“เหอะ เกินไปหรือ? ข้ามาเยี่ยมพี่ชายข้า ตรงไหนที่เรียกว่าเกินเลย?”ปัง! เมื่อซ่างกวนหลีพูดจบ เขาก็เตะเก้าอี้ในห้องตำราจนล้มคว่ำอวี๋เฟยเหยียนโกรธจนอยากจะเข้าไปขวาง แต่ถูกซ่างกวนซีดึงแขนไว้“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่าน...” อวี๋เฟยเหยียนกลืนคำพูดลงคอ เพราะซ่างกวนซีส่ายหน้าให้เขาซ่างกวนหลีเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “ไม่น่าเชื่อเลยว่าจวนองค์รัชทายาทที่ทรุดโทรมเช่นนี้ จะมีห้องตำราที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าเสด็จพี่ผู้ขยันหมั่นเพียรของข้า จะตั้งอกตั้งใจทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม! ใครก็ได้ จัดการทุบทำลายเสียให้หมด!”องครักษ์ของซ่างกวนหลีรีบเข้ามา แล้วทุบทำลายห้องตำราอย่างไร้ความปรานีอวี๋เฟยเหยียนปกป้องซ่างกวนซีไว้ตรงมุมห้อง ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ“หยุดนะ!” เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นจากลานบ้านทุกคนหันไปมอง เห็นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวซ่างกวนหลีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ แล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยนึกในใจว่า “นางผู้นี้มีรูปโฉมเช่นนี้เอง วันนั้นที่ออกมาจากคุก ผมเผ้ารุงรัง มองไม่ออกว่ามีรูปโฉมอย่างไร ตอนนี้ล้างหน้าล้างตาแล้ว กลับมีรูปโฉมที่งด
ซ่างกวนหลีชักมือกลับอย่างโกรธแค้น ตำหนิว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง รู้หรือไม่ว่าหากคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเจ้าก็จะมัวหมอง เจ้ากล้าล่อลวงน้องเขยของตนเอง ไม่กลัวจะถูกโยนเข้าเล้าหมูหรืออย่างไร?”“น่าขันสิ้นดี!” เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเสียงดัง “ชื่อเสียงนั้นมีทั้งดีและร้ายอดีตคืออดีต บัดนี้สติสตังข้าไม่อยู่กับร่องกับรอย! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือ แม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วจะกลัวชื่อเสียงมัวหมองไปไย?”“อุ๊บ...” คำพูดนี้ทำให้อวี๋เฟยเหยียนเกือบหัวเราะออกมาแต่เยี่ยนเว่ยฉือยังพูดไม่จบ นางกล่าวต่อ “ท่านหาว่าข้าล่อลวงน้องเขยตนเองงั้นหรือ? ไม่หัดส่องกระจกดูตัวเองเสียบ้าง ท่านมีอะไรให้ข้าจะต้องเปลืองตัวล่อลวง? หน้าตาอัปลักษณ??ของท่าน หรือจิตใจอันต่ำช้าของท่านกัน?”“บังอาจ!” ซ่างกวนหลีโกรธจนพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นหญิงใดปากร้ายเช่นนี้มาก่อนเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวเสียงเย็นชา “ออกไป! ออกไปจากจวนรัชทายาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะไปตะโกนกลางถนนว่าท่านบุกเข้ามาในจวนของข้าแล้วข่มขืนข้า! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือแม้ตายก็ไม่กลัว ว่าแต่ท่านเถอะ ซ่างกวนหลี หน้าท่านหนาขนาดนั้นหรือไม่?”เยี่ยนเว
