“อ๊าก…” ใบหน้าของฮวาอวี๋ซีดขาว รูม่านตาเบิกกว้าง มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือรีบกดไหล่ของเขาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่ามันเจ็บมาก แต่ข้าไม่มีผงยาชา เจ้าต้องอดทนเอาไว้ หากไม่รีบถอนอาวุธลับนี้ออก เลือดของเจ้าจะไหลจนหมดตัว!”ฮวาอวี๋หอบหายใจถี่ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็หมดสติไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ ดีแล้ว ดีแล้ว เขาหมดสติไปแล้ว จะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก”จากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็ช่วยฮวาอวี๋ถอนตะปูตอกหทัยต่อไปขณะที่นางกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตคน ซ่างกวนซีก็พาอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมาด้วย กำลังร้อนใจอยู่กับการตามหานางเย่เทียนซูปาดเหงื่อบนหน้าผาก ขมวดคิ้ว “เมื่อคืนนี้ฝนตกหนักมาก ไม่มีร่องรอยใด ๆ เลย เราตามหามานานขนาดนี้แต่ก็ยังไร้วี่แวว หรือว่าเรามาผิดทาง?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า “ไม่หรอก มีเพียงทหารยามที่ประตูเมืองทางเหนือเท่านั้น ที่กล่าวว่าเห็นเงาดำพุ่งออกไปหลังจากเวลาฟ้ามืด เวลานั้นใกล้เคียงกับเวลาที่เยี่ยนเว่ยฉือหายตัวไปพอดี พวกเขาต้องไปทางนี้... หือ?”อวี๋เฟยเหยียนพูดไม่ทันจบ ซ่างกวนซีก็รีบมองไปทางเขา “เป็นอะไรไป?”อวี๋เฟ
ครู่ต่อมา เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้ว พลางกล่าวว่า “เขามีไข้อีกแล้ว ทั้งที่กินยาแล้วแท้ ๆ เหตุใดยังเป็นไข้ซ้ำอีก?”“ก็เพราะเจ้าไง!” อวี๋เฟยเหยียนมีสีหน้าไม่ดีนัก “เจ้าหายออกไปกลางดึก ทำให้พวกเราสามพี่น้องต้องตามหาเจ้าทั้งคืน ข้ากับเทียนซูไม่เป็นไร แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่หายจากบาดแผลเก่า เมื่อคืนยังตากฝนตลอดทั้งคืน เจ้าจะโทษใครได้อีกนอกจากตนเอง?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย มองไปทางซ่างกวนซีด้วยความประหลาดใจหากนางจำไม่ผิด เมื่อวานซ่างกวนซีเป็นผู้ไล่นางออกไปนี่แล้วเหตุใดถึงต้องตามหานางด้วยเล่า?มิหนำซ้ำยังทำแม้กระทั่งตากฝนตามหานางอีกเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกสับสนเย่เทียนซูเห็นดังนั้น จึงเอ่ยขัดจังหวะเพื่อให้เรื่องจบลง “โอ้ เอาเถอะ เอาเถอะ อย่าเพิ่งวิวาทกันเลย กลับไปคุยกันที่จวนก่อนดีกว่า”เย่เทียนซูยิ้มให้เยี่ยนเว่ยฉือ เลิกคิ้วถาม “สวัสดี แม่นาง ข้าชื่อเย่เทียนซู เป็นศิษย์น้องสามขององค์รัชทายาท”เยี่ยนเว่ยฉือกระตุกมุมปาก พยายามยิ้มตอบอย่างสุภาพ กระนั้นก็คลี่ยิ้มไม่ออกอวี๋เฟยเหยียนแบกซ่างกวนซีไว้บนหลัง ตั้งท่าจะจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบร้องทัดทาน “ประเดี๋ยวก่อ
เยี่ยนเว่ยฉือน่าจะกลับมาที่จวนรัชทายาทพร้อมกับเขา และดูเหมือนว่านางจะไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย คอยเฝ้าอยู่ข้างเขาตลอดเวลาบนโต๊ะข้างเตียงมีอ่างน้ำเย็น เตาดินเผาเล็ก ๆ ที่มีหม้อยาวางอยู่ ในมืออีกข้างของเยี่ยนเว่ยฉือมีผ้าเช็ดหน้าที่แห้งไปแล้วครึ่งหนึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนบอกกับซ่างกวนซีว่า... นางคอยดูแลเขาตลอดทั้งคืนซ่างกวนซีเฝ้ามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน อดคิดไม่ได้ว่า ‘ในเมื่อเจ้ามีใจให้ผู้อื่น แล้วเหตุใดจึงแสดงความเอาใจใส่ต่อหน้าข้าอยู่เสมอ ตำแหน่งชายาของรัชทายาทมีความสำคัญสำหรับเจ้ามากเพียงนั้นเชียวหรือ? รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังตำแหน่งชายาของรัชทายาทนั้นไม่ใช่ความรุ่งโรจน์ชั่วชีวิต แต่เป็นเหวลึกนับหมื่นจั้ง’ซ่างกวนซีชักมือกลับอย่างช่วยไม่ได้ การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นเยี่ยนเว่ยฉือเด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ มองไปที่ซ่างกวนซีด้วยความกังวลดวงตากลมโตที่ยังคงไม่หายงัวเงียคู่นั้นแฝงไปด้วยความสับสนและความห่วงใยเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาของนางเช่นนี้ ซ่างกวนซีก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าหญิงสาวคนนี้มีชายอื่นอยู่ในใจเพราะดูเห
ซ่างกวนซียังคงฝืนไม่มองเยี่ยนเว่ยฉือ แต่อย่างไรก็ตาม มือซ้ายที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกลับกำแน่นโดยไม่รู้ตัวเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”เยี่ยนเว่ยฉือโยนผ้าเช็ดหน้าในมือลงบนพื้น แล้วก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตูซ่างกวนซีรีบเงยหน้ามองตามแผ่นหลังของนาง ทว่าคำว่า ‘อย่าไป’ กลับไม่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากเขาไม่มีความสามารถที่จะปกป้องนางยามอยู่ในเมืองหลวง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะอยู่รอดได้ถึงยี่สิบห้าขวบปีหรือไม่ในเมื่อนางมีคนรักอยู่แล้ว เช่นนั้นเขาก็... แน่นอนว่าควรปล่อยนางไปความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองเป็นเพียงอุบัติเหตุไร้สาระเยี่ยนเว่ยฉือเดินอ้อมฉากกั้น เสียงเปิดประตูและปิดประตูดังตามมาเสียงประตูปิดดังสนั่น ราวกับปิดกั้นหัวใจของซ่างกวนซีซ่างกวนซีถอนหายใจหนักหน่วง อารมณ์หดหู่ราวกับฝนที่กำลังจะพร่างพรมเขานั่งนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานความคิดในหัวสับสนอลหม่านวันนี้เขาควรทำอะไร ไปสืบข่าวเกี่ยวกับจวนองค์ชายรอง?หรือไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเป้าหมาย?หรือจะจัดระเบียบเรื่องภายในจวนก่อน แบ่งแยกบ่าวรับใช้ในจวนออกเป็นประเภทไป?หรือ... หรือเขาควรนอนอยู่
เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองเขา ดวงตาโตกลมใสราวกับมองทะลุทุกสิ่ง ทำให้ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความแข็งแกร่งของซ่างกวนซีปรากฏชัดเขาขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากเข้าหากัน ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรสักคำ กลัวว่าจะแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาเยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ เอ่ยต่อ “แม้ข้าจะไม่รู้จักพิษกู่เย็นดีนัก และไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ข้าเชื่อว่าทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ก็ต้องคงเดิมได้ โลกนี้มีทั้งชายและหญิง มีคนดีและคนชั่ว มีพิษย่อมมียาถอนพิษ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็ปล่อยมือ ผละมือออกจากแขนของซ่างกวนซีช้า ๆ “ก่อนที่จะหายาถอนพิษได้ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเป็นอะไรไปเด็ดขาด!”เยี่ยนเว่ยฉือยืดหลังตรง มองซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีมองดวงตาที่เจือความอ่อนโยนและปลอบประโลมของนาง อดนึกถึงเสด็จแม่ของตนไม่ได้มารดาของเขาก็เป็นเช่นนี้ อ่อนโยนทว่าแข็งแกร่ง งดงามทว่าเข้มแข็งหลังจากนิ่งเงียบไปนาน ซ่างกวนซีจึงค่อย ๆ เอ่ยคำว่า “อืม” ออกมาเขาจะเก็บเยี่ยนเว่ยฉือไว้!เยี่ยนเว่ยฉือเอียงศีรษะมองเขา “อะไรนะ?”ซ่างกวนซีหันหน้าหนี ขมวดคิ้ว “ช่างจู้จี้เสียจริง”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตา ตอบกลับ “ข้าจู้จี้ก็จริ
ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสั่งว่า “พาเขาไปพักที่ห้องรับรองเถอะ”“ห้องรับรองหรือ?” อวี๋เฟยเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “ศิษย์พี่ใหญ่ เขาเป็นคนแปลกหน้า ซ้ำร้ายยังมีมือสังหารจากเป่ยอินตามล่า ข้าไม่จับเขาขังคุกเพราะถือว่าเห็นแก่ที่เขาบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังจะให้พาไปห้องรับรอง อีก นี่เหมาะสมอย่างไรกัน?”ซ่างกวนซีตอบกลับ “เจ้าดูสิ เสื้อผ้าของเขายังสมบูรณ์ แต่กลับถูกตะปูตอกทะลุร่างเจ็ดดอก นั่นแสดงว่าก่อนจะเจอมือสังหาร เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ทิ้งเยี่ยนเว่ยฉือ ถือว่าช่วยชีวิตนางไว้ได้ ข้าเดาว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่มีเจตนาร้าย ลองปฏิบัติกับเขาด้วยความสุภาพดูก็ได้”อวี๋เฟยเหยียนรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพยักหน้าทันที “ได้ ข้าจะไปจัดการ”…… หลังจากที่สองพี่น้องออกจากห้องเก็บฟืน อวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าได้ยินเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวว่า ท่านไล่นางไปงั้นหรือ?”ซ่างกวนซีเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าแค่คิดจะส่งนางไปที่เขตเฟิงหลิงก็เท่านั้น”อวี๋เฟยเหยียนเข้าใจ ซ่างกวนซีต้องการปกป้องเยี่ยนเว่ยฉือนั่นเองเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้ เพิ่งผ่า
เยี่ยนเว่ยฉือในห้องนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ฟ้าผ่าลงมาเป็นฝีมือนางจริง น้ำมันตุงก็เป็นนางที่เทราดลงไปจริง แต่ไม่น่าจะทำให้เปลงเพลิงโหมรุนแรงถึงเพียงนี้ได้ จวนหายไปถึงสองในสามเชียวหรือ?เยี่ยนเว่ยฉือสูญเสียความง่วงงุนไปทันทีนางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ตั้งใจจะออกไปสืบข่าวเพิ่มเติมเสียหน่อยเพิ่งจะก้าวออกจากห้องก็เห็นพ่อบ้านจางเดินตรงมาพ่อบ้านจางพูดว่า “โอ้ พระชายา ท่านยังไม่นอนหรือ เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก ขุนนางจากสำนักตมาถึงแล้ว ยังกล่าวว่าจะเชิญท่านไปสอบถาม”“สำนักต?” เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน หรือว่าเรื่องที่นางทำถูกเปิดเผยแล้ว?พ่อบ้านจางพยักหน้า “พระชายาอย่าได้กังวล องค์ชายรัชทายาทก็อยู่ที่โถงด้านหน้า ย่อมไม่ให้ท่านประสบความเดือดร้อนแน่ ทว่าองค์ชายรัชทายาทสั่งไว้ว่า พระชายาต้องให้การอย่างระมัดระวัง ปฏิเสธทุกอย่าง!”ซ่างกวนซีก็อยู่ด้วยหรือ?เมื่อได้ยินเช่นนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบเดินเร็วขึ้นนางไม่ได้สนใจว่าองค์ชายรองจะรู้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือนางแม้จะรู้ พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานสิ่งที่นางเป็นห่วงในตอนนี้คือร่างกายของซ่างกวนซี ผู้ชายคนนี้นี่ ทำไมถึงวิ่งโร่ออกไปข้างนอกอีกแล้ว ไม่รู
“ถูกต้องแล้ว!” อวี๋เฟยเหยียนก็ช่วยพูดเสริมเช่นกัน “คนกล่าวว่าเห็นก็เชื่อแล้วอย่างนั้นหรือ? คนเราหน้าตาคล้ายคลึงกันถมเถ เสื้อผ้าอาภรณ์ก็อาจบังเอิญคล้ายคลึงกัน อาจมองผิดไปก็ได้!”เจียงโม่ไร้เรี่ยวแรงจะโต้แย้งเขาก็รู้สึกว่าการชี้ตัวขององค์ชายรองนั้นดูจะไร้เหตุผลอยู่บ้าง จึงได้มาสอบถามที่จวนรัชทายาทโดยตรง แทนที่จะนำตัวคนไปที่สำนักตรวจสอบโดยตรงเมื่อได้ยินเยี่ยนเว่ยฉือโต้แย้งเช่นนี้ เจียงโม่ก็พยักหน้า “คำกล่าวของพระชายามีเหตุผล แต่ไม่ทราบว่าในวันนั้น พระชายาได้เสด็จไปใกล้กับจวนองค์ชายรองหรือไม่?”คำถามนี้ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบหากกล่าวว่าไม่ได้ไป ก็มีพยานที่เห็นนางในวันนั้นมากกว่าหนึ่งคน หากสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่านางจงใจโกหก ก็จะดูเหมือนว่านางกำลังหลบหนีความผิดหากกล่าวว่าไป แต่นั่นก็ยามค่ำคืนแล้ว นางไปทำสิ่งใดล่ะ?ด้านข้าง ซ่างกวนซีเห็นนางไม่ตอบ จึงตัดสินใจตอบแทน “นาง...”“ไปสิ!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างเด็ดเดี่ยวซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองเยี่ยนเว่ยฉือ เขาไม่ได้สั่งให้พ่อบ้านจางสั่งกำชับนางให้ปฏิเสธทั้งหมดหรอกหรือ? แล้วนางเป็นอะไรไปเจียงโม่ก็แสดงสีหน้าแปลกใจไม่แพ้กันเขาเอ่ยถาม “ท่าน... ท