อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูยังคงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่หยุดปากไม่มีอะไรมากไปกว่าความฉลาดแกมโกงของเยี่ยนเว่ยฉือแต่ซ่างกวนซีกลับนึกถึงเรื่องอื่นเขาพูดพึมพำ “บ่อนซื่อเซิ่งดูเหมือนจะเป็นกิจการของน้องรองนะ”อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูตกใจเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมาดังลั่น“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง ถูกต้อง บ่อนซื่อเซิ่งเป็นกิจการขององค์ชายรองซ่างกวนหลี แม่นางคนนี้ช่างโชคดีเหลือเกินที่บังเอิญไปหลอกศัตรูของศิษย์พี่ใหญ่เข้า” อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะจนตัวโยน น้ำตาแทบจะเล็ดออกมาเย่เทียนซูก็หัวเราะร่วน “ฮ่าฮ่าฮ่า… นางเป็นดาวนำโชคจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนมองไปที่เย่เทียนซูแล้วส่ายหัว “เจ้าช่างเปลี่ยนใจง่ายเสียจริง ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่านางเป็นดาวหายนะอยู่เลย”“ข้าไม่ได้พูด!” เย่เทียนซูโต้แย้งอย่างรุนแรง “ก่อนที่ศิษย์พี่ใหญ่จะกลับมาเมืองหลวง อาจารย์ให้ข้าทำนายดวงชะตาให้เขา ผลปรากฏว่าเก้าตายหนึ่งรอด มีเพียงวิธีเดียวที่จะแก้ไขได้ นั่นคือตายแล้วฟื้น”ดังนั้น ซ่างกวนซีจึงกับยอมติดกับดักเหตุลอบสังหารแต่ไม่ตอบโต้ ก็เพื่อใช้วิธีหลบหนีความตายแล้วเปลี่ยนจากการสู้ซึ่ง ๆ หน้า ไปสู่การเคลื่
เยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางเองก็คงจัดว่ามีฝีมือเหมือนกัน ใครว่าการหลอกคนไม่ใช่ความสามารถอย่างหนึ่งเล่า? คนทั่วไปอย่างน้อยก็ไม่มีฝีมือการแสดงละครตบตาได้ดีเท่านางแน่!เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะร่าซ้ำอีกครั้ง “ถูกแล้ว การแสดงข้างถนนนั่นแหละ อ้อ จริงสิ ข้าไปสอบถามที่ร้านแลกเงินมาแล้ว ตั๋วเงินเหล่านี้สามารถใช้ได้ทั่วไป ไม่มีความเสี่ยงเรื่องถูกระงับการใช้งาน ท่านสบายใจได้”มุมปากของอวี๋เฟยเหยียนกระตุก คิดในใจว่าแม่นางผู้นี้ช่างคิดการณ์รอบคอบเขาโกหกว่าตั๋วเงินของตนถูกระงับการใช้งาน นางจึงจำได้ว่าต้องไปตรวจสอบว่าตั๋วเงินเหล่านี้จะถูกระงับการใช้งานหรือไม่อันที่จริงเขาเพียงพูดจาเหลวไหลเรื่อยเปื่อย!อวี๋เฟยเหยียนยิ้ม หัวเราะร่าตอบ “ได้สิ วางใจข้าเถอะ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน”“ขอบคุณมาก!” เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวจบก็หันหลังจากไปอวี๋เฟยเหยียนมองตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงที่อยู่ตรงหน้า คิดถึงรายได้ของเยี่ยนเว่ยฉือในวันนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ “แม่นางผู้นี้ยังซ่อนเงินส่วนตัวไว้ด้วย เจ้าคิดจะหนีไปไหนงั้นรึ?”อวี๋เฟยเหยียนเดาไม่ผิด เยี่ยนเว่ยฉือกำลังวางแผนเพื่อตนเองอยู่จริง ๆแต่นางไม่โง่หนีไปในตอน
ถึงเวลาอาหารเย็น เยี่ยนเว่ยฉือ ซ่างกวนซี และอวี๋เฟยเหยียนที่เป็นแขกต่างก็รับประทานอาหารร่วมกันเยี่ยนเว่ยฉือมองอาหารเลิศรสบนโต๊ะ แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “จางมามาเก่งจริง ๆ ทำอาหารได้เก่งนัก!”อวี๋เฟยเหยียนพูดด้วยความภาคภูมิใจ “นั่นแน่อยู่แล้ว จางมามาเป็นพี่เลี้ยงของข้า ไม่ว่าจะซักผ้า ทำอาหาร นั่นแน่อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่นางทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่นางไม่ชำนาญ”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปากแล้วแอบบ่นในใจ ‘ดังนั้นจึงเลี้ยงดูรัฐทายาทเช่นท่านกลายเป็นคนไร้ค่า ที่ต้องมาขอข้าวที่จวนองค์รัชทายาทกินเพราะไม่มีเงินสินะ’อวี๋เฟยเหยียนหันไปถามซ่างกวนซี “ศิษย์พี่ใหญ่ ร่างกายของท่านดีขึ้นหรือยัง?”แม้ว่าเขาไม่อยากยอมรับ แต่ซ่างกวนซีก็ยังต้องพยักหน้า เพราะพบว่ายาขมสองถ้วยของเยี่ยนเว่ยฉือมีประโยชน์ต่อการรักษาอาการป่วยของเขาจริง ๆเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล แค่ไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น มีข้าอยู่ทั้งคน จะรักษาเขาไม่ได้เชียวหรือ?”“อ้อ? พูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าร่ำเรียนวิชารักษาโรคมาจากไหน? เรียนจากสำนักใด? เจ้าสำนักเป็นใครกัน?” อวี๋เฟยเหยียนพยายามสืบหาข้อมูลของเยี่ยนเว่ยฉ
ซ่างกวนหลีโบกมือเป็นสัญญาณให้เถ้าแก่บ่อนพนันถอยออกไป จากนั้นจึงหันไปมองซ่างกวนเจวี๋ยด้วยความสงสัย “เวลานี้มืดค่ำแล้ว เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”ซ่างกวนเจวี๋ยหาที่นั่งลงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อะไรกัน? เสด็จพี่รองไม่ต้อนรับข้าหรือ ข้ามาเพื่อนำสิ่งดี ๆ มาให้ท่านนะ!”ซ่างกวนเจวี๋ยวางขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวขนาดเล็กไว้บนโต๊ะซ่างกวนหลีอารมณ์ไม่ดี เหลือบมองสิ่งนั้นแล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าอ้อมค้อม! นี่มันอะไร?”ซ่างกวนเจวี๋ยหัวเราะ “สิ่งนี้มีนามว่า เมามายในห้วงฝัน”ซ่างกวนหลีขมวดคิ้ว “ของเล่นสนุกอีกแล้วหรือ? ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่รึ ว่าอย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับสตรี”“นี่นี่นี่ ท่านอย่าเพิ่งรีบตำหนิข้าสิ เสด็จพี่รองฟังข้าให้จบก่อน”ซ่างกวนหลีเหลือบมองเขา เป็นสัญญาณให้พูดต่อซ่างกวนเจวี๋ยกล่าวต่อไป “ได้ยินมาว่าคราวนี้เมื่อองค์ชายรัชทายาทกลับเมืองหลวง เขากลับมาเพียงลำพัง มิได้นำผู้ใดมาด้วย ขณะนี้จวนองค์รัชทายาทยังขาดแคลนผู้คน เสด็จพ่อจะต้องพระราชทานคนรับใช้ให้เขาแน่ ๆ และคนผู้นั้นจะต้องอยู่ในมือของฮองเฮา”“หมายความว่าอย่างไร?” ซ่างกวนหลีฟังแล้วไม่เข้าใจซ่างกวนเจวี๋ยชี้ไปที่ขวดเมามาย
อันกั๋วกงกล่าวต่อไป “มารดาของนางมีนามว่าเยวี่ยฉงหรง ลุงของนางคือแม่ทัพเยวี่ยฉงกังผู้เกรียงไกรในอดีต”“เยวี่ยฉงกังหรือ? แม่ทัพผู้ทำลายเมืองสำคัญหลายแห่งของแคว้นเป่ยอิ้นจนสิ้นซาก และได้รับการสถาปนาเป็นติ้งเป่ยโหวโดยเสด็จพ่อ?” ซ่างกวนหลีถามอันกั๋วกงพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว แม่ทัพผู้กล้าหาญที่สามารถสังหารแม่ทัพข้าศึกได้ด้วยตนเองท่ามกลางกองทัพนับหมื่น”แววตาของอันกั๋วกงเต็มไปด้วยความชื่นชมฮองเฮาทรงตรึกตรอง แล้วขมวดคิ้ว “ข้าจำได้ว่าตระกูลเยวี่ยเคยเป็นขุนนางต้องโทษ ถูกตัดสินประหารทั้งตระกูล แม้ว่าบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วจะไม่ถูกพิพากษาโทษไปด้วย แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นเชื้อสายของขุนนางต้องโทษ ชาติกำเนิดเช่นนี้มีอะไรไม่ธรรมดากัน?”อันกั๋วกงส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ฮองเฮา ขุนนางต้องโทษเป็นเพียงฐานะ สายเลือดต่างหากที่เป็นสิ่งสืบทอดตระกูล สมาชิกตระกูลเยวี่ยล้วนมีความสามารถในการรบและการต่อสู้ ในอดีตเยวี่ยฉงกังสามารถสังหารแม่ทัพข้าศึกได้ด้วยตนเองท่ามกลางกองทัพนับหมื่น ความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และความสามารถในการต่อสู้ของเขาล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้” “เยี่ยนเว่ยฉือคนนี้มีสายเลือดของต
ซ่างกวนซีพยักหน้า กำลังจะสั่งให้อวี๋เฟยเหยียนจากไป แต่จู่ ๆ จางมามาก็เดินเข้ามาทางประตู แล้วกล่าวว่า “ทูลองค์รัชทายาท องค์ชายรองนำข้ารับใช้มายังจวนของพระองค์หลายคน บอกว่าเป็นของกำนัลที่ฝ่าบาททรงโปรดประทานให้”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “ส่งสายลับมาแล้วสินะ”อวี๋เฟยเหยียนเบ้ปาก “อาจจะมีมือสังหารปะปนอยู่ด้วยก็ได้ ศิษย์พี่ใหญ่ ให้ข้าช่วยท่านไล่พวกนั้นออกไปเถอะ”ซ่างกวนซีส่ายหน้า “เปล่าประโยชน์ หากปฏิเสธครั้งหนึ่ง ก็จะมีครั้งที่สอง หากเราปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ก็จะถูกอันกั๋วกงกล่าวหาว่าฝ่าฝืนราชโองการ ช่างเถิด ให้พวกเขาเข้ามานั่นแหละ”จางมามาถาม “เช่นนั้น...ให้ หม่อมฉันไปพาพวกเขามาให้ฝ่าบาทพิจารณาดีหรือไม่เพคะ?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ไม่จำเป็น ข้าไม่มีเวลาสนใจพวกเขา พาพวกเขาไปให้พระชายาจัดการเถิด”เยี่ยนเว่ยฉือมิได้ปรารถนาจะเป็นพระชายาของเขาหรอกหรือ?ในเมื่ออยากเป็นพระชายา ก็ต้องสามารถจัดการกับปัญหาภายในเรือนได้ซ่างกวนซีอยากจะดูว่า เยี่ยนเว่ยฉือมีความสามารถเพียงพอที่จะรับมือกับสัตว์ป่าเหล่านี้หรือไม่จางมามารีบรับคำสั่งแล้วจากไปส่วนอวี๋เฟยเหยียนก็ติดตามออกไปด้วยความตื
“เหอะ เกินไปหรือ? ข้ามาเยี่ยมพี่ชายข้า ตรงไหนที่เรียกว่าเกินเลย?”ปัง! เมื่อซ่างกวนหลีพูดจบ เขาก็เตะเก้าอี้ในห้องตำราจนล้มคว่ำอวี๋เฟยเหยียนโกรธจนอยากจะเข้าไปขวาง แต่ถูกซ่างกวนซีดึงแขนไว้“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่าน...” อวี๋เฟยเหยียนกลืนคำพูดลงคอ เพราะซ่างกวนซีส่ายหน้าให้เขาซ่างกวนหลีเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “ไม่น่าเชื่อเลยว่าจวนองค์รัชทายาทที่ทรุดโทรมเช่นนี้ จะมีห้องตำราที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าเสด็จพี่ผู้ขยันหมั่นเพียรของข้า จะตั้งอกตั้งใจทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม! ใครก็ได้ จัดการทุบทำลายเสียให้หมด!”องครักษ์ของซ่างกวนหลีรีบเข้ามา แล้วทุบทำลายห้องตำราอย่างไร้ความปรานีอวี๋เฟยเหยียนปกป้องซ่างกวนซีไว้ตรงมุมห้อง ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ“หยุดนะ!” เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นจากลานบ้านทุกคนหันไปมอง เห็นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวซ่างกวนหลีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ แล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยนึกในใจว่า “นางผู้นี้มีรูปโฉมเช่นนี้เอง วันนั้นที่ออกมาจากคุก ผมเผ้ารุงรัง มองไม่ออกว่ามีรูปโฉมอย่างไร ตอนนี้ล้างหน้าล้างตาแล้ว กลับมีรูปโฉมที่งด
ซ่างกวนหลีชักมือกลับอย่างโกรธแค้น ตำหนิว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง รู้หรือไม่ว่าหากคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเจ้าก็จะมัวหมอง เจ้ากล้าล่อลวงน้องเขยของตนเอง ไม่กลัวจะถูกโยนเข้าเล้าหมูหรืออย่างไร?”“น่าขันสิ้นดี!” เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเสียงดัง “ชื่อเสียงนั้นมีทั้งดีและร้ายอดีตคืออดีต บัดนี้สติสตังข้าไม่อยู่กับร่องกับรอย! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือ แม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วจะกลัวชื่อเสียงมัวหมองไปไย?”“อุ๊บ...” คำพูดนี้ทำให้อวี๋เฟยเหยียนเกือบหัวเราะออกมาแต่เยี่ยนเว่ยฉือยังพูดไม่จบ นางกล่าวต่อ “ท่านหาว่าข้าล่อลวงน้องเขยตนเองงั้นหรือ? ไม่หัดส่องกระจกดูตัวเองเสียบ้าง ท่านมีอะไรให้ข้าจะต้องเปลืองตัวล่อลวง? หน้าตาอัปลักษณ??ของท่าน หรือจิตใจอันต่ำช้าของท่านกัน?”“บังอาจ!” ซ่างกวนหลีโกรธจนพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นหญิงใดปากร้ายเช่นนี้มาก่อนเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวเสียงเย็นชา “ออกไป! ออกไปจากจวนรัชทายาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะไปตะโกนกลางถนนว่าท่านบุกเข้ามาในจวนของข้าแล้วข่มขืนข้า! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือแม้ตายก็ไม่กลัว ว่าแต่ท่านเถอะ ซ่างกวนหลี หน้าท่านหนาขนาดนั้นหรือไม่?”เยี่ยนเว
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี
เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าคำพูดของตนเองฟังไม่ขึ้นนางยิ้มแห้งๆ แล้วหันไปมองลู่อู๋ เลียนแบบน้ำเสียงของซ่างกวนซีข่มขู่ "เจ้า คอยดูเถอะ!"คนสารเลวนี่ กล้ามาเคาะประตูในเวลากลางวันแสกๆ ไม่ใช่จงใจมาขัดขวางนางหรือ?หากนางผ่านด่านซ่างกวนซีไม่ได้ นางก็จะไม่ปล่อยให้ลู่อู๋ผ่านวันนี้ไปได้เช่นกัน! ฮึ่ม!ลู่อู๋เห็นดังนั้นก็อยากจะร้องไห้ "นาง... นางพูดความจริง ข้า... ข้าหมายปองท่านหญิงหมิงหยางจริงๆ ถึงแม้ว่านางจะแก่ไปหน่อย ผิวเหี่ยวไปหน่อย นิสัยดุร้ายไปหน่อย เอวหนาขาใหญ่ ไปหน่อย แต่ข้าชอบแบบนี้! มี... มีความอบอุ่นเหมือนมารดา!"ทุกคน "...""ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกเยี่ยนเว่ยฉือก็ตกตะลึง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า "เจ้าโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีไหวพริบ สอนได้!"ฉินเซียงหรูมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้ามืดครึ้ม แล้วยิ้มแย้ม "อยู่ข้างกายท่านช่างน่าสนุกสนานยิ่งนัก! สนุกกว่าตอนอยู่ในค่ายทหารเสียอีก!"ซ่างกวนซีถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการสั่งสอนเยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวยังปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่าการจัดการกองทัพเขาไม่กล่าวสิ่งใด ลุกขึ้นยืน เดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉ
"เอ่อ เพราะว่า..." ลู่อู๋มองซ่างกวนซี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกว่าปัญหายิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆซ่างกวนซีเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ นั่งลงบนบัลลังก์ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างใจเย็น แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?"ลู่อู๋มองเยี่ยนเว่ยฉือ "เพราะว่า...""ข้าถามเจ้า เจ้าจ้องมองพระชายาด้วยเหตุใด?" ซ่างกวนซีตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาลู่อู๋มีสีหน้าลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากพูดความจริง ก็คงจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือขุ่นเคือง ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาจะกล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้อย่างไร?แต่หากไม่พูดความจริง วันนี้เขาจะออกจากจวนรัชทายาทได้หรือ?ลู่อู๋ยังคงอ้ำอึ้ง "เพราะว่า...""เพราะเขาอยากให้ข้าทำหน้าที่แม่สื่อ!" เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวออกมา ทำเอาทุกคนตกตะลึง"อะ... อะไรนะ?" อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง มองเยี่ยนเว่ยฉือฉินเซียงหรูก็ตกตะลึง ถ้วยชาในมือเกือบหลุดซ่างกวนซีขมวดคิ้ว มองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดจาเหลวไหลเยี่ยนเว่ยฉือใช้ศอกกระทุ้งลู่อู๋ "รีบพูดสิ ใช่หรือไม่?"ลู่อู๋รู้สึกว่าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่พยักหน