เยี่ยนเว่ยฉือพูดจบก็เดินออกไปนอกประตูอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นก็รีบพูดว่า “เอ๋? พี่สะใภ้ เจ้าจะไปไหน อย่าได้ทำลายชื่อเสียงตัวเองบนถนนเชียวนะ”เยี่ยนเว่ยฉือไม่สนใจ เดินจากไปอย่างรวดเร็วอวี๋เฟยเหยียนหันไปมองซ่างกวนซีอย่างเป็นกังวล แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เราต้องออกไปดูสักหน่อยแล้ว ดูเหมือนนางจะไม่ได้พูดเล่น”ซ่างกวนซีตอบอย่างเฉยชา “มีปัญญาก่อเรื่อง ก็ต้องมีปัญญายุติเรื่อง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่สนใจเลย!อยากรู้เช่นกันว่าเยี่ยนเว่ยฉือมีฝีมือเพียงไหน!“โอ๊ย ท่านไม่ไปก็ช่างเถอะ ข้าไปดูเองก็ได้ ประเดี๋ยวจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาจริง ๆ” อวี๋เฟยเหยียนวิ่งตามออกไปด้วยความไม่สบายใจซ่างกวนซีหันมองตามทิศทางที่ทั้งสองคนหายลับสายตาไปพลางครุ่นคิดนึกถึงคำพูดสุดท้ายของเยี่ยนเว่ยฉือ ‘ข้าเยี่ยนเว่ยฉือ ในชีวิตนี้ ข้ากล้ำกลืนได้ทุกอย่าง แต่จะไม่ยอมเสียเปรียบเด็ดขาด! ข้าทนได้ทุกเรื่อง แต่จะไม่ทนให้ใครมาข่มเหง!’ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “น่าแปลก นางพูดเช่นนี้ได้อย่างไร อดีตของนางบ่งชัดว่านางกล้ำกลืนความทุกข์และความคับแค้นใจมาสิบหกปีเต็มแล้วมิใช่หรือ?”ใช่แล้ว เยี่ยนเว่ยฉือนอนอยู่ในเล้าหมูมาสิบหกปี
ซ่างกวนซีนั่งตัวตรงอยู่ข้างหน้า มองดูอวี๋เฟยเหยียนที่เริ่มทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่รออาหารมาวางให้ครบก่อน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “พวกเจ้าออกไปข้างนอกกันมาทั้งวัน ไม่ได้กินอะไรเลยหรือ?”อวี๋เฟยเหยียนพูดออกมาทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก “ไม่! พวกเราไปข้างนอกกันมาทั้งวันก็จริง แต่มีแค่ข้าคนเดียวที่ยังไม่ได้กินอะไร ส่วนนางน่ะกินนั่นกินนี่ไม่หยุดเลย!”อวี๋เฟยเหยียนกลืนอาหารพลางพูดต่อ “เกาลัดคั่วน้ำตาล ขนมแปดขุมทรัพย์ พุทรายัดไส้แป้งข้าวเหนียว มันฮ่อเคลือบอำพัน...ปากเคี้ยวนั่นนี่ตลอดทาง ท่านก็ดูสิ นางกลับมาถึงก็ตรงดิ่งไปที่เรือนไม่กินข้าวเลยด้วยซ้ำ”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีแต่ของหวานทั้งนั้นนี่”อวี๋เฟยเหยียนสะดุ้งโหยง จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่ พวกสาว ๆ ก็ชอบกินของว่างกันแบบนี้ทั้งนั้น”“แต่จะไม่กินข้าวไม่ได้!” ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดทันที “จางมามา เจ้า…”ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็หยุดชะงักเขาพบว่าตนเริ่มเป็นห่วงสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือเข้าแล้วนี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลยซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางพูดเปลี่ยนเรื่อง “ตักน้ำแกงมาให้เฟยเหยียนสักชามเถิด”อวี๋เฟยเหยียนรีบ
ซ่างกวนซีทำอะไรไม่ถูก เพราะสาเหตุหลักมาจากท่าทางของเยี่ยนเว่ยฉือที่ทำราวกับเห็นโจรโรคจิตซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ เขาจึงทำเป็นใจสู้พูดตอบอย่างเย็นชา “ข้าไม่ควรอยู่ตรงนี้รึ?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างและพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า? ก็นี่มันห้องของข้านี่!”ซ่างกวนซีตอบอย่างไม่แยแส “ที่นี่คือจวนองค์รัชทายาท ข้าเป็นองค์รัชทายาท และเจ้าก็เป็นชายาองค์รัชทายาท การที่สามีภรรยาอยู่ห้องเดียวกันมันผิดตรงไหนหรือ?”“หา? เอ่อ…” เยี่ยนเว่ยฉือได้ยินสิ่งที่ทำให้พูดไม่ออกแต่...แต่หมอนี่ไม่ใช่ว่ากำลังหลบหน้านางหรอกหรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมีท่าทีอึดอัด คิดอยากเอ่ยปากไล่อีกฝ่าย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรซ่างกวนซีสังเกตอีกฝ่ายด้วยความสนใจใคร่รู้ จนเขาได้ค้นพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือคนนี้…ดูเหมือนจะเป็นเพียงเสือกระดาษดูเหมือนนางจะสนใจบุรุษที่แข็งทื่อราวกับท่อนไม้ได้เป็นพิเศษเมื่อคิดได้ดังนั้น ซ่างกวนซีก็เลิกคิ้วแล้วเดินตรงไปที่เตียงเขากางแขนออกแล้วพูดว่า “ถอดเสื้อให้ข้า!”ถอดเสื้อ?!เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง พลางคิดว่าตนได้ยินผิดไปหมอนี
“อึก!” ขณะที่กำลังครุ่นคิด ซ่างกวนซีก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเขากุมหน้าอกโดยอัตโนมัติ แต่ก็มีชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาพิษกู่เย็นกำเริบแล้ว!ขณะที่ซ่างกวนซีกำลังกำหนดลมหายใจส่งพลังปราณไปที่จุดจุดเดียว เขาก็พูดกับตัวเองในใจว่า ‘อาการกำเริบเกิดขึ้นถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นจริงดังที่ท่านอาจารย์พูดเอาไว้ หากไม่มีมัจฉาทองคำจิ่วหยาง เราก็คงมีอายุไม่ถึงยี่สิบห้าปีสินะ?’ซ่างกวนซีใช้วิชาสหัสเหมันต์ เพื่อขับไล่ไอหนาวออกจากร่างกายไอหนาวนั้นค่อย ๆ ควบแน่นเป็นน้ำแข็งเกาะตัวอยู่ตามร่างกายของเขา ทำให้เขากลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหมดสติ ความคิดแปลก ๆ ก็แวบขึ้นมาในหัวของซ่างกวนซี“ดีแล้ว โชคดีแล้วที่วันนี้นางปฏิเสธเรา ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ก็ถือว่าดีไป สักวันหนึ่งหากนางได้พบกับคนที่รักก็จะได้แต่งงานออกเรือนไปอย่างมีความสุข” ซ่างกวนซีค่อย ๆ หลับตาและตกอยู่ในสภาวะไร้สติ……เช้าวันรุ่งขึ้น“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ตื่นสิ ศิษย์พี่!”“ศิษย์พี่ใหญ่ ตื่นเถอะ!”เสียงเรียกของอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูดังเข้ามาในโสตประสาทซ่างกวนซีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองทั้งสองคนด
เย่เทียนซูขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ข้าจะกลับไปเพิ่มรางวัลตอบแทน ปล่อยข่าวไปทั้งใต้ดินบนดิน พวกเขาต้องหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอภายในหนึ่งปีอย่างแน่นอน ศิษย์พี่ หากครั้งหน้าท่านอาการกำเริบอีก ท่านต้องแจ้งให้พวกเราทราบ พวกเราสองคนจะได้ทำการถ่ายพลังปราณแต่กำเนิดให้ท่าน ท่านจะได้สามารถควบคุมวิชาสหัสเหมันต์ ได้ดีขึ้น”อวี๋เฟยเหยียนก็พยักหน้าซ้ำ ๆ “ใช่แล้ว! ศิษย์พี่ ที่ท่านอาจารย์สั่งให้พวกเราลงจากเขามากับท่าน ไม่ใช่เพื่อปกป้องท่านหรอกรึ ท่านจะเกรงใจพวกเราไปทำไมเล่า?”ซ่างกวนซียิ้มและพยักหน้าเขาไม่ได้เกรงใจ แต่เขากลัวว่าจะบอกไม่ทันการกำเริบระยะต้นของพิษกู่เย็นนั้นมีลำดับขั้น แต่ในช่วงหลายปีมานี้กลับตรงกันข้ามยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่อาการกำเริบ เขาก็ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ทันท่วงที และรับมือไม่ทันอยู่ร่ำไปดูเหมือนว่าพิษนี้จะซึมลึกเข้าไปในอวัยวะภายในแล้วเพื่อไม่ให้ศิษย์น้องทั้งสองของเขาต้องกังวล ซ่างกวนซีจึงตอบรับ “ได้ คราวหน้าข้าเรียกพวกเจ้าแน่นอน”“ทูลองค์รัชทายาท มีคนมาที่จวนอีกแล้วเพคะ” เสียงของจางมามาดังขึ้นที่หน้าประตูซ่างกวนซีกล่าวว่า “เมื่อวานนี้ซ่างกวนหลีมาส่งคนรับใช้แต่ก็ล้มเ
สาวใช้วัยละอ่อนหน้าตาสะสวยทั้งสี่มองหน้ากัน จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและทำความเคารพอย่างเชื่องช้า “หม่อมฉันชื่อซูเค่อ ขอถวายความเคารพชายารัชทายาทเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองนางพร้อมกับเลิกคิ้วแล้วถามว่า “เจ้ามีอะไรจะพูดรึ?”ซูเค่อพยักหน้า “เพคะ ขอเรียนพระชายา หม่อมฉันทั้งสี่คนได้รับการคัดเลือกจากฮองเฮาด้วยตัวพระนางเอง ให้มารับใช้องค์รัชทายาทที่เรือนด้านใน พวกหม่อมฉันทำงานเหล่านั้นไม่เป็นจริง ๆ เพคะ”“หากทำไม่เป็นก็เรียนรู้เอาสิ! ใช่ว่าเจ้าเกิดมาแล้วจะพูดได้เลยนี่ ตอนนี้เจ้าเจื้อยแจ้วขนาดนี้ พูดคล่องเชียว?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะใส่อีกฝ่ายซูเค่อสะดุ้งตกใจ นางขมวดคิ้วและแสดงความไม่พอใจผ่านสีหน้าสตรีอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังก็เดินออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่สบอารมณ์ “พระชายาหมายความว่าอย่างไรเพคะ? พวกเราได้รับเลือกจากฮองเฮาให้มารับใช้องค์รัชทายาท แต่พระชายากลับให้พวกเราไปใช้แรงงานเช่นนี้ ท่านคิดจะไม่ไว้หน้าฮองเฮาหรือเพคะ?”ซูเค่อที่เห็นเช่นนั้นก็รีบคว้าตัวนางไว้ “ชวนหง เงียบเดี๋ยวนี้!”สาวใช้ผู้นี้ชื่อชวนหงสินะเยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียงเย็นชา “โอ้ ฟังจากคำพูดของเจ้าแล้ว
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์คับขัน ซ่างกวนซีครุ่นคิดว่า ควรจะผลักเยี่ยนเว่ยฉือออกไป แล้วตัวเองถ่วงเวลาไว้ดีหรือไม่แต่ก่อนที่เขาจะคิดได้ เยี่ยนเว่ยฉือก็โยนสิ่งของบางอย่างไปทางด้านหลังเกิดเสียงดังปัง ขวดเล็กตกแตก ควันขาวหนาทึบพวยพุ่งออกมา ทำให้ทหารองครักษ์ที่ตามมาน้ำหูน้ำตาไหล สำลักควัน ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อีกซ่างกวนซีเห็นดังนั้นจึงพาเยี่ยนเว่ยฉือหลบเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ รอดพ้นจากการไล่ล่าของคนเป่ยอิ้นไปได้อย่างหวุดหวิดเมื่อพั่วจวินออกมาอีกครั้งก็ไม่พบร่องรอยของทั้งสองแล้วพั่วจวินขมวดคิ้วกล่าว “วิทยายุทธ์เยี่ยมยอดเช่นนี้ เป็นผู้ใดกัน?”…… เมื่อพั่วจวินกลับมารายงาน อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวและอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นก็แต่งกายเรียบร้อยแล้วอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวถามด้วยความกังวลว่า “คนล่ะ? ฆ่าตายหรือไม่?”พั่วจวินพยักหน้ากล่าวว่า “กระหม่อมไร้ความสามารถ ปล่อยให้พวกเขารอดไปได้ ดูจากรูปร่างแล้วเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ชายผู้นั้นวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ ส่วนสตรีมีอาวุธลับ อาวุธลับนั้นสามารถแปรเป็นควัน ทำให้มองไม่เห็น”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวก็ยังคงสุภาพกับพั่วจวิน ไม่ได้โกรธเคืองที่จับตัวไม่ได้ แต่เพียงคาดเดาว่า “ชายหญิง หรือว
ซ่างกวนซีโอบกอดเอวของเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่น นิ่งอยู่กับที่ราวกับรูปปั้นพั่วจวินไม่ใช่ทหารองครักษ์ธรรมดา แต่เป็นมือสังหารที่มีรายชื่ออันดับสองในบัญชีอู๋ซินไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาจะมีโอกาสชนะหรือไม่ แม้แต่การพาเยี่ยนเว่ยฉือหนีไปก็ยากยิ่งนักดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือการรอคอยให้เหตุการณ์คลี่คลายไปตามธรรมชาติรอให้คนเป่ยอิ้นจากไปก่อน แล้วจึงหาทางจากไปเยี่ยนเว่ยฉือก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน จึงนิ่งอยู่กับที่ แม้แต่ลมหายใจก็เบาบางยิ่งนักเดิมทีคิดว่าพี่น้องตระกูลอวี้ฉือจะต้องปรึกษาหารือแผนการบางอย่างแต่กลับเห็นเหตุการณ์ที่น่าอับอายปรากฏว่าอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นทรุดตัวลง เข้าไปในอ้อมอกของอวี้ฉืออวิ๋นจ้าว กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “เสด็จพี่สาม ท่านได้ยินหรือไม่ เขากล่าวว่าต้าหลี่มีหญิงงามล่มเมือง เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? จิ่นเอ๋อร์ไม่ยอม!”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวเชยคางของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขึ้น ยิ้มเยาะว่า “แล้วเจ้าต้องการอะไร? เพียงได้กลิ่นเลือดก็อดใจไม่ไหว แม้แต่โรงเตี๊ยมก็รอไม่ไหว? ต้องทำกันกลางที่โล่งแจ้งเช่นนี้หรือ?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นจับมือของอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวไว้ ดึงมือของเขาออกจากคาง ออด
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของซ่างกวนซีก็เปลี่ยนสีทันที เยี่ยนเว่ยฉือก็อดวิตกกังวลไม่ได้เช่นกันสตรีที่พวกเขาพูดถึง เห็นได้ชัดว่าคือเยี่ยนเว่ยฉือทั้งสองยังคงเงียบ มองดูเหตุการณ์เบื้องล่างต่อไปอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วถามว่า “เบาะแส? เบาะแสอะไร?”เฉี่ยงหวู่รีบกล่าวว่า “ทูลองค์หญิง สตรีนางนั้นได้ทำปิ่นทองคำชิ้นหนึ่งตกไว้ ปิ่นทองคำนั้นถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลวงเก็บไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของแคว้นต้าหลี่ ดูเหมือนจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราและสตรีนางนั้น พวกเขาคิดว่าสตรีนางนั้นเป็นคนทรยศที่ร่วมมือกับพวกเรา ดังนั้น เวลานี้ทั้งเมืองหลวงจึงกำลังตามหาสตรีนางนั้น พวกเราเพียงแค่รอ ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เมื่อเจ้าหน้าที่ต้าหลี่จับตัวสตรีนางนั้นได้ พวกเราก็สามารถจับตัวนางไปหาฮวาอวี๋ได้”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นหันไปมองอวี้ฉืออวิ๋นจ้าว เพื่อฟังความคิดเห็นของเขาอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “ที่นี่เป็นเมืองหลวงของต้าหลี่ ปล่อยให้พวกเขาจัดการเอง ย่อมราบรื่นกว่าพวกเราลงมือทำ ก็ดี ให้พวกเขาตามหา พวกเราเพียงรออยู่ก็แล้วกัน”เฉี่ยงหวู่และพวกพ้องต่างก็โล่งใจเมื่อครู่ พว
เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กระซิบเตือนเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท เป็นเขา ชาวคนเป่ยอิ้นคนนั้น”ซ่างกวนซีคว้าเอวของเยี่ยนเว่ยฉือไว้ กระโดดไปยังหลังคาอย่างเงียบเชียบครู่ต่อมา มือสังหารสวมหน้ากากแห่งเป่ยอิ้นพร้อมกับพวกพ้อง เดินผ่านตรอกเล็ก ๆ ใต้ต้นไม้ที่ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของเมืองทั้งสองรีบร้อน ดูเหมือนจะร้อนใจอย่างยิ่งซ่างกวนซีรัดเอวของเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่น กล่าวเบา ๆ ว่า “เราไปดูกันเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ปฏิเสธ…… ทิศเหนือของเมือง ณ เรือนร้างซ่างกวนซีตามไปพร้อมกับเยี่ยนเว่ยฉือ ตามรอยบุรุษชุดดำ จนมาถึงเรือนร้างแห่งหนึ่งทางทิศเหนือของเมืองทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ มองลงไปในลานบ้าน เห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่หัวหน้าเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นองครักษ์มือสังหารสวมหน้ากากแห่งเป่ยอิ้นเดินเข้าไปในลานบ้าน เมื่อเห็นชายหญิงคู่นั้น จึงคุกเข่าข้างหนึ่ง รายงานว่า “กระหม่อมเฉี่ยงหวู่ ขอคารวะองค์ชายสาม คารวะองค์หญิงอวิ๋นจิ่น” ปรากฏว่ามือสังหารผู้นี้มีนามว่าเฉี่ยงหวู่ส่วนองค์หญิงอวิ๋นจิ่นที่เขาเอ่ยถึง ทำให้ซ่างกวนซีตกใจจนดวงตาเบิกกว้างเขารู้แล้วว่าชายหญิงคู่นั้นเป็น
นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนเว่ยฉือได้สัมผัสถึงฝีมือวิทยายุทธของซ่างกวนซี นางอดที่จะเปรียบเทียบซ่างกวนซีกับฮวาอวี๋ไม่ได้ฮวาอวี๋บินได้เร็ว แต่ซ่างกวนซีบินได้อย่างมั่นคงแม้ว่าเท้าจะลอยอยู่บนอากาศ เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกปลอดภัย“ศพอยู่ข้างในสามศพ ถูกไฟไหม้จนเสียโฉม เจ้าแน่ใจหรือว่า… เจ้าจะทำได้?” ซ่างกวนซียังคงกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะรับมือไม่ไหวเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาตั้งสติ พยักหน้ากล่าวว่า “ฝ่าบาทวางใจเถิด ข้าเคยเห็นศพที่น่าสยดสยองกว่านี้มาแล้ว”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพิจารณานางอายุยังน้อย อยู่แต่กับหมู จะเคยเห็นศพที่น่าสยดสยองกว่านี้ได้อย่างไร?ก่อนที่ซ่างกวนซีจะคิดได้ เยี่ยนเว่ยฉือก็เดินไปหาศพแล้วนางเปิดผ้าขาวที่คลุมศพออก เห็นศพที่ถูกไฟไหม้จนเสียโฉมซ่างกวนซีสังเกตสีหน้าของเยี่ยนเว่ยฉืออย่างละเอียด พบว่านางมีสีหน้าสงบ ไม่มีความหวาดกลัวหรือรังเกียจแม้แต่น้อยซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ่งรู้สึกว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ธรรมดาแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก แต่รอผลการชันสูตรศพของเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเงียบ ๆเยี่ยนเว่ยฉือตรวจสอบศพไปพลาง
ซ่างกวนซีพยักหน้าเบา ๆ มองไปยังเบื้องหน้าพลางกล่าวกับตนเองเบา ๆ ว่า “จะเป็นผู้ใดกันเล่า? อันกั๋วกง? อ๋องจ่างซิ่น? หรือว่า... ผิงอี้โหว?”อวี๋เฟยเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “คงไม่ใช่อ๋องจ่างซิ่นหรอก เขาไม่มีสติปัญญาเฉือยบแหลมเช่นนั้น!”ซ่างกวนซีพยักหน้ารับ “และก็ไม่ใช่อันกั๋วกงเช่นกัน หากอันกั๋วกงเป็นผู้วางแผน อันกั๋วกงกับซ่างกวนหลีก็ย่อมรู้ทั้งคู่ว่าผู้ซื้อปิ่นทองคำนั้นคือเยี่ยนเว่ยฉือ บ่อนพนันก็ไม่จำเป็นต้องนำภาพวาดไปเสาะหาผู้ใด เพียงแต่สอบถามจากซ่างกวนหลีก็จะรู้ได้แล้วว่าผู้ซื้อปิ่นทองคำคือเยี่ยนเว่ยฉือ”อวี๋เฟยเหยียนกระตุกมุมปากเล็กน้อย กล่าวว่า “คงไม่ใช่ผิงอี้โหว เยี่ยนหานซานหรอกใช่หรือไม่? เขาก็ดูไม่ใช่คนมีสติปัญญาเช่นกัน!”ซ่างกวนซีถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวว่า “ข้าเป็นองค์รัชทายาท มีศัตรูมากมาย นอกจากที่ปรากฏแก่สายตาแล้ว ยังมีผู้ลอบคิดร้ายอีกมากมาย เหอะ!”อวี๋เฟยเหยียนรีบปลอบประโลมว่า “ศิษย์พี่ก็อย่ากังวลมากนักเลย อย่างไรเสีย เวลานี้ก็มีเพียงผู้ที่คิดร้ายต่อพวกเราเท่านั้นที่รู้ว่าปิ่นทองคำอยู่กับเยี่ยนเว่ยฉือ ตราบใดที่พวกเราไม่ยอมรับ พวกเขาก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าพวกเ
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้