บุรุษชุดสีชมพูในความมืดใช้ศอกผลักชายในชุดสีทองพลางเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นี่ เจ้าไม่ไปช่วยหน่อยหรือ? รัฐทายาท*แห่งอ๋องเซียวเหยา อย่างน้อยก็พูดสักหน่อยจะเป็นไรไป?”ปรากฏว่าบุรุษในชุดสีทองไม่ใช่ใครอื่น เขาคือพระโอรสในอ๋องเซียวเหยา นามว่าอวี๋เฟยเหยียนและคุณชายที่มีลักษณะคล้ายสตรีในชุดสีชมพูที่อยู่ข้าง ๆ ก็คือเย่เทียนซูศิษย์พี่รองของเขาทั้งสองเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของซ่างกวนซีอวี๋เฟยเหยียนกอดอกพลางพูดอย่างเหยียดหยาม “ศิษย์พี่ให้พวกเรามาสังเกตการณ์ ไม่ได้สั่งให้ช่วยใคร แล้วเหตุใดต้องไปยุ่งเรื่องของนางด้วย”เย่เทียนซูม้วนผมของตัวเอง แสร้งทำเป็นปวดใจและพูดว่า “เฮ้อ แต่นางน่าสนใจจริง ๆ อีกทั้ง... นางก็ดูไม่เหมือนคนอายุสั้นเลย”“ไม่เมื่อไม่ใช่คนอายุสั้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าหรือเจ้าลงมือ เอาล่ะ ออกจากวังไปรายงานกันเถอะ!” อวี๋เฟยเหยียนเขย่งเท้าทะยานจากไปเย่เทียนซูหันกลับไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ตามอวี๋เฟยเหยียนไปทว่าทันทีที่พวกเขาจากไป พวกเขาก็พลาดการแสดงที่น่ารับชมเมื่อเห็นอันกั๋วกงเดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมกับดาบสยบพยัคฆ์ในมือ เยี่ยนเว่ยฉือก็เท้าเอวตะ
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าอันกั๋วกงนั้นหยิ่งผยองแต่คาดไม่ถึงว่าคนที่เป็นเพียงขุนนางจะหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้ฮ่องเต้ทรงยืนอยู่ตรงนี้แท้ ๆ เขากล้าฆ่าคนต่อหน้าสาธารณชนได้อย่างไร?ทันใดนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พลิกฝ่ามือ เข็มเงินสองเล่มปรากฏอยู่ที่ปลายนิ้วของนางทว่าในขณะที่นางกำลังจะสู้กลับ จู่ ๆ ร่างที่ไม่สมประกอบก็ร่วงลงมาจากฟ้า และดึงเยี่ยนเว่ยฉือมาไว้ข้างหลังเขาผู้นั้นปกป้องเยี่ยนเว่ยฉือพลางถอยหลังไปสองก้าว แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ยังคงได้ยินเสียงดัง!เป็นเสียงดาบคมเฉือนผ่านผิวหนัง!“ชูจิ่ง?!”“องค์รัชทายาท?!”“เสด็จพี่ใหญ่?!”จากนั้นก็มีเสียงอุทานจากทุกคนใช่แล้ว คนที่มารับการโจมตีแทนเยี่ยนเว่ยฉือไม่ใช่ใครอื่น นอกจากองค์รัชทายาทซ่างกวนซีที่บาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่าง!อันกั๋วกงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ปลายดาบสยบพยัคฆ์ของเขาแทงทะลุไหล่ของซ่างกวนซีซ่างกวนซีเช็ดเลือดตรงมุมปากพลางแค่นเสียงเย็น “อันกั๋วกง บังอาจนักนะที่กล้าลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!”อันกั๋วกงหายใจเฮือกใหญ่อย่างหวาดกลัวและรีบดึงดาบออกมา จากนั้นก็ทำมือคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!”หากฆ่าเยี่ยนเว่ยฉือไปก็คงจะไม่เป็
ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือประคองซ่างกวนซีลงจากรถม้า นางก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันไปที่นี่ที่ทั้งรกร้าง วัชพืชขึ้นรกชัฏ แม้แต่ป้ายชื่อด้านหน้าก็เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว นี่คือจวนองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?คงไม่ใช่นรกหรอกกระมัง?เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่ใบหน้าซีดเซียวราวกับคนเป็นโรคที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่…ไม่ได้มาผิดที่ใช่ไหม?”ซ่างกวนซีเมินนางพลางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “หากจะดูถูกกัน ก็ไม่ต้องตามเข้ามา!”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็เดินไปที่ส่วนลึกของเรือนด้านในแล้วมุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก นางก็รู้สึกดูถูกเขาจริง ๆ เพราะนางนึกว่าตามเขามาแล้วจะได้อยู่ดีกินดีแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่กินน้ำซาวข้าวก็ยังไม่มีปัญญาแต่หากนางไม่เข้าไปแล้วนางจะไปที่ไหนได้?ตอนนี้ตำแหน่งชายารัชทายาทคือเครื่องรางช่วยชีวิตของนาง และไม่อาจคาดหวังให้บิดาผู้ให้กำเนิดมาปกป้องนางได้อีกต่อไปแล้วนอกจากองค์รัชทายาท นางก็ไม่มีใครให้พึ่งพิงเลยเยี่ยนเว่ยฉือรีบเดินตามองค์รัชทายาทพลางเอื้อมมือไปประคองเขาแล้วพูดว่า “โถ่ ข้าไม่ได้ดูถูกท่านเสียหน่อย ข้าคิดว่าที่นี่ก็ไ
เยี่ยนเว่ยฉือดึงขากางเกงของซ่างกวนซีพลางพูดอย่างจนใจ “องค์รัชทายาท ดูบาดแผลตามตัวของท่าน หากไม่รีบรักษา ท่านอาจตายได้เลยนะ”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”“ไม่ให้ข้ายุ่งแล้วจะให้ใครยุ่งเล่า? หากท่านตายไป ข้าจะใช้อำนาจของใครเล่า?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ปิดบังความคิดของตัวเองแม้แต่น้อยซ่างกวนซีจนใจ การเสียเลือดจำนวนมาก อีกทั้งยังมีบาดแผลอักเสบทำให้เขาเริ่มมีไข้สูงขึ้นเรื่อย ๆเขาต้องการการรักษาบาดแผลโดยด่วนแต่ไม่มีใครในวังที่สามารถไว้ใจได้ หมอในสำนักหมอหลวงยิ่งแล้วใหญ่ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉือ พลางคิดว่าสตรีผู้นี้รู้วิธีใช้พิษ หรือนางอาจมีทักษะทางการแพทย์จริง ๆ?เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงพูดว่า “เจ้ารักษาแค่บาดแผลที่ร่างกายช่วงบนก็พอ ส่วนช่วงล่าง...เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “นี่พี่ชาย ให้ข้าหากระจกทองเหลืองให้ท่านไปส่องก้นดูไหมเล่า? ถูกตีจนเป็นแผลช้ำเลือดขนาดนั้น ไม่รู้ว่าท่านทนเจ็บได้อย่างไร ไหนจะดันทุรังนั่งรถม้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลตรงร่างกายส่วนบนหรือส่วนล่างก็ต้องรักษาให้หมด ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้แผลจะเน่าจนมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยเต็มตัว ถึงตอนนั้นคง…”
เยี่ยนเว่ยฉือเบนสายตาหนีพร้อมกับเกาจมูกและพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย “อะแฮ่ม ความเป็นชายของนี้แตกต่างไปจากหนังโป๊ชายรักชายที่ข้าเคยดูอย่างสิ้นเชิง ทำเอาจิตใจของคนแก่ ๆ เช่นข้าว้าวุ่นไปหมด!”พูดจาเลอะเทอะอะไรเนี่ย??เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปหยิบน้ำสะอาดมาล้างคราบสกปรกบนร่างกายของซ่างกวนซีเสียก่อนหลังจากทำความสะอาดเสร็จ นางก็เดินไปหยิบยาวิเศษที่ฮ่องเต้ทรงประทานมาให้ เพื่อนำมาดูว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ทว่าทันทีที่นางเปิดกล่องผ้าที่บรรจุยา ซ่างกวนซีก็พูดด้วยอารมณ์รุนแรง “อย่าแตะต้องมัน ห้ามใช้ของทุกสิ่งที่มาจากวัง!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบกระปุกขี้ผึ้งขึ้นมาแล้วหันไปมองซ่างกวนซีพลางถามอย่างสงสัย “เหตุใดถึงใช้ไม่ได้? ข้าดูหมดแล้ว ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรชั้นยอด ไม่สามารถหาซื้อจากข้างนอกได้ อ้อ ต่อให้หาซื้อได้ แต่ข้าก็คงไม่มีปัญญาซื้อ”ซ่างกวนซีหลับตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกกว่าเดิม “เดี๋ยวเวลาผ่านไปบาดแผลก็จะหายเอง เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก!”แม้เขาไม่ปรารถนาจะอธิบายไปมากกว่านี้ แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็เข้าใจดีแล้วนางเดินกลับไปที่ขอบเตียงแล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนเตียง พลางทำท่าเหมือนนักเลงเจ้าถิ่น
“อา...อาการต้านยาของท่านมัน...รุนแรงเกินไปแล้ว” สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองรวดเร็วขนาดนี้เชียวซ่างกวนซีพูดเสียงเย็น “ทำไม? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?”“ข้า...ข้าจะกลัวทำไม ข้าไม่ได้ทำร้ายท่านเสียหน่อย!” เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเบือนหน้าหนี และรู้สึกร้อนตัวเกินกว่าจะกล้าสบตาซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองขวดโหลที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็แอบมองกระเบื้องหลังคาที่หายไปพลางคิดกับตัวเองว่า ‘วันนี้นางทำตัวเปิดเผยมากเกินไป จะปล่อยให้นางทำการรักษาต่อไปไม่ได้ หากนางสามารถล้างพิษเย็นได้ต้องกลายเป็นหนามยอกอกของอันกั๋วกงอย่างแน่นอน’เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องมารักษาข้า ตอนนี้เจ้าออกไปหาห้องพักเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีตาโต “ยังทายาไม่เสร็จเลยนะ!”ซ่างกวนซีกระชับวงแขนกอดเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่นซ่างกวนซีกัดฟันพูดขู่ว่า “หากเจ้าไม่อยากพักผ่อนคนเดียว เช่นนั้นพวกเราก็จะพักผ่อนด้วยกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกหายใจลำบากในขณะที่ถูกกอดไว้แน่นนางพยักหน้าอย่างร้อนรนและพูดว่า “ได้ ได้ ได้ ข้าจะออกไป ข้าจะออกไปแล้วพอใจรึยัง!”ซ่างกวนซีผลักนางออกไปด้วยความโกรธ จนเกือบจะทำให้เยี
ทันทีที่อันกั๋วกงพูดสิ่งที่อยากจะทำออกมา เขาก็รีบพาคนกลับไปทันทีจนไม่ได้สนใจเสียงเรียกของฮองเฮาที่อยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ“ท่านพี่ใหญ่ ท่านพี่ใหญ่!” ฮองเฮาเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถรั้งอันกั๋วกงไว้ได้เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากำลังโกรธมาก และแทบรอไม่ไหวที่จะไปปลิดชีพเยี่ยนเว่ยฉือเพราะไม่มีใครเคยกล้าชี้หน้าด่าเขามาก่อนเมื่อเห็นอันกั๋วