ซ่างกวนซีรีบนำผ้าห่มไปคลุมไว้แล้วหันหลังจากไปทันทีเขาเดินกลับมาที่เรือนพลางสูดหายใจเฮือกใหญ่ และอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ยัยเด็กบ้าสมควรตายเอ๊ย เหตุใดถึงไม่ใส่เสื้อผ้านอนเล่า?”นั่นเกือบจะทำลาย ‘วิชาถงจื่อกง’ ที่เขาฝึกฝนมาหลายปีซ่างกวนซีกุมหน้าอกของตัวเอง พยายามระงับจังหวะหัวใจที่เต้นรัว แต่เขาไม่สามารถระงับความรู้สึกร้อนรุ่มคันยุบยิบที่กระจายไปทั่วร่างกายได้ไม่รู้ว่ามันเป็นอาการคันจากแผลที่กำลังจะหาย หรือเป็นเพราะความรู้สึกภายในหัวใจที่ไม่สามารถควบคุมได้ซู่ซู่ซู่!ฝนฤดูใบไม้ผลิที่ตกลงมาค่อย ๆ ดับไฟราคะในหัวใจของซ่างกวนซีเขามองกลับไปที่ห้องของเยี่ยนเว่ยฉือ และพยายามพูดหลอกตัวเองว่า “แม้ข้าจะเห็นเรือนร่างของเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็เห็นของข้าไปแล้วเช่นกัน ก็ถือว่า...เจ้าไม่ได้เสียเปรียบ!”ซ่างกวนซีเดินจากไป แต่ความคิดของเขายังคงอยู่ที่ใต้ผ้าห่มผืนนั้น……เช้าวันรุ่งขึ้นเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าคราวนี้ตนนอนหลับสบายเป็นพิเศษอาจเป็นเพราะนางเคยนอนในเล้าหมูมาก่อน ยากนักที่จะได้นอนบนเตียงใหญ่ ๆ ที่ไม่มีกลิ่นมูลหมูหรือเสียงหมูรบกวนนางลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย และผ้าห่มบนตัวของนางก็ร่วงลง
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองทุกคนด้วยความสับสน จากนั้นก็มองไปทางประตูใหญ่ด้านนอก นางขมวดคิ้วและพูดว่า “ตาแก่เช่นท่านนี่ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ ท่านพาคนมากมายบุกเข้ามาในจวนองค์รัชทายาทของข้า ซ้ำยังบอกว่าข้าทำตัวสามหาว? ข้าว่าท่านทำตัวสามหาวยิ่งกว่าเสียอีก!”ตาแก่?นางเรียกเขาว่าตาแก่อย่างนั้นรึ?!อันกั๋วกงกัดฟันพลางพูดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าสวมรอยแอบอ้างเป็นชายารัชทายาทแทนน้องสาวของเจ้าเยี่ยนชิงซู ตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?”“สวมรอยแอบอ้าง?” เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจจุดประสงค์ในการมาเยือนของอันกั๋วกงแล้วใครมันจะไปอยากปลอมตัวเป็นคนอื่นแล้วเข้าคุกไปมีสัมพันธ์สืบทายาทกันนี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการเลยด้วยซ้ำ จบไหม?เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่อันกั๋วกงและพูดด้วยความโกรธ “อันกั๋วกง การจะใช้คำว่าสวมรอยแอบอ้างได้นั้น ก่อนอื่นก็ต้อง ‘สวมรอย’ ก่อนสิ ข้าไม่เคยบอกเสียหน่อยว่าข้าคือเยี่ยนชิงซู”“เถียงข้าให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ วันนี้เจ้าไม่มีทางรอดพ้นจากความผิดฐานสวมรอยแอบอ้างเป็นชายารัชทายาทไปได้แน่ ใครก็ได้ไปคุมตัวนางมา ข้าจะจับนางส่งเข้าคุก!”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างเ
เยี่ยนเว่ยฉือถอยหลังไปทีละก้าวจนหลังชนบานประตูเสียงดังกึกอันกั๋วกงรู้ว่าซ่างกวนซีอยู่ในห้อง แต่เขาไม่ยอมปรากฏตัว และไม่แม้แต่จะออกมาปกป้องนางเลยหรือซ่างกวนซีอาจจะเกลียดนางไปแล้วเพราะรู้ว่านางไม่ใช่เยี่ยนชิงซู?เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็ยิ้มเยาะพลางก้าวเข้าไปหาเยี่ยนเว่ยฉือดูท่าเขาต้องการจะจับนางด้วยตัวเองหรือ?เย่เทียนซูที่อยู่ในความมืดกลอกตาแล้วพูดว่า “ตาแก่ผู้นี้ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง ถึงกับยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อที่จะได้ระบายความโกรธและลงมือทำร้ายสาวน้อยไร้ทางสู้!”อวี๋เฟยเหยียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่ยอมออกมาไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด พวกเราควรทำอย่างไรดี?”เย่เทียนซูเองก็คำนึงปัญหานี้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ครุ่นคิดถึงต้นสายปลายเหตุ ก็มีคนมาเยือนที่จวนองค์รัชทายาทแห่งนี้เพิ่มอีก“ท่านพ่อ ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป!” เสียงของเด็กสาวพูดขึ้น“ซูเอ๋อร์ อย่าดื้อ พวกเราต้องยอมรับผิดและขอโทษ ตอนนี้เรื่องเลยเถิดไปไกลแล้ว องค์รัชทายาทคงไม่ยอมข้องเกี่ยวกับเจ้าอีกแน่!” คนที่พูดประโยคนั้นเป็นชายวัยกลางคนดูเหมือนทั้งสองคนจะคิดว่าไม่มีใครอยู่ในจวนองค์รัชทายาท ถึงได้พูดจาไม่ม
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเยี่ยนชิงซูเห็นท่านหญิงหมิงหยางเดินเข้ามา นางก็รีบกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของมารดาแล้วพูดอย่างเอาแต่ใจ “ท่านแม่ ท่านมาก็ดีแล้ว พวกเขาบอกว่าท่านพ่อมีความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้เจ้าค่ะ!”หมิงหยางลูบเรือนผมยาวของลูกสาวด้วยความรัก จากนั้นก็มองไปที่อันกั๋วกงพลางขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านใต้เท้าอันกั๋วกง นั่นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า? เหตุใดท่านไม่เชิญพี่ชายของข้ามาพูดคุยรายละเอียดกันเล่า?”อันกั๋วกงแค่นเสียงเย็น ท่านหญิงหมิงหยางใช้ชื่อพี่ชายใหญ่อ๋องจ่างซิ่นมาอ้างเช่นนี้ เพื่อต้องการจะกดดันเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?ทุกวันนี้ จะเป็นคนจากในหรือนอกราชสำนักก็ไม่มีใครไม่รู้ว่า บรรดาขุนนางบุ๊นจะเชื่อฟังอันกั๋วกง และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊จะภักดีกับอ๋องจ่างซิ่นคนหนึ่งเป็นฝ่ายบุ๋นและอีกคนเป็นฝ่ายบู๊ ทั้งสองต่างต่อสู้ขับเคี่ยวกันในราชสำนัก จนเกือบจะทำให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหมดบทบาทไปเลยนี่คือเหตุผลที่เยี่ยนหานซานกล้าที่จะให้บุตรีอนุมาแทนที่บุตรีภรรยาเอกเพราะมีจวนอ๋องจ่างซิ่นคอยหนุนหลังเขาอยู่อย่างไรเล่า!แน่นอนว่าเมื่ออันกั๋วกงได้ยินสิ่งที่ท่านหญิงหมิงหยางพูด เขาก็พยายามสงบเสงี่ยมเจียมต
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มและพูดว่า “โธ่ถัง โกรธมากไม่ดีต่อสุขภาพนะเจ้าคะ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีวิธีที่จะทำให้ทั้งจวนโหวเอาตัวรอดไปได้โดยไม่เป็นอันตราย ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังสามารถขึ้นเป็นชายาองค์รัชทายาทได้อย่างราบรื่นด้วย และจะกรุยทางให้ท่านพ่อเดินไปสู่ความก้าวหน้าด้านการงาน เราพึ่งพาจวนอ๋องจ่างซิ่นเพียงอย่างไม่พอหรอก เรายังพึ่งจวนองค์รัชทายาทได้อีกด้วย มีแต่คำว่า ‘ได้กับได้’ ท่านพ่อคงไม่ได้ไม่เห็นด้วยใช่ไหมเจ้าคะ?”เยี่ยนหานซานสะดุ้งเล็กน้อยพลางลังเลในใจท่านหญิงหมิงหยางพึ่งพาจวนอ๋องจ่างซิ่นมาหลายปี แต่กลับทำให้เขาได้เป็นแค่ผิงอี้โหวธรรมดา ๆแม้จะมีตำแหน่ง แต่ในหกกรมเขาก็มีอำนาจน้อยมากถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็คือองค์รัชทายาท แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่มีอำนาจ แต่ใครจะกล้ารับประกันว่าในภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ดู ๆ แล้วหากจะผูกสัมพันธ์ไว้กับทั้งสองทางก็คงไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไรมิตรรายล้อมมาพร้อมหลายเส้นทาง ศัตรูมากมายกลายเป็นเพิ่มอุปสรรคเมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนหานซานก็เดินแยกออกมา เยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นเช่นนั้นก็เดินกระโดดปึ๋งตามเขาไปราวกับกระต่ายน้อยหลังจากที่พวกเขาทั้งสอง
นี่จะโยนข้อกล่าวหาทั้งหมดมาให้เยี่ยนเว่ยฉือหรือ?ริมฝีปากของเยี่ยนเว่ยฉือขยับเพราะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ อันกั๋วกงก็ชิงพูดก่อนว่า “เจ้าพูดอะไรเหลวไหล! ข้าได้ทำการตรวจสอบอย่างแน่ชัดแล้ว เยี่ยนเว่ยฉืออาศัยที่ในเขตนอกเมืองตั้งแต่อายุหกขวบและไม่เคยกลับมาที่เมืองหลวงเลย นางจะรู้ข่าวนี้ได้อย่างไร และนางรู้ได้อย่างไรว่าเวลาไหนจะต้องเข้าไปสลับตัวแทนได้ หากเจ้าไม่ได้เป็นคนพานางมา นางคงจะกลับบ้านไม่ถูกเสียด้วยซ้ำ!”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หาได้ยากที่อันกั๋วกงจะพูดอะไรที่ดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างเยี่ยนหานซานขมวดคิ้วหน้าบึ้ง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความโกรธแค้น “นางคนชั่วช้า เจ้าพูดมาสิว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าน้องหญิงรองของเจ้าต้องไปพบองค์รัชทายาท และเจ้าเข้าไปแทนที่นางอย่างไร?”เยี่ยนหานซานขยิบตาให้เยี่ยนเว่ยฉือบอกนางเป็นนัย ๆ ว่าให้รับผิดทั้งหมดท่านหญิงหมิงหยางที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “นั่นสิ เว่ยฉือ เจ้ายอมรับผิดเถิด ฝ่าบาทคงจะทรงลดโทษให้เจ้าเพราะเห็นแก่ที่เจ้ายังเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างแน่นอน”ยังไม่ทันไรก็ให้นางยอมรับผิดแล้ว?เยี
พูดเช่นนี้…ก็ใช่ว่าจะผิดเสียทีเดียวเพราะถึงอย่างไรในวันนั้นบนราชโองการก็ไม่ได้แถลงชื่อของบุตรีภรรยาเอกที่ได้รับพระราชทานการแต่งงานเอาไว้และท่านหญิงหมิงหยางเองก็ยังไม่ได้ให้กำเนิดทายาท!สิ่งที่ฮ่องเต้ทรงหมายถึงในตอนนั้นก็คือหากท่านหญิงหมิงหยางให้กำเนิดบุตรี นางก็จะได้เป็นชายารัชทายาท แต่หากเป็นบุตรชาย ก็จะรอครรภ์บุตรคนต่อไปกล่าวโดยสรุปคือสิทธิประโยชน์นี้มีเพื่อมอบให้ท่านหญิงหมิงหยางทว่าในพระราชโองการนั้นไม่ได้เขียนไว้ละเอียดนัก เขียนเพียงแค่พระราชทานการแต่งงานให้บุตรีภรรยาเอกท่านหญิงหมิงหยางที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ฟังสิ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันทีนางขึ้นเสียงอย่างโกรธแค้น “นางสารเลว เจ้ายังจะมีหน้าพูดเอาดีเข้าตัวอีกนะ เป็นเพราะฝ่าบาททรงเห็นแก่หน้าของพี่ชายข้าถึงได้ออกพระราชโองการเช่นนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”เยี่ยนเว่ยฉือโต้กลับ “ท่านหญิงหมิงหยาง ตอนนั้นที่ท่านแต่งเข้ามาในจวนเสนาบดี ท่านแม่ของข้ายังเป็นนายหญิงของที่นั่น หลังจากที่ท่านเข้ามาก็กลายเป็นภรรยาเทียบเท่า แต่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าอนุ! หากข้าไม่ใช่บุตรีภรรยาเอก แล้วท่านคิดว่าเด็กที่ยังไ
ฮ่องเต้คังอู่ทรงยิ้มอ่อนพลางส่ายหัวอย่างจนใจเยี่ยนหานซานกลอกตาใส่เยี่ยนเว่ยฉืออย่างเกลียดชังทว่าอันกั๋วกงกลับทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง‘นางเด็กบ้านี่พูดถูก ในเมื่อองค์รัชทายาททรงสมรรถภาพทางเพศบกพร่อง เช่นนั้นก็คงมีทายาทไม่ได้ องค์รัชทายาทที่ไม่มีทายาท ในภายภาคหน้าจะสืบทอดบัลลังก์อย่างไร? มันไม่คุ้มที่จะขัดแย้งกับฝ่าบาทเพื่อคนไม่สมประกอบเช่นนี้ และบางทีอาจจะส่งผลถึงความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีต่อองค์ชายรองอีกด้วย’เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็แค่นเสียงเย็น “หึ ฝ่าบาท พอดีกระหม่อมแก่แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบาย กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปโดยไม่รอให้ฮ่องเต้ทรงแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ฮ่องเต้เองก็ทรงชินกับการกระทำอันหยิ่งผยองนี้แล้ว จึงทรงทำเพียงโบกพระหัตถ์สื่อเป็นนัยให้ทุกคนออกไป……เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือเดินออกมาถึงหน้าประตูวัง ก็พบเข้ากับรัฐทายาทแห่งอ๋องเซียวเหยา อวี๋เฟยเหยียนที่ถือกระบี่ยาวและทำสีหน้าโกรธเกรี้ยวลงจากหลังม้าอวี๋เฟยเหยียนคิดไว้ว่าจะไปช่วยเยี่ยนเว่ยฉือแก้สถานการณ์ แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นผิงอี้โหวยืนอยู่ด้วยเมื่อเขาเห็นเยี่ยนเว่ย
เนื่องจากมีคำสั่งของซ่างกวนซี ดังนั้น...หลังจากธูปหมดดอก เยี่ยนเว่ยฉือก็ถูกพันมือทั้งสองข้างจนเหมือนบ๊ะจ่าง ไม่มีผิวส่วนใดโผล่ออกมาเลยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการจับสิ่งของ แม้แต่ถ้วยชานางก็ยังยกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือยกมือทั้งสองข้างที่พันไว้เหมือนบ๊ะจ่าง โบกไปมาตรงหน้าซ่างกวนซี “ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้แกล้งข้าอยู่กระมัง?!”ซ่างกวนซีเหลือบมองนาง “ข้าไม่มีเวลาว่างถึงเพียงนั้นหรอก!”พูดจบ ซ่างกวนซีก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับกำชับอย่างไม่พอใจ “ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะหายดี เจ้าห้ามออกไปไหน เรื่องเถาเหลยกงก็ไม่ต้องสนใจ!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็หายตัวไปในเรือนหลังเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียน “ฝ่าบาท… ดูเหมือนจะไม่พอใจบางอย่าง?”อวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ตอนทานมื้อกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย ออกไปเจอเรื่องอะไรมา?”“ฝ่าบาทออกไปทำอะไรหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือถามต่ออวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ ซ่างกวนซีไม่ได้บอกอะไรทั้งสองคนไม่เข้าใจ จึงหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ใจคนเป็นองค์รัชทายาทยากจะหยั่งถึง ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” เขาไม่ใช่ไม่เข้าใจ แค่พูดไม่ได้เท่านั้นซ
ฉินเซียงหรูตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย ตราบใดที่ไม่เกาจนผิวแตก ก็จะไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร รอพิษของเถาเหลยกงหมดฤทธิ์ ผื่นแดงบนมือก็จะค่อย ๆ จางหายไปภายในสามถึงห้าวัน”พูดถึงตรงนี้ ฉินเซียงหรูก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดต่อ “จำไว้ว่าห้ามเกา ข้าจะไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้เจ้า ป้องกันเจ้าอดใจไม่ไหว”น้ำเสียงตำหนิของฉินเซียงหรูที่แฝงความจนใจ ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายเล็กน้อย“ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างขอไปทีซ่างกวนซีที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าย่ำแย่ลงฉินเซียงหรูช่างสังเกต เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “คนที่ต้องเป็นห่วงหาได้มีเพียงข้าผู้เดียวไม่ องค์รัชทายาทต่างหากที่ทรงเป็นห่วงที่สุด”พูดจบ ฉินเซียงหรูก็หันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้าเคร่งขรึม ยิ้มขม “ฝ่าบาทโปรดวางใจ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เพียงแต่สถานการณ์เมื่อครู่นี้ ข้าทำได้เพียงแค่ทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยนชิงซูสมใจไปได้”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “มีแต่คนไร้ความสามารถเท่านั้นที่จะทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย คนที่มีความสามารถ จะใช้เพียงก
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท