บุรุษชุดสีชมพูในความมืดใช้ศอกผลักชายในชุดสีทองพลางเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นี่ เจ้าไม่ไปช่วยหน่อยหรือ? รัฐทายาท*แห่งอ๋องเซียวเหยา อย่างน้อยก็พูดสักหน่อยจะเป็นไรไป?”ปรากฏว่าบุรุษในชุดสีทองไม่ใช่ใครอื่น เขาคือพระโอรสในอ๋องเซียวเหยา นามว่าอวี๋เฟยเหยียนและคุณชายที่มีลักษณะคล้ายสตรีในชุดสีชมพูที่อยู่ข้าง ๆ ก็คือเย่เทียนซูศิษย์พี่รองของเขาทั้งสองเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของซ่างกวนซีอวี๋เฟยเหยียนกอดอกพลางพูดอย่างเหยียดหยาม “ศิษย์พี่ให้พวกเรามาสังเกตการณ์ ไม่ได้สั่งให้ช่วยใคร แล้วเหตุใดต้องไปยุ่งเรื่องของนางด้วย”เย่เทียนซูม้วนผมของตัวเอง แสร้งทำเป็นปวดใจและพูดว่า “เฮ้อ แต่นางน่าสนใจจริง ๆ อีกทั้ง... นางก็ดูไม่เหมือนคนอายุสั้นเลย”“ไม่เมื่อไม่ใช่คนอายุสั้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าหรือเจ้าลงมือ เอาล่ะ ออกจากวังไปรายงานกันเถอะ!” อวี๋เฟยเหยียนเขย่งเท้าทะยานจากไปเย่เทียนซูหันกลับไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ตามอวี๋เฟยเหยียนไปทว่าทันทีที่พวกเขาจากไป พวกเขาก็พลาดการแสดงที่น่ารับชมเมื่อเห็นอันกั๋วกงเดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมกับดาบสยบพยัคฆ์ในมือ เยี่ยนเว่ยฉือก็เท้าเอวตะ
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าอันกั๋วกงนั้นหยิ่งผยองแต่คาดไม่ถึงว่าคนที่เป็นเพียงขุนนางจะหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้ฮ่องเต้ทรงยืนอยู่ตรงนี้แท้ ๆ เขากล้าฆ่าคนต่อหน้าสาธารณชนได้อย่างไร?ทันใดนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พลิกฝ่ามือ เข็มเงินสองเล่มปรากฏอยู่ที่ปลายนิ้วของนางทว่าในขณะที่นางกำลังจะสู้กลับ จู่ ๆ ร่างที่ไม่สมประกอบก็ร่วงลงมาจากฟ้า และดึงเยี่ยนเว่ยฉือมาไว้ข้างหลังเขาผู้นั้นปกป้องเยี่ยนเว่ยฉือพลางถอยหลังไปสองก้าว แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ยังคงได้ยินเสียงดัง!เป็นเสียงดาบคมเฉือนผ่านผิวหนัง!“ชูจิ่ง?!”“องค์รัชทายาท?!”“เสด็จพี่ใหญ่?!”จากนั้นก็มีเสียงอุทานจากทุกคนใช่แล้ว คนที่มารับการโจมตีแทนเยี่ยนเว่ยฉือไม่ใช่ใครอื่น นอกจากองค์รัชทายาทซ่างกวนซีที่บาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่าง!อันกั๋วกงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ปลายดาบสยบพยัคฆ์ของเขาแทงทะลุไหล่ของซ่างกวนซีซ่างกวนซีเช็ดเลือดตรงมุมปากพลางแค่นเสียงเย็น “อันกั๋วกง บังอาจนักนะที่กล้าลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!”อันกั๋วกงหายใจเฮือกใหญ่อย่างหวาดกลัวและรีบดึงดาบออกมา จากนั้นก็ทำมือคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!”หากฆ่าเยี่ยนเว่ยฉือไปก็คงจะไม่เป็
ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือประคองซ่างกวนซีลงจากรถม้า นางก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันไปที่นี่ที่ทั้งรกร้าง วัชพืชขึ้นรกชัฏ แม้แต่ป้ายชื่อด้านหน้าก็เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว นี่คือจวนองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?คงไม่ใช่นรกหรอกกระมัง?เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่ใบหน้าซีดเซียวราวกับคนเป็นโรคที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่…ไม่ได้มาผิดที่ใช่ไหม?”ซ่างกวนซีเมินนางพลางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “หากจะดูถูกกัน ก็ไม่ต้องตามเข้ามา!”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็เดินไปที่ส่วนลึกของเรือนด้านในแล้วมุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก นางก็รู้สึกดูถูกเขาจริง ๆ เพราะนางนึกว่าตามเขามาแล้วจะได้อยู่ดีกินดีแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่กินน้ำซาวข้าวก็ยังไม่มีปัญญาแต่หากนางไม่เข้าไปแล้วนางจะไปที่ไหนได้?ตอนนี้ตำแหน่งชายารัชทายาทคือเครื่องรางช่วยชีวิตของนาง และไม่อาจคาดหวังให้บิดาผู้ให้กำเนิดมาปกป้องนางได้อีกต่อไปแล้วนอกจากองค์รัชทายาท นางก็ไม่มีใครให้พึ่งพิงเลยเยี่ยนเว่ยฉือรีบเดินตามองค์รัชทายาทพลางเอื้อมมือไปประคองเขาแล้วพูดว่า “โถ่ ข้าไม่ได้ดูถูกท่านเสียหน่อย ข้าคิดว่าที่นี่ก็ไ
เยี่ยนเว่ยฉือดึงขากางเกงของซ่างกวนซีพลางพูดอย่างจนใจ “องค์รัชทายาท ดูบาดแผลตามตัวของท่าน หากไม่รีบรักษา ท่านอาจตายได้เลยนะ”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”“ไม่ให้ข้ายุ่งแล้วจะให้ใครยุ่งเล่า? หากท่านตายไป ข้าจะใช้อำนาจของใครเล่า?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ปิดบังความคิดของตัวเองแม้แต่น้อยซ่างกวนซีจนใจ การเสียเลือดจำนวนมาก อีกทั้งยังมีบาดแผลอักเสบทำให้เขาเริ่มมีไข้สูงขึ้นเรื่อย ๆเขาต้องการการรักษาบาดแผลโดยด่วนแต่ไม่มีใครในวังที่สามารถไว้ใจได้ หมอในสำนักหมอหลวงยิ่งแล้วใหญ่ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉือ พลางคิดว่าสตรีผู้นี้รู้วิธีใช้พิษ หรือนางอาจมีทักษะทางการแพทย์จริง ๆ?เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงพูดว่า “เจ้ารักษาแค่บาดแผลที่ร่างกายช่วงบนก็พอ ส่วนช่วงล่าง...เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “นี่พี่ชาย ให้ข้าหากระจกทองเหลืองให้ท่านไปส่องก้นดูไหมเล่า? ถูกตีจนเป็นแผลช้ำเลือดขนาดนั้น ไม่รู้ว่าท่านทนเจ็บได้อย่างไร ไหนจะดันทุรังนั่งรถม้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลตรงร่างกายส่วนบนหรือส่วนล่างก็ต้องรักษาให้หมด ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้แผลจะเน่าจนมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยเต็มตัว ถึงตอนนั้นคง…”
เยี่ยนเว่ยฉือเบนสายตาหนีพร้อมกับเกาจมูกและพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย “อะแฮ่ม ความเป็นชายของนี้แตกต่างไปจากหนังโป๊ชายรักชายที่ข้าเคยดูอย่างสิ้นเชิง ทำเอาจิตใจของคนแก่ ๆ เช่นข้าว้าวุ่นไปหมด!”พูดจาเลอะเทอะอะไรเนี่ย??เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปหยิบน้ำสะอาดมาล้างคราบสกปรกบนร่างกายของซ่างกวนซีเสียก่อนหลังจากทำความสะอาดเสร็จ นางก็เดินไปหยิบยาวิเศษที่ฮ่องเต้ทรงประทานมาให้ เพื่อนำมาดูว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ทว่าทันทีที่นางเปิดกล่องผ้าที่บรรจุยา ซ่างกวนซีก็พูดด้วยอารมณ์รุนแรง “อย่าแตะต้องมัน ห้ามใช้ของทุกสิ่งที่มาจากวัง!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบกระปุกขี้ผึ้งขึ้นมาแล้วหันไปมองซ่างกวนซีพลางถามอย่างสงสัย “เหตุใดถึงใช้ไม่ได้? ข้าดูหมดแล้ว ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรชั้นยอด ไม่สามารถหาซื้อจากข้างนอกได้ อ้อ ต่อให้หาซื้อได้ แต่ข้าก็คงไม่มีปัญญาซื้อ”ซ่างกวนซีหลับตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกกว่าเดิม “เดี๋ยวเวลาผ่านไปบาดแผลก็จะหายเอง เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก!”แม้เขาไม่ปรารถนาจะอธิบายไปมากกว่านี้ แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็เข้าใจดีแล้วนางเดินกลับไปที่ขอบเตียงแล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนเตียง พลางทำท่าเหมือนนักเลงเจ้าถิ่น
“อา...อาการต้านยาของท่านมัน...รุนแรงเกินไปแล้ว” สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองรวดเร็วขนาดนี้เชียวซ่างกวนซีพูดเสียงเย็น “ทำไม? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?”“ข้า...ข้าจะกลัวทำไม ข้าไม่ได้ทำร้ายท่านเสียหน่อย!” เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเบือนหน้าหนี และรู้สึกร้อนตัวเกินกว่าจะกล้าสบตาซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองขวดโหลที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็แอบมองกระเบื้องหลังคาที่หายไปพลางคิดกับตัวเองว่า ‘วันนี้นางทำตัวเปิดเผยมากเกินไป จะปล่อยให้นางทำการรักษาต่อไปไม่ได้ หากนางสามารถล้างพิษเย็นได้ต้องกลายเป็นหนามยอกอกของอันกั๋วกงอย่างแน่นอน’เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องมารักษาข้า ตอนนี้เจ้าออกไปหาห้องพักเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีตาโต “ยังทายาไม่เสร็จเลยนะ!”ซ่างกวนซีกระชับวงแขนกอดเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่นซ่างกวนซีกัดฟันพูดขู่ว่า “หากเจ้าไม่อยากพักผ่อนคนเดียว เช่นนั้นพวกเราก็จะพักผ่อนด้วยกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกหายใจลำบากในขณะที่ถูกกอดไว้แน่นนางพยักหน้าอย่างร้อนรนและพูดว่า “ได้ ได้ ได้ ข้าจะออกไป ข้าจะออกไปแล้วพอใจรึยัง!”ซ่างกวนซีผลักนางออกไปด้วยความโกรธ จนเกือบจะทำให้เยี
ทันทีที่อันกั๋วกงพูดสิ่งที่อยากจะทำออกมา เขาก็รีบพาคนกลับไปทันทีจนไม่ได้สนใจเสียงเรียกของฮองเฮาที่อยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ“ท่านพี่ใหญ่ ท่านพี่ใหญ่!” ฮองเฮาเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถรั้งอันกั๋วกงไว้ได้เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากำลังโกรธมาก และแทบรอไม่ไหวที่จะไปปลิดชีพเยี่ยนเว่ยฉือเพราะไม่มีใครเคยกล้าชี้หน้าด่าเขามาก่อนเมื่อเห็นอันกั๋วกงจากไปด้วยความโกรธ ฮองเฮาจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ลุงของเจ้าก็ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม”องค์ชายสองซ่างกวนหลียิ้มและกล่าวว่า “เสด็จแม่อย่าทรงกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ผิงอี้โหวไม่มีอำนาจทางทหารอีกต่อไปแล้ว หากท่านลุงจะลงโทษเขาก็เหมือนการขยี้มดให้ตายคามือ”ฮองเฮามองไปที่ซ่างกวนหลีพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้ากลัวว่ามดมันจะไม่ตาย แต่จะกัดตอบน่ะสิ”ซ่างกวนหลีถามอย่างสงสัย “เสด็จแม่ทรงกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะตอบโต้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮองเฮาพูดอย่างจนใจ “ข้ากังวลว่าการฆ่าคนของท่านลุงเจ้าอาจไม่สำเร็จหากทำไปเพราะต้องการระบายความโกรธ”“จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านลุงเป็นถึงกั๋วกงผู้สูงส่ง และเยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นเพียงบุตรีอนุจวนโหว เหตุใดถึงลงโทษนางไม่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” ซ่างกวนหลี
นางเป็นหมอผู้มีความสามารถรอบด้านจากโลกอนาคต ซึ่งที่นั่นทรัพยากรเริ่มขาดแคลนมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ก็ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน และทุกคนปรารถนาที่จะเป็นผู้มีความสามารถที่ทำได้ทุกอย่างเช่นนั้นจึงจะสามารถพิสูจน์คุณค่าของตัวเองและได้รับทรัพยากรมากขึ้นแม้แต่นางก็ไม่มีข้อยกเว้นดังนั้นนางจึงหมกมุ่นอยู่ในวงการแพทย์มาเกือบสามสิบปี ก่อนตายแม้แต่มือบุรุษนางก็ไม่เคยได้สัมผัสอ้อ ยกเว้นมือของบุรุษที่ตายไปแล้วน่ะนะคาดไม่ถึงว่าเดินข้ามเวลามายังไม่ทันครบวัน ก็เกือบจะมาเสียคนเอาตอนแก่อ้อ แต่ก็ยังไม่ถือว่าแก่หรอก เพราะร่างนี้อายุแค่สิบหกปีเท่านั้นแม้สถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ดีนัก แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็มีความสุขมากที่ได้กลับมามีชีวิตอีกหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางใส่กำไลห้วงอนันต์มาด้วยในโลกอนาคต ทุกคนจะมีกำไลห้วงอนันต์ที่ทำจากโลหะ ใช้สำหรับเก็บวัตถุที่ไม่มีชีวิตได้ทุกชนิดพื้นที่เก็บของนั้นไม่ใหญ่มาก เพียงสองสามตารางเมตรเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็ใช้เก็บของใช้ทั่วไปหลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือเดินทางข้ามเวลามา แวบแรกนางก็อยากรู้ทันทีว่าได้นำกำไลห้วงอนันต์ติดตัวมาด้วยหรือไม่
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี
เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าคำพูดของตนเองฟังไม่ขึ้นนางยิ้มแห้งๆ แล้วหันไปมองลู่อู๋ เลียนแบบน้ำเสียงของซ่างกวนซีข่มขู่ "เจ้า คอยดูเถอะ!"คนสารเลวนี่ กล้ามาเคาะประตูในเวลากลางวันแสกๆ ไม่ใช่จงใจมาขัดขวางนางหรือ?หากนางผ่านด่านซ่างกวนซีไม่ได้ นางก็จะไม่ปล่อยให้ลู่อู๋ผ่านวันนี้ไปได้เช่นกัน! ฮึ่ม!ลู่อู๋เห็นดังนั้นก็อยากจะร้องไห้ "นาง... นางพูดความจริง ข้า... ข้าหมายปองท่านหญิงหมิงหยางจริงๆ ถึงแม้ว่านางจะแก่ไปหน่อย ผิวเหี่ยวไปหน่อย นิสัยดุร้ายไปหน่อย เอวหนาขาใหญ่ ไปหน่อย แต่ข้าชอบแบบนี้! มี... มีความอบอุ่นเหมือนมารดา!"ทุกคน "...""ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลกเยี่ยนเว่ยฉือก็ตกตะลึง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า "เจ้าโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังพอมีไหวพริบ สอนได้!"ฉินเซียงหรูมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้ามืดครึ้ม แล้วยิ้มแย้ม "อยู่ข้างกายท่านช่างน่าสนุกสนานยิ่งนัก! สนุกกว่าตอนอยู่ในค่ายทหารเสียอีก!"ซ่างกวนซีถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการสั่งสอนเยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวยังปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่าการจัดการกองทัพเขาไม่กล่าวสิ่งใด ลุกขึ้นยืน เดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉ
"เอ่อ เพราะว่า..." ลู่อู๋มองซ่างกวนซี ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกว่าปัญหายิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆซ่างกวนซีเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ นั่งลงบนบัลลังก์ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างใจเย็น แล้วเอ่ยถาม "เพราะเหตุใด?"ลู่อู๋มองเยี่ยนเว่ยฉือ "เพราะว่า...""ข้าถามเจ้า เจ้าจ้องมองพระชายาด้วยเหตุใด?" ซ่างกวนซีตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาลู่อู๋มีสีหน้าลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรหากพูดความจริง ก็คงจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือขุ่นเคือง ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาจะกล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้อย่างไร?แต่หากไม่พูดความจริง วันนี้เขาจะออกจากจวนรัชทายาทได้หรือ?ลู่อู๋ยังคงอ้ำอึ้ง "เพราะว่า...""เพราะเขาอยากให้ข้าทำหน้าที่แม่สื่อ!" เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวออกมา ทำเอาทุกคนตกตะลึง"อะ... อะไรนะ?" อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง มองเยี่ยนเว่ยฉือฉินเซียงหรูก็ตกตะลึง ถ้วยชาในมือเกือบหลุดซ่างกวนซีขมวดคิ้ว มองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดจาเหลวไหลเยี่ยนเว่ยฉือใช้ศอกกระทุ้งลู่อู๋ "รีบพูดสิ ใช่หรือไม่?"ลู่อู๋รู้สึกว่าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่พยักหน