เย่เทียนซูขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ข้าจะกลับไปเพิ่มรางวัลตอบแทน ปล่อยข่าวไปทั้งใต้ดินบนดิน พวกเขาต้องหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอภายในหนึ่งปีอย่างแน่นอน ศิษย์พี่ หากครั้งหน้าท่านอาการกำเริบอีก ท่านต้องแจ้งให้พวกเราทราบ พวกเราสองคนจะได้ทำการถ่ายพลังปราณแต่กำเนิดให้ท่าน ท่านจะได้สามารถควบคุมวิชาสหัสเหมันต์ ได้ดีขึ้น”อวี๋เฟยเหยียนก็พยักหน้าซ้ำ ๆ “ใช่แล้ว! ศิษย์พี่ ที่ท่านอาจารย์สั่งให้พวกเราลงจากเขามากับท่าน ไม่ใช่เพื่อปกป้องท่านหรอกรึ ท่านจะเกรงใจพวกเราไปทำไมเล่า?”ซ่างกวนซียิ้มและพยักหน้าเขาไม่ได้เกรงใจ แต่เขากลัวว่าจะบอกไม่ทันการกำเริบระยะต้นของพิษกู่เย็นนั้นมีลำดับขั้น แต่ในช่วงหลายปีมานี้กลับตรงกันข้ามยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่อาการกำเริบ เขาก็ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ทันท่วงที และรับมือไม่ทันอยู่ร่ำไปดูเหมือนว่าพิษนี้จะซึมลึกเข้าไปในอวัยวะภายในแล้วเพื่อไม่ให้ศิษย์น้องทั้งสองของเขาต้องกังวล ซ่างกวนซีจึงตอบรับ “ได้ คราวหน้าข้าเรียกพวกเจ้าแน่นอน”“ทูลองค์รัชทายาท มีคนมาที่จวนอีกแล้วเพคะ” เสียงของจางมามาดังขึ้นที่หน้าประตูซ่างกวนซีกล่าวว่า “เมื่อวานนี้ซ่างกวนหลีมาส่งคนรับใช้แต่ก็ล้มเ
สาวใช้วัยละอ่อนหน้าตาสะสวยทั้งสี่มองหน้ากัน จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและทำความเคารพอย่างเชื่องช้า “หม่อมฉันชื่อซูเค่อ ขอถวายความเคารพชายารัชทายาทเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองนางพร้อมกับเลิกคิ้วแล้วถามว่า “เจ้ามีอะไรจะพูดรึ?”ซูเค่อพยักหน้า “เพคะ ขอเรียนพระชายา หม่อมฉันทั้งสี่คนได้รับการคัดเลือกจากฮองเฮาด้วยตัวพระนางเอง ให้มารับใช้องค์รัชทายาทที่เรือนด้านใน พวกหม่อมฉันทำงานเหล่านั้นไม่เป็นจริง ๆ เพคะ”“หากทำไม่เป็นก็เรียนรู้เอาสิ! ใช่ว่าเจ้าเกิดมาแล้วจะพูดได้เลยนี่ ตอนนี้เจ้าเจื้อยแจ้วขนาดนี้ พูดคล่องเชียว?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะใส่อีกฝ่ายซูเค่อสะดุ้งตกใจ นางขมวดคิ้วและแสดงความไม่พอใจผ่านสีหน้าสตรีอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังก็เดินออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่สบอารมณ์ “พระชายาหมายความว่าอย่างไรเพคะ? พวกเราได้รับเลือกจากฮองเฮาให้มารับใช้องค์รัชทายาท แต่พระชายากลับให้พวกเราไปใช้แรงงานเช่นนี้ ท่านคิดจะไม่ไว้หน้าฮองเฮาหรือเพคะ?”ซูเค่อที่เห็นเช่นนั้นก็รีบคว้าตัวนางไว้ “ชวนหง เงียบเดี๋ยวนี้!”สาวใช้ผู้นี้ชื่อชวนหงสินะเยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียงเย็นชา “โอ้ ฟังจากคำพูดของเจ้าแล้ว
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็มองไปยังคนรับใช้คนอื่น ๆ และพูดต่อ “พวกเจ้าก็เช่นกัน หากไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็รีบไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนมองไปที่เฉียวกงกง แต่เฉียวกงกงทำเพียงแค่ขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปากภารกิจของเขาคือส่งคนเข้าไปแฝงตัวในจวนองค์รัชทายาทส่วนที่เหลือเขาไม่สามารถควบคุมได้หลังจากที่เฉียวกงกงทำความเคารพซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือแล้ว เขาก็จากไปพร้อมกับคนของตัวเองคนที่เหลือก็ทำได้แค่อยู่ต่อไปด้วยการแสดงอำนาจของเยี่ยนเว่ยฉือ ทุกคนก็เริ่มเชื่อฟังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทั้งหมดตามแม่บ้านจางไป เพื่อช่วยเหล่าช่างฝีมือซ่อมบำรุงจวนองค์รัชทายาทอย่างเงียบ ๆเยี่ยนเว่ยฉือมองทุกคนที่เดินจากไป พลางเท้าเอวถอนหายใจ “เยี่ยมมาก มีคนมาช่วยเยอะขนาดนี้ อีกไม่นานจวนองค์รัชทายาทก็จะเหมือนใหม่แล้ว อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าจ้างได้มากอีกด้วย!”อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยขมขื่น “พี่สะใภ้ เจ้ามองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว เก้าในสิบของคนเหล่านี้เป็นคนของฮองเฮาและอันกั๋วกง ส่วนที่เหลือก็เป็นสายจากตำหนักต่าง ๆ นับจากนี้ไปจวนองค์รัชทายาทคงจะไม่สงบสุขอีกแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือโบกมือแล้วพูดอย่างแยแส “แต่หากไม่ใ
ซ่างกวนซีลุกเดินไปที่หน้าต่าง มองท้องฟ้าที่ยังไม่มีฝนตกแต่ก็มีเสียงฟ้าแลบฟ้าร้องดังมาแล้ว พลางกระซิบเบา ๆ ว่า “ท้องฟ้าในเมืองหลวง ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว”อวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและถามอย่างกระตือรือร้น “ศิษย์พี่เลือกเป้าหมายได้แล้วหรือ?”ซ่างกวนซีกล่าวว่า “หยางอวิ๋นเฟิง รองเจ้ากรมขุนนาง”อวี๋เฟยเหยียนคิดว่าซ่างกวนซีวางแผนที่จะค่อย ๆ รวบรวมอำนาจของหกกรมโดยเริ่มทำการแทรกซึมจากกรมขุนนางแต่ในทางปฏิบัติจะทำอย่างไรล่ะ?หยางอวิ๋นเฟิงผู้นี้ มีอะไรที่พิเศษ?อวี๋เฟยเหยียนกำลังจะถามต่อ แต่จู่ ๆ พ่อบ้านจางก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ทูลองค์รัชทายาท พระชายาออกไปข้างนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” สีหน้าของพ่อบ้านจางมีความกังวล เห็นได้ชัดว่ากำลังวิตกกับบางสิ่งซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าแม้เป็นช่วงเย็น แต่ดูเหมือนจะมีฝนตกหนักไม่เพียงแค่ท้องฟ้ามืดสนิท แต่ยังมีฟ้าแลบและฟ้าร้องจากที่ไกล ๆ ด้วย นางออกไปทำอะไรตอนนี้?ซ่างกวนซีถามว่า “นางบอกหรือไม่ว่าจะไปที่ใด?”พ่อบ้านจางส่ายหัวเบา ๆครืน! เปรี้ยง!ฟ้าแลบและฟ้าร้องทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอวี๋เฟยเหยียนเห็นเช่นนั้นจึงพูดว่
ใบหน้าของซ่างกวนซีเคร่งขรึม แม้เขาจะยังไม่สามารถเดาได้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แต่เขาคิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่น่าจะกำลังทำเรื่องดีแน่นอนซ่างกวนซีตามนางต่อไปอย่างอดทน เห็นว่านางเดินอ้อมมาตรงตรอกหลังจวนที่พำนักขององค์ชายรอง และมาหยุดอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งจากนั้นนางก็เหน็บแกนสายว่าวกระดาษไว้ที่เอวแล้วเริ่มปีนต้นไม้แม้การเคลื่อนไหวของนางจะไม่ปราดเปรียวมากนัก แต่ก็ไม่ยากที่จะเห็นว่านางคุ้นเคยกับต้นไม้ต้นนี้เป็นอย่างดีนางปีนขึ้นไปถึงกลางลำต้นภายในเวลาอันรวดเร็วสาวน้อยผู้นี้จะทำอะไรกันแน่?ขณะนี้ ไม่ได้มีเพียงซ่างกวนซีที่สับสนยังมีบุรุษลึกลับในชุดสีม่วงที่สับสนด้วยเช่นกันบุรุษผู้นั้นกำลังนอนหลับอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกับที่เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปแต่ยอดไม้นั้นมีขนาดใหญ่มากจนบดบังร่างของเขา ดังนั้นทั้งเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ใกล้ ๆ หรือซ่างกวนซี ที่อยู่ในระยะไกลจึงไม่สามารถมองเห็นเขาได้เขาหลุบตามองเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ด้านล่าง พลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัยและพูดกับตัวเองในใจว่า “ช่างเป็นเด็กสาวที่แปลกจริง ๆ จะมาเล่นว่าวกระดาษบนต้นไม้อย่างนี้ทำไม?”ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องน่าประห
ไม่นานหลังจากนั้น ท้องฟ้าก็ถูกแบ่งครึ่งด้วยสายฟ้าสีม่วงขาวทันใดนั้น แสงสว่างเจิดจ้าส่องสว่างทั่วเมืองหลวงจนค่ำคืนกลายเป็นกลางวันในความมืด เยี่ยนเว่ยฉือกุมมืออย่างตื่นเต้นและชะเง้อคอดูว่าวกระดาษของตัวเองครืน! เปรี้ยง!ฟิ้ว!สายฟ้าฟาดใส่ตรงกลางว่าวพอดิบพอดีแสงสว่างที่เต็มไปด้วยประกายไฟและสายฟ้าไหลมาตามสายว่าวกระดาษแล่นลงตรงหลังคาจวนของซ่างกวนหลีเกิดเสียงดังเปรี้ยงจนหลังคาหลุดกระเด็นออก!ทว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายเมื่อหลังคาระเบิด เปลวไฟที่โหมกระหน่ำก็ลุกท่วมเป็นไฟกองใหญ่ในทันที!กลายเป็นฉากอันน่าสยอง!“พระเจ้าช่วย ใครก็ได้ช่วยด้วย จวนถูกฟ้าผ่า!”“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ไฟไหม้ ไฟไหม้แล้ว!”“รีบไปแจ้งองค์ชายเร็ว! รีบมาช่วยกันดับไฟ!”……จวนที่พำนักขององค์ชายรองตกอยู่ในความสับสนอลหม่านทันทีเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่อีกฝั่งดีดนิ้วและพูดด้วยรอยยิ้ม “สำเร็จแล้ว! ความยุติธรรมที่สวรรค์บัญชา! เท่านี้ซ่างกวนซีก็ไม่ต้องกลัวว่าฮ่องเต้เฒ่าจะทำให้ลำบากใจแล้ว!”เมื่อซ่างกวนซีที่อยู่ในความมืดได้ยินคำพูดนั้น ไม่รู้เหตุใดหัวใจของเขาถึงสั่นไหวที่แท้… ที่แท้นางทุ่มเทแรงกายก็เพื่อระบา
เดิมทีซ่างกวนซีต้องการบังคับให้นางบอกความจริง แต่เมื่อเขาหรี่ตาลงและเห็นรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็พูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลันรอยแผลเหล่านี้คงจะเกิดจากการปีนต้นไม้มือของซ่างกวนซีที่ไพล่หลังอยู่กำหมัดแน่น อารมณ์ของเขาซับซ้อนอย่างยิ่งทั้งสองมองหน้ากันอยู่นาน และไม่มีใครเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือทนไม่ไหวกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ซ่างกวนซีก็พูดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ ข้าส่งเจ้าจากไปดีไหม?”“หา? จากไป?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีพยักหน้าอย่างจริงจังรอบตัวเขามีแต่อันตราย ทั้งฮองเฮา อันกั๋วกง อ๋องจ่างซิ่นและยังมีบรรดาพี่น้องทุกคนที่ต่างมองเขาเป็นเสี้ยนหนามตอนที่เขาอยู่ในค่ายทหาร เขาต้องเผชิญกับการถูกลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วนตอนนี้ที่กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ก็ยังต้องดิ้นรนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ โดยเฉพาะพิษกู่เย็นที่อาการเริ่มกำเริบอย่างไม่อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้นเรื่อย ๆเขารู้ว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อย และเขาแค่อยากทำภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดและในบรรดาภารกิจทั้งหมดเหล่านี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเยี่ยนเว่ยฉือ
บุรุษในชุดสีม่วงโบกมือให้เยี่ยนเว่ยฉือมองมาที่รูตรงชายเสื้อคลุมของเขามันดูเหมือนถูกเผาไม่มีผิดเขาเป็นคนของซ่างกวนหลีหรือ?สีหน้าของนางเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือพูดได้ นางได้แต่หวังว่าซ่างกวนซีจะพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับนางโดยเร็วชายชุดม่วงมองไปทางประตูที่อยู่ด้านหลังนางแล้วพูดต่อ “ข้าว่าสามีของเจ้าดูไม่ค่อยพึงใจในตัวเจ้านะ มากับข้าไหมล่ะ ขอแค่เจ้ามอบร่างกายชดใช้ให้ข้า ก็ถือว่าเจ้าได้ชดใช้ที่ทำให้เสื้อผ้าข้าเสียหาย!”ทันทีที่บุรุษชุดม่วงพูดจบ เขาก็ก้าวไปอุ้มนางขึ้นมาพาดไหล่จากนั้นในขณะที่นางกำลังตกตะลึง เขาก็เดินออกทางประตูแล้วทะยานหนีไป!……หลังจากที่ซ่างกวนซีสั่งให้เตรียมรถเรียบร้อย เขาก็กลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อเขียนจดหมายเขาไม่รู้ว่าจะจัดให้เยี่ยนเว่ยฉือไปอยู่ที่ไหนอย่างไรดี แต่เขาต้องส่งนางออกไปให้ได้เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าวิธีการของตนนั้นชาญฉลาด แต่กลับไม่รู้ว่ามันเต็มไปด้วยช่องโหว่แม้แต่คู่แม่ลูกที่อยู่ตรงถนนก็ยังเห็นนางเล่นว่าวกระดาษ หากซ่างกวนหลีตั้งใจจะสืบสวนขึ้นมาจริง ๆ นางจะหนีไปได้อย่างไร?คงไม่พ้นถูกตั้งข้อหาลอบปลงพระชน
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี
เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าคำพูดของตนเองฟังไม่ขึ้นนางยิ้มแห้งๆ แล้วหันไปมองลู่อู๋ เลียนแบบน้ำเสียงของซ่างกวนซีข่มขู่ "เจ้า คอยดูเถอะ!"คนสารเลวนี่ กล้ามาเคาะประตูในเวลากลางวันแสกๆ ไม่ใช่จงใจมาขัดขวางนางหรือ?หากนางผ่านด่านซ่างกวนซีไม่ได้ นางก็จะไม่ปล่อยให้ลู่อู๋ผ่านวันนี้ไปได้เช่นกัน! ฮึ่ม!ลู่อู๋เห็นดังนั้นก็อยากจะร้องไห้ "นาง... นางพูดความจริง ข้า... ข้าหมายปองท่านหญิงหมิงหยางจริงๆ ถึงแม้ว่านางจะแก่ไปหน่อย ผิวเหี่ยวไปหน่อย นิสัยดุร้ายไปหน่อย เอวหนาขาใหญ่ ไปหน่อย แต่ข้าชอบแบบนี้! มี... มีความอบอุ่นเหมือนมารดา!"ทุกคน "...""ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกเยี่ยนเว่ยฉือก็ตกตะลึง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า "เจ้าโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีไหวพริบ สอนได้!"ฉินเซียงหรูมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้ามืดครึ้ม แล้วยิ้มแย้ม "อยู่ข้างกายท่านช่างน่าสนุกสนานยิ่งนัก! สนุกกว่าตอนอยู่ในค่ายทหารเสียอีก!"ซ่างกวนซีถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการสั่งสอนเยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวยังปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่าการจัดการกองทัพเขาไม่กล่าวสิ่งใด ลุกขึ้นยืน เดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉ
"เอ่อ เพราะว่า..." ลู่อู๋มองซ่างกวนซี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกว่าปัญหายิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆซ่างกวนซีเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ นั่งลงบนบัลลังก์ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างใจเย็น แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?"ลู่อู๋มองเยี่ยนเว่ยฉือ "เพราะว่า...""ข้าถามเจ้า เจ้าจ้องมองพระชายาด้วยเหตุใด?" ซ่างกวนซีตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาลู่อู๋มีสีหน้าลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากพูดความจริง ก็คงจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือขุ่นเคือง ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาจะกล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้อย่างไร?แต่หากไม่พูดความจริง วันนี้เขาจะออกจากจวนรัชทายาทได้หรือ?ลู่อู๋ยังคงอ้ำอึ้ง "เพราะว่า...""เพราะเขาอยากให้ข้าทำหน้าที่แม่สื่อ!" เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวออกมา ทำเอาทุกคนตกตะลึง"อะ... อะไรนะ?" อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง มองเยี่ยนเว่ยฉือฉินเซียงหรูก็ตกตะลึง ถ้วยชาในมือเกือบหลุดซ่างกวนซีขมวดคิ้ว มองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดจาเหลวไหลเยี่ยนเว่ยฉือใช้ศอกกระทุ้งลู่อู๋ "รีบพูดสิ ใช่หรือไม่?"ลู่อู๋รู้สึกว่าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่พยักหน