นี่จะโยนข้อกล่าวหาทั้งหมดมาให้เยี่ยนเว่ยฉือหรือ?ริมฝีปากของเยี่ยนเว่ยฉือขยับเพราะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ อันกั๋วกงก็ชิงพูดก่อนว่า “เจ้าพูดอะไรเหลวไหล! ข้าได้ทำการตรวจสอบอย่างแน่ชัดแล้ว เยี่ยนเว่ยฉืออาศัยที่ในเขตนอกเมืองตั้งแต่อายุหกขวบและไม่เคยกลับมาที่เมืองหลวงเลย นางจะรู้ข่าวนี้ได้อย่างไร และนางรู้ได้อย่างไรว่าเวลาไหนจะต้องเข้าไปสลับตัวแทนได้ หากเจ้าไม่ได้เป็นคนพานางมา นางคงจะกลับบ้านไม่ถูกเสียด้วยซ้ำ!”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หาได้ยากที่อันกั๋วกงจะพูดอะไรที่ดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างเยี่ยนหานซานขมวดคิ้วหน้าบึ้ง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความโกรธแค้น “นางคนชั่วช้า เจ้าพูดมาสิว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าน้องหญิงรองของเจ้าต้องไปพบองค์รัชทายาท และเจ้าเข้าไปแทนที่นางอย่างไร?”เยี่ยนหานซานขยิบตาให้เยี่ยนเว่ยฉือบอกนางเป็นนัย ๆ ว่าให้รับผิดทั้งหมดท่านหญิงหมิงหยางที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “นั่นสิ เว่ยฉือ เจ้ายอมรับผิดเถิด ฝ่าบาทคงจะทรงลดโทษให้เจ้าเพราะเห็นแก่ที่เจ้ายังเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างแน่นอน”ยังไม่ทันไรก็ให้นางยอมรับผิดแล้ว?เยี
พูดเช่นนี้…ก็ใช่ว่าจะผิดเสียทีเดียวเพราะถึงอย่างไรในวันนั้นบนราชโองการก็ไม่ได้แถลงชื่อของบุตรีภรรยาเอกที่ได้รับพระราชทานการแต่งงานเอาไว้และท่านหญิงหมิงหยางเองก็ยังไม่ได้ให้กำเนิดทายาท!สิ่งที่ฮ่องเต้ทรงหมายถึงในตอนนั้นก็คือหากท่านหญิงหมิงหยางให้กำเนิดบุตรี นางก็จะได้เป็นชายารัชทายาท แต่หากเป็นบุตรชาย ก็จะรอครรภ์บุตรคนต่อไปกล่าวโดยสรุปคือสิทธิประโยชน์นี้มีเพื่อมอบให้ท่านหญิงหมิงหยางทว่าในพระราชโองการนั้นไม่ได้เขียนไว้ละเอียดนัก เขียนเพียงแค่พระราชทานการแต่งงานให้บุตรีภรรยาเอกท่านหญิงหมิงหยางที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ฟังสิ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันทีนางขึ้นเสียงอย่างโกรธแค้น “นางสารเลว เจ้ายังจะมีหน้าพูดเอาดีเข้าตัวอีกนะ เป็นเพราะฝ่าบาททรงเห็นแก่หน้าของพี่ชายข้าถึงได้ออกพระราชโองการเช่นนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”เยี่ยนเว่ยฉือโต้กลับ “ท่านหญิงหมิงหยาง ตอนนั้นที่ท่านแต่งเข้ามาในจวนเสนาบดี ท่านแม่ของข้ายังเป็นนายหญิงของที่นั่น หลังจากที่ท่านเข้ามาก็กลายเป็นภรรยาเทียบเท่า แต่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าอนุ! หากข้าไม่ใช่บุตรีภรรยาเอก แล้วท่านคิดว่าเด็กที่ยังไ
ฮ่องเต้คังอู่ทรงยิ้มอ่อนพลางส่ายหัวอย่างจนใจเยี่ยนหานซานกลอกตาใส่เยี่ยนเว่ยฉืออย่างเกลียดชังทว่าอันกั๋วกงกลับทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง‘นางเด็กบ้านี่พูดถูก ในเมื่อองค์รัชทายาททรงสมรรถภาพทางเพศบกพร่อง เช่นนั้นก็คงมีทายาทไม่ได้ องค์รัชทายาทที่ไม่มีทายาท ในภายภาคหน้าจะสืบทอดบัลลังก์อย่างไร? มันไม่คุ้มที่จะขัดแย้งกับฝ่าบาทเพื่อคนไม่สมประกอบเช่นนี้ และบางทีอาจจะส่งผลถึงความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีต่อองค์ชายรองอีกด้วย’เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็แค่นเสียงเย็น “หึ ฝ่าบาท พอดีกระหม่อมแก่แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบาย กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปโดยไม่รอให้ฮ่องเต้ทรงแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ฮ่องเต้เองก็ทรงชินกับการกระทำอันหยิ่งผยองนี้แล้ว จึงทรงทำเพียงโบกพระหัตถ์สื่อเป็นนัยให้ทุกคนออกไป……เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือเดินออกมาถึงหน้าประตูวัง ก็พบเข้ากับรัฐทายาทแห่งอ๋องเซียวเหยา อวี๋เฟยเหยียนที่ถือกระบี่ยาวและทำสีหน้าโกรธเกรี้ยวลงจากหลังม้าอวี๋เฟยเหยียนคิดไว้ว่าจะไปช่วยเยี่ยนเว่ยฉือแก้สถานการณ์ แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นผิงอี้โหวยืนอยู่ด้วยเมื่อเขาเห็นเยี่ยนเว่ย
ไม่ได้มีเพียงเยี่ยนหานซานที่ต้องการตรวจสอบ แต่ยังรวมไปถึงอันกั๋วกงด้วยหลังจากที่อันกั๋วกงออกจากพระตำหนักจิ่วหลง เขาไม่ได้รีบออกจากพระราชวังในทันที แต่ถูกฮองเฮาเรียกตัวไปที่ตำหนักเฟิ่งอี๋เพื่อสอบถามเรื่องราวหลังจากฟังคำบรรยายของอันกั๋วกงแล้ว ฮองเฮาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสับสนนางพูดว่า “ซ่างกวนซีบกพร่องเรื่องสมรรถภาพจริงหรือ?”อันกั๋วกงถอนหายใจ “หากเขาบกพร่องจริง เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องบีบคั้นเขามากเกินไป ฝ่าบาททรงรักและโปรดปรานเขามาโดยตลอด หากเรายังกัดเขาไม่ปล่อยอยู่เช่นนี้ อาจเป็นการทำลายไมตรีระหว่างฝ่าบาทกับท่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาก็จะทำให้องค์ชายรองเหนื่อยเปล่า ๆ ”ฮองเฮาพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับท่านพี่อย่างยิ่ง ซ่างกวนซีเข้าร่วมกองทัพมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว อาจได้รับบาดเจ็บมาจากในสนามรบก็เป็นได้”“ใช่ อีกทั้งในร่างกายเขาก็ยังเต็มไปด้วยพิษกู่เย็น แม้จะมียอดฝีมือมาช่วยระงับพิษเอาไว้ แต่ใครจะรู้เล่า พิษนั้นอาจก่อโรคที่ทำให้เป็นหมันก็ได้นี่? แต่ก็ต้องเฝ้าระวังกันไปก่อน ข้าจะหาคนส่งไปทดสอบดูสักหน่อย”เมื
เยี่ยนเว่ยฉือกลับมายังห้องโถงเพื่อรับประทานอาหารต่อ ขณะที่นางนั่งรับประทานอยู่นั้น จางมามาก็คอยเติมน้ำชาและอาหารให้พลางพูดว่า “องค์รัชทายาททรงมีชีวิตที่ยากลำบากมาตลอดครึ่งแรกของชีวิต แต่บัดนี้ทรงอภิเษกสมรสกับหญิงสาวผู้งดงามและจิตใจดีเช่นท่านแล้ว ครึ่งหลังของชีวิตคงจะทรงสุขสบายเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือกำลังแทะซี่โครงหมูอยู่ นางหันไปมองจางมามาด้วยความสงสัยและเอ่ยถามว่า “ยากลำบากหรือ? เขาเป็นองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงยากลำบากเล่า?”จางมามาถอนหายใจและกล่าวว่า “พระชายาคงไม่ทราบ องค์รัชทายาททรงสูญเสียพระมารดาไปตั้งแต่อายุได้เพียงแปดปี พออายุได้สิบสี่ปี พระองค์ก็ทรงถูกฝ่าบาทส่งไปเป็นทหาร ในยามนั้น ฝ่าบาทยังไม่ทรงอนุญาตให้พระองค์เปิดเผยฐานะ จึงต้องทรงฝ่าฟันจากตำแหน่งทหารธรรมดา จนได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพทั้งสาม สิบปีผ่านไป องค์ชายคนอื่น ๆ ต่างทรงมีชีวิตที่สุขสบาย แต่องค์รัชทายาทกลับไม่เคยได้หลับพักผ่อนอย่างสบายใจเลยสักวัน”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เอาเถิด มามา นั่งลงก่อนเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือทำท่าเชื้อเชิญให้จางมามามานั่งลงจางมามาไม่กล้า “ไม่ได้ ไม่
“หา? ข้าต้องซ่อมด้วยหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าตนเองคงจะหูฝาดไปอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถูกต้องแล้ว เจ้าคือพระชายาขององค์รัชทายาท ที่นี่คือจวนองค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงประชวรหนักอยู่ การซ่อมแซมจวนรัชทายาทนับเป็นหน้าที่ของเจ้า”“การจัดการซ่อมแซมนั้นไม่ใช่ปัญหา ทว่าข้าไม่มีเงินนะ แม้กระทั่งขงเบ้งยังต้องพึ่งพาเสบียงเลย” เยี่ยนเว่ยฉือยักไหล่ แสดงให้เห็นความจนปัญญาอวี๋เฟยเหยียนหัวเราะ “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว ในจวนรัชทายาทของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่มีที่สำหรับคนไร้ประโยชน์”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “เขาเป็นองค์รัชทายาท ส่วนท่านเป็นองค์รัฐทายาท ท่านทั้งสองไม่คิดจะให้เงินข้า แต่จะให้ข้าซ่อมแซมจวนองค์รัชทายาทงั้นรึ?”อวี๋เฟยเหยียนทำหน้าลำบากใจ “ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าถูกหลอกให้กลับมา ดังนั้นจึงเร่งรีบมาก ควบม้าเร็วมาแปดร้อยลี้โดยไม่หยุดพักเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าจะกลับมาถึงเมืองหลวง เขาได้เบี้ยเลี้ยงน้อยอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้เอากลับมาด้วย จึงมีเงินเหลืออยู่ไม่มากนัก”“แล้วท่านล่ะ? ท่านไม่ใช่รัฐทายาทแห่งอ๋องเซียวเหยาหรอกหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองชายผู้
ซ่างกวนซีตกใจกลัวจนตัวแข็งไปหมด!เขาไม่เคยเห็นสตรีนางใดที่… ไร้ระเบียบเช่นนี้! ไม่มีมารยาท! ประพฤติตัวเสเพล! พูดจาหยาบคาย!เห็นได้ชัดว่าปากของเยี่ยนเว่ยฉือใกล้จะประกบจูบอยู่แล้ว แต่เพราะซ่างกวนซีป่วยหนัก ทำให้เขาไม่มีแรงที่จะผลักไสนางออกไปได้เลยในวินาทีสุดท้าย ซ่างกวนซีรีบพูดว่า “ข้าดื่มเอง!”อึก!เยี่ยนเว่ยฉือกลืนยาในปากลงไป จากนั้นก็ยืดตัวตรง พูดด้วยน้ำเสียงปลง ๆ ว่า “ต้องรอจนข้าต้องเปลืองตัวก่อน ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!”ซ่างกวนซีโกรธจนหน้าแดง หญิงสาวตรงหน้าคนนี้กล้าพูดและกล้าทำทุกอย่างจริง ๆเขาจำใจรับชามยาจากเยี่ยนเว่ยฉือไป ก่อนจะดื่มยาลงคออย่างไม่เต็มใจนัก แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองอย่างสุดความสามารถเพียงใด แต่ก็ยังเผยให้เห็นถึงความขมขื่นอย่างชัดเจนเยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ท่านก็กลัวยาขมนี่เอง!”ซ่างกวนซีไม่สนใจนางยานี่ขมจนแทบอยากร้องไห้ สตรีผู้นี้ดื่มเข้าไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าได้อย่างไรกัน?เมื่อเห็นว่าซ่างกวนซีไม่พูดอะไร เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่มีความสนใจที่จะอยู่ต่อนางเพียงแต่สั่งว่า “ร่างกายของท่านยังไม่หายดี โดยเฉพาะบาดแผลตามร่างก
คนอื่น ๆ มาร้านขายผ้าไหม ย่อมมาเพื่อซื้อผ้าไปตัดเย็บเป็นอาภรณ์แต่เยี่ยนเว่ยฉือ ต่างไปจากคนอื่นเยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปในร้านผ้าไหมอย่างองอาจ วางท่าให้ดูสูงส่งสง่างามที่สุด นางเดินกวาดสายตาไปมาอย่างสบายอารมณ์เด็กในร้านเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “โอ้ คุณชาย ท่านมาเลือกผ้าไหมหรือขอรับ เลือกเพื่อตัดอาภรณ์ให้ตนเอง หรือเลือกให้สตรีในครอบครัวหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาที่ร้านผ้าไหม ไม่ให้เลือกผ้าไหม จะให้ข้ามาเลือกกับแกล้มอย่างนั้นหรือ?”“เอ่อ...” เด็กในร้านทำหน้าไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองเขาต้อนรับลูกค้ามาทั้งวัน ลูกค้าที่อารมณ์ไม่ดีเช่นนี้ เขาเคยพานพบมาแล้วมากมายเด็กในร้านพูดต่อ “เช่นนั้นคุณชายต้องการผ้าไหมแบบไหนขอรับ? ข้าน้อยจะได้แนะนำให้ท่าน”“ข้าต้องการของที่ดีที่สุด!” เยี่ยนเว่ยฉือหาที่นั่งเด็กในร้านรีบพูด “ได้ขอรับ คุณชายโปรดรอสักครู่!”เขาสั่งให้คนอื่นไปชงชาให้เยี่ยนเว่ยฉือ ขณะที่เขาหยิบตัวอย่างผ้าไหมหลายผืนลงมาจากชั้นวาง มีทั้งแบบมีลายและแบบที่ไม่มี หลากหลายแบบทีเดียวแต่เยี่ยนเว่ยฉือมองแค่แวบเดียว ก็พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “