ซ่างกวนหลีโบกมือเป็นสัญญาณให้เถ้าแก่บ่อนพนันถอยออกไป จากนั้นจึงหันไปมองซ่างกวนเจวี๋ยด้วยความสงสัย “เวลานี้มืดค่ำแล้ว เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”ซ่างกวนเจวี๋ยหาที่นั่งลงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อะไรกัน? เสด็จพี่รองไม่ต้อนรับข้าหรือ ข้ามาเพื่อนำสิ่งดี ๆ มาให้ท่านนะ!”ซ่างกวนเจวี๋ยวางขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวขนาดเล็กไว้บนโต๊ะซ่างกวนหลีอารมณ์ไม่ดี เหลือบมองสิ่งนั้นแล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าอ้อมค้อม! นี่มันอะไร?”ซ่างกวนเจวี๋ยหัวเราะ “สิ่งนี้มีนามว่า เมามายในห้วงฝัน”ซ่างกวนหลีขมวดคิ้ว “ของเล่นสนุกอีกแล้วหรือ? ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่รึ ว่าอย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับสตรี”“นี่นี่นี่ ท่านอย่าเพิ่งรีบตำหนิข้าสิ เสด็จพี่รองฟังข้าให้จบก่อน”ซ่างกวนหลีเหลือบมองเขา เป็นสัญญาณให้พูดต่อซ่างกวนเจวี๋ยกล่าวต่อไป “ได้ยินมาว่าคราวนี้เมื่อองค์ชายรัชทายาทกลับเมืองหลวง เขากลับมาเพียงลำพัง มิได้นำผู้ใดมาด้วย ขณะนี้จวนองค์รัชทายาทยังขาดแคลนผู้คน เสด็จพ่อจะต้องพระราชทานคนรับใช้ให้เขาแน่ ๆ และคนผู้นั้นจะต้องอยู่ในมือของฮองเฮา”“หมายความว่าอย่างไร?” ซ่างกวนหลีฟังแล้วไม่เข้าใจซ่างกวนเจวี๋ยชี้ไปที่ขวดเมามาย
อันกั๋วกงกล่าวต่อไป “มารดาของนางมีนามว่าเยวี่ยฉงหรง ลุงของนางคือแม่ทัพเยวี่ยฉงกังผู้เกรียงไกรในอดีต”“เยวี่ยฉงกังหรือ? แม่ทัพผู้ทำลายเมืองสำคัญหลายแห่งของแคว้นเป่ยอิ้นจนสิ้นซาก และได้รับการสถาปนาเป็นติ้งเป่ยโหวโดยเสด็จพ่อ?” ซ่างกวนหลีถามอันกั๋วกงพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว แม่ทัพผู้กล้าหาญที่สามารถสังหารแม่ทัพข้าศึกได้ด้วยตนเองท่ามกลางกองทัพนับหมื่น”แววตาของอันกั๋วกงเต็มไปด้วยความชื่นชมฮองเฮาทรงตรึกตรอง แล้วขมวดคิ้ว “ข้าจำได้ว่าตระกูลเยวี่ยเคยเป็นขุนนางต้องโทษ ถูกตัดสินประหารทั้งตระกูล แม้ว่าบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้วจะไม่ถูกพิพากษาโทษไปด้วย แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นเชื้อสายของขุนนางต้องโทษ ชาติกำเนิดเช่นนี้มีอะไรไม่ธรรมดากัน?”อันกั๋วกงส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ฮองเฮา ขุนนางต้องโทษเป็นเพียงฐานะ สายเลือดต่างหากที่เป็นสิ่งสืบทอดตระกูล สมาชิกตระกูลเยวี่ยล้วนมีความสามารถในการรบและการต่อสู้ ในอดีตเยวี่ยฉงกังสามารถสังหารแม่ทัพข้าศึกได้ด้วยตนเองท่ามกลางกองทัพนับหมื่น ความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และความสามารถในการต่อสู้ของเขาล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้” “เยี่ยนเว่ยฉือคนนี้มีสายเลือดของต
ซ่างกวนซีพยักหน้า กำลังจะสั่งให้อวี๋เฟยเหยียนจากไป แต่จู่ ๆ จางมามาก็เดินเข้ามาทางประตู แล้วกล่าวว่า “ทูลองค์รัชทายาท องค์ชายรองนำข้ารับใช้มายังจวนของพระองค์หลายคน บอกว่าเป็นของกำนัลที่ฝ่าบาททรงโปรดประทานให้”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “ส่งสายลับมาแล้วสินะ”อวี๋เฟยเหยียนเบ้ปาก “อาจจะมีมือสังหารปะปนอยู่ด้วยก็ได้ ศิษย์พี่ใหญ่ ให้ข้าช่วยท่านไล่พวกนั้นออกไปเถอะ”ซ่างกวนซีส่ายหน้า “เปล่าประโยชน์ หากปฏิเสธครั้งหนึ่ง ก็จะมีครั้งที่สอง หากเราปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ก็จะถูกอันกั๋วกงกล่าวหาว่าฝ่าฝืนราชโองการ ช่างเถิด ให้พวกเขาเข้ามานั่นแหละ”จางมามาถาม “เช่นนั้น...ให้ หม่อมฉันไปพาพวกเขามาให้ฝ่าบาทพิจารณาดีหรือไม่เพคะ?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ไม่จำเป็น ข้าไม่มีเวลาสนใจพวกเขา พาพวกเขาไปให้พระชายาจัดการเถิด”เยี่ยนเว่ยฉือมิได้ปรารถนาจะเป็นพระชายาของเขาหรอกหรือ?ในเมื่ออยากเป็นพระชายา ก็ต้องสามารถจัดการกับปัญหาภายในเรือนได้ซ่างกวนซีอยากจะดูว่า เยี่ยนเว่ยฉือมีความสามารถเพียงพอที่จะรับมือกับสัตว์ป่าเหล่านี้หรือไม่จางมามารีบรับคำสั่งแล้วจากไปส่วนอวี๋เฟยเหยียนก็ติดตามออกไปด้วยความตื
“เหอะ เกินไปหรือ? ข้ามาเยี่ยมพี่ชายข้า ตรงไหนที่เรียกว่าเกินเลย?”ปัง! เมื่อซ่างกวนหลีพูดจบ เขาก็เตะเก้าอี้ในห้องตำราจนล้มคว่ำอวี๋เฟยเหยียนโกรธจนอยากจะเข้าไปขวาง แต่ถูกซ่างกวนซีดึงแขนไว้“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่าน...” อวี๋เฟยเหยียนกลืนคำพูดลงคอ เพราะซ่างกวนซีส่ายหน้าให้เขาซ่างกวนหลีเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “ไม่น่าเชื่อเลยว่าจวนองค์รัชทายาทที่ทรุดโทรมเช่นนี้ จะมีห้องตำราที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าเสด็จพี่ผู้ขยันหมั่นเพียรของข้า จะตั้งอกตั้งใจทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม! ใครก็ได้ จัดการทุบทำลายเสียให้หมด!”องครักษ์ของซ่างกวนหลีรีบเข้ามา แล้วทุบทำลายห้องตำราอย่างไร้ความปรานีอวี๋เฟยเหยียนปกป้องซ่างกวนซีไว้ตรงมุมห้อง ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ“หยุดนะ!” เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นจากลานบ้านทุกคนหันไปมอง เห็นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวซ่างกวนหลีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ แล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยนึกในใจว่า “นางผู้นี้มีรูปโฉมเช่นนี้เอง วันนั้นที่ออกมาจากคุก ผมเผ้ารุงรัง มองไม่ออกว่ามีรูปโฉมอย่างไร ตอนนี้ล้างหน้าล้างตาแล้ว กลับมีรูปโฉมที่งด
ซ่างกวนหลีชักมือกลับอย่างโกรธแค้น ตำหนิว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง รู้หรือไม่ว่าหากคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเจ้าก็จะมัวหมอง เจ้ากล้าล่อลวงน้องเขยของตนเอง ไม่กลัวจะถูกโยนเข้าเล้าหมูหรืออย่างไร?”“น่าขันสิ้นดี!” เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเสียงดัง “ชื่อเสียงนั้นมีทั้งดีและร้ายอดีตคืออดีต บัดนี้สติสตังข้าไม่อยู่กับร่องกับรอย! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือ แม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วจะกลัวชื่อเสียงมัวหมองไปไย?”“อุ๊บ...” คำพูดนี้ทำให้อวี๋เฟยเหยียนเกือบหัวเราะออกมาแต่เยี่ยนเว่ยฉือยังพูดไม่จบ นางกล่าวต่อ “ท่านหาว่าข้าล่อลวงน้องเขยตนเองงั้นหรือ? ไม่หัดส่องกระจกดูตัวเองเสียบ้าง ท่านมีอะไรให้ข้าจะต้องเปลืองตัวล่อลวง? หน้าตาอัปลักษณ??ของท่าน หรือจิตใจอันต่ำช้าของท่านกัน?”“บังอาจ!” ซ่างกวนหลีโกรธจนพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นหญิงใดปากร้ายเช่นนี้มาก่อนเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวเสียงเย็นชา “ออกไป! ออกไปจากจวนรัชทายาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะไปตะโกนกลางถนนว่าท่านบุกเข้ามาในจวนของข้าแล้วข่มขืนข้า! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือแม้ตายก็ไม่กลัว ว่าแต่ท่านเถอะ ซ่างกวนหลี หน้าท่านหนาขนาดนั้นหรือไม่?”เยี่ยนเว
เยี่ยนเว่ยฉือพูดจบก็เดินออกไปนอกประตูอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นก็รีบพูดว่า “เอ๋? พี่สะใภ้ เจ้าจะไปไหน อย่าได้ทำลายชื่อเสียงตัวเองบนถนนเชียวนะ”เยี่ยนเว่ยฉือไม่สนใจ เดินจากไปอย่างรวดเร็วอวี๋เฟยเหยียนหันไปมองซ่างกวนซีอย่างเป็นกังวล แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เราต้องออกไปดูสักหน่อยแล้ว ดูเหมือนนางจะไม่ได้พูดเล่น”ซ่างกวนซีตอบอย่างเฉยชา “มีปัญญาก่อเรื่อง ก็ต้องมีปัญญายุติเรื่อง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่สนใจเลย!อยากรู้เช่นกันว่าเยี่ยนเว่ยฉือมีฝีมือเพียงไหน!“โอ๊ย ท่านไม่ไปก็ช่างเถอะ ข้าไปดูเองก็ได้ ประเดี๋ยวจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาจริง ๆ” อวี๋เฟยเหยียนวิ่งตามออกไปด้วยความไม่สบายใจซ่างกวนซีหันมองตามทิศทางที่ทั้งสองคนหายลับสายตาไปพลางครุ่นคิดนึกถึงคำพูดสุดท้ายของเยี่ยนเว่ยฉือ ‘ข้าเยี่ยนเว่ยฉือ ในชีวิตนี้ ข้ากล้ำกลืนได้ทุกอย่าง แต่จะไม่ยอมเสียเปรียบเด็ดขาด! ข้าทนได้ทุกเรื่อง แต่จะไม่ทนให้ใครมาข่มเหง!’ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “น่าแปลก นางพูดเช่นนี้ได้อย่างไร อดีตของนางบ่งชัดว่านางกล้ำกลืนความทุกข์และความคับแค้นใจมาสิบหกปีเต็มแล้วมิใช่หรือ?”ใช่แล้ว เยี่ยนเว่ยฉือนอนอยู่ในเล้าหมูมาสิบหกปี
ซ่างกวนซีนั่งตัวตรงอยู่ข้างหน้า มองดูอวี๋เฟยเหยียนที่เริ่มทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่รออาหารมาวางให้ครบก่อน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “พวกเจ้าออกไปข้างนอกกันมาทั้งวัน ไม่ได้กินอะไรเลยหรือ?”อวี๋เฟยเหยียนพูดออกมาทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก “ไม่! พวกเราไปข้างนอกกันมาทั้งวันก็จริง แต่มีแค่ข้าคนเดียวที่ยังไม่ได้กินอะไร ส่วนนางน่ะกินนั่นกินนี่ไม่หยุดเลย!”อวี๋เฟยเหยียนกลืนอาหารพลางพูดต่อ “เกาลัดคั่วน้ำตาล ขนมแปดขุมทรัพย์ พุทรายัดไส้แป้งข้าวเหนียว มันฮ่อเคลือบอำพัน...ปากเคี้ยวนั่นนี่ตลอดทาง ท่านก็ดูสิ นางกลับมาถึงก็ตรงดิ่งไปที่เรือนไม่กินข้าวเลยด้วยซ้ำ”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีแต่ของหวานทั้งนั้นนี่”อวี๋เฟยเหยียนสะดุ้งโหยง จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่ พวกสาว ๆ ก็ชอบกินของว่างกันแบบนี้ทั้งนั้น”“แต่จะไม่กินข้าวไม่ได้!” ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดทันที “จางมามา เจ้า…”ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็หยุดชะงักเขาพบว่าตนเริ่มเป็นห่วงสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือเข้าแล้วนี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลยซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางพูดเปลี่ยนเรื่อง “ตักน้ำแกงมาให้เฟยเหยียนสักชามเถิด”อวี๋เฟยเหยียนรีบ
ซ่างกวนซีทำอะไรไม่ถูก เพราะสาเหตุหลักมาจากท่าทางของเยี่ยนเว่ยฉือที่ทำราวกับเห็นโจรโรคจิตซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ เขาจึงทำเป็นใจสู้พูดตอบอย่างเย็นชา “ข้าไม่ควรอยู่ตรงนี้รึ?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างและพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า? ก็นี่มันห้องของข้านี่!”ซ่างกวนซีตอบอย่างไม่แยแส “ที่นี่คือจวนองค์รัชทายาท ข้าเป็นองค์รัชทายาท และเจ้าก็เป็นชายาองค์รัชทายาท การที่สามีภรรยาอยู่ห้องเดียวกันมันผิดตรงไหนหรือ?”“หา? เอ่อ…” เยี่ยนเว่ยฉือได้ยินสิ่งที่ทำให้พูดไม่ออกแต่...แต่หมอนี่ไม่ใช่ว่ากำลังหลบหน้านางหรอกหรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมีท่าทีอึดอัด คิดอยากเอ่ยปากไล่อีกฝ่าย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรซ่างกวนซีสังเกตอีกฝ่ายด้วยความสนใจใคร่รู้ จนเขาได้ค้นพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือคนนี้…ดูเหมือนจะเป็นเพียงเสือกระดาษดูเหมือนนางจะสนใจบุรุษที่แข็งทื่อราวกับท่อนไม้ได้เป็นพิเศษเมื่อคิดได้ดังนั้น ซ่างกวนซีก็เลิกคิ้วแล้วเดินตรงไปที่เตียงเขากางแขนออกแล้วพูดว่า “ถอดเสื้อให้ข้า!”ถอดเสื้อ?!เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง พลางคิดว่าตนได้ยินผิดไปหมอนี