เยี่ยนเว่ยฉือควบม้า ส่วนทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบาแม้ว่าทั้งสองจะมีวิทยายุทธ์ไม่เลว แต่ก็ยังไล่ตามจนเหนื่อยหอบเมื่อไล่ตามได้ทัน แต่กลับพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปในโรงรับจำนำโรงรับจำนำ? นางเอาเครื่องประดับทั้งสองชุดไปจำนำงั้นหรือ?นางเป็นนักต้มตุ๋นจริง ๆ งั้นหรือ?อวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้วทันที พลางกล่าวว่า “ไม่ได้! ปล่อยให้นางทำร้ายชาวบ้านแบบนี้ไม่ได้ ข้าต้องไปเปิดโปงนาง”“ช้าก่อน!” เย่เทียนซูจับแขนอวี๋เฟยเหยียนผู้ใจร้อนเอาไว้ พยายามปลอบว่า “ข้ารู้สึกว่าแม่นางผู้นั้นฉลาดมาก ไม่น่าจะทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้หรอก อีกอย่าง หากนางขัดสนเงินทอง ก็สามารถไปขอยืมจากศิษย์พี่ใหญ่ได้ เหตุใดต้องออกจากจวนมาต้มตุ๋นหลอกลวงด้วยเล่า?”อวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้ว กล่าวว่า “เฮ้อ ต้องโทษข้า ข้าเป็นคนท้าทายนาง เพื่อทดสอบความสามารถของนางเอง”“ท้าทาย? ท้าทายเรื่องอันใด?”อวี๋เฟยเหยียนกล่าวต่อไป “ข้าให้นางคิดหาวิธีซ่อมแซมจวนองค์รัชทายาท”เย่เทียนซูประหลาดใจ กล่าวว่า “จวนองค์รัชทายาทออกจะใหญ่โตถึงเพียงนั้น หากจะซ่อมแซมให้ดี คงต้องใช้เงินถึงแปดพันถึงหนึ่งหมื่นตำลึง จะซ่อมได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้ท้าทายนางด้วยเรื่องที
ทุกคนหัวเราะ เยี่ยนเว่ยฉือก็หัวเราะไปด้วย ดูจากท่าทางที่โง่เขลาของนาง เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกแกะน้อยที่พร้อมถูกเชือด!เจ้ามือยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะพนัน เยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงตรงข้ามเขาเยี่ยนเว่ยฉือเขี่ยถั่วในกอง กล่าวว่า “นี่เล่นยังไงล่ะ?”เจ้ามือกล่าว “ง่ายดายยิ่ง ข้าจะหลับตา แล้วสุ่มหยิบถั่วหนึ่งกำมือ จากนั้นแบ่งมันออกเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มละสี่เม็ด ที่เหลืออยู่เท่าไร ท่านก็แค่ทาย หากทายถูก จะจ่ายหนึ่งได้สอง”เยี่ยนเว่ยฉือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดกับตัวเองในใจ “หนึ่งต่อสอง นั่นแปลว่า หากข้าเดิมพันหนึ่งร้อยตำลึง เมื่อแพ้จะต้องเสียหนึ่งร้อยตำลึง หากชนะก็จะได้สองร้อยตำลึง ฟังดูใช้ได้ แต่กอบโกยได้ช้าไปหน่อย”นางยิ้มอย่างโง่เขลา “ได้ ลองดู!”เจ้ามือยิ้มแย้มแจ่มใส เริ่มเล่นกับเยี่ยนเว่ยฉือทันทีเยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ได้ลงเงินเดิมพันมากนัก เดิมพันครั้งละหนึ่งร้อยตำลึงเท่านั้นเดิมพันไปหลายครั้ง เสียมากกว่าได้ เงินเดิมพันสามพันตำลึงเหลือเพียงสองพันตำลึงในพริบตาเยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัว ถอนหายใจ “ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว ไม่สนุกแล้ว!”เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะจากไป เจ้ามือก็รีบกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อ
เยี่ยนเว่ยฉือจ้องมองเจ้ามือที่มั่นใจในชัยชนะตรงหน้าเสียเต็มประดา อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะในใจคำกล่าวนั้นว่าอย่างไรนะ ผู้ที่คิดร้ายต่อผู้อื่น ย่อมได้รับผลร้ายเช่นกัน หลักการเดียวกันนี้ใช้ได้กับคนที่คิดร้ายต่อผู้อื่นเช่นกันนักล่าตัวจริงมักแสดงตนว่าเป็นเหยื่อเยี่ยนเว่ยฉือวางมือที่กำถั่วไว้ตรงกลางโต๊ะพนันเป็นสัญญาณให้เจ้ามือทายเจ้ามือสุ่มทายทันที “เลขคู่!”เยี่ยนเว่ยฉือแบมือออก ปรากฏว่ามีถั่วอยู่ในฝ่ามือสามเม็ด!เจ้ามือตกใจเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มแย้มตอบกลับ “คุณชายน้อยช่างโชคดีเสียจริง!”เมื่อพูดจบ เจ้ามือก็ส่งเงินห้าร้อยตำลึงให้เยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งหลังจากผ่านไปสองรอบ เยี่ยนเว่ยฉือได้เงินไปหนึ่งพันตำลึงแล้วมีผู้หวังดีด้านข้างแนะนำให้เยี่ยนเว่ยฉือหยุดเมื่อได้กำไรแล้ว แต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับดื้อรั้นเหมือนคนโง่ที่อยากจะเดิมพันให้หนำใจเจ้ามือย่อมยินดีเป็นธรรมดา รีบคว้าถั่วในถุงมากำไว้บ้างคราวนี้เขาหยิบขึ้นมาเพียงสองเม็ด ซึ่งง่ายดายต่อการโกงเขาเอามือวางบนโต๊ะแล้วกล่าวว่า “คุณชาย เชิญ”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าว “ข้าทายว่าเลขคู่!”รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้ามือแข็งค้างไปครู่หนึ่ง แต่เขาไม่ไ
เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาด้วยรอยยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ คิดในใจว่า “เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองนะ อย่าได้โทษข้า!”เยี่ยนเว่ยฉือเดินกลับไปที่โต๊ะพนัน แล้วกล่าวว่า “ย่อมได้ ท่านหยิบหรือข้าหยิบดีล่ะ?”เจ้ามือรีบพูด “แน่นอนว่าต้องข้าหยิบสิ”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าตกลงเจ้ามือล้วงมือเข้าไปในถุง แต่ไม่ได้หยิบถั่วออกมาสักเม็ด ชักมือกลับออกมาด้วยความว่างเปล่าเขาใช้วิธีโกงหน้าด้าน ๆ ไม่ว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะทายเลขคี่หรือเลขคู่ เขาก็ชนะอย่างแน่นอนเจ้ามือยิ้มเย้ยหยันแล้วกล่าวว่า “คุณชาย เชิญทายได้เลย!”เยี่ยนเว่ยฉือแตะหมัดเจ้ามือไปด้วย แล้วกล่าวว่า “เลขคี่!”เจ้ามือหัวเราะอย่างสาแก่ใจ แล้วแบมือออกพร้อมกับพูดว่า “ท่านทายผิด...”ยังพูดไม่ทันจบก็อ้าปากค้างเพราะในฝ่ามือของเขามีถั่วเม็ดเล็ก ๆ อยู่ในนั้นจริง ๆผู้คนรอบข้างต่างก็ร้องอุทาน!โอ้โห!ชนะแล้ว!สุดยอด!ว้าว!เจ้ามือชะงักตัวแข็งค้างอยู่กับที่ เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาจากหน้าผากเม็ดเป้งหากเงินหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงนี้ไป อาชีพการงานของเขาคงถึงคราวจบสิ้น“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าโกง เจ้าโกง!”เยี่ยนเว่ยฉือผายมือยักไหล่ “พี่ใหญ่ ท่านเป็นคนหย
ทั้งสองเดินตามเยี่ยนเว่ยฉือกลับไปที่ร้านอวี้หม่านถัง พบว่าสถานะของนางเปลี่ยนไปจากคุณชาย กลายเป็นสาวใช้ในบ้านเศรษฐีแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก้มหน้าลงด้วยความขลาดเขลา ยื่นเครื่องประดับสองชุดคืนให้พร้อมกับกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เถ้าแก่ ข้าต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง ฮูหยินของข้าไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ และได้กักขังคุณชายของข้าไว้ เครื่องประดับสองชุดนี้ข้าจึงต้องนำมาคืนท่าน คุณชายของข้ากล่าวว่าให้ท่านเลือกผ้าไหมสองพับไป ถือเป็นค่าตอบแทนที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา”เถ้าแก่ร้านอวี้หม่านถังแม้จะไม่พอใจนัก แต่เมื่อได้ยินว่าจะได้รับผ้าเนื้อดีสองพับโดยไม่เสียสักแดง เขาก็ไม่อาจหาคำตำหนิมาพูดได้อีก พยักหน้า “คุณชายเป็นคนใจกว้างเช่นนี้ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว”เถ้าแก่เดินไปยังเกวียนบรรทุกผ้าไหมทั้งห้า เลือกผ้าสองพับที่มีลวดลายและสีสันวิจิตร เห็นได้ชัดว่าเพื่อตัดเย็บอาภรณ์ให้สตรีในบ้านแม้ว่าการค้าจะไม่สำเร็จ แต่ก็ยังได้ของฟรีอยู่ เถ้าแก่จึงมีความสุขมาก……หลังจากนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็นำผ้าไหมห้าลำเกวียนกลับไปที่ร้านหลิงหลัวฟาง เถ้าแก่ของหลิงหลัวฟางก็รู้สึกงุนงงเช่นกันเยี่ยนเว่ยฉือยังคงก้มหัวลงอย่างขลาดเขล
อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูยังคงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่หยุดปากไม่มีอะไรมากไปกว่าความฉลาดแกมโกงของเยี่ยนเว่ยฉือแต่ซ่างกวนซีกลับนึกถึงเรื่องอื่นเขาพูดพึมพำ “บ่อนซื่อเซิ่งดูเหมือนจะเป็นกิจการของน้องรองนะ”อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูตกใจเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมาดังลั่น“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง ถูกต้อง บ่อนซื่อเซิ่งเป็นกิจการขององค์ชายรองซ่างกวนหลี แม่นางคนนี้ช่างโชคดีเหลือเกินที่บังเอิญไปหลอกศัตรูของศิษย์พี่ใหญ่เข้า” อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะจนตัวโยน น้ำตาแทบจะเล็ดออกมาเย่เทียนซูก็หัวเราะร่วน “ฮ่าฮ่าฮ่า… นางเป็นดาวนำโชคจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนมองไปที่เย่เทียนซูแล้วส่ายหัว “เจ้าช่างเปลี่ยนใจง่ายเสียจริง ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่านางเป็นดาวหายนะอยู่เลย”“ข้าไม่ได้พูด!” เย่เทียนซูโต้แย้งอย่างรุนแรง “ก่อนที่ศิษย์พี่ใหญ่จะกลับมาเมืองหลวง อาจารย์ให้ข้าทำนายดวงชะตาให้เขา ผลปรากฏว่าเก้าตายหนึ่งรอด มีเพียงวิธีเดียวที่จะแก้ไขได้ นั่นคือตายแล้วฟื้น”ดังนั้น ซ่างกวนซีจึงกับยอมติดกับดักเหตุลอบสังหารแต่ไม่ตอบโต้ ก็เพื่อใช้วิธีหลบหนีความตายแล้วเปลี่ยนจากการสู้ซึ่ง ๆ หน้า ไปสู่การเคลื่
เยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางเองก็คงจัดว่ามีฝีมือเหมือนกัน ใครว่าการหลอกคนไม่ใช่ความสามารถอย่างหนึ่งเล่า? คนทั่วไปอย่างน้อยก็ไม่มีฝีมือการแสดงละครตบตาได้ดีเท่านางแน่!เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะร่าซ้ำอีกครั้ง “ถูกแล้ว การแสดงข้างถนนนั่นแหละ อ้อ จริงสิ ข้าไปสอบถามที่ร้านแลกเงินมาแล้ว ตั๋วเงินเหล่านี้สามารถใช้ได้ทั่วไป ไม่มีความเสี่ยงเรื่องถูกระงับการใช้งาน ท่านสบายใจได้”มุมปากของอวี๋เฟยเหยียนกระตุก คิดในใจว่าแม่นางผู้นี้ช่างคิดการณ์รอบคอบเขาโกหกว่าตั๋วเงินของตนถูกระงับการใช้งาน นางจึงจำได้ว่าต้องไปตรวจสอบว่าตั๋วเงินเหล่านี้จะถูกระงับการใช้งานหรือไม่อันที่จริงเขาเพียงพูดจาเหลวไหลเรื่อยเปื่อย!อวี๋เฟยเหยียนยิ้ม หัวเราะร่าตอบ “ได้สิ วางใจข้าเถอะ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน”“ขอบคุณมาก!” เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวจบก็หันหลังจากไปอวี๋เฟยเหยียนมองตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงที่อยู่ตรงหน้า คิดถึงรายได้ของเยี่ยนเว่ยฉือในวันนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ “แม่นางผู้นี้ยังซ่อนเงินส่วนตัวไว้ด้วย เจ้าคิดจะหนีไปไหนงั้นรึ?”อวี๋เฟยเหยียนเดาไม่ผิด เยี่ยนเว่ยฉือกำลังวางแผนเพื่อตนเองอยู่จริง ๆแต่นางไม่โง่หนีไปในตอน
ถึงเวลาอาหารเย็น เยี่ยนเว่ยฉือ ซ่างกวนซี และอวี๋เฟยเหยียนที่เป็นแขกต่างก็รับประทานอาหารร่วมกันเยี่ยนเว่ยฉือมองอาหารเลิศรสบนโต๊ะ แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “จางมามาเก่งจริง ๆ ทำอาหารได้เก่งนัก!”อวี๋เฟยเหยียนพูดด้วยความภาคภูมิใจ “นั่นแน่อยู่แล้ว จางมามาเป็นพี่เลี้ยงของข้า ไม่ว่าจะซักผ้า ทำอาหาร นั่นแน่อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่นางทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่นางไม่ชำนาญ”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปากแล้วแอบบ่นในใจ ‘ดังนั้นจึงเลี้ยงดูรัฐทายาทเช่นท่านกลายเป็นคนไร้ค่า ที่ต้องมาขอข้าวที่จวนองค์รัชทายาทกินเพราะไม่มีเงินสินะ’อวี๋เฟยเหยียนหันไปถามซ่างกวนซี “ศิษย์พี่ใหญ่ ร่างกายของท่านดีขึ้นหรือยัง?”แม้ว่าเขาไม่อยากยอมรับ แต่ซ่างกวนซีก็ยังต้องพยักหน้า เพราะพบว่ายาขมสองถ้วยของเยี่ยนเว่ยฉือมีประโยชน์ต่อการรักษาอาการป่วยของเขาจริง ๆเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล แค่ไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น มีข้าอยู่ทั้งคน จะรักษาเขาไม่ได้เชียวหรือ?”“อ้อ? พูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าร่ำเรียนวิชารักษาโรคมาจากไหน? เรียนจากสำนักใด? เจ้าสำนักเป็นใครกัน?” อวี๋เฟยเหยียนพยายามสืบหาข้อมูลของเยี่ยนเว่ยฉ
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว
อวี๋เฟยเหยียนไปที่ห้องครัว เลือกสุราดอกท้อชั้นดีมาไหหนึ่ง กำลังจะใส่เมามายลืมโลกนี้ลงไป ทว่ากลับคิดอะไรขึ้นมาได้“เอ๊ะ? ไม่ถูก วันนี้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องงดเสวย ดื่มได้แต่น้ำชา ดื่มสุราไม่ได้!”อวี๋เฟยเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค้นหาของในครัว ในที่สุดก็เจอดอกสายน้ำผึ้งเขายิ้ม “นี่ดีกว่า ต้มชาดอกสายน้ำผึ้งให้ศิษย์พี่ดื่ม นอกจากจะดับร้อนได้แล้ว กลิ่นของดอกสายน้ำผึ้งยังกลบกลิ่นสุราได้ด้วย”อวี๋เฟยเหยียนเริ่มลงมือทันที หลังจากธูปหมดไปดอกหนึ่ง ชาก็ต้มเสร็จแล้วเขาเปิดขวดกระเบื้องใบเล็กที่ฉินเซียงหรูให้มา กำลังจะรินลงในกาน้ำชา แต่น้ำชากำลังเดือด เมื่อเปิดฝาออก ไอน้ำร้อนก็พุ่งขึ้นมาและไอน้ำเหล่านั้นก็พัดพาแอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงบนมือของอวี๋เฟยเหยียนกระจายไปในอากาศทันทีหลังจากที่อวี๋เฟยเหยียนได้กลิ่น เขาก็เริ่มเวียนหัว“นี่…นี่…ของของฉินเซียงหรู เหตุใดฤทธิ์สุราถึงแรงเช่นนี้!”อวี๋เฟยเหยียนเซไปเซมา ฝืนรินสุราลงในน้ำชาสองสามหยดตอนที่เขากังวลว่ายังไม่พอ เขาก็ถูกกลิ่นสุราทำให้มึนเมา หลังจากที่โลกหมุนอยู่ชั่วขณะ เขาก็ล้มลงกับพื้นห้องครัว สลบไปเตาบังร่างของเขาไว้ ทำให้ไคจือและซ่านเย่ที
หลังจากเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็ออกจากเรือนหน้าไปทางลานรั่วชู อวี๋เฟยเหยียนยืนอยู่ที่ทางแยก มองไปที่เรือนซวงหาน มองไปที่เรือนรั่วชู คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไปหาฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูกำลังยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา วันนี้มีปลาแห้งเพิ่มมาตัวหนึ่ง อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูที่กำลังทาเกลือบนปลา อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาหมักปลาเค็มอีกหรือ? ข้างหน้าเขาทำลายข้าวของกันจนหมดแล้ว!”ฉินเซียงหรูยิ้ม พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าได้ยินแล้ว”“ได้ยินแล้ว?” อวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “ได้ยินแล้วยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้?”“แล้วจะให้ทำอย่างไร?” ฉินเซียงหรูมองอวี๋เฟยเหยียนอย่างขบขัน “ไปช่วยแม่นางเยี่ยนตำหนิองค์รัชทายาทที่ไม่รู้จักบุญคุณ? หรือไปช่วยองค์รัชทายาทตำหนิแม่นางเยี่ยนว่าชอบยุ่งไม่เข้าเรื่อง?”อวี๋เฟยเหยียนอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออกฉินเซียงหรูยังคงทำปลาต่อไป พูดว่า “ถ้าจะให้ข้าพูด การที่แม่นางเยี่ยนก่อเรื่องเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยวันนี้ของทุกปี ทุกคนก็จะได้ไม่ลำบาก แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้าดัง เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงจะยังปล่อยวางไม่ได้ ก็ควรจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ จะยึดติดอยู่กั