เดิมทีซ่างกวนซีต้องการบังคับให้นางบอกความจริง แต่เมื่อเขาหรี่ตาลงและเห็นรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็พูดไม่ออกขึ้นมาฉับพลันรอยแผลเหล่านี้คงจะเกิดจากการปีนต้นไม้มือของซ่างกวนซีที่ไพล่หลังอยู่กำหมัดแน่น อารมณ์ของเขาซับซ้อนอย่างยิ่งทั้งสองมองหน้ากันอยู่นาน และไม่มีใครเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือทนไม่ไหวกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ซ่างกวนซีก็พูดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ ข้าส่งเจ้าจากไปดีไหม?”“หา? จากไป?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีพยักหน้าอย่างจริงจังรอบตัวเขามีแต่อันตราย ทั้งฮองเฮา อันกั๋วกง อ๋องจ่างซิ่นและยังมีบรรดาพี่น้องทุกคนที่ต่างมองเขาเป็นเสี้ยนหนามตอนที่เขาอยู่ในค่ายทหาร เขาต้องเผชิญกับการถูกลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วนตอนนี้ที่กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ก็ยังต้องดิ้นรนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ โดยเฉพาะพิษกู่เย็นที่อาการเริ่มกำเริบอย่างไม่อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้นเรื่อย ๆเขารู้ว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อย และเขาแค่อยากทำภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดและในบรรดาภารกิจทั้งหมดเหล่านี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเยี่ยนเว่ยฉือ
บุรุษในชุดสีม่วงโบกมือให้เยี่ยนเว่ยฉือมองมาที่รูตรงชายเสื้อคลุมของเขามันดูเหมือนถูกเผาไม่มีผิดเขาเป็นคนของซ่างกวนหลีหรือ?สีหน้าของนางเริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือพูดได้ นางได้แต่หวังว่าซ่างกวนซีจะพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับนางโดยเร็วชายชุดม่วงมองไปทางประตูที่อยู่ด้านหลังนางแล้วพูดต่อ “ข้าว่าสามีของเจ้าดูไม่ค่อยพึงใจในตัวเจ้านะ มากับข้าไหมล่ะ ขอแค่เจ้ามอบร่างกายชดใช้ให้ข้า ก็ถือว่าเจ้าได้ชดใช้ที่ทำให้เสื้อผ้าข้าเสียหาย!”ทันทีที่บุรุษชุดม่วงพูดจบ เขาก็ก้าวไปอุ้มนางขึ้นมาพาดไหล่จากนั้นในขณะที่นางกำลังตกตะลึง เขาก็เดินออกทางประตูแล้วทะยานหนีไป!……หลังจากที่ซ่างกวนซีสั่งให้เตรียมรถเรียบร้อย เขาก็กลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อเขียนจดหมายเขาไม่รู้ว่าจะจัดให้เยี่ยนเว่ยฉือไปอยู่ที่ไหนอย่างไรดี แต่เขาต้องส่งนางออกไปให้ได้เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าวิธีการของตนนั้นชาญฉลาด แต่กลับไม่รู้ว่ามันเต็มไปด้วยช่องโหว่แม้แต่คู่แม่ลูกที่อยู่ตรงถนนก็ยังเห็นนางเล่นว่าวกระดาษ หากซ่างกวนหลีตั้งใจจะสืบสวนขึ้นมาจริง ๆ นางจะหนีไปได้อย่างไร?คงไม่พ้นถูกตั้งข้อหาลอบปลงพระชน
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว เขาได้ตระหนักว่าตนมีศัตรูมากมายจนคาดเดาไม่ออกไปชั่วขณะเขารีบหยุดคิดเรื่องนี้และรีบวิ่งตรงเข้าฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาเมื่อเห็นเช่นนั้น อวี๋เฟยเหยียนก็ไล่ตามเขาไปพลางพูดว่า “นี่ ศิษย์พี่ รอข้าด้วย แผลของท่านยังไม่หายดี จะให้มันเปียกฝนไม่ได้นะ!”……เช้าวันรุ่งขึ้นในถ้ำแห่งหนึ่งเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างนอกก็เป็นเวลารุ่งสางแล้วนางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำถ้ำแห่งนี้กว้างขวางและอากาศแห้ง ทั้งยังมีหญ้าแห้งบางส่วนถูกโยนเข้าไปด้วยขณะนี้นางนอนอยู่บนหญ้าแห้ง และไม่ไกลกันนั้นก็มีบุรุษชุดสีม่วงที่กำลังนอนหายใจลึกเขาหลับหรือ?เมื่อเห็นคนผู้นี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็มีไหวพริบขึ้นมาและลุกขึ้นนั่งอย่างเร่งรีบเมื่อนางลุกขึ้นนั่ง นางก็ได้รู้ว่าจุดฝังเข็มในร่างกายของนางที่ถูกสกัดได้ปลดออกแล้วจนสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ? หนีสิ!เยี่ยนเว่ยฉือรีบเดินย้อนกลับไปที่ทางเข้าถ้ำโดยไม่ต้องคิด ทว่าทันทีที่นางไปถึงทางเข้านางก็ตกตะลึง“นะ...นี่มันสูงมากเลย!” เยี่ยนเว่ยฉือมองเหวลึกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า แล้วก็ได้รู้ว่าถ้ำไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้น แ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งถอยเข้าไปยืนอยู่ข้างในอีกครั้งบุรุษในชุดสีม่วงยิ้มมุมปาก พลางมองนางด้วยความสนใจเยี่ยนเว่ยฉือตวาดด้วยความโกรธ “มองอะไร อย่าคิดว่าจะรังแกข้าได้ง่าย ๆ นะ”นางคว้าหมับที่กำไลของตัวเองตามสัญชาตญาณ ในนั้นมียาพิษที่นางใช้เพื่อป้องกันตัวแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของชายหนุ่มไปได้เขากลอกตาแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้า เช่นนั้นก็มาทำข้อตกลงกัน ว่าอย่างไร?”“ข้อตกลง? ข้อตกลงอะไร?” เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาอย่างไม่ไว้ใจชายในชุดสีม่วงพูดพลางบุ้ยปากไปที่ข้อมือของนาง “บอกข้าหน่อยว่าเจ้าได้กำไลรูปทรงประหลาด ๆ นั่นมาจากที่ใด แล้วข้าจะบอกเจ้าเองว่าข้าชื่ออะไร!”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขายกใหญ่ “ประสาท ใครจะไปอยากรู้ชื่อของเจ้า!”“หือ? พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะ หากเจ้ารู้ชื่อข้าก็แสดงว่าเราเป็นสหายกัน เพราะเราเป็นเพื่อนกันข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ด้วยนะ?”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะบอกว่านางไม่สนใจความช่วยเหลือของเขาแต่ก่อนที่จะพูดออกไปนางก็เห็นหน้าผาที่อยู่ด้านนอกเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปาก นางต้องการความช่วยเหลือจากค
เยี่ยนเว่ยฉือรีบกระโดดลงจากตัวเขาและรักษาระยะห่างอย่างรวดเร็วฮวาอวี๋ยืนเท้าเอวมองท่าทางอึดอัดของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดติดตลกว่า “แขนก็เล็กขาก็เล็ก แต่แรงเยอะชะมัด กอดจนพี่ชายคนนี้เจ็บไปทั้งตัวแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่เขาด้วยความโกรธ ทำไมหมอนี่ถึงพูดจาน่ารังเกียจเช่นนี้กอดแค่ครู่เดียวเองจะเอาอะไรมาเจ็บ? เขาเป็นกระดาษรึอย่างไร!เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่นี่ที่ไหน? ข้าจะกลับแล้ว!”รอบตัวมีแต่ป่า ไม่รู้เลยว่าทิศไหนเป็นทิศไหนฮวาอวี๋กำลังจะตอบ แต่จู่ ๆ หูของเขาก็กระดิกเพราะได้ยินเสียงแปลก ๆเป็นไปตามคาด ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงพูดของใครบางคนก็ดังขึ้น“หัวหน้า เมื่อคืนเขากลับมาแล้วจริง ๆ และเขาก็พาคนกลับมาด้วยหนึ่งคน”“รีบไป คราวนี้เราจะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้เด็ดขาด!”พร้อมกันกับการสนทนาระหว่างบุรุษทั้งสอง มีเสียงฝีเท้าดังก้องมาจากส่วนลึกของป่าสีหน้าของฮวาอวี๋ขรึมลง เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกไป “น่ารำคาญจริง!”จากนั้นเขาก็คว้าเอวของเยี่ยนเว่ยฉือแล้วพานางทะยานขึ้นไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบสนองอยู่ครู่หนึ่งและอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “นี่? เจ้าจะพาข้าไปไหน?”ฮวาอวี๋พูดอย่า
ดูเหมือนฮวาอวี๋จะไม่สนใจคำตอบของนาง เพียงแค่นหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนับหนึ่งถึงหนึ่งร้อย พอครบแล้วก็มาจับข้า หากเจ้าชนะ ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องเดินทางไปท่องโลกกว้างกับข้า หรือหากถอดผ้าคลุมออกก็ถือว่าเจ้าแพ้เช่นกัน!”หลังจากที่ฮวาอวี๋พูดจบ เขาก็หันกลับไปหาชายชุดดำโดยไม่รอคำตอบของเยี่ยนเว่ยฉือทว่าแววตาของเขาได้เปลี่ยนจากขี้เล่นเจ้าชู้ไปเป็นโหดเหี้ยมอำมหิตชายชุดดำทุกคนต่างตกตะลึงกับสายตาของเขาแต่ฮวาอวี๋พูดเพียงว่า “นับเสียงดัง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือตื่นเต้นและรีบพูด “หนึ่ง!”เมื่อเสียงนับของเยี่ยนเว่ยฉือดังขึ้น ฮวาอวี๋ก็ทะยานไปหาชายชุดดำกระบี่ยาวแทงไปที่ฮวาอวี๋ แต่ฮวาอวี๋ก็จับปลายกระบี่ด้วยฝ่ามือกึก แกร๊ง!กระบี่ยาวที่แทงเข้าฝ่ามือของฮวาอวี๋ แทนที่มันจะทำร้ายเขา แต่ดาบกลับหักและแตกกระจายหล่นลงพื้น!นี่มันวิชาฝึกตนอะไรกัน? วิชาหนังทองแดงกระดูกเหล็กกล้ารึ??ชายชุดดำตกใจมาก แต่ก็สายเกินไปที่จะวิ่งหนีฮวาอวี๋คว้าคอชายชุดดำและบีบอย่างแรง สุดท้ายก็หักคอของเขาดังกร๊อบทันทีต่อจากนั้นก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด เลือดกระเซ็นไปทั่วชายชุดดำซ่อน
เยี่ยนเว่ยฉือก้าวเดินต่อไปอย่างไรก็ตาม นางก็อดใจไม่ไหวที่จะหยุดลงอีกครั้งชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่มีเจตนาร้ายใด ๆ เมื่อครู่ที่เขาฆ่าคน เขายังปิดตานางไว้ด้วยซ้ำ จากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายนางและ… ดูเหมือนเขาจะรู้จักกำไลประหลาดบนมือของนางด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจ้า... เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ข้า... ข้าไปแล้วนะ!”สิ่งที่ตอบกลับเยี่ยนเว่ยฉือก็คือความเงียบอันยาวนานเยี่ยนเว่ยฉือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ถอดผ้าปิดหน้าออกทันทีที่นางหันกลับไปมอง นางก็เห็นฮวาอวี๋ที่นอนสลบอยู่บนพื้น ในขณะนี้ มุมปากของเขายังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตาโต วิ่งไปหาฮวาอวี๋พร้อมกับพูดด้วยความโกรธ “บ้าเอ๊ย ไอ้จรรยาบรรณแพทย์ของฉันนี่นะ!”ในที่สุดนางก็ทำใจมองดูคนตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือวิ่งกลับไปหาฮวาอวี๋แต่กลับพบว่าฮวาอวี๋ไม่ได้หมดสติไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ทันทีที่เขาเอ่ยปากพูด เลือดก็ไหลออกมาเต็มปากเยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้ว “เจ้า... เจ้าไม่ได้เก่งกาจนักหรืออย่างไร ข้าจะ
“อ๊าก…” ใบหน้าของฮวาอวี๋ซีดขาว รูม่านตาเบิกกว้าง มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือรีบกดไหล่ของเขาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่ามันเจ็บมาก แต่ข้าไม่มีผงยาชา เจ้าต้องอดทนเอาไว้ หากไม่รีบถอนอาวุธลับนี้ออก เลือดของเจ้าจะไหลจนหมดตัว!”ฮวาอวี๋หอบหายใจถี่ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็หมดสติไปอีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ ดีแล้ว ดีแล้ว เขาหมดสติไปแล้ว จะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก”จากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็ช่วยฮวาอวี๋ถอนตะปูตอกหทัยต่อไปขณะที่นางกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตคน ซ่างกวนซีก็พาอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมาด้วย กำลังร้อนใจอยู่กับการตามหานางเย่เทียนซูปาดเหงื่อบนหน้าผาก ขมวดคิ้ว “เมื่อคืนนี้ฝนตกหนักมาก ไม่มีร่องรอยใด ๆ เลย เราตามหามานานขนาดนี้แต่ก็ยังไร้วี่แวว หรือว่าเรามาผิดทาง?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า “ไม่หรอก มีเพียงทหารยามที่ประตูเมืองทางเหนือเท่านั้น ที่กล่าวว่าเห็นเงาดำพุ่งออกไปหลังจากเวลาฟ้ามืด เวลานั้นใกล้เคียงกับเวลาที่เยี่ยนเว่ยฉือหายตัวไปพอดี พวกเขาต้องไปทางนี้... หือ?”อวี๋เฟยเหยียนพูดไม่ทันจบ ซ่างกวนซีก็รีบมองไปทางเขา “เป็นอะไรไป?”อวี๋เฟ
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ
หลังจากนั้นไม่นานฉินเซียงหรูก็กลับมามือเปล่า ทำเอาทุกคนสับสนเยี่ยนเว่ยฉือถามว่า “ยาล่ะ? หมอฉิน ยาของท่านล่ะ?”ฉินเซียงหรูกล่าวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “พิษกู่เย็นกระจายออกมาจากภายในร่างกายขององค์รัชทายาท ดังนั้นจึงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยความร้อนจากภายนอก แต่มีวิธีบรรเทาพิษเย็นได้ และบางทีมันอาจอยู่นานจนอาการของพิษหายไป”“เลิกพูดอ้อมค้อมเสียที รีบเข้าประเด็นเสีย!” อวี๋เฟยเหยียนกังวลจะแย่อยู่แล้วฉินเซียงหรูกระตุกมุมปากด้วยความกระดากและพูดต่อ “เช่นนั้นก็ต้อง... กระตุ้นความร้อนภายในขององค์รัชทายาท”“ความร้อนภายใน? ความร้อนภายในคืออะไร?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจแต่เยี่ยนเว่ยฉือดูเหมือนจะนึกอะไรออกนางจำได้ว่าคนที่แข็งตายจะมีอาการประสาทหลอนจากความร้อนภายในขณะพวกเขากำลังจะตาย ร่างกายของพวกเขาจะร้อนมากจนต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกก่อนจะเสียชีวิตดังนั้นคนจำนวนมากที่แข็งตายจึงถูกพบในสภาพเปลือยเปล่าแต่สิ่งที่เรียกว่าความร้อนภายในนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่ใช่ของจริงแล้วความร้อนภายในที่แท้จริงคืออะไรกัน?คืออาการเลือดลมพุ่งสูงขึ้นหลังออกกำลังกาย อาการร้อนชื้นในม้ามและกระเพาะเนื่องจากไฟในตั
“ระดมพลังปราณไม่ได้รึ?” อวี๋เฟยเหยียนมองซ่างกวนซีด้วยความตกใจหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็นึกอะไรออกและมองไปที่ฉินเซียงหรูอย่างรวดเร็ว “ท่านหมอฉิน ก่อนหน้านี้ท่านเคยบอกว่าเถาชิงเกิงจะทำให้ศิษย์พี่ไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ แต่ท่านได้ให้ยาถอนพิษไปแล้วไม่ใช่หรือ?”ฉินเซียงหรูขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เถาชิงเกิงมีความเป็นพิษมาก การดื่มยาถอนพิษสามารถถอนพิษได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถถอนฤทธิ์ยาได้ ฤทธิ์ยาของมันคือทำให้คนไม่สามารถระดมกำลังภายในของตนได้ และจะใช้เวลาประมาณห้าวัน ฤทธิ์ยาจึงจะถูกขับออกจากร่างกายไปพร้อมของเสีย แต่ใครจะรู้ว่าองค์รัชทายาทจะโชคร้าย รอเพียงห้าวันก็ยังผ่านไปไม่ไหว”“เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดี? องค์รัชทายาทจะถูกแช่แข็งอยู่แล้ว! จริงสิ แช่น้ำร้อน แช่น้ำร้อนได้หรือไม่?” เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างกังวลฉินเซียงหรูมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือและพูดต่อ “แม่นางเยี่ยน พิษกู่เย็นแสดงอาการมาจากภายใน ความร้อนจากภายนอกมีแต่จะบังคับให้พิษกลับเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เป็นอันตรายมากยิ่งกว่าเดิม”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง วิชาสหัสเหมันต์กระตุ้นพลังหยินมากจนทำให้เกิดความเย็น ศิษย์พี่ฝึกวิชาสหัส
ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังง้อซ่างกวนซี ฉินเซียงหรูก็ถูกสอบปากคำเช่นกันอวี๋เฟยเหยียนพาชิงโจวและฉินซานมาด้วย โดยพวกเขายืนล้อมรอบฉินเซียงหรูกันคนละมุมเป็นรูปสามเหลี่ยมฉินเซียงหรูยิ้มเจื่อน “อะไร...ของพวกท่านเนี่ย?”อวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้วและพูดว่า “หมอฉิน วันนี้ท่านกับพี่สะใภ้ของข้าไปทำอะไรมากันแน่?”ฉินเซียงหรูชี้ไปที่ข้องใส่ปลาที่อยู่อีกด้านหนึ่งแล้วตอบว่า “ก็ตกปลาอย่างไรเล่า นี่ ได้ปลามาเยอะเลยนะ!”อวี๋เฟยเหยียนเหลือบมองข้องใส่ปลาแล้วถามว่า “หมอฉิน ท่านอย่าคิดว่าตนคนฉลาดอยู่คนเดียวแล้วคิดว่าผู้อื่นโง่สิ แค่เวลาบ่ายช่วงสั้น ๆ ท่านตกปลาได้มากมายถึงเพียงนี้เลยรึ? ใครจะเชื่อกัน?”ฉินเซียงหรูยิ้มตาหยีและพูดว่า “นั่นเป็นเพราะเหยื่อที่แม่นางเยี่ยนทำอย่างไรเล่า ข้าจะบอกพวกท่านให้ มันวิเศษมากจริง ๆ ไม่มีปลาตัวไหนที่ผ่านไปแล้วไม่ติดเบ็ดเลย หากรัฐทายาทอวี๋ไม่เชื่อ วันพรุ่งไปดูด้วยกันไหมล่ะขอรับ?”อวี๋เฟยเหยียนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าไม่ว่าง ข้าต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรมกลาโหม!”ฉินเซียงหรูยิ้มบาง ๆ “ไปนั่งดื่มชาทั้งวันน่ะหรือขอรับ?”อวี๋เฟยเหยียนสะดุ้งเบา ๆ จากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ทะ...
เยี่ยนเว่ยฉือเห็นซ่างกวนซีที่ดูไม่พอใจ ก็เดินเข้าไปหาเขาด้วยความระมัดระวังและถามว่า “องค์รัชทายาท...วันนี้ไปเข้าเฝ้าเหนื่อยหรือไม่?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า “ไปเข้าเฝ้าใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม แต่ข้าต้องใช้เวลาทั้งวันตามหาเจ้า เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าทำหูทวนลมไม่ฟังที่ข้าพูดหรือ? กล้าดีอย่างไรถึงได้แอบออกไป?”เยี่ยนเว่ยฉือรีบพูด “เปล่านะ ก็องค์รัชทายาทสั่งไม่ให้ข้าออกไปคนเดียว ข้าก็ไม่ได้ไปคนเดียวสักหน่อย ข้าไปกับท่านหมอฉินไม่ใช่หรือ?”“ไปกับเขากับเจ้าไปคนเดียวมันต่างกันตรงไหน? เขาไม่มีวิทยายุทธ์เลยแม้แต่น้อย หากเผชิญกับอันตรายเข้า เจ้าจะปกป้องเขาหรือเขาจะปกป้องเจ้าล่ะ?” ซ่างกวนซีรู้สึกโมโหจริง ๆ ไม่มีวี่แววว่าจะหามือสังหารที่ลอบสังหารเยี่ยนเว่ยฉือพบเลยเยี่ยนเว่ยฉือรู้ดีว่าซ่างกวนซีมีเจตนาดีแต่นางซ่อนตัวอยู่ในจวนองค์รัชทายาทตลอด แล้วจะตามหามือสังหารเจอได้อย่างไรเยี่ยนเว่ยฉือใช้แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บคล้องแขนของซ่างกวานซีซ่างกวนซีจะผละออกตามสัญชาตญาณเยี่ยนเว่ยฉือเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูด “โอ๊ย ๆ องค์รัชทายาทอย่าขยับสิ คนเขายังเจ็บมืออยู่เลยนะ”ซ่างกวนซีตกใจเล็กน้อย และรีบมองไ