อีกด้านหนึ่ง เมื่อเยี่ยนชิงซูเห็นท่านหญิงหมิงหยางเดินเข้ามา นางก็รีบกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของมารดาแล้วพูดอย่างเอาแต่ใจ “ท่านแม่ ท่านมาก็ดีแล้ว พวกเขาบอกว่าท่านพ่อมีความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้เจ้าค่ะ!”หมิงหยางลูบเรือนผมยาวของลูกสาวด้วยความรัก จากนั้นก็มองไปที่อันกั๋วกงพลางขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านใต้เท้าอันกั๋วกง นั่นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า? เหตุใดท่านไม่เชิญพี่ชายของข้ามาพูดคุยรายละเอียดกันเล่า?”อันกั๋วกงแค่นเสียงเย็น ท่านหญิงหมิงหยางใช้ชื่อพี่ชายใหญ่อ๋องจ่างซิ่นมาอ้างเช่นนี้ เพื่อต้องการจะกดดันเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?ทุกวันนี้ จะเป็นคนจากในหรือนอกราชสำนักก็ไม่มีใครไม่รู้ว่า บรรดาขุนนางบุ๊นจะเชื่อฟังอันกั๋วกง และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊จะภักดีกับอ๋องจ่างซิ่นคนหนึ่งเป็นฝ่ายบุ๋นและอีกคนเป็นฝ่ายบู๊ ทั้งสองต่างต่อสู้ขับเคี่ยวกันในราชสำนัก จนเกือบจะทำให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหมดบทบาทไปเลยนี่คือเหตุผลที่เยี่ยนหานซานกล้าที่จะให้บุตรีอนุมาแทนที่บุตรีภรรยาเอกเพราะมีจวนอ๋องจ่างซิ่นคอยหนุนหลังเขาอยู่อย่างไรเล่า!แน่นอนว่าเมื่ออันกั๋วกงได้ยินสิ่งที่ท่านหญิงหมิงหยางพูด เขาก็พยายามสงบเสงี่ยมเจียมต
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มและพูดว่า “โธ่ถัง โกรธมากไม่ดีต่อสุขภาพนะเจ้าคะ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีวิธีที่จะทำให้ทั้งจวนโหวเอาตัวรอดไปได้โดยไม่เป็นอันตราย ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังสามารถขึ้นเป็นชายาองค์รัชทายาทได้อย่างราบรื่นด้วย และจะกรุยทางให้ท่านพ่อเดินไปสู่ความก้าวหน้าด้านการงาน เราพึ่งพาจวนอ๋องจ่างซิ่นเพียงอย่างไม่พอหรอก เรายังพึ่งจวนองค์รัชทายาทได้อีกด้วย มีแต่คำว่า ‘ได้กับได้’ ท่านพ่อคงไม่ได้ไม่เห็นด้วยใช่ไหมเจ้าคะ?”เยี่ยนหานซานสะดุ้งเล็กน้อยพลางลังเลในใจท่านหญิงหมิงหยางพึ่งพาจวนอ๋องจ่างซิ่นมาหลายปี แต่กลับทำให้เขาได้เป็นแค่ผิงอี้โหวธรรมดา ๆแม้จะมีตำแหน่ง แต่ในหกกรมเขาก็มีอำนาจน้อยมากถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็คือองค์รัชทายาท แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่มีอำนาจ แต่ใครจะกล้ารับประกันว่าในภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ดู ๆ แล้วหากจะผูกสัมพันธ์ไว้กับทั้งสองทางก็คงไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไรมิตรรายล้อมมาพร้อมหลายเส้นทาง ศัตรูมากมายกลายเป็นเพิ่มอุปสรรคเมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนหานซานก็เดินแยกออกมา เยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นเช่นนั้นก็เดินกระโดดปึ๋งตามเขาไปราวกับกระต่ายน้อยหลังจากที่พวกเขาทั้งสอง
นี่จะโยนข้อกล่าวหาทั้งหมดมาให้เยี่ยนเว่ยฉือหรือ?ริมฝีปากของเยี่ยนเว่ยฉือขยับเพราะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ อันกั๋วกงก็ชิงพูดก่อนว่า “เจ้าพูดอะไรเหลวไหล! ข้าได้ทำการตรวจสอบอย่างแน่ชัดแล้ว เยี่ยนเว่ยฉืออาศัยที่ในเขตนอกเมืองตั้งแต่อายุหกขวบและไม่เคยกลับมาที่เมืองหลวงเลย นางจะรู้ข่าวนี้ได้อย่างไร และนางรู้ได้อย่างไรว่าเวลาไหนจะต้องเข้าไปสลับตัวแทนได้ หากเจ้าไม่ได้เป็นคนพานางมา นางคงจะกลับบ้านไม่ถูกเสียด้วยซ้ำ!”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หาได้ยากที่อันกั๋วกงจะพูดอะไรที่ดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างเยี่ยนหานซานขมวดคิ้วหน้าบึ้ง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความโกรธแค้น “นางคนชั่วช้า เจ้าพูดมาสิว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าน้องหญิงรองของเจ้าต้องไปพบองค์รัชทายาท และเจ้าเข้าไปแทนที่นางอย่างไร?”เยี่ยนหานซานขยิบตาให้เยี่ยนเว่ยฉือบอกนางเป็นนัย ๆ ว่าให้รับผิดทั้งหมดท่านหญิงหมิงหยางที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “นั่นสิ เว่ยฉือ เจ้ายอมรับผิดเถิด ฝ่าบาทคงจะทรงลดโทษให้เจ้าเพราะเห็นแก่ที่เจ้ายังเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างแน่นอน”ยังไม่ทันไรก็ให้นางยอมรับผิดแล้ว?เยี
พูดเช่นนี้…ก็ใช่ว่าจะผิดเสียทีเดียวเพราะถึงอย่างไรในวันนั้นบนราชโองการก็ไม่ได้แถลงชื่อของบุตรีภรรยาเอกที่ได้รับพระราชทานการแต่งงานเอาไว้และท่านหญิงหมิงหยางเองก็ยังไม่ได้ให้กำเนิดทายาท!สิ่งที่ฮ่องเต้ทรงหมายถึงในตอนนั้นก็คือหากท่านหญิงหมิงหยางให้กำเนิดบุตรี นางก็จะได้เป็นชายารัชทายาท แต่หากเป็นบุตรชาย ก็จะรอครรภ์บุตรคนต่อไปกล่าวโดยสรุปคือสิทธิประโยชน์นี้มีเพื่อมอบให้ท่านหญิงหมิงหยางทว่าในพระราชโองการนั้นไม่ได้เขียนไว้ละเอียดนัก เขียนเพียงแค่พระราชทานการแต่งงานให้บุตรีภรรยาเอกท่านหญิงหมิงหยางที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ฟังสิ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันทีนางขึ้นเสียงอย่างโกรธแค้น “นางสารเลว เจ้ายังจะมีหน้าพูดเอาดีเข้าตัวอีกนะ เป็นเพราะฝ่าบาททรงเห็นแก่หน้าของพี่ชายข้าถึงได้ออกพระราชโองการเช่นนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”เยี่ยนเว่ยฉือโต้กลับ “ท่านหญิงหมิงหยาง ตอนนั้นที่ท่านแต่งเข้ามาในจวนเสนาบดี ท่านแม่ของข้ายังเป็นนายหญิงของที่นั่น หลังจากที่ท่านเข้ามาก็กลายเป็นภรรยาเทียบเท่า แต่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าอนุ! หากข้าไม่ใช่บุตรีภรรยาเอก แล้วท่านคิดว่าเด็กที่ยังไ
ฮ่องเต้คังอู่ทรงยิ้มอ่อนพลางส่ายหัวอย่างจนใจเยี่ยนหานซานกลอกตาใส่เยี่ยนเว่ยฉืออย่างเกลียดชังทว่าอันกั๋วกงกลับทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง‘นางเด็กบ้านี่พูดถูก ในเมื่อองค์รัชทายาททรงสมรรถภาพทางเพศบกพร่อง เช่นนั้นก็คงมีทายาทไม่ได้ องค์รัชทายาทที่ไม่มีทายาท ในภายภาคหน้าจะสืบทอดบัลลังก์อย่างไร? มันไม่คุ้มที่จะขัดแย้งกับฝ่าบาทเพื่อคนไม่สมประกอบเช่นนี้ และบางทีอาจจะส่งผลถึงความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีต่อองค์ชายรองอีกด้วย’เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็แค่นเสียงเย็น “หึ ฝ่าบาท พอดีกระหม่อมแก่แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบาย กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปโดยไม่รอให้ฮ่องเต้ทรงแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ฮ่องเต้เองก็ทรงชินกับการกระทำอันหยิ่งผยองนี้แล้ว จึงทรงทำเพียงโบกพระหัตถ์สื่อเป็นนัยให้ทุกคนออกไป……เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือเดินออกมาถึงหน้าประตูวัง ก็พบเข้ากับรัฐทายาทแห่งอ๋องเซียวเหยา อวี๋เฟยเหยียนที่ถือกระบี่ยาวและทำสีหน้าโกรธเกรี้ยวลงจากหลังม้าอวี๋เฟยเหยียนคิดไว้ว่าจะไปช่วยเยี่ยนเว่ยฉือแก้สถานการณ์ แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นผิงอี้โหวยืนอยู่ด้วยเมื่อเขาเห็นเยี่ยนเว่ย
ไม่ได้มีเพียงเยี่ยนหานซานที่ต้องการตรวจสอบ แต่ยังรวมไปถึงอันกั๋วกงด้วยหลังจากที่อันกั๋วกงออกจากพระตำหนักจิ่วหลง เขาไม่ได้รีบออกจากพระราชวังในทันที แต่ถูกฮองเฮาเรียกตัวไปที่ตำหนักเฟิ่งอี๋เพื่อสอบถามเรื่องราวหลังจากฟังคำบรรยายของอันกั๋วกงแล้ว ฮองเฮาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสับสนนางพูดว่า “ซ่างกวนซีบกพร่องเรื่องสมรรถภาพจริงหรือ?”อันกั๋วกงถอนหายใจ “หากเขาบกพร่องจริง เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องบีบคั้นเขามากเกินไป ฝ่าบาททรงรักและโปรดปรานเขามาโดยตลอด หากเรายังกัดเขาไม่ปล่อยอยู่เช่นนี้ อาจเป็นการทำลายไมตรีระหว่างฝ่าบาทกับท่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาก็จะทำให้องค์ชายรองเหนื่อยเปล่า ๆ ”ฮองเฮาพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับท่านพี่อย่างยิ่ง ซ่างกวนซีเข้าร่วมกองทัพมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว อาจได้รับบาดเจ็บมาจากในสนามรบก็เป็นได้”“ใช่ อีกทั้งในร่างกายเขาก็ยังเต็มไปด้วยพิษกู่เย็น แม้จะมียอดฝีมือมาช่วยระงับพิษเอาไว้ แต่ใครจะรู้เล่า พิษนั้นอาจก่อโรคที่ทำให้เป็นหมันก็ได้นี่? แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกันไปก่อน ข้าจะหาคนส่งไปทดสอบดูสักหน่อย”เมื
เยี่ยนเว่ยฉือกลับมายังห้องโถงเพื่อรับประทานอาหารต่อ ขณะที่นางนั่งรับประทานอยู่นั้น จางมามาก็คอยเติมน้ำชาและอาหารให้พลางพูดว่า “องค์รัชทายาททรงมีชีวิตที่ยากลำบากมาตลอดครึ่งแรกของชีวิต แต่บัดนี้ทรงอภิเษกสมรสกับหญิงสาวผู้งดงามและจิตใจดีเช่นท่านแล้ว ครึ่งหลังของชีวิตคงจะทรงสุขสบายเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังแทะซี่โครงหมูอยู่ นางหันไปมองจางมามาด้วยความสงสัยและเอ่ยถามว่า “ยากลำบากหรือ? เขาเป็นองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงยากลำบากเล่า?”จางมามาถอนหายใจและกล่าวว่า “พระชายาคงไม่ทราบ องค์รัชทายาททรงสูญเสียพระมารดาไปตั้งแต่อายุได้เพียงแปดปี พออายุได้สิบสี่ปี พระองค์ก็ทรงถูกฝ่าบาทส่งไปเป็นทหาร ในยามนั้น ฝ่าบาทยังไม่ทรงอนุญาตให้พระองค์เปิดเผยฐานะ จึงต้องทรงฝ่าฟันจากตำแหน่งทหารธรรมดา จนได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพทั้งสาม สิบปีผ่านไป องค์ชายคนอื่น ๆ ต่างทรงมีชีวิตที่สุขสบาย แต่องค์รัชทายาทกลับไม่เคยได้หลับพักผ่อนอย่างสบายใจเลยสักวัน”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เอาเถิด มามา นั่งลงก่อนเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือทำท่าเชื้อเชิญให้จางมามามานั่งลงจางมามาไม่กล้า “ไม่ได้ ไม่
“หา? ข้าต้องซ่อมด้วยหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าตนเองคงจะหูฝาดไปอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถูกต้องแล้ว เจ้าคือพระชายาขององค์รัชทายาท ที่นี่คือจวนองค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงประชวรหนักอยู่ การซ่อมแซมจวนรัชทายาทนับเป็นหน้าที่ของเจ้า”“การจัดการซ่อมแซมนั้นไม่ใช่ปัญหา ทว่าข้าไม่มีเงินนะ แม้กระทั่งขงเบ้งยังต้องพึ่งพาเสบียงเลย” เยี่ยนเว่ยฉือยักไหล่ แสดงให้เห็นความจนปัญญาอวี๋เฟยเหยียนหัวเราะ “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว ในจวนรัชทายาทของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่มีที่สำหรับคนไร้ประโยชน์”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “เขาเป็นองค์รัชทายาท ส่วนท่านเป็นองค์รัฐทายาท ท่านทั้งสองไม่คิดจะให้เงินข้า แต่จะให้ข้าซ่อมแซมจวนองค์รัชทายาทงั้นรึ?”อวี๋เฟยเหยียนทำหน้าลำบากใจ “ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าถูกหลอกให้กลับมา ดังนั้นจึงเร่งรีบมาก ควบม้าเร็วมาแปดร้อยลี้โดยไม่หยุดพักเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าจะกลับมาถึงเมืองหลวง เขาได้เบี้ยเลี้ยงน้อยอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้เอากลับมาด้วย จึงมีเงินเหลืออยู่ไม่มากนัก”“แล้วท่านล่ะ? ท่านไม่ใช่รัฐทายาทแห่งอ๋องเซียวเหยาหรอกหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองชายผู้