ไม่นานหลังจากนั้น ท้องฟ้าก็ถูกแบ่งครึ่งด้วยสายฟ้าสีม่วงขาวทันใดนั้น แสงสว่างเจิดจ้าส่องสว่างทั่วเมืองหลวงจนค่ำคืนกลายเป็นกลางวันในความมืด เยี่ยนเว่ยฉือกุมมืออย่างตื่นเต้นและชะเง้อคอดูว่าวกระดาษของตัวเองครืน! เปรี้ยง!ฟิ้ว!สายฟ้าฟาดใส่ตรงกลางว่าวพอดิบพอดีแสงสว่างที่เต็มไปด้วยประกายไฟและสายฟ้าไหลมาตามสายว่าวกระดาษแล่นลงตรงหลังคาจวนของซ่างกวนหลีเกิดเสียงดังเปรี้ยงจนหลังคาหลุดกระเด็นออก!ทว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายเมื่อหลังคาระเบิด เปลวไฟที่โหมกระหน่ำก็ลุกท่วมเป็นไฟกองใหญ่ในทันที!กลายเป็นฉากอันน่าสยอง!“พระเจ้าช่วย ใครก็ได้ช่วยด้วย จวนถูกฟ้าผ่า!”“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ไฟไหม้ ไฟไหม้แล้ว!”“รีบไปแจ้งองค์ชายเร็ว! รีบมาช่วยกันดับไฟ!”……จวนที่พำนักขององค์ชายรองตกอยู่ในความสับสนอลหม่านทันทีเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่อีกฝั่งดีดนิ้วและพูดด้วยรอยยิ้ม “สำเร็จแล้ว! ความยุติธรรมที่สวรรค์บัญชา! เท่านี้ซ่างกวนซีก็ไม่ต้องกลัวว่าฮ่องเต้เฒ่าจะทำให้ลำบากใจแล้ว!”เมื่อซ่างกวนซีที่อยู่ในความมืดได้ยินคำพูดนั้น ไม่รู้เหตุใดหัวใจของเขาถึงสั่นไหวที่แท้… ที่แท้นางทุ่มเทแรงกายก็เพื่อระบา
เดิมทีซ่างกวนซีต้องการบังคับให้นางบอกความจริง แต่เมื่อเขาหรี่ตาลงและเห็นรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็พูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลันรอยแผลเหล่านี้คงจะเกิดจากการปีนต้นไม้มือของซ่างกวนซีที่ไพล่หลังอยู่กำหมัดแน่น อารมณ์ของเขาซับซ้อนอย่างยิ่งทั้งสองมองหน้ากันอยู่นาน และไม่มีใครเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือทนไม่ไหวกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ซ่างกวนซีก็พูดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ ข้าส่งเจ้าจากไปดีไหม?”“หา? จากไป?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีพยักหน้าอย่างจริงจังรอบตัวเขามีแต่อันตราย ทั้งฮองเฮา อันกั๋วกง อ๋องจ่างซิ่นและยังมีบรรดาพี่น้องทุกคนที่ต่างมองเขาเป็นเสี้ยนหนามตอนที่เขาอยู่ในค่ายทหาร เขาต้องเผชิญกับการถูกลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วนตอนนี้ที่กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ก็ยังต้องดิ้นรนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ โดยเฉพาะพิษกู่เย็นที่อาการเริ่มกำเริบอย่างไม่อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้นเรื่อย ๆเขารู้ว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อย และเขาแค่อยากทำภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดและในบรรดาภารกิจทั้งหมดเหล่านี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเยี่ยนเว่ยฉือ
บุรุษในชุดสีม่วงโบกมือให้เยี่ยนเว่ยฉือมองมาที่รูตรงชายเสื้อคลุมของเขามันดูเหมือนถูกเผาไม่มีผิดเขาเป็นคนของซ่างกวนหลีหรือ?สีหน้าของนางเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือพูดได้ นางได้แต่หวังว่าซ่างกวนซีจะพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับนางโดยเร็วชายชุดม่วงมองไปทางประตูที่อยู่ด้านหลังนางแล้วพูดต่อ “ข้าว่าสามีของเจ้าดูไม่ค่อยพึงใจในตัวเจ้านะ มากับข้าไหมล่ะ ขอแค่เจ้ามอบร่างกายชดใช้ให้ข้า ก็ถือว่าเจ้าได้ชดใช้ที่ทำให้เสื้อผ้าข้าเสียหาย!”ทันทีที่บุรุษชุดม่วงพูดจบ เขาก็ก้าวไปอุ้มนางขึ้นมาพาดไหล่จากนั้นในขณะที่นางกำลังตกตะลึง เขาก็เดินออกทางประตูแล้วทะยานหนีไป!……หลังจากที่ซ่างกวนซีสั่งให้เตรียมรถเรียบร้อย เขาก็กลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อเขียนจดหมายเขาไม่รู้ว่าจะจัดให้เยี่ยนเว่ยฉือไปอยู่ที่ไหนอย่างไรดี แต่เขาต้องส่งนางออกไปให้ได้เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าวิธีการของตนนั้นชาญฉลาด แต่กลับไม่รู้ว่ามันเต็มไปด้วยช่องโหว่แม้แต่คู่แม่ลูกที่อยู่ตรงถนนก็ยังเห็นนางเล่นว่าวกระดาษ หากซ่างกวนหลีตั้งใจจะสืบสวนขึ้นมาจริง ๆ นางจะหนีไปได้อย่างไร?คงไม่พ้นถูกตั้งข้อหาลอบปลงพระชน
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว เขาได้ตระหนักว่าตนมีศัตรูมากมายจนคาดเดาไม่ออกไปชั่วขณะเขารีบหยุดคิดเรื่องนี้และรีบวิ่งตรงเข้าฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาเมื่อเห็นเช่นนั้น อวี๋เฟยเหยียนก็ไล่ตามเขาไปพลางพูดว่า “นี่ ศิษย์พี่ รอข้าด้วย แผลของท่านยังไม่หายดี จะให้มันเปียกฝนไม่ได้นะ!”……เช้าวันรุ่งขึ้นในถ้ำแห่งหนึ่งเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างนอกก็เป็นเวลารุ่งสางแล้วนางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำถ้ำแห่งนี้กว้างขวางและอากาศแห้ง ทั้งยังมีหญ้าแห้งบางส่วนถูกโยนเข้าไปด้วยขณะนี้นางนอนอยู่บนหญ้าแห้ง และไม่ไกลกันนั้นก็มีบุรุษชุดสีม่วงที่กำลังนอนหายใจลึกเขาหลับหรือ?เมื่อเห็นคนผู้นี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็มีไหวพริบขึ้นมาและลุกขึ้นนั่งอย่างเร่งรีบเมื่อนางลุกขึ้นนั่ง นางก็ได้รู้ว่าจุดฝังเข็มในร่างกายของนางที่ถูกสกัดได้ปลดออกแล้วจนสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ? หนีสิ!เยี่ยนเว่ยฉือรีบเดินย้อนกลับไปที่ทางเข้าถ้ำโดยไม่ต้องคิด ทว่าทันทีที่นางไปถึงทางเข้านางก็ตกตะลึง“นะ...นี่มันสูงมากเลย!” เยี่ยนเว่ยฉือมองเหวลึกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า แล้วก็ได้รู้ว่าถ้ำไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้น แ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งถอยเข้าไปยืนอยู่ข้างในอีกครั้งบุรุษในชุดสีม่วงยิ้มมุมปาก พลางมองนางด้วยความสนใจเยี่ยนเว่ยฉือตวาดด้วยความโกรธ “มองอะไร อย่าคิดว่าจะรังแกข้าได้ง่าย ๆ นะ”นางคว้าหมับที่กำไลของตัวเองตามสัญชาตญาณ ในนั้นมียาพิษที่นางใช้เพื่อป้องกันตัวแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของชายหนุ่มไปได้เขากลอกตาแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้า เช่นนั้นก็มาทำข้อตกลงกัน ว่าอย่างไร?”“ข้อตกลง? ข้อตกลงอะไร?” เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาอย่างไม่ไว้ใจชายในชุดสีม่วงพูดพลางบุ้ยปากไปที่ข้อมือของนาง “บอกข้าหน่อยว่าเจ้าได้กำไลรูปทรงประหลาด ๆ นั่นมาจากที่ใด แล้วข้าจะบอกเจ้าเองว่าข้าชื่ออะไร!”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขายกใหญ่ “ประสาท ใครจะไปอยากรู้ชื่อของเจ้า!”“หือ? พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะ หากเจ้ารู้ชื่อข้าก็แสดงว่าเราเป็นสหายกัน เพราะเราเป็นเพื่อนกันข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ด้วยนะ?”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะบอกว่านางไม่สนใจความช่วยเหลือของเขาแต่ก่อนที่จะพูดออกไปนางก็เห็นหน้าผาที่อยู่ด้านนอกเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปาก นางต้องการความช่วยเหลือจากค
เยี่ยนเว่ยฉือรีบกระโดดลงจากตัวเขาและรักษาระยะห่างอย่างรวดเร็วฮวาอวี๋ยืนเท้าเอวมองท่าทางอึดอัดของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดติดตลกว่า “แขนก็เล็กขาก็เล็ก แต่แรงเยอะชะมัด กอดจนพี่ชายคนนี้เจ็บไปทั้งตัวแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขาด้วยความโกรธ ทำไมหมอนี่ถึงพูดจาน่ารังเกียจเช่นนี้กอดแค่ครู่เดียวเองจะเอาอะไรมาเจ็บ? เขาเป็นกระดาษรึอย่างไร!เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่นี่ที่ไหน? ข้าจะกลับแล้ว!”รอบตัวมีแต่ป่า ไม่รู้เลยว่าทิศไหนเป็นทิศไหนฮวาอวี๋กำลังจะตอบ แต่จู่ ๆ หูของเขาก็กระดิกเพราะได้ยินเสียงแปลก ๆเป็นไปตามคาด ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงพูดของใครบางคนก็ดังขึ้น“หัวหน้า เมื่อคืนเขากลับมาแล้วจริง ๆ และเขาก็พาคนกลับมาด้วยหนึ่งคน”“รีบไป คราวนี้เราจะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้เด็ดขาด!”พร้อมกันกับการสนทนาระหว่างบุรุษทั้งสอง มีเสียงฝีเท้าดังก้องมาจากส่วนลึกของป่าสีหน้าของฮวาอวี๋ขรึมลง เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกไป “น่ารำคาญจริง!”จากนั้นเขาก็คว้าเอวของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพานางทะยานขึ้นไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบสนองอยู่ครู่หนึ่งและอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “นี่? เจ้าจะพาข้าไปไหน?”ฮวาอวี๋พูดอย่า
ดูเหมือนฮวาอวี๋จะไม่สนใจคำตอบของนาง เพียงแค่นหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนับหนึ่งถึงหนึ่งร้อย พอครบแล้วก็มาจับข้า หากเจ้าชนะ ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องเดินทางไปท่องโลกกว้างกับข้า หรือหากถอดผ้าคลุมออกก็ถือว่าเจ้าแพ้เช่นกัน!”หลังจากที่ฮวาอวี๋พูดจบ เขาก็หันกลับไปหาชายชุดดำโดยไม่รอคำตอบของเยี่ยนเว่ยฉือทว่าแววตาของเขาได้เปลี่ยนจากขี้เล่นเจ้าชู้ไปเป็นโหดเหี้ยมอำมหิตชายชุดดำทุกคนต่างตกตะลึงกับสายตาของเขาแต่ฮวาอวี๋พูดเพียงว่า “นับเสียงดัง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือตื่นเต้นและรีบพูด “หนึ่ง!”เมื่อเสียงนับของเยี่ยนเว่ยฉือดังขึ้น ฮวาอวี๋ก็ทะยานไปหาชายชุดดำกระบี่ยาวแทงไปที่ฮวาอวี๋ แต่ฮวาอวี๋ก็จับปลายกระบี่ด้วยฝ่ามือกึก แกร๊ง!กระบี่ยาวที่แทงเข้าฝ่ามือของฮวาอวี๋ แทนที่มันจะทำร้ายเขา แต่ดาบกลับหักและแตกกระจายหล่นลงพื้น!นี่มันวิชาฝึกตนอะไรกัน? วิชาหนังทองแดงกระดูกเหล็กกล้ารึ??ชายชุดดำตกใจมาก แต่ก็สายเกินไปที่จะวิ่งหนีฮวาอวี๋คว้าคอชายชุดดำและบีบอย่างแรง สุดท้ายก็หักคอของเขาดังกร๊อบทันทีต่อจากนั้นก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด เลือดกระเซ็นไปทั่วชายชุดดำซ่อน
เยี่ยนเว่ยฉือก้าวเดินต่อไปอย่างไรก็ตาม นางก็อดใจไม่ไหวที่จะหยุดลงอีกครั้งชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่มีเจตนาร้ายใด ๆ เมื่อครู่ที่เขาฆ่าคน เขายังปิดตานางไว้ด้วยซ้ำ จากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายนางและ… ดูเหมือนเขาจะรู้จักกำไลประหลาดบนมือของนางด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจ้า... เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ข้า... ข้าไปแล้วนะ!”สิ่งที่ตอบกลับเยี่ยนเว่ยฉือก็คือความเงียบอันยาวนานเยี่ยนเว่ยฉือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ถอดผ้าปิดหน้าออกทันทีที่นางหันกลับไปมอง นางก็เห็นฮวาอวี๋ที่นอนสลบอยู่บนพื้น ในขณะนี้ มุมปากของเขายังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตาโต วิ่งไปหาฮวาอวี๋พร้อมกับพูดด้วยความโกรธ “บ้าเอ๊ย ไอ้จรรยาบรรณแพทย์ของฉันนี่นะ!”ในที่สุดนางก็ทำใจมองดูคนตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือวิ่งกลับไปหาฮวาอวี๋แต่กลับพบว่าฮวาอวี๋ไม่ได้หมดสติไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ทันทีที่เขาเอ่ยปากพูด เลือดก็ไหลออกมาเต็มปากเยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้ว “เจ้า... เจ้าไม่ได้เก่งกาจนักหรืออย่างไร ข้าจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว