ใบหน้าของซ่างกวนซีเคร่งขรึม แม้เขาจะยังไม่สามารถเดาได้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แต่เขาคิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่น่าจะกำลังทำเรื่องดีแน่นอนซ่างกวนซีตามนางต่อไปอย่างอดทน เห็นว่านางเดินอ้อมมาตรงตรอกหลังจวนที่พำนักขององค์ชายรอง และมาหยุดอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งจากนั้นนางก็เหน็บแกนสายว่าวกระดาษไว้ที่เอวแล้วเริ่มปีนต้นไม้แม้การเคลื่อนไหวของนางจะไม่ปราดเปรียวมากนัก แต่ก็ไม่ยากที่จะเห็นว่านางคุ้นเคยกับต้นไม้ต้นนี้เป็นอย่างดีนางปีนขึ้นไปถึงกลางลำต้นภายในเวลาอันรวดเร็วสาวน้อยผู้นี้จะทำอะไรกันแน่?ขณะนี้ ไม่ได้มีเพียงซ่างกวนซีที่สับสนยังมีบุรุษลึกลับในชุดสีม่วงที่สับสนด้วยเช่นกันบุรุษผู้นั้นกำลังนอนหลับอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกับที่เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปแต่ยอดไม้นั้นมีขนาดใหญ่มากจนบดบังร่างของเขา ดังนั้นทั้งเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ใกล้ ๆ หรือซ่างกวนซี ที่อยู่ในระยะไกลจึงไม่สามารถมองเห็นเขาได้เขาหลุบตามองเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ด้านล่าง พลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัยและพูดกับตัวเองในใจว่า “ช่างเป็นเด็กสาวที่แปลกจริง ๆ จะมาเล่นว่าวกระดาษบนต้นไม้อย่างนี้ทำไม?”ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องน่าประห
ไม่นานหลังจากนั้น ท้องฟ้าก็ถูกแบ่งครึ่งด้วยสายฟ้าสีม่วงขาวทันใดนั้น แสงสว่างเจิดจ้าส่องสว่างทั่วเมืองหลวงจนค่ำคืนกลายเป็นกลางวันในความมืด เยี่ยนเว่ยฉือกุมมืออย่างตื่นเต้นและชะเง้อคอดูว่าวกระดาษของตัวเองครืน! เปรี้ยง!ฟิ้ว!สายฟ้าฟาดใส่ตรงกลางว่าวพอดิบพอดีแสงสว่างที่เต็มไปด้วยประกายไฟและสายฟ้าไหลมาตามสายว่าวกระดาษแล่นลงตรงหลังคาจวนของซ่างกวนหลีเกิดเสียงดังเปรี้ยงจนหลังคาหลุดกระเด็นออก!ทว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายเมื่อหลังคาระเบิด เปลวไฟที่โหมกระหน่ำก็ลุกท่วมเป็นไฟกองใหญ่ในทันที!กลายเป็นฉากอันน่าสยอง!“พระเจ้าช่วย ใครก็ได้ช่วยด้วย จวนถูกฟ้าผ่า!”“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ไฟไหม้ ไฟไหม้แล้ว!”“รีบไปแจ้งองค์ชายเร็ว! รีบมาช่วยกันดับไฟ!”……จวนที่พำนักขององค์ชายรองตกอยู่ในความสับสนอลหม่านทันทีเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่อีกฝั่งดีดนิ้วและพูดด้วยรอยยิ้ม “สำเร็จแล้ว! ความยุติธรรมที่สวรรค์บัญชา! เท่านี้ซ่างกวนซีก็ไม่ต้องกลัวว่าฮ่องเต้เฒ่าจะทำให้ลำบากใจแล้ว!”เมื่อซ่างกวนซีที่อยู่ในความมืดได้ยินคำพูดนั้น ไม่รู้เหตุใดหัวใจของเขาถึงสั่นไหวที่แท้… ที่แท้นางทุ่มเทแรงกายก็เพื่อระบา
เดิมทีซ่างกวนซีต้องการบังคับให้นางบอกความจริง แต่เมื่อเขาหรี่ตาลงและเห็นรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็พูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลันรอยแผลเหล่านี้คงจะเกิดจากการปีนต้นไม้มือของซ่างกวนซีที่ไพล่หลังอยู่กำหมัดแน่น อารมณ์ของเขาซับซ้อนอย่างยิ่งทั้งสองมองหน้ากันอยู่นาน และไม่มีใครเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือทนไม่ไหวกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ซ่างกวนซีก็พูดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ ข้าส่งเจ้าจากไปดีไหม?”“หา? จากไป?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีพยักหน้าอย่างจริงจังรอบตัวเขามีแต่อันตราย ทั้งฮองเฮา อันกั๋วกง อ๋องจ่างซิ่นและยังมีบรรดาพี่น้องทุกคนที่ต่างมองเขาเป็นเสี้ยนหนามตอนที่เขาอยู่ในค่ายทหาร เขาต้องเผชิญกับการถูกลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วนตอนนี้ที่กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ก็ยังต้องดิ้นรนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ โดยเฉพาะพิษกู่เย็นที่อาการเริ่มกำเริบอย่างไม่อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้นเรื่อย ๆเขารู้ว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อย และเขาแค่อยากทำภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดและในบรรดาภารกิจทั้งหมดเหล่านี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเยี่ยนเว่ยฉือ
บุรุษในชุดสีม่วงโบกมือให้เยี่ยนเว่ยฉือมองมาที่รูตรงชายเสื้อคลุมของเขามันดูเหมือนถูกเผาไม่มีผิดเขาเป็นคนของซ่างกวนหลีหรือ?สีหน้าของนางเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือพูดได้ นางได้แต่หวังว่าซ่างกวนซีจะพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับนางโดยเร็วชายชุดม่วงมองไปทางประตูที่อยู่ด้านหลังนางแล้วพูดต่อ “ข้าว่าสามีของเจ้าดูไม่ค่อยพึงใจในตัวเจ้านะ มากับข้าไหมล่ะ ขอแค่เจ้ามอบร่างกายชดใช้ให้ข้า ก็ถือว่าเจ้าได้ชดใช้ที่ทำให้เสื้อผ้าข้าเสียหาย!”ทันทีที่บุรุษชุดม่วงพูดจบ เขาก็ก้าวไปอุ้มนางขึ้นมาพาดไหล่จากนั้นในขณะที่นางกำลังตกตะลึง เขาก็เดินออกทางประตูแล้วทะยานหนีไป!……หลังจากที่ซ่างกวนซีสั่งให้เตรียมรถเรียบร้อย เขาก็กลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อเขียนจดหมายเขาไม่รู้ว่าจะจัดให้เยี่ยนเว่ยฉือไปอยู่ที่ไหนอย่างไรดี แต่เขาต้องส่งนางออกไปให้ได้เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าวิธีการของตนนั้นชาญฉลาด แต่กลับไม่รู้ว่ามันเต็มไปด้วยช่องโหว่แม้แต่คู่แม่ลูกที่อยู่ตรงถนนก็ยังเห็นนางเล่นว่าวกระดาษ หากซ่างกวนหลีตั้งใจจะสืบสวนขึ้นมาจริง ๆ นางจะหนีไปได้อย่างไร?คงไม่พ้นถูกตั้งข้อหาลอบปลงพระชน
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว เขาได้ตระหนักว่าตนมีศัตรูมากมายจนคาดเดาไม่ออกไปชั่วขณะเขารีบหยุดคิดเรื่องนี้และรีบวิ่งตรงเข้าฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาเมื่อเห็นเช่นนั้น อวี๋เฟยเหยียนก็ไล่ตามเขาไปพลางพูดว่า “นี่ ศิษย์พี่ รอข้าด้วย แผลของท่านยังไม่หายดี จะให้มันเปียกฝนไม่ได้นะ!”……เช้าวันรุ่งขึ้นในถ้ำแห่งหนึ่งเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างนอกก็เป็นเวลารุ่งสางแล้วนางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำถ้ำแห่งนี้กว้างขวางและอากาศแห้ง ทั้งยังมีหญ้าแห้งบางส่วนถูกโยนเข้าไปด้วยขณะนี้นางนอนอยู่บนหญ้าแห้ง และไม่ไกลกันนั้นก็มีบุรุษชุดสีม่วงที่กำลังนอนหายใจลึกเขาหลับหรือ?เมื่อเห็นคนผู้นี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็มีไหวพริบขึ้นมาและลุกขึ้นนั่งอย่างเร่งรีบเมื่อนางลุกขึ้นนั่ง นางก็ได้รู้ว่าจุดฝังเข็มในร่างกายของนางที่ถูกสกัดได้ปลดออกแล้วจนสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ? หนีสิ!เยี่ยนเว่ยฉือรีบเดินย้อนกลับไปที่ทางเข้าถ้ำโดยไม่ต้องคิด ทว่าทันทีที่นางไปถึงทางเข้านางก็ตกตะลึง“นะ...นี่มันสูงมากเลย!” เยี่ยนเว่ยฉือมองเหวลึกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า แล้วก็ได้รู้ว่าถ้ำไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้น แ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งถอยเข้าไปยืนอยู่ข้างในอีกครั้งบุรุษในชุดสีม่วงยิ้มมุมปาก พลางมองนางด้วยความสนใจเยี่ยนเว่ยฉือตวาดด้วยความโกรธ “มองอะไร อย่าคิดว่าจะรังแกข้าได้ง่าย ๆ นะ”นางคว้าหมับที่กำไลของตัวเองตามสัญชาตญาณ ในนั้นมียาพิษที่นางใช้เพื่อป้องกันตัวแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของชายหนุ่มไปได้เขากลอกตาแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้า เช่นนั้นก็มาทำข้อตกลงกัน ว่าอย่างไร?”“ข้อตกลง? ข้อตกลงอะไร?” เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาอย่างไม่ไว้ใจชายในชุดสีม่วงพูดพลางบุ้ยปากไปที่ข้อมือของนาง “บอกข้าหน่อยว่าเจ้าได้กำไลรูปทรงประหลาด ๆ นั่นมาจากที่ใด แล้วข้าจะบอกเจ้าเองว่าข้าชื่ออะไร!”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขายกใหญ่ “ประสาท ใครจะไปอยากรู้ชื่อของเจ้า!”“หือ? พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะ หากเจ้ารู้ชื่อข้าก็แสดงว่าเราเป็นสหายกัน เพราะเราเป็นเพื่อนกันข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ด้วยนะ?”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะบอกว่านางไม่สนใจความช่วยเหลือของเขาแต่ก่อนที่จะพูดออกไปนางก็เห็นหน้าผาที่อยู่ด้านนอกเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปาก นางต้องการความช่วยเหลือจากค
เยี่ยนเว่ยฉือรีบกระโดดลงจากตัวเขาและรักษาระยะห่างอย่างรวดเร็วฮวาอวี๋ยืนเท้าเอวมองท่าทางอึดอัดของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดติดตลกว่า “แขนก็เล็กขาก็เล็ก แต่แรงเยอะชะมัด กอดจนพี่ชายคนนี้เจ็บไปทั้งตัวแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขาด้วยความโกรธ ทำไมหมอนี่ถึงพูดจาน่ารังเกียจเช่นนี้กอดแค่ครู่เดียวเองจะเอาอะไรมาเจ็บ? เขาเป็นกระดาษรึอย่างไร!เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่นี่ที่ไหน? ข้าจะกลับแล้ว!”รอบตัวมีแต่ป่า ไม่รู้เลยว่าทิศไหนเป็นทิศไหนฮวาอวี๋กำลังจะตอบ แต่จู่ ๆ หูของเขาก็กระดิกเพราะได้ยินเสียงแปลก ๆเป็นไปตามคาด ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงพูดของใครบางคนก็ดังขึ้น“หัวหน้า เมื่อคืนเขากลับมาแล้วจริง ๆ และเขาก็พาคนกลับมาด้วยหนึ่งคน”“รีบไป คราวนี้เราจะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้เด็ดขาด!”พร้อมกันกับการสนทนาระหว่างบุรุษทั้งสอง มีเสียงฝีเท้าดังก้องมาจากส่วนลึกของป่าสีหน้าของฮวาอวี๋ขรึมลง เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกไป “น่ารำคาญจริง!”จากนั้นเขาก็คว้าเอวของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพานางทะยานขึ้นไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบสนองอยู่ครู่หนึ่งและอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “นี่? เจ้าจะพาข้าไปไหน?”ฮวาอวี๋พูดอย่า
ดูเหมือนฮวาอวี๋จะไม่สนใจคำตอบของนาง เพียงแค่นหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนับหนึ่งถึงหนึ่งร้อย พอครบแล้วก็มาจับข้า หากเจ้าชนะ ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องเดินทางไปท่องโลกกว้างกับข้า หรือหากถอดผ้าคลุมออกก็ถือว่าเจ้าแพ้เช่นกัน!”หลังจากที่ฮวาอวี๋พูดจบ เขาก็หันกลับไปหาชายชุดดำโดยไม่รอคำตอบของเยี่ยนเว่ยฉือทว่าแววตาของเขาได้เปลี่ยนจากขี้เล่นเจ้าชู้ไปเป็นโหดเหี้ยมอำมหิตชายชุดดำทุกคนต่างตกตะลึงกับสายตาของเขาแต่ฮวาอวี๋พูดเพียงว่า “นับเสียงดัง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือตื่นเต้นและรีบพูด “หนึ่ง!”เมื่อเสียงนับของเยี่ยนเว่ยฉือดังขึ้น ฮวาอวี๋ก็ทะยานไปหาชายชุดดำกระบี่ยาวแทงไปที่ฮวาอวี๋ แต่ฮวาอวี๋ก็จับปลายกระบี่ด้วยฝ่ามือกึก แกร๊ง!กระบี่ยาวที่แทงเข้าฝ่ามือของฮวาอวี๋ แทนที่มันจะทำร้ายเขา แต่ดาบกลับหักและแตกกระจายหล่นลงพื้น!นี่มันวิชาฝึกตนอะไรกัน? วิชาหนังทองแดงกระดูกเหล็กกล้ารึ??ชายชุดดำตกใจมาก แต่ก็สายเกินไปที่จะวิ่งหนีฮวาอวี๋คว้าคอชายชุดดำและบีบอย่างแรง สุดท้ายก็หักคอของเขาดังกร๊อบทันทีต่อจากนั้นก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด เลือดกระเซ็นไปทั่วชายชุดดำซ่อน