เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งถอยเข้าไปยืนอยู่ข้างในอีกครั้งบุรุษในชุดสีม่วงยิ้มมุมปาก พลางมองนางด้วยความสนใจเยี่ยนเว่ยฉือตวาดด้วยความโกรธ “มองอะไร อย่าคิดว่าจะรังแกข้าได้ง่าย ๆ นะ”นางคว้าหมับที่กำไลของตัวเองตามสัญชาตญาณ ในนั้นมียาพิษที่นางใช้เพื่อป้องกันตัวแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของชายหนุ่มไปได้เขากลอกตาแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้า เช่นนั้นก็มาทำข้อตกลงกัน ว่าอย่างไร?”“ข้อตกลง? ข้อตกลงอะไร?” เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาอย่างไม่ไว้ใจชายในชุดสีม่วงพูดพลางบุ้ยปากไปที่ข้อมือของนาง “บอกข้าหน่อยว่าเจ้าได้กำไลรูปทรงประหลาด ๆ นั่นมาจากที่ใด แล้วข้าจะบอกเจ้าเองว่าข้าชื่ออะไร!”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขายกใหญ่ “ประสาท ใครจะไปอยากรู้ชื่อของเจ้า!”“หือ? พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะ หากเจ้ารู้ชื่อข้าก็แสดงว่าเราเป็นสหายกัน เพราะเราเป็นเพื่อนกันข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ด้วยนะ?”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะบอกว่านางไม่สนใจความช่วยเหลือของเขาแต่ก่อนที่จะพูดออกไปนางก็เห็นหน้าผาที่อยู่ด้านนอกเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปาก นางต้องการความช่วยเหลือจากค
เยี่ยนเว่ยฉือรีบกระโดดลงจากตัวเขาและรักษาระยะห่างอย่างรวดเร็วฮวาอวี๋ยืนเท้าเอวมองท่าทางอึดอัดของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดติดตลกว่า “แขนก็เล็กขาก็เล็ก แต่แรงเยอะชะมัด กอดจนพี่ชายคนนี้เจ็บไปทั้งตัวแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขาด้วยความโกรธ ทำไมหมอนี่ถึงพูดจาน่ารังเกียจเช่นนี้กอดแค่ครู่เดียวเองจะเอาอะไรมาเจ็บ? เขาเป็นกระดาษรึอย่างไร!เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่นี่ที่ไหน? ข้าจะกลับแล้ว!”รอบตัวมีแต่ป่า ไม่รู้เลยว่าทิศไหนเป็นทิศไหนฮวาอวี๋กำลังจะตอบ แต่จู่ ๆ หูของเขาก็กระดิกเพราะได้ยินเสียงแปลก ๆเป็นไปตามคาด ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงพูดของใครบางคนก็ดังขึ้น“หัวหน้า เมื่อคืนเขากลับมาแล้วจริง ๆ และเขาก็พาคนกลับมาด้วยหนึ่งคน”“รีบไป คราวนี้เราจะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้เด็ดขาด!”พร้อมกันกับการสนทนาระหว่างบุรุษทั้งสอง มีเสียงฝีเท้าดังก้องมาจากส่วนลึกของป่าสีหน้าของฮวาอวี๋ขรึมลง เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกไป “น่ารำคาญจริง!”จากนั้นเขาก็คว้าเอวของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพานางทะยานขึ้นไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบสนองอยู่ครู่หนึ่งและอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “นี่? เจ้าจะพาข้าไปไหน?”ฮวาอวี๋พูดอย่า
ดูเหมือนฮวาอวี๋จะไม่สนใจคำตอบของนาง เพียงแค่นหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนับหนึ่งถึงหนึ่งร้อย พอครบแล้วก็มาจับข้า หากเจ้าชนะ ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องเดินทางไปท่องโลกกว้างกับข้า หรือหากถอดผ้าคลุมออกก็ถือว่าเจ้าแพ้เช่นกัน!”หลังจากที่ฮวาอวี๋พูดจบ เขาก็หันกลับไปหาชายชุดดำโดยไม่รอคำตอบของเยี่ยนเว่ยฉือทว่าแววตาของเขาได้เปลี่ยนจากขี้เล่นเจ้าชู้ไปเป็นโหดเหี้ยมอำมหิตชายชุดดำทุกคนต่างตกตะลึงกับสายตาของเขาแต่ฮวาอวี๋พูดเพียงว่า “นับเสียงดัง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือตื่นเต้นและรีบพูด “หนึ่ง!”เมื่อเสียงนับของเยี่ยนเว่ยฉือดังขึ้น ฮวาอวี๋ก็ทะยานไปหาชายชุดดำกระบี่ยาวแทงไปที่ฮวาอวี๋ แต่ฮวาอวี๋ก็จับปลายกระบี่ด้วยฝ่ามือกึก แกร๊ง!กระบี่ยาวที่แทงเข้าฝ่ามือของฮวาอวี๋ แทนที่มันจะทำร้ายเขา แต่ดาบกลับหักและแตกกระจายหล่นลงพื้น!นี่มันวิชาฝึกตนอะไรกัน? วิชาหนังทองแดงกระดูกเหล็กกล้ารึ??ชายชุดดำตกใจมาก แต่ก็สายเกินไปที่จะวิ่งหนีฮวาอวี๋คว้าคอชายชุดดำและบีบอย่างแรง สุดท้ายก็หักคอของเขาดังกร๊อบทันทีต่อจากนั้นก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด เลือดกระเซ็นไปทั่วชายชุดดำซ่อน
เยี่ยนเว่ยฉือก้าวเดินต่อไปอย่างไรก็ตาม นางก็อดใจไม่ไหวที่จะหยุดลงอีกครั้งชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่มีเจตนาร้ายใด ๆ เมื่อครู่ที่เขาฆ่าคน เขายังปิดตานางไว้ด้วยซ้ำ จากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายนางและ… ดูเหมือนเขาจะรู้จักกำไลประหลาดบนมือของนางด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจ้า... เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ข้า... ข้าไปแล้วนะ!”สิ่งที่ตอบกลับเยี่ยนเว่ยฉือก็คือความเงียบอันยาวนานเยี่ยนเว่ยฉือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ถอดผ้าปิดหน้าออกทันทีที่นางหันกลับไปมอง นางก็เห็นฮวาอวี๋ที่นอนสลบอยู่บนพื้น ในขณะนี้ มุมปากของเขายังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตาโต วิ่งไปหาฮวาอวี๋พร้อมกับพูดด้วยความโกรธ “บ้าเอ๊ย ไอ้จรรยาบรรณแพทย์ของฉันนี่นะ!”ในที่สุดนางก็ทำใจมองดูคนตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือวิ่งกลับไปหาฮวาอวี๋แต่กลับพบว่าฮวาอวี๋ไม่ได้หมดสติไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ทันทีที่เขาเอ่ยปากพูด เลือดก็ไหลออกมาเต็มปากเยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้ว “เจ้า... เจ้าไม่ได้เก่งกาจนักหรืออย่างไร ข้าจะ
“อ๊าก…” ใบหน้าของฮวาอวี๋ซีดขาว รูม่านตาเบิกกว้าง มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือรีบกดไหล่ของเขาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่ามันเจ็บมาก แต่ข้าไม่มีผงยาชา เจ้าต้องอดทนเอาไว้ หากไม่รีบถอนอาวุธลับนี้ออก เลือดของเจ้าจะไหลจนหมดตัว!”ฮวาอวี๋หอบหายใจถี่ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็หมดสติไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ ดีแล้ว ดีแล้ว เขาหมดสติไปแล้ว จะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก”จากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็ช่วยฮวาอวี๋ถอนตะปูตอกหทัยต่อไปขณะที่นางกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตคน ซ่างกวนซีก็พาอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมาด้วย กำลังร้อนใจอยู่กับการตามหานางเย่เทียนซูปาดเหงื่อบนหน้าผาก ขมวดคิ้ว “เมื่อคืนนี้ฝนตกหนักมาก ไม่มีร่องรอยใด ๆ เลย เราตามหามานานขนาดนี้แต่ก็ยังไร้วี่แวว หรือว่าเรามาผิดทาง?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า “ไม่หรอก มีเพียงทหารยามที่ประตูเมืองทางเหนือเท่านั้น ที่กล่าวว่าเห็นเงาดำพุ่งออกไปหลังจากเวลาฟ้ามืด เวลานั้นใกล้เคียงกับเวลาที่เยี่ยนเว่ยฉือหายตัวไปพอดี พวกเขาต้องไปทางนี้... หือ?”อวี๋เฟยเหยียนพูดไม่ทันจบ ซ่างกวนซีก็รีบมองไปทางเขา “เป็นอะไรไป?”อวี๋เฟ
ครู่ต่อมา เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้ว พลางกล่าวว่า “เขามีไข้อีกแล้ว ทั้งที่กินยาแล้วแท้ ๆ เหตุใดยังเป็นไข้ซ้ำอีก?”“ก็เพราะเจ้าไง!” อวี๋เฟยเหยียนมีสีหน้าไม่ดีนัก “เจ้าหายออกไปกลางดึก ทำให้พวกเราสามพี่น้องต้องตามหาเจ้าทั้งคืน ข้ากับเทียนซูไม่เป็นไร แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่หายจากบาดแผลเก่า เมื่อคืนยังตากฝนตลอดทั้งคืน เจ้าจะโทษใครได้อีกนอกจากตนเอง?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย มองไปทางซ่างกวนซีด้วยความประหลาดใจหากนางจำไม่ผิด เมื่อวานซ่างกวนซีเป็นผู้ไล่นางออกไปนี่แล้วเหตุใดถึงต้องตามหานางด้วยเล่า?มิหนำซ้ำยังทำแม้กระทั่งตากฝนตามหานางอีกเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกสับสนเย่เทียนซูเห็นดังนั้น จึงเอ่ยขัดจังหวะเพื่อให้เรื่องจบลง “โอ้ เอาเถอะ เอาเถอะ อย่าเพิ่งวิวาทกันเลย กลับไปคุยกันที่จวนก่อนดีกว่า”เย่เทียนซูยิ้มให้เยี่ยนเว่ยฉือ เลิกคิ้วถาม “สวัสดี แม่นาง ข้าชื่อเย่เทียนซู เป็นศิษย์น้องสามขององค์รัชทายาท”เยี่ยนเว่ยฉือกระตุกมุมปาก พยายามยิ้มตอบอย่างสุภาพ กระนั้นก็คลี่ยิ้มไม่ออกอวี๋เฟยเหยียนแบกซ่างกวนซีไว้บนหลัง ตั้งท่าจะจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบร้องทัดทาน “ประเดี๋ยวก่อ
เยี่ยนเว่ยฉือน่าจะกลับมาที่จวนรัชทายาทพร้อมกับเขา และดูเหมือนว่านางจะไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย คอยเฝ้าอยู่ข้างเขาตลอดเวลาบนโต๊ะข้างเตียงมีอ่างน้ำเย็น เตาดินเผาเล็ก ๆ ที่มีหม้อยาวางอยู่ ในมืออีกข้างของเยี่ยนเว่ยฉือมีผ้าเช็ดหน้าที่แห้งไปแล้วครึ่งหนึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนบอกกับซ่างกวนซีว่า... นางคอยดูแลเขาตลอดทั้งคืนซ่างกวนซีเฝ้ามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน อดคิดไม่ได้ว่า ‘ในเมื่อเจ้ามีใจให้ผู้อื่น แล้วเหตุใดจึงแสดงความเอาใจใส่ต่อหน้าข้าอยู่เสมอ ตำแหน่งชายาของรัชทายาทมีความสำคัญสำหรับเจ้ามากเพียงนั้นเชียวหรือ? รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังตำแหน่งชายาของรัชทายาทนั้นไม่ใช่ความรุ่งโรจน์ชั่วชีวิต แต่เป็นเหวลึกนับหมื่นจั้ง’ซ่างกวนซีชักมือกลับอย่างช่วยไม่ได้ การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นเยี่ยนเว่ยฉือเด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ มองไปที่ซ่างกวนซีด้วยความกังวลดวงตากลมโตที่ยังคงไม่หายงัวเงียคู่นั้นแฝงไปด้วยความสับสนและความห่วงใยเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาของนางเช่นนี้ ซ่างกวนซีก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าหญิงสาวคนนี้มีชายอื่นอยู่ในใจเพราะดูเห
ซ่างกวนซียังคงฝืนไม่มองเยี่ยนเว่ยฉือ แต่อย่างไรก็ตาม มือซ้ายที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกลับกำแน่นโดยไม่รู้ตัวเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”เยี่ยนเว่ยฉือโยนผ้าเช็ดหน้าในมือลงบนพื้น แล้วก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตูซ่างกวนซีรีบเงยหน้ามองตามแผ่นหลังของนาง ทว่าคำว่า ‘อย่าไป’ กลับไม่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากเขาไม่มีความสามารถที่จะปกป้องนางยามอยู่ในเมืองหลวง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะอยู่รอดได้ถึงยี่สิบห้าขวบปีหรือไม่ในเมื่อนางมีคนรักอยู่แล้ว เช่นนั้นเขาก็... แน่นอนว่าควรปล่อยนางไปความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองเป็นเพียงอุบัติเหตุไร้สาระเยี่ยนเว่ยฉือเดินอ้อมฉากกั้น เสียงเปิดประตูและปิดประตูดังตามมาเสียงประตูปิดดังสนั่น ราวกับปิดกั้นหัวใจของซ่างกวนซีซ่างกวนซีถอนหายใจหนักหน่วง อารมณ์หดหู่ราวกับฝนที่กำลังจะพร่างพรมเขานั่งนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานความคิดในหัวสับสนอลหม่านวันนี้เขาควรทำอะไร ไปสืบข่าวเกี่ยวกับจวนองค์ชายรอง?หรือไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเป้าหมาย?หรือจะจัดระเบียบเรื่องภายในจวนก่อน แบ่งแยกบ่าวรับใช้ในจวนออกเป็นประเภทไป?หรือ... หรือเขาควรนอนอยู่