Share

บทที่ 11 ต้องฝังเยี่ยนเว่ยฉือไว้ข้าง ๆ กัน!

เฟินเอ๋อร์รู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกท่วมตัว นางมองฮองเฮาอย่างมีความหวัง แต่กลับได้รับสายตาเย็นชาจากอีกฝ่าย

“มองอะไร นางให้เจ้าล้างมือ ก็รีบ ๆ ล้างไปสิ!” ฮองเฮาตำหนิ

เฟินเอ๋อร์ตัวสั่นพลางจุ่มมือลงในน้ำอย่างไม่เต็มใจเพื่อล้างให้สะอาด

หลังจากเช็ดมือให้แห้ง นางก็เดินไปที่อ่างน้ำส้มสายชูและน้ำด่าง

ตอนที่นำมือจุ่มน้ำส้มสายชู มือก็ยังปกติอยู่

แต่เมื่อมือนำไปจุ่มในน้ำด่าง มันก็กลายเป็นสีน้ำเงินอ่อนอย่างรวดเร็ว!

ทุกคนตกตะลึง ส่วนฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงอุทาน “สารเลว เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”

ขาของเฟินเอ๋อร์อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น

นางร้องไห้อ้อนวอน “ฝ่าบาท โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เพคะ ในวันเทศกาลฮัวเฉาวันนั้น แขกทุกคนล้วนดื่มเหล้าดอกท้อ มีเพียงสวีเหม่ยเหรินเท่านั้นที่ดื่มเหล้าบ๊วย ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนไหนติดป้ายชื่อเหล้าทั้งสองชนิดสลับกัน หม่อมฉันเลย...เลยเผลอหยิบผิดเพคะ!”

“หยิบผิดหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “สวีเหม่ยเหรินเพิ่งให้กำเนิดองค์ชายน้อย ทั้งยังอยู่ในช่วงให้นมบุตร นางจะดื่มเหล้าได้อย่างไร?”

พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็มองไปที่จักรพรรดิคังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท เนื่องจากนางไม่ยอมทูลความจริง จึงควรส่งนางไปยังกองราชทัณฑ์จะดีกว่าเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าที่กองราชทัณฑ์มีบทลงโทษทรมานร้อยแปดวิธี ระหว่างนั้นคงจะสามารถง้างปากของนางได้เพคะ”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ใบหน้าของเฟินเอ๋อร์ก็ซีดขาวราวกระดาษ ตกใจจนเกือบจะเป็นลมล้มพับไป

นางหันไปทางฮองเฮาและตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “ฮองเฮา ฮองเฮาเพคะ โปรดช่วยหม่อมฉันด้วย ฮองเฮา…”

ฮองเฮาพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะช่วยให้เจ้าพ้นจากความผิดร้ายแรงที่เจ้าก่อขึ้นได้อย่างไร? หากเจ้ายอมรับแต่โดยดี เจ้าก็จะได้รับโทษเพียงผู้เดียว แต่หากเจ้ายังดื้อด้านยืนกรานว่าไม่ผิด ระวังไว้เถอะว่าฝ่าบาทจะทรงมีรับสั่งประหารเก้าชั่วโคตร!”

ฮ่องเต้คังอู่ขมวดคิ้ว เยี่ยนเว่ยฉือเองก็เลิกคิ้ว ทั้งคู่เป็นเช่นนั้นเมื่อได้ยินคำขู่นี้

เป็นไปตามคาด หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของฮองเฮา ดวงตาของเฟินเอ๋อร์ก็ว่างเปล่าในทันที

นางยังมีครอบครัวอยู่ข้างหลัง และนางไม่สามารถทำร้ายครอบครัวของนางได้

เฟินเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นพลางพูดทั้งน้ำตา “ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉัน โปรดทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉัน...หม่อมฉันเพียงแค่โกรธเคืองสวีเหม่ยเหริน เลยหลงผิดไปชั่วครู่…”

“หลงผิดไปชั่วครู่? ไม่ใช่หรอกกระมัง” เยี่ยนเว่ยฉือขัดคำพูดของเฟินเอ๋อร์

นางพูดต่ออย่างไม่รอช้า “ขั้นแรกเจ้าหมักเหล้าดอกท้อที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นมา จากนั้นจึงใช้ทักษะพิเศษเพื่อขจัดกลิ่นของดอกท้อ จากนั้นยังต้องเตรียมของของผู้ชายคนนั้นเพื่อใส่เข้าไปในร่างของสวีเหม่ยเหริน สุดท้ายเจ้ายังหลอกล่อให้องค์รัชทายาทเข้ามาในวังหลัง ดูจากสถานการณ์ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าเป็นคนที่รอบคอบมาก แล้วจะอ้างว่าหลงผิดชั่วครู่ได้อย่างไร? เว้นเสียแต่…มีผู้ทรงอำนาจคอยชี้นำเจ้าอยู่เบื้องหลัง?”

เฟินเอ๋อร์ส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ ๆ ๆ ไม่เลยเพคะไม่เลย เป็นฝีมือของหม่อมฉันทั้งหมด เป็นหม่อมฉันเองที่สังหารสวีเหม่ยเหริน ทั้งยังใส่ร้ายองค์รัชทายาท ทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉันแต่เพียงผู้เดียวเพคะ…”

เฟินเอ๋อร์มองไปทางฮองเฮา แต่กลับตะโกนขอร้องฮ่องเต้ “หม่อมฉันหวังว่าฝ่าบาทจะทรงเมตตาไว้ชีวิตคนในครอบครัวของหม่อมฉัน หม่อมฉันยอมตายเพื่อชดใช้ความผิดเพคะ!”

หลังจากที่เฟินเอ๋อร์พูดจบ นางก็ลุกขึ้นยืนและพุ่งไปชนกับโลงศพของสวีเหม่ยเหริน

เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งตกใจ ขณะที่กำลังจะก้าวไปห้ามอีกฝ่าย ทันใดนั้นแขนเสื้อของนางก็ถูกใครบางคนดึงไว้เพื่อขัดขวางไม่ให้นางทำเช่นนั้น

เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมอง ก็พบว่าข้างหลังล้วนมีแต่องครักษ์ที่ทำสีหน้าไร้อารมณ์ นางจึงไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนดึงนาง

ทว่าในชั่วพริบตา เฟินเอ๋อร์ก็กระแทกกับโลงศพจนสิ้นใจไปแล้ว!

“กรี๊ด!” ทุกคนอุทาน พลางรู้สึกว่านั่นเป็นภาพที่ไม่ค่อยน่าดู

ฮองเฮาเองก็เริ่มตื่นตระหนก นางกำมือแน่นแล้วพูดว่า “ฝ่า... ฝ่าบาท ในเมื่อฆาตกรเสียชีวิตแล้ว... ก็ถือเสียว่าคดีนี้ได้คลี่คลายเป็นที่เรียบร้อยนะเพคะ”

ซ่างกวนหลีพูดอย่างร้อนรน “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ในที่สุดก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับเสด็จพี่ได้แล้ว ช่างดีเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้คังอู่ทอดพระเนตรมองคู่แม่ลูกด้วยสายตาเย็นชาแล้วตรัสว่า “ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะยอมรับว่าชูจิ่งเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วสินะ?”

“แน่นอนสิเพคะ แน่นอน” ฮองเฮาแสร้งยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าสีหน้าตอนร้องไห้เสียอีก

ฮ่องเต้คังอู่ทรงสูดลมหายใจยาวและตรัสเสียงดัง “จงถ่ายทอดคำพูดของข้าออกไป คดีการเสียชีวิตของสวีเหม่ยเหรินได้รับการคลี่คลายแล้ว องค์รัชทายาทซ่างกวนซีไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ด้วยเลย เขาจะได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทกลับคืนนับจากนี้…”

“ฝ่าบาท!” ทันใดนั้นก็มีเสียงคล้ายระฆังดังขึ้นในเรือน

เยี่ยนเว่ยฉือมองไปรอบ ๆ พบกับชายวัยกลางคนที่มีคิ้วหนาตาโตกำลังก้าวเข้ามา

คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอันกั๋วกง* พี่ชายแท้ ๆ ของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน

และทุกวันนี้ยังเป็นสมุหราชเลขาธิการที่ทรงอำนาจมากที่สุดทั้งในและนอกราชสำนัก

เมื่อฮ่องเต้คังอู่ทอดพระเนตรเห็นอันกั๋วกง พระพักตร์ของพระองค์ก็ไม่สู้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทรงตรัสถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “อันอ้ายชิง เจ้าคิดว่าการคืนตำแหน่งให้กับองค์รัชทายาทมันเป็นปัญหารึ?”

อันกั๋วกงตอบว่า “ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงถูกใส่ความ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีปัญหาในการคืนตำแหน่งพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ทว่าสาเหตุที่กระหม่อมเข้าวังมาก็เพื่อช่วยเตือนฝ่าบาทว่าตามกฎของราชวงศ์นี้ ในเมื่อชายาของรัชทายาทไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ ดังนั้นก็ควรจะให้นางกับองค์รัชทายาท...ถูกฝังไปพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ!”

อันกั๋วกงจับดาบสยบพยัคฆ์ที่เอวไว้มั่น พลางใช้สายตาคมปลาบมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือที่ยืนอยู่อีกฝั่ง!

*บรรดาศักดิ์กั๋วกงเป็นตำแหน่งสูงสุดของชั้นกง ส่วนใหญ่พระราชทานให้เชื้อพระวงศ์ และขุนนางระดับสูง เป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางจะได้รับ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status