“อ๊าก…” ใบหน้าของฮวาอวี๋ซีดขาว รูม่านตาเบิกกว้าง มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือรีบกดไหล่ของเขาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่ามันเจ็บมาก แต่ข้าไม่มีผงยาชา เจ้าต้องอดทนเอาไว้ หากไม่รีบถอนอาวุธลับนี้ออก เลือดของเจ้าจะไหลจนหมดตัว!”ฮวาอวี๋หอบหายใจถี่ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็หมดสติไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ ดีแล้ว ดีแล้ว เขาหมดสติไปแล้ว จะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก”จากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็ช่วยฮวาอวี๋ถอนตะปูตอกหทัยต่อไปขณะที่นางกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตคน ซ่างกวนซีก็พาอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมาด้วย กำลังร้อนใจอยู่กับการตามหานางเย่เทียนซูปาดเหงื่อบนหน้าผาก ขมวดคิ้ว “เมื่อคืนนี้ฝนตกหนักมาก ไม่มีร่องรอยใด ๆ เลย เราตามหามานานขนาดนี้แต่ก็ยังไร้วี่แวว หรือว่าเรามาผิดทาง?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า “ไม่หรอก มีเพียงทหารยามที่ประตูเมืองทางเหนือเท่านั้น ที่กล่าวว่าเห็นเงาดำพุ่งออกไปหลังจากเวลาฟ้ามืด เวลานั้นใกล้เคียงกับเวลาที่เยี่ยนเว่ยฉือหายตัวไปพอดี พวกเขาต้องไปทางนี้... หือ?”อวี๋เฟยเหยียนพูดไม่ทันจบ ซ่างกวนซีก็รีบมองไปทางเขา “เป็นอะไรไป?”อวี๋เฟ
ครู่ต่อมา เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้ว พลางกล่าวว่า “เขามีไข้อีกแล้ว ทั้งที่กินยาแล้วแท้ ๆ เหตุใดยังเป็นไข้ซ้ำอีก?”“ก็เพราะเจ้าไง!” อวี๋เฟยเหยียนมีสีหน้าไม่ดีนัก “เจ้าหายออกไปกลางดึก ทำให้พวกเราสามพี่น้องต้องตามหาเจ้าทั้งคืน ข้ากับเทียนซูไม่เป็นไร แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่หายจากบาดแผลเก่า เมื่อคืนยังตากฝนตลอดทั้งคืน เจ้าจะโทษใครได้อีกนอกจากตนเอง?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย มองไปทางซ่างกวนซีด้วยความประหลาดใจหากนางจำไม่ผิด เมื่อวานซ่างกวนซีเป็นผู้ไล่นางออกไปนี่แล้วเหตุใดถึงต้องตามหานางด้วยเล่า?มิหนำซ้ำยังทำแม้กระทั่งตากฝนตามหานางอีกเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกสับสนเย่เทียนซูเห็นดังนั้น จึงเอ่ยขัดจังหวะเพื่อให้เรื่องจบลง “โอ้ เอาเถอะ เอาเถอะ อย่าเพิ่งวิวาทกันเลย กลับไปคุยกันที่จวนก่อนดีกว่า”เย่เทียนซูยิ้มให้เยี่ยนเว่ยฉือ เลิกคิ้วถาม “สวัสดี แม่นาง ข้าชื่อเย่เทียนซู เป็นศิษย์น้องสามขององค์รัชทายาท”เยี่ยนเว่ยฉือกระตุกมุมปาก พยายามยิ้มตอบอย่างสุภาพ กระนั้นก็คลี่ยิ้มไม่ออกอวี๋เฟยเหยียนแบกซ่างกวนซีไว้บนหลัง ตั้งท่าจะจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบร้องทัดทาน “ประเดี๋ยวก่อ
เยี่ยนเว่ยฉือน่าจะกลับมาที่จวนรัชทายาทพร้อมกับเขา และดูเหมือนว่านางจะไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย คอยเฝ้าอยู่ข้างเขาตลอดเวลาบนโต๊ะข้างเตียงมีอ่างน้ำเย็น เตาดินเผาเล็ก ๆ ที่มีหม้อยาวางอยู่ ในมืออีกข้างของเยี่ยนเว่ยฉือมีผ้าเช็ดหน้าที่แห้งไปแล้วครึ่งหนึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนบอกกับซ่างกวนซีว่า... นางคอยดูแลเขาตลอดทั้งคืนซ่างกวนซีเฝ้ามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน อดคิดไม่ได้ว่า ‘ในเมื่อเจ้ามีใจให้ผู้อื่น แล้วเหตุใดจึงแสดงความเอาใจใส่ต่อหน้าข้าอยู่เสมอ ตำแหน่งชายาของรัชทายาทมีความสำคัญสำหรับเจ้ามากเพียงนั้นเชียวหรือ? รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังตำแหน่งชายาของรัชทายาทนั้นไม่ใช่ความรุ่งโรจน์ชั่วชีวิต แต่เป็นเหวลึกนับหมื่นจั้ง’ซ่างกวนซีชักมือกลับอย่างช่วยไม่ได้ การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นเยี่ยนเว่ยฉือเด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ มองไปที่ซ่างกวนซีด้วยความกังวลดวงตากลมโตที่ยังคงไม่หายงัวเงียคู่นั้นแฝงไปด้วยความสับสนและความห่วงใยเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาของนางเช่นนี้ ซ่างกวนซีก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าหญิงสาวคนนี้มีชายอื่นอยู่ในใจเพราะดูเห
ซ่างกวนซียังคงฝืนไม่มองเยี่ยนเว่ยฉือ แต่อย่างไรก็ตาม มือซ้ายที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกลับกำแน่นโดยไม่รู้ตัวเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”เยี่ยนเว่ยฉือโยนผ้าเช็ดหน้าในมือลงบนพื้น แล้วก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตูซ่างกวนซีรีบเงยหน้ามองตามแผ่นหลังของนาง ทว่าคำว่า ‘อย่าไป’ กลับไม่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากเขาไม่มีความสามารถที่จะปกป้องนางยามอยู่ในเมืองหลวง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะอยู่รอดได้ถึงยี่สิบห้าขวบปีหรือไม่ในเมื่อนางมีคนรักอยู่แล้ว เช่นนั้นเขาก็... แน่นอนว่าควรปล่อยนางไปความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองเป็นเพียงอุบัติเหตุไร้สาระเยี่ยนเว่ยฉือเดินอ้อมฉากกั้น เสียงเปิดประตูและปิดประตูดังตามมาเสียงประตูปิดดังสนั่น ราวกับปิดกั้นหัวใจของซ่างกวนซีซ่างกวนซีถอนหายใจหนักหน่วง อารมณ์หดหู่ราวกับฝนที่กำลังจะพร่างพรมเขานั่งนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานความคิดในหัวสับสนอลหม่านวันนี้เขาควรทำอะไร ไปสืบข่าวเกี่ยวกับจวนองค์ชายรอง?หรือไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเป้าหมาย?หรือจะจัดระเบียบเรื่องภายในจวนก่อน แบ่งแยกบ่าวรับใช้ในจวนออกเป็นประเภทไป?หรือ... หรือเขาควรนอนอยู่
เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองเขา ดวงตาโตกลมใสราวกับมองทะลุทุกสิ่ง ทำให้ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความแข็งแกร่งของซ่างกวนซีปรากฏชัดเขาขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากเข้าหากัน ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรสักคำ กลัวว่าจะแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาเยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ เอ่ยต่อ “แม้ข้าจะไม่รู้จักพิษกู่เย็นดีนัก และไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ข้าเชื่อว่าทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ก็ต้องคงเดิมได้ โลกนี้มีทั้งชายและหญิง มีคนดีและคนชั่ว มีพิษย่อมมียาถอนพิษ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็ปล่อยมือ ผละมือออกจากแขนของซ่างกวนซีช้า ๆ “ก่อนที่จะหายาถอนพิษได้ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเป็นอะไรไปเด็ดขาด!”เยี่ยนเว่ยฉือยืดหลังตรง มองซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีมองดวงตาที่เจือความอ่อนโยนและปลอบประโลมของนาง อดนึกถึงเสด็จแม่ของตนไม่ได้มารดาของเขาก็เป็นเช่นนี้ อ่อนโยนทว่าแข็งแกร่ง งดงามทว่าเข้มแข็งหลังจากนิ่งเงียบไปนาน ซ่างกวนซีจึงค่อย ๆ เอ่ยคำว่า “อืม” ออกมาเขาจะเก็บเยี่ยนเว่ยฉือไว้!เยี่ยนเว่ยฉือเอียงศีรษะมองเขา “อะไรนะ?”ซ่างกวนซีหันหน้าหนี ขมวดคิ้ว “ช่างจู้จี้เสียจริง”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตา ตอบกลับ “ข้าจู้จี้ก็จริ
ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสั่งว่า “พาเขาไปพักที่ห้องรับรองเถอะ”“ห้องรับรองหรือ?” อวี๋เฟยเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “ศิษย์พี่ใหญ่ เขาเป็นคนแปลกหน้า ซ้ำร้ายยังมีมือสังหารจากเป่ยอินตามล่า ข้าไม่จับเขาขังคุกเพราะถือว่าเห็นแก่ที่เขาบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังจะให้พาไปห้องรับรอง อีก นี่เหมาะสมอย่างไรกัน?”ซ่างกวนซีตอบกลับ “เจ้าดูสิ เสื้อผ้าของเขายังสมบูรณ์ แต่กลับถูกตะปูตอกทะลุร่างเจ็ดดอก นั่นแสดงว่าก่อนจะเจอมือสังหาร เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ทิ้งเยี่ยนเว่ยฉือ ถือว่าช่วยชีวิตนางไว้ได้ ข้าเดาว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่มีเจตนาร้าย ลองปฏิบัติกับเขาด้วยความสุภาพดูก็ได้”อวี๋เฟยเหยียนรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพยักหน้าทันที “ได้ ข้าจะไปจัดการ”…… หลังจากที่สองพี่น้องออกจากห้องเก็บฟืน อวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าได้ยินเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวว่า ท่านไล่นางไปงั้นหรือ?”ซ่างกวนซีเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าแค่คิดจะส่งนางไปที่เขตเฟิงหลิงก็เท่านั้น”อวี๋เฟยเหยียนเข้าใจ ซ่างกวนซีต้องการปกป้องเยี่ยนเว่ยฉือนั่นเองเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้ เพิ่งผ่า
เยี่ยนเว่ยฉือในห้องนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ฟ้าผ่าลงมาเป็นฝีมือนางจริง น้ำมันตุงก็เป็นนางที่เทราดลงไปจริง แต่ไม่น่าจะทำให้เปลงเพลิงโหมรุนแรงถึงเพียงนี้ได้ จวนหายไปถึงสองในสามเชียวหรือ?เยี่ยนเว่ยฉือสูญเสียความง่วงงุนไปทันทีนางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ตั้งใจจะออกไปสืบข่าวเพิ่มเติมเสียหน่อยเพิ่งจะก้าวออกจากห้องก็เห็นพ่อบ้านจางเดินตรงมาพ่อบ้านจางพูดว่า “โอ้ พระชายา ท่านยังไม่นอนหรือ เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก ขุนนางจากสำนักตมาถึงแล้ว ยังกล่าวว่าจะเชิญท่านไปสอบถาม”“สำนักต?” เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน หรือว่าเรื่องที่นางทำถูกเปิดเผยแล้ว?พ่อบ้านจางพยักหน้า “พระชายาอย่าได้กังวล องค์ชายรัชทายาทก็อยู่ที่โถงด้านหน้า ย่อมไม่ให้ท่านประสบความเดือดร้อนแน่ ทว่าองค์ชายรัชทายาทสั่งไว้ว่า พระชายาต้องให้การอย่างระมัดระวัง ปฏิเสธทุกอย่าง!”ซ่างกวนซีก็อยู่ด้วยหรือ?เมื่อได้ยินเช่นนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบเดินเร็วขึ้นนางไม่ได้สนใจว่าองค์ชายรองจะรู้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือนางแม้จะรู้ พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานสิ่งที่นางเป็นห่วงในตอนนี้คือร่างกายของซ่างกวนซี ผู้ชายคนนี้นี่ ทำไมถึงวิ่งโร่ออกไปข้างนอกอีกแล้ว ไม่รู
“ถูกต้องแล้ว!” อวี๋เฟยเหยียนก็ช่วยพูดเสริมเช่นกัน “คนกล่าวว่าเห็นก็เชื่อแล้วอย่างนั้นหรือ? คนเราหน้าตาคล้ายคลึงกันถมเถ เสื้อผ้าอาภรณ์ก็อาจบังเอิญคล้ายคลึงกัน อาจมองผิดไปก็ได้!”เจียงโม่ไร้เรี่ยวแรงจะโต้แย้งเขาก็รู้สึกว่าการชี้ตัวขององค์ชายรองนั้นดูจะไร้เหตุผลอยู่บ้าง จึงได้มาสอบถามที่จวนรัชทายาทโดยตรง แทนที่จะนำตัวคนไปที่สำนักตรวจสอบโดยตรงเมื่อได้ยินเยี่ยนเว่ยฉือโต้แย้งเช่นนี้ เจียงโม่ก็พยักหน้า “คำกล่าวของพระชายามีเหตุผล แต่ไม่ทราบว่าในวันนั้น พระชายาได้เสด็จไปใกล้กับจวนองค์ชายรองหรือไม่?”คำถามนี้ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบหากกล่าวว่าไม่ได้ไป ก็มีพยานที่เห็นนางในวันนั้นมากกว่าหนึ่งคน หากสุดท้ายพิสูจน์ได้ว่านางจงใจโกหก ก็จะดูเหมือนว่านางกำลังหลบหนีความผิดหากกล่าวว่าไป แต่นั่นก็ยามค่ำคืนแล้ว นางไปทำสิ่งใดล่ะ?ด้านข้าง ซ่างกวนซีเห็นนางไม่ตอบ จึงตัดสินใจตอบแทน “นาง...”“ไปสิ!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างเด็ดเดี่ยวซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองเยี่ยนเว่ยฉือ เขาไม่ได้สั่งให้พ่อบ้านจางสั่งกำชับนางให้ปฏิเสธทั้งหมดหรอกหรือ? แล้วนางเป็นอะไรไปเจียงโม่ก็แสดงสีหน้าแปลกใจไม่แพ้กันเขาเอ่ยถาม “ท่าน... ท
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี
เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าคำพูดของตนเองฟังไม่ขึ้นนางยิ้มแห้งๆ แล้วหันไปมองลู่อู๋ เลียนแบบน้ำเสียงของซ่างกวนซีข่มขู่ "เจ้า คอยดูเถอะ!"คนสารเลวนี่ กล้ามาเคาะประตูในเวลากลางวันแสกๆ ไม่ใช่จงใจมาขัดขวางนางหรือ?หากนางผ่านด่านซ่างกวนซีไม่ได้ นางก็จะไม่ปล่อยให้ลู่อู๋ผ่านวันนี้ไปได้เช่นกัน! ฮึ่ม!ลู่อู๋เห็นดังนั้นก็อยากจะร้องไห้ "นาง... นางพูดความจริง ข้า... ข้าหมายปองท่านหญิงหมิงหยางจริงๆ ถึงแม้ว่านางจะแก่ไปหน่อย ผิวเหี่ยวไปหน่อย นิสัยดุร้ายไปหน่อย เอวหนาขาใหญ่ ไปหน่อย แต่ข้าชอบแบบนี้! มี... มีความอบอุ่นเหมือนมารดา!"ทุกคน "...""ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกเยี่ยนเว่ยฉือก็ตกตะลึง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า "เจ้าโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีไหวพริบ สอนได้!"ฉินเซียงหรูมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้ามืดครึ้ม แล้วยิ้มแย้ม "อยู่ข้างกายท่านช่างน่าสนุกสนานยิ่งนัก! สนุกกว่าตอนอยู่ในค่ายทหารเสียอีก!"ซ่างกวนซีถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการสั่งสอนเยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวยังปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่าการจัดการกองทัพเขาไม่กล่าวสิ่งใด ลุกขึ้นยืน เดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉ
"เอ่อ เพราะว่า..." ลู่อู๋มองซ่างกวนซี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกว่าปัญหายิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆซ่างกวนซีเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ นั่งลงบนบัลลังก์ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างใจเย็น แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?"ลู่อู๋มองเยี่ยนเว่ยฉือ "เพราะว่า...""ข้าถามเจ้า เจ้าจ้องมองพระชายาด้วยเหตุใด?" ซ่างกวนซีตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาลู่อู๋มีสีหน้าลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากพูดความจริง ก็คงจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือขุ่นเคือง ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาจะกล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้อย่างไร?แต่หากไม่พูดความจริง วันนี้เขาจะออกจากจวนรัชทายาทได้หรือ?ลู่อู๋ยังคงอ้ำอึ้ง "เพราะว่า...""เพราะเขาอยากให้ข้าทำหน้าที่แม่สื่อ!" เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวออกมา ทำเอาทุกคนตกตะลึง"อะ... อะไรนะ?" อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง มองเยี่ยนเว่ยฉือฉินเซียงหรูก็ตกตะลึง ถ้วยชาในมือเกือบหลุดซ่างกวนซีขมวดคิ้ว มองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดจาเหลวไหลเยี่ยนเว่ยฉือใช้ศอกกระทุ้งลู่อู๋ "รีบพูดสิ ใช่หรือไม่?"ลู่อู๋รู้สึกว่าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่พยักหน