ไม่ได้มีเพียงเยี่ยนหานซานที่ต้องการตรวจสอบ แต่ยังรวมไปถึงอันกั๋วกงด้วยหลังจากที่อันกั๋วกงออกจากพระตำหนักจิ่วหลง เขาไม่ได้รีบออกจากพระราชวังในทันที แต่ถูกฮองเฮาเรียกตัวไปที่ตำหนักเฟิ่งอี๋เพื่อสอบถามเรื่องราวหลังจากฟังคำบรรยายของอันกั๋วกงแล้ว ฮองเฮาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสับสนนางพูดว่า “ซ่างกวนซีบกพร่องเรื่องสมรรถภาพจริงหรือ?”อันกั๋วกงถอนหายใจ “หากเขาบกพร่องจริง เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องบีบคั้นเขามากเกินไป ฝ่าบาททรงรักและโปรดปรานเขามาโดยตลอด หากเรายังกัดเขาไม่ปล่อยอยู่เช่นนี้ อาจเป็นการทำลายไมตรีระหว่างฝ่าบาทกับท่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาก็จะทำให้องค์ชายรองเหนื่อยเปล่า ๆ ”ฮองเฮาพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับท่านพี่อย่างยิ่ง ซ่างกวนซีเข้าร่วมกองทัพมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว อาจได้รับบาดเจ็บมาจากในสนามรบก็เป็นได้”“ใช่ อีกทั้งในร่างกายเขาก็ยังเต็มไปด้วยพิษกู่เย็น แม้จะมียอดฝีมือมาช่วยระงับพิษเอาไว้ แต่ใครจะรู้เล่า พิษนั้นอาจก่อโรคที่ทำให้เป็นหมันก็ได้นี่? แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกันไปก่อน ข้าจะหาคนส่งไปทดสอบดูสักหน่อย”เมื
เยี่ยนเว่ยฉือกลับมายังห้องโถงเพื่อรับประทานอาหารต่อ ขณะที่นางนั่งรับประทานอยู่นั้น จางมามาก็คอยเติมน้ำชาและอาหารให้พลางพูดว่า “องค์รัชทายาททรงมีชีวิตที่ยากลำบากมาตลอดครึ่งแรกของชีวิต แต่บัดนี้ทรงอภิเษกสมรสกับหญิงสาวผู้งดงามและจิตใจดีเช่นท่านแล้ว ครึ่งหลังของชีวิตคงจะทรงสุขสบายเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังแทะซี่โครงหมูอยู่ นางหันไปมองจางมามาด้วยความสงสัยและเอ่ยถามว่า “ยากลำบากหรือ? เขาเป็นองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงยากลำบากเล่า?”จางมามาถอนหายใจและกล่าวว่า “พระชายาคงไม่ทราบ องค์รัชทายาททรงสูญเสียพระมารดาไปตั้งแต่อายุได้เพียงแปดปี พออายุได้สิบสี่ปี พระองค์ก็ทรงถูกฝ่าบาทส่งไปเป็นทหาร ในยามนั้น ฝ่าบาทยังไม่ทรงอนุญาตให้พระองค์เปิดเผยฐานะ จึงต้องทรงฝ่าฟันจากตำแหน่งทหารธรรมดา จนได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพทั้งสาม สิบปีผ่านไป องค์ชายคนอื่น ๆ ต่างทรงมีชีวิตที่สุขสบาย แต่องค์รัชทายาทกลับไม่เคยได้หลับพักผ่อนอย่างสบายใจเลยสักวัน”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เอาเถิด มามา นั่งลงก่อนเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือทำท่าเชื้อเชิญให้จางมามามานั่งลงจางมามาไม่กล้า “ไม่ได้ ไม่
“หา? ข้าต้องซ่อมด้วยหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าตนเองคงจะหูฝาดไปอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถูกต้องแล้ว เจ้าคือพระชายาขององค์รัชทายาท ที่นี่คือจวนองค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงประชวรหนักอยู่ การซ่อมแซมจวนรัชทายาทนับเป็นหน้าที่ของเจ้า”“การจัดการซ่อมแซมนั้นไม่ใช่ปัญหา ทว่าข้าไม่มีเงินนะ แม้กระทั่งขงเบ้งยังต้องพึ่งพาเสบียงเลย” เยี่ยนเว่ยฉือยักไหล่ แสดงให้เห็นความจนปัญญาอวี๋เฟยเหยียนหัวเราะ “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว ในจวนรัชทายาทของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่มีที่สำหรับคนไร้ประโยชน์”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “เขาเป็นองค์รัชทายาท ส่วนท่านเป็นองค์รัฐทายาท ท่านทั้งสองไม่คิดจะให้เงินข้า แต่จะให้ข้าซ่อมแซมจวนองค์รัชทายาทงั้นรึ?”อวี๋เฟยเหยียนทำหน้าลำบากใจ “ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าถูกหลอกให้กลับมา ดังนั้นจึงเร่งรีบมาก ควบม้าเร็วมาแปดร้อยลี้โดยไม่หยุดพักเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าจะกลับมาถึงเมืองหลวง เขาได้เบี้ยเลี้ยงน้อยอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้เอากลับมาด้วย จึงมีเงินเหลืออยู่ไม่มากนัก”“แล้วท่านล่ะ? ท่านไม่ใช่รัฐทายาทแห่งอ๋องเซียวเหยาหรอกหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองชายผู้
ซ่างกวนซีตกใจกลัวจนตัวแข็งไปหมด!เขาไม่เคยเห็นสตรีนางใดที่… ไร้ระเบียบเช่นนี้! ไม่มีมารยาท! ประพฤติตัวเสเพล! พูดจาหยาบคาย!เห็นได้ชัดว่าปากของเยี่ยนเว่ยฉือใกล้จะประกบจูบอยู่แล้ว แต่เพราะซ่างกวนซีป่วยหนัก ทำให้เขาไม่มีแรงที่จะผลักไสนางออกไปได้เลยในวินาทีสุดท้าย ซ่างกวนซีรีบพูดว่า “ข้าดื่มเอง!”อึก!เยี่ยนเว่ยฉือกลืนยาในปากลงไป จากนั้นก็ยืดตัวตรง พูดด้วยน้ำเสียงปลง ๆ ว่า “ต้องรอจนข้าต้องเปลืองตัวก่อน ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!”ซ่างกวนซีโกรธจนหน้าแดง หญิงสาวตรงหน้าคนนี้กล้าพูดและกล้าทำทุกอย่างจริง ๆเขาจำใจรับชามยาจากเยี่ยนเว่ยฉือไป ก่อนจะดื่มยาลงคออย่างไม่เต็มใจนัก แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองอย่างสุดความสามารถเพียงใด แต่ก็ยังเผยให้เห็นถึงความขมขื่นอย่างชัดเจนเยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ท่านก็กลัวยาขมนี่เอง!”ซ่างกวนซีไม่สนใจนางยานี่ขมจนแทบอยากร้องไห้ สตรีผู้นี้ดื่มเข้าไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าได้อย่างไรกัน?เมื่อเห็นว่าซ่างกวนซีไม่พูดอะไร เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่มีความสนใจที่จะอยู่ต่อนางเพียงแต่สั่งว่า “ร่างกายของท่านยังไม่หายดี โดยเฉพาะบาดแผลตามร่างก
คนอื่น ๆ มาร้านขายผ้าไหม ย่อมมาเพื่อซื้อผ้าไปตัดเย็บเป็นอาภรณ์แต่เยี่ยนเว่ยฉือ ต่างไปจากคนอื่นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปในร้านผ้าไหมอย่างองอาจ วางท่าให้ดูสูงส่งสง่างามที่สุด นางเดินกวาดสายตาไปมาอย่างสบายอารมณ์เด็กในร้านเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “โอ้ คุณชาย ท่านมาเลือกผ้าไหมหรือขอรับ เลือกเพื่อตัดอาภรณ์ให้ตนเอง หรือเลือกให้สตรีในครอบครัวหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาที่ร้านผ้าไหม ไม่ให้เลือกผ้าไหม จะให้ข้ามาเลือกกับแกล้มอย่างนั้นหรือ?”“เอ่อ...” เด็กในร้านทำหน้าไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองเขาต้อนรับลูกค้ามาทั้งวัน ลูกค้าที่อารมณ์ไม่ดีเช่นนี้ เขาเคยพานพบมาแล้วมากมายเด็กในร้านพูดต่อ “เช่นนั้นคุณชายต้องการผ้าไหมแบบไหนขอรับ? ข้าน้อยจะได้แนะนำให้ท่าน”“ข้าต้องการของที่ดีที่สุด!” เยี่ยนเว่ยฉือหาที่นั่งเด็กในร้านรีบพูด “ได้ขอรับ คุณชายโปรดรอสักครู่!”เขาสั่งให้คนอื่นไปชงชาให้เยี่ยนเว่ยฉือ ขณะที่เขาหยิบตัวอย่างผ้าไหมหลายผืนลงมาจากชั้นวาง มีทั้งแบบมีลายและแบบที่ไม่มี หลากหลายแบบทีเดียวแต่เยี่ยนเว่ยฉือมองแค่แวบเดียว ก็พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “
หลังจากผ่านไปเพียงครู่เดียว ร้านผ้าไหมก็เต็มไปด้วยผ้าจำนวนห้าเกวียนด้วยกันเถ้าแก่ยื่นใบรายการให้เยี่ยนเว่ยฉือ ระบุว่าจำนวนเงินห้าพันตำลึงราคาที่แจ้งมานั้นสูงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัดอย่างไรก็ตาม เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้สนใจและไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดมากนัก ยัดใบเสร็จลงในถุงผ้าของตนเองเมื่อเห็นเช่นนั้น เถ้าแก่ก็ยิ้มกริ่ม คิดในใจ ‘ไม่เพียงแต่จะร่ำรวยมากเท่านั้น ยังไม่เฉลียวฉลาดอีกด้วย’เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองขบวนเกวียน แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าตามข้ามาแล้วกัน ข้ายังต้องไปซื้อของอย่างอื่นอีก แล้วค่อยกลับจวนพร้อมกัน”กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาอาจจะกลับมาช้าสักหน่อยเถ้าแก่รีบพูด “ได้ ได้ขอรับ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องรีบร้อน พวกเจ้าจงดูแลคุณชายให้ดี! ได้ยินหรือไม่?”คนขับเกวียนพยักหน้ารับคำจากนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็นำขบวนผ้าทั้งห้าเกวียนออกไป แล้วเดินต่อไปตามถนนที่คึกคักในเมืองหลวงขณะเดิน นางก็มองไปรอบ ๆ ชัดเจนว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่อวี๋เฟยเหยียนที่ซ่อนตัวอยู่นึกสงสัย “นางจะทำอะไรกันนะ?”เย่เทียนซูส่ายหัว “จิตใจสตรียากแท้หยั่งถึง”อวี๋เฟยเหยียนเม้มปาก “การกระทำดูไม่ต่างจากนักต้มตุ๋นใน
ครู่ต่อมา เด็กในร้านก็ยกกล่องบุผ้าไหมออกมาหนึ่งกล่อง ภายในบรรจุด้วยกำไลหยกไว้สองวงสีสันโปร่งใส เนื้อสัมผัสเป็นมันวาว ถือว่าเป็นของดีทีเดียวอย่างไรก็ตาม เยี่ยนเว่ยฉือกลับขมวดคิ้วเล็กน้อยเถ้าแก่เห็นดังนั้น จึงรีบถาม “คุณชาย นี่ไม่เป็นที่น่าพอใจหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบ “ราคาถูกเกินไป”“ถูกเกินไปหรือ?” เถ้าแก่หัวเราะ “คุณชาย กำไลหยกคู่นี้มีเพียงคู่เดียวในเมืองหลวง นี่ถือเป็นราคาขั้นต่ำแล้ว”เถ้าแก่ยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว หมายความว่าหนึ่งพันตำลึงเยี่ยนเว่ยฉือโบกมือ “ไม่ได้ ไม่ได้ ราคาถูกเกินไป ผ้าไหมที่ข้าซื้อมามีมูลค่าถึงห้าพันตำลึงแล้ว กำไลหยกคู่นี้จะราคาต่ำกว่าไม่ได้เด็ดขาด”เยี่ยนเว่ยฉือโบกมือครั้งนี้ ทำให้ใบรายการในแขนเสื้อร่วงหล่นออกมาเด็กในร้านรีบเดินเข้าไปช่วยเก็บ แล้วแอบมองจำนวนเงินบนกระดาษเด็กในร้านส่งคืนให้เยี่ยนเว่ยฉือ แล้วก็ส่งสายตาให้เถ้าแก่อย่างมีนัยสำคัญเถ้าแก่เข้าใจในทันทีว่าเมื่อครู่เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้โกหกเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “คุณชายโปรดรอสักครู่”คราวนี้ เถ้าแก่เข้าไปในห้องด้านในด้วยตนเองครู่ต่อมาก็กลับออกมาพร้อมกับเครื่องประดับสองชุดชุดหนึ่
เยี่ยนเว่ยฉือควบม้า ส่วนทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบาแม้ว่าทั้งสองจะมีวิทยายุทธ์ไม่เลว แต่ก็ยังไล่ตามจนเหนื่อยหอบเมื่อไล่ตามได้ทัน แต่กลับพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปในโรงรับจำนำโรงรับจำนำ? นางเอาเครื่องประดับทั้งสองชุดไปจำนำงั้นหรือ?นางเป็นนักต้มตุ๋นจริง ๆ งั้นหรือ?อวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้วทันที พลางกล่าวว่า “ไม่ได้! ปล่อยให้นางทำร้ายชาวบ้านแบบนี้ไม่ได้ ข้าต้องไปเปิดโปงนาง”“ช้าก่อน!” เย่เทียนซูจับแขนอวี๋เฟยเหยียนผู้ใจร้อนเอาไว้ พยายามปลอบว่า “ข้ารู้สึกว่าแม่นางผู้นั้นฉลาดมาก ไม่น่าจะทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้หรอก อีกอย่าง หากนางขัดสนเงินทอง ก็สามารถไปขอยืมจากศิษย์พี่ใหญ่ได้ เหตุใดต้องออกจากจวนมาต้มตุ๋นหลอกลวงด้วยเล่า?”อวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้ว กล่าวว่า “เฮ้อ ต้องโทษข้า ข้าเป็นคนท้าทายนาง เพื่อทดสอบความสามารถของนางเอง”“ท้าทาย? ท้าทายเรื่องอันใด?”อวี๋เฟยเหยียนกล่าวต่อไป “ข้าให้นางคิดหาวิธีซ่อมแซมจวนองค์รัชทายาท”เย่เทียนซูประหลาดใจ กล่าวว่า “จวนองค์รัชทายาทออกจะใหญ่โตถึงเพียงนั้น หากจะซ่อมแซมให้ดี คงต้องใช้เงินถึงแปดพันถึงหนึ่งหมื่นตำลึง จะซ่อมได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้ท้าทายนางด้วยเรื่องที