไม่มีใครไม่รู้ว่า บรรดาขุนนางบุ๊นจะเชื่อฟังอันกั๋วกง และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊จะภักดีกับอ๋องจ่างซิ่นคนหนึ่งเป็นฝ่ายบุ๋นและอีกคนเป็นฝ่ายบู๊ ทั้งสองต่างต่อสู้ขับเคี่ยวกันในราชสำนัก จนเกือบจะทำให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหมดบทบาทไปเลยนี่คือเหตุผลที่เยี่ยนหานซานกล้าที่จะให้บุตรีอนุมาแทนที่บุตรีภรรยาเอกเพราะมีจวนอ๋องจ่างซิ่นคอยหนุนหลังเขาอยู่อย่างไรเล่า!แน่นอนว่าเมื่ออันกั๋วกงได้ยินสิ่งที่ท่านหญิงหมิงหยางพูด เขาก็พยายามสงบเสงี่ยมเจียมต
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี
เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าคำพูดของตนเองฟังไม่ขึ้นนางยิ้มแห้งๆ แล้วหันไปมองลู่อู๋ เลียนแบบน้ำเสียงของซ่างกวนซีข่มขู่ "เจ้า คอยดูเถอะ!"คนสารเลวนี่ กล้ามาเคาะประตูในเวลากลางวันแสกๆ ไม่ใช่จงใจมาขัดขวางนางหรือ?หากนางผ่านด่านซ่างกวนซีไม่ได้ นางก็จะไม่ปล่อยให้ลู่อู๋ผ่านวันนี้ไปได้เช่นกัน! ฮึ่ม!ลู่อู๋เห็นดังนั้นก็อยากจะร้องไห้ "นาง... นางพูดความจริง ข้า... ข้าหมายปองท่านหญิงหมิงหยางจริงๆ ถึงแม้ว่านางจะแก่ไปหน่อย ผิวเหี่ยวไปหน่อย นิสัยดุร้ายไปหน่อย เอวหนาขาใหญ่ ไปหน่อย แต่ข้าชอบแบบนี้! มี... มีความอบอุ่นเหมือนมารดา!"ทุกคน "...""ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกเยี่ยนเว่ยฉือก็ตกตะลึง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า "เจ้าโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีไหวพริบ สอนได้!"ฉินเซียงหรูมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้ามืดครึ้ม แล้วยิ้มแย้ม "อยู่ข้างกายท่านช่างน่าสนุกสนานยิ่งนัก! สนุกกว่าตอนอยู่ในค่ายทหารเสียอีก!"ซ่างกวนซีถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการสั่งสอนเยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวยังปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่าการจัดการกองทัพเขาไม่กล่าวสิ่งใด ลุกขึ้นยืน เดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉ
"เอ่อ เพราะว่า..." ลู่อู๋มองซ่างกวนซี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกว่าปัญหายิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆซ่างกวนซีเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ นั่งลงบนบัลลังก์ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างใจเย็น แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?"ลู่อู๋มองเยี่ยนเว่ยฉือ "เพราะว่า...""ข้าถามเจ้า เจ้าจ้องมองพระชายาด้วยเหตุใด?" ซ่างกวนซีตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาลู่อู๋มีสีหน้าลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากพูดความจริง ก็คงจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือขุ่นเคือง ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาจะกล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้อย่างไร?แต่หากไม่พูดความจริง วันนี้เขาจะออกจากจวนรัชทายาทได้หรือ?ลู่อู๋ยังคงอ้ำอึ้ง "เพราะว่า...""เพราะเขาอยากให้ข้าทำหน้าที่แม่สื่อ!" เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวออกมา ทำเอาทุกคนตกตะลึง"อะ... อะไรนะ?" อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง มองเยี่ยนเว่ยฉือฉินเซียงหรูก็ตกตะลึง ถ้วยชาในมือเกือบหลุดซ่างกวนซีขมวดคิ้ว มองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดจาเหลวไหลเยี่ยนเว่ยฉือใช้ศอกกระทุ้งลู่อู๋ "รีบพูดสิ ใช่หรือไม่?"ลู่อู๋รู้สึกว่าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่พยักหน