“เหอะ เกินไปหรือ? ข้ามาเยี่ยมพี่ชายข้า ตรงไหนที่เรียกว่าเกินเลย?”ปัง! เมื่อซ่างกวนหลีพูดจบ เขาก็เตะเก้าอี้ในห้องตำราจนล้มคว่ำอวี๋เฟยเหยียนโกรธจนอยากจะเข้าไปขวาง แต่ถูกซ่างกวนซีดึงแขนไว้“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่าน...” อวี๋เฟยเหยียนกลืนคำพูดลงคอ เพราะซ่างกวนซีส่ายหน้าให้เขาซ่างกวนหลีเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “ไม่น่าเชื่อเลยว่าจวนองค์รัชทายาทที่ทรุดโทรมเช่นนี้ จะมีห้องตำราที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าเสด็จพี่ผู้ขยันหมั่นเพียรของข้า จะตั้งอกตั้งใจทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม! ใครก็ได้ จัดการทุบทำลายเสียให้หมด!”องครักษ์ของซ่างกวนหลีรีบเข้ามา แล้วทุบทำลายห้องตำราอย่างไร้ความปรานีอวี๋เฟยเหยียนปกป้องซ่างกวนซีไว้ตรงมุมห้อง ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ“หยุดนะ!” เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นจากลานบ้านทุกคนหันไปมอง เห็นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวซ่างกวนหลีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ แล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยนึกในใจว่า “นางผู้นี้มีรูปโฉมเช่นนี้เอง วันนั้นที่ออกมาจากคุก ผมเผ้ารุงรัง มองไม่ออกว่ามีรูปโฉมอย่างไร ตอนนี้ล้างหน้าล้างตาแล้ว กลับมีรูปโฉมที่งด
ซ่างกวนหลีชักมือกลับอย่างโกรธแค้น ตำหนิว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง รู้หรือไม่ว่าหากคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเจ้าก็จะมัวหมอง เจ้ากล้าล่อลวงน้องเขยของตนเอง ไม่กลัวจะถูกโยนเข้าเล้าหมูหรืออย่างไร?”“น่าขันสิ้นดี!” เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเสียงดัง “ชื่อเสียงนั้นมีทั้งดีและร้ายอดีตคืออดีต บัดนี้สติสตังข้าไม่อยู่กับร่องกับรอย! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือ แม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วจะกลัวชื่อเสียงมัวหมองไปไย?”“อุ๊บ...” คำพูดนี้ทำให้อวี๋เฟยเหยียนเกือบหัวเราะออกมาแต่เยี่ยนเว่ยฉือยังพูดไม่จบ นางกล่าวต่อ “ท่านหาว่าข้าล่อลวงน้องเขยตนเองงั้นหรือ? ไม่หัดส่องกระจกดูตัวเองเสียบ้าง ท่านมีอะไรให้ข้าจะต้องเปลืองตัวล่อลวง? หน้าตาอัปลักษณ??ของท่าน หรือจิตใจอันต่ำช้าของท่านกัน?”“บังอาจ!” ซ่างกวนหลีโกรธจนพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นหญิงใดปากร้ายเช่นนี้มาก่อนเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวเสียงเย็นชา “ออกไป! ออกไปจากจวนรัชทายาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะไปตะโกนกลางถนนว่าท่านบุกเข้ามาในจวนของข้าแล้วข่มขืนข้า! ข้าเยี่ยนเว่ยฉือแม้ตายก็ไม่กลัว ว่าแต่ท่านเถอะ ซ่างกวนหลี หน้าท่านหนาขนาดนั้นหรือไม่?”เยี่ยนเว
เยี่ยนเว่ยฉือพูดจบก็เดินออกไปนอกประตูอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นก็รีบพูดว่า “เอ๋? พี่สะใภ้ เจ้าจะไปไหน อย่าได้ทำลายชื่อเสียงตัวเองบนถนนเชียวนะ”เยี่ยนเว่ยฉือไม่สนใจ เดินจากไปอย่างรวดเร็วอวี๋เฟยเหยียนหันไปมองซ่างกวนซีอย่างเป็นกังวล แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เราต้องออกไปดูสักหน่อยแล้ว ดูเหมือนนางจะไม่ได้พูดเล่น”ซ่างกวนซีตอบอย่างเฉยชา “มีปัญญาก่อเรื่อง ก็ต้องมีปัญญายุติเรื่อง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่สนใจเลย!อยากรู้เช่นกันว่าเยี่ยนเว่ยฉือมีฝีมือเพียงไหน!“โอ๊ย ท่านไม่ไปก็ช่างเถอะ ข้าไปดูเองก็ได้ ประเดี๋ยวจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาจริง ๆ” อวี๋เฟยเหยียนวิ่งตามออกไปด้วยความไม่สบายใจซ่างกวนซีหันมองตามทิศทางที่ทั้งสองคนหายลับสายตาไปพลางครุ่นคิดนึกถึงคำพูดสุดท้ายของเยี่ยนเว่ยฉือ ‘ข้าเยี่ยนเว่ยฉือ ในชีวิตนี้ ข้ากล้ำกลืนได้ทุกอย่าง แต่จะไม่ยอมเสียเปรียบเด็ดขาด! ข้าทนได้ทุกเรื่อง แต่จะไม่ทนให้ใครมาข่มเหง!’ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “น่าแปลก นางพูดเช่นนี้ได้อย่างไร อดีตของนางบ่งชัดว่านางกล้ำกลืนความทุกข์และความคับแค้นใจมาสิบหกปีเต็มแล้วมิใช่หรือ?”ใช่แล้ว เยี่ยนเว่ยฉือนอนอยู่ในเล้าหมูมาสิบหกปี
ซ่างกวนซีนั่งตัวตรงอยู่ข้างหน้า มองดูอวี๋เฟยเหยียนที่เริ่มทานอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่รออาหารมาวางให้ครบก่อน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “พวกเจ้าออกไปข้างนอกกันมาทั้งวัน ไม่ได้กินอะไรเลยหรือ?”อวี๋เฟยเหยียนพูดออกมาทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก “ไม่! พวกเราไปข้างนอกกันมาทั้งวันก็จริง แต่มีแค่ข้าคนเดียวที่ยังไม่ได้กินอะไร ส่วนนางน่ะกินนั่นกินนี่ไม่หยุดเลย!”อวี๋เฟยเหยียนกลืนอาหารพลางพูดต่อ “เกาลัดคั่วน้ำตาล ขนมแปดขุมทรัพย์ พุทรายัดไส้แป้งข้าวเหนียว มันฮ่อเคลือบอำพัน...ปากเคี้ยวนั่นนี่ตลอดทาง ท่านก็ดูสิ นางกลับมาถึงก็ตรงดิ่งไปที่เรือนไม่กินข้าวเลยด้วยซ้ำ”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีแต่ของหวานทั้งนั้นนี่”อวี๋เฟยเหยียนสะดุ้งโหยง จากนั้นก็พยักหน้า “ใช่ พวกสาว ๆ ก็ชอบกินของว่างกันแบบนี้ทั้งนั้น”“แต่จะไม่กินข้าวไม่ได้!” ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดทันที “จางมามา เจ้า…”ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็หยุดชะงักเขาพบว่าตนเริ่มเป็นห่วงสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือเข้าแล้วนี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลยซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางพูดเปลี่ยนเรื่อง “ตักน้ำแกงมาให้เฟยเหยียนสักชามเถิด”อวี๋เฟยเหยียนรีบ
ซ่างกวนซีทำอะไรไม่ถูก เพราะสาเหตุหลักมาจากท่าทางของเยี่ยนเว่ยฉือที่ทำราวกับเห็นโจรโรคจิตซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ เขาจึงทำเป็นใจสู้พูดตอบอย่างเย็นชา “ข้าไม่ควรอยู่ตรงนี้รึ?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างและพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า? ก็นี่มันห้องของข้านี่!”ซ่างกวนซีตอบอย่างไม่แยแส “ที่นี่คือจวนองค์รัชทายาท ข้าเป็นองค์รัชทายาท และเจ้าก็เป็นชายาองค์รัชทายาท การที่สามีภรรยาอยู่ห้องเดียวกันมันผิดตรงไหนหรือ?”“หา? เอ่อ…” เยี่ยนเว่ยฉือได้ยินสิ่งที่ทำให้พูดไม่ออกแต่...แต่หมอนี่ไม่ใช่ว่ากำลังหลบหน้านางหรอกหรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมีท่าทีอึดอัด คิดอยากเอ่ยปากไล่อีกฝ่าย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรซ่างกวนซีสังเกตอีกฝ่ายด้วยความสนใจใคร่รู้ จนเขาได้ค้นพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือคนนี้…ดูเหมือนจะเป็นเพียงเสือกระดาษดูเหมือนนางจะสนใจบุรุษที่แข็งทื่อราวกับท่อนไม้ได้เป็นพิเศษเมื่อคิดได้ดังนั้น ซ่างกวนซีก็เลิกคิ้วแล้วเดินตรงไปที่เตียงเขากางแขนออกแล้วพูดว่า “ถอดเสื้อให้ข้า!”ถอดเสื้อ?!เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง พลางคิดว่าตนได้ยินผิดไปหมอนี
“อึก!” ขณะที่กำลังครุ่นคิด ซ่างกวนซีก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกเขากุมหน้าอกโดยอัตโนมัติ แต่ก็มีชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาพิษกู่เย็นกำเริบแล้ว!ขณะที่ซ่างกวนซีกำลังกำหนดลมหายใจส่งพลังปราณไปที่จุดจุดเดียว เขาก็พูดกับตัวเองในใจว่า ‘อาการกำเริบเกิดขึ้นถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นจริงดังที่ท่านอาจารย์พูดเอาไว้ หากไม่มีมัจฉาทองคำจิ่วหยาง เราก็คงมีอายุไม่ถึงยี่สิบห้าปีสินะ?’ซ่างกวนซีใช้วิชาสหัสเหมันต์ เพื่อขับไล่ไอหนาวออกจากร่างกายไอหนาวนั้นค่อย ๆ ควบแน่นเป็นน้ำแข็งเกาะตัวอยู่ตามร่างกายของเขา ทำให้เขากลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหมดสติ ความคิดแปลก ๆ ก็แวบขึ้นมาในหัวของซ่างกวนซี“ดีแล้ว โชคดีแล้วที่วันนี้นางปฏิเสธเรา ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ก็ถือว่าดีไป สักวันหนึ่งหากนางได้พบกับคนที่รักก็จะได้แต่งงานออกเรือนไปอย่างมีความสุข” ซ่างกวนซีค่อย ๆ หลับตาและตกอยู่ในสภาวะไร้สติ……เช้าวันรุ่งขึ้น“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ตื่นสิ ศิษย์พี่!”“ศิษย์พี่ใหญ่ ตื่นเถอะ!”เสียงเรียกของอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูดังเข้ามาในโสตประสาทซ่างกวนซีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองทั้งสองคนด
เย่เทียนซูขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ข้าจะกลับไปเพิ่มรางวัลตอบแทน ปล่อยข่าวไปทั้งใต้ดินบนดิน พวกเขาต้องหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอภายในหนึ่งปีอย่างแน่นอน ศิษย์พี่ หากครั้งหน้าท่านอาการกำเริบอีก ท่านต้องแจ้งให้พวกเราทราบ พวกเราสองคนจะได้ทำการถ่ายพลังปราณแต่กำเนิดให้ท่าน ท่านจะได้สามารถควบคุมวิชาสหัสเหมันต์ ได้ดีขึ้น”อวี๋เฟยเหยียนก็พยักหน้าซ้ำ ๆ “ใช่แล้ว! ศิษย์พี่ ที่ท่านอาจารย์สั่งให้พวกเราลงจากเขามากับท่าน ไม่ใช่เพื่อปกป้องท่านหรอกรึ ท่านจะเกรงใจพวกเราไปทำไมเล่า?”ซ่างกวนซียิ้มและพยักหน้าเขาไม่ได้เกรงใจ แต่เขากลัวว่าจะบอกไม่ทันการกำเริบระยะต้นของพิษกู่เย็นนั้นมีลำดับขั้น แต่ในช่วงหลายปีมานี้กลับตรงกันข้ามยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่อาการกำเริบ เขาก็ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ทันท่วงที และรับมือไม่ทันอยู่ร่ำไปดูเหมือนว่าพิษนี้จะซึมลึกเข้าไปในอวัยวะภายในแล้วเพื่อไม่ให้ศิษย์น้องทั้งสองของเขาต้องกังวล ซ่างกวนซีจึงตอบรับ “ได้ คราวหน้าข้าเรียกพวกเจ้าแน่นอน”“ทูลองค์รัชทายาท มีคนมาที่จวนอีกแล้วเพคะ” เสียงของจางมามาดังขึ้นที่หน้าประตูซ่างกวนซีกล่าวว่า “เมื่อวานนี้ซ่างกวนหลีมาส่งคนรับใช้แต่ก็ล้มเ
สาวใช้วัยละอ่อนหน้าตาสะสวยทั้งสี่มองหน้ากัน จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและทำความเคารพอย่างเชื่องช้า “หม่อมฉันชื่อซูเค่อ ขอถวายความเคารพชายารัชทายาทเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองนางพร้อมกับเลิกคิ้วแล้วถามว่า “เจ้ามีอะไรจะพูดรึ?”ซูเค่อพยักหน้า “เพคะ ขอเรียนพระชายา หม่อมฉันทั้งสี่คนได้รับการคัดเลือกจากฮองเฮาด้วยตัวพระนางเอง ให้มารับใช้องค์รัชทายาทที่เรือนด้านใน พวกหม่อมฉันทำงานเหล่านั้นไม่เป็นจริง ๆ เพคะ”“หากทำไม่เป็นก็เรียนรู้เอาสิ! ใช่ว่าเจ้าเกิดมาแล้วจะพูดได้เลยนี่ ตอนนี้เจ้าเจื้อยแจ้วขนาดนี้ พูดคล่องเชียว?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะใส่อีกฝ่ายซูเค่อสะดุ้งตกใจ นางขมวดคิ้วและแสดงความไม่พอใจผ่านสีหน้าสตรีอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังก็เดินออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่สบอารมณ์ “พระชายาหมายความว่าอย่างไรเพคะ? พวกเราได้รับเลือกจากฮองเฮาให้มารับใช้องค์รัชทายาท แต่พระชายากลับให้พวกเราไปใช้แรงงานเช่นนี้ ท่านคิดจะไม่ไว้หน้าฮองเฮาหรือเพคะ?”ซูเค่อที่เห็นเช่นนั้นก็รีบคว้าตัวนางไว้ “ชวนหง เงียบเดี๋ยวนี้!”สาวใช้ผู้นี้ชื่อชวนหงสินะเยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียงเย็นชา “โอ้ ฟังจากคำพูดของเจ้าแล้ว
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ “เจ้านั่นหายไปตั้งหลายวัน พิษในร่างกายคงจะหมดสิ้นแล้วเป็นแน่ หรือเขาอาจรู้ว่าข้าไม่ได้วางยาเขา จึงหนีไป? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเขามีไหวพริบอยู่บ้าง แต่ยาของข้ามีช่วงระยะแรกและระยะท้าย ไม่รู้ว่าระยะท้ายจะเป็นอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้ม เริ่มนับวันถอยหลังแต่นางไม่รู้ลยว่าลู่อู๋ไม่ได้หนี ไม่เพียงแต่จะไม่หนี เขายังไม่คิดจะหนีไปไหนอีกด้วย……คืนนั้น หอวสันต์อนันตกาลอวี๋เฟยเหยียน เย่เทียนซู ฉินเซียงหรู ชายสามคนปรากฏตัวพร้อมกันที่หน้าประตูหอวสันต์อนันตกาลฉินเซียงหรูมองแสงไฟที่สว่างไสวภายในหอวสันต์อนันตกาล ได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะดังออกมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ดูแล้ว ที่นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ที่ดูดีมีระดับ”เย่เทียนซูยกยิ้ม “ท่านหมอฉิน ท่านเคยไปสถานที่อโคจรด้วยหรือ?”ฉินเซียงหรูชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างอึดอัด เขาไม่เคยไปจริง ๆเย่เทียนซูพูดต่อ “คนชั่วที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนซื่อสัตย์ คนเลวที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนดี สถานที่ที่หรูหราดูดี มักจะซ่อนสิ่งสกปรกไว้ ไปดูกันเถอะ”ทั้งสามคนแต่งกายดี เมื่อเดินเข้าไปในประตูหอวสัน
ซ่างกวนซีกำลังยุ่งกับการแต่งตัว จึงวิ่งทางตามออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงพูดว่า “ไปหาเฟยเหยียนและเทียนซู ให้พาเจ้าไปด้วยกัน!”มีศิษย์น้องสองคนนี้คอยคุ้มกัน ซ่างกวนซีถึงจะวางใจได้บ้างเยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ รับคำแล้วรีบวิ่งออกจากเรือนซวงหานซ่างกวนซีแต่งตัวเสร็จเดินออกมา มองประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ ส่ายหน้าอย่างจนใจเขาไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือไปเสี่ยงอันตรายแต่ฮวาอวี๋คนนั้นมีร่องรอยที่ลึกลับ เขากังวลว่าต่อให้คนของเขาถึงจะพลิกแผ่นดินหา ก็อาจจะหาฮวาอวี๋ไม่พบแต่ในเมื่อฮวาอวี๋เคยสนใจเยี่ยนเว่ยฉือครั้งหนึ่ง บางทีครั้งนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือปรากฏตัว อาจจะยอมออกมาพบก็เป็นได้ดังนั้นแทนที่จะให้เยี่ยนเว่ยฉือไปหาคน สู้ให้เยี่ยนเว่ยฉือเป็นเหยื่อล่อ ใช้ตกปลาที่ชื่อฮวาอวี๋ตัวนั้น……หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือได้รับอนุญาตจากซ่างกวนซีแล้ว ก็วิ่งมาที่เรือนรับรองแขกอย่างมีความสุข เพื่อให้ฉินเซียงหรูให้แกะผ้าพันแผลออกให้ฉินเซียงหรูยังคงยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา ราวกับว่าสมุนไพรเหล่านั้นเป็นของล้ำค่า ต้องตากแดดทุกวัน ต้องจับอย่างเบามือเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมา ฉินเซียงหรูมองไปข้างหลังนางเพื่อดูว่ามีซ่
เยี่ยนเว่ยฉือพูดติดตลก “ฝ่าบาทบอกว่าจะใช้ข้าเป็นหมอนข้าง ไฉนเพิ่งกอดได้สองวันก็ไม่กอดแล้ว? ในฐานะหมอนข้างที่ดี ข้าก็ต้องมีจิตสำนึกสิ นี่ไง อาบน้ำมาสะอาดเอี่ยมมาให้ท่านกอดแล้ว”ซ่างกวนซีสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง เด็กคนนี้นี่อย่างไร ไม่ตั้งใจก็ทำให้ใจคนสั่นไหวได้“มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ อย่าได้อ้อมค้อม!” ซ่างกวนซีเร่งเร้าอย่างเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี เข้าไปใกล้เขา ยิ้มหวาน “ฝ่าบาท ข้าอยากออกไปข้างนอก”“ไปไหน?” ซ่างกวนซีลุกขึ้นรินชา หลบเลี่ยงความใกล้ชิดของเยี่ยนเว่ยฉือกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ลอยกรุ่นเข้าไปในโพรงจมูกของเขาไม่หยุดกลิ่นสมุนไพรที่ควรจะทำให้จิตใจสงบ กลับกลายเป็นเหมือนยาปลุกอารมณ์ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นบุรุษในยามเช้าตรู่มักจะตื่นตัวเป็นพิเศษ เยี่ยนเว่ยฉือเลือกเวลาได้เหมาะเจาะจริง ๆเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้คิดอะไรมากถึงนางจะมีจิตวิญญาณของคนยุคปัจจุบัน แต่ในเรื่องชายหญิงยังถือว่าไม่ประสีประสา สำหรับเรื่องที่อ่อนประสบการณ์ นางจึงไม่ได้คิดรายละเอียดมากนักเมื่อเห็นซ่างกวนซีถาม เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ปิดบัง ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าฝ่าบาท
หน้ากากสีทองบดบังใบหน้าของฝูกวง แน่นอนว่ามันบดบังสีหน้าของเขาด้วยมิฉะนั้นเยี่ยนเว่ยฉือคงได้เห็นความดูถูกและความไม่แยแสบนใบหน้าของฝูกวงแล้วฝูกวงพูดอย่างเย็นชา “ศาลาจิ่วโยวได้รับงานใหม่ บอกว่าจวนรัชทายาทกำลังหาคนชื่อฮวาอวี๋ ใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย พูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ซ่างกวนซีเขา...เขาช่วยข้าหาคนจริง ๆ หรือ?”ฝูกวงขมวดคิ้วมองเยี่ยนเว่ยฉือ เร่งเร้า “ข้าถามเจ้าอยู่ ใช่หรือไม่ใช่?”เยี่ยนเว่ยฉือได้สติ รีบพยักหน้า “อ่า ใช่ ใช่ ใช่ เป็นอย่างไร? เจ้าหาเจอแล้วหรือ?”ฝูกวงพูดตรง ๆ “หนึ่งพันตำลึง”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก “เจ้ามาไถเงินจริง ๆ ด้วย แต่ก็ยังดี เมื่อเทียบกับหนึ่งหมื่นตำลึงครั้งก่อน ถือว่าเจ้าไว้หน้าข้ามากแล้ว”ฝูกวงเสริม “หนึ่งพันตำลึง หนึ่งเบาะแส”เบาะแส?เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ “สรุปว่าเจ้ายังหาคนไม่เจอ เพียงแค่ได้หนึ่งเบาะแส”ฝูกวงตอบอย่างเย็นชา “เจ้าจะไม่ซื้อก็ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”ฝูกวงกำลังจะหันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบพูด “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! เจ้าคนนี้ เหตุใดไม่มีความอดทนเลย ใครซื้อของก็ต้องต่อราคาทั้งนั้น!”ฝูก
เนื่องจากมีคำสั่งของซ่างกวนซี ดังนั้น...หลังจากธูปหมดดอก เยี่ยนเว่ยฉือก็ถูกพันมือทั้งสองข้างจนเหมือนบ๊ะจ่าง ไม่มีผิวส่วนใดโผล่ออกมาเลยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการจับสิ่งของ แม้แต่ถ้วยชานางก็ยังยกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือยกมือทั้งสองข้างที่พันไว้เหมือนบ๊ะจ่าง โบกไปมาตรงหน้าซ่างกวนซี “ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้แกล้งข้าอยู่กระมัง?!”ซ่างกวนซีเหลือบมองนาง “ข้าไม่มีเวลาว่างถึงเพียงนั้นหรอก!”พูดจบ ซ่างกวนซีก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับกำชับอย่างไม่พอใจ “ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะหายดี เจ้าห้ามออกไปไหน เรื่องเถาเหลยกงก็ไม่ต้องสนใจ!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็หายตัวไปในเรือนหลังเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียน “ฝ่าบาท… ดูเหมือนจะไม่พอใจบางอย่าง?”อวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ตอนทานมื้อกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย ออกไปเจอเรื่องอะไรมา?”“ฝ่าบาทออกไปทำอะไรหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือถามต่ออวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ ซ่างกวนซีไม่ได้บอกอะไรทั้งสองคนไม่เข้าใจ จึงหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ใจคนเป็นองค์รัชทายาทยากจะหยั่งถึง ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” เขาไม่ใช่ไม่เข้าใจ แค่พูดไม่ได้เท่านั้นซ
ฉินเซียงหรูตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย ตราบใดที่ไม่เกาจนผิวแตก ก็จะไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร รอพิษของเถาเหลยกงหมดฤทธิ์ ผื่นแดงบนมือก็จะค่อย ๆ จางหายไปภายในสามถึงห้าวัน”พูดถึงตรงนี้ ฉินเซียงหรูก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดต่อ “จำไว้ว่าห้ามเกา ข้าจะไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้เจ้า ป้องกันเจ้าอดใจไม่ไหว”น้ำเสียงตำหนิของฉินเซียงหรูที่แฝงความจนใจ ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายเล็กน้อย“ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างขอไปทีซ่างกวนซีที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าย่ำแย่ลงฉินเซียงหรูช่างสังเกต เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “คนที่ต้องเป็นห่วงหาได้มีเพียงข้าผู้เดียวไม่ องค์รัชทายาทต่างหากที่ทรงเป็นห่วงที่สุด”พูดจบ ฉินเซียงหรูก็หันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้าเคร่งขรึม ยิ้มขม “ฝ่าบาทโปรดวางใจ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เพียงแต่สถานการณ์เมื่อครู่นี้ ข้าทำได้เพียงแค่ทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยนชิงซูสมใจไปได้”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “มีแต่คนไร้ความสามารถเท่านั้นที่จะทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย คนที่มีความสามารถ จะใช้เพียงก
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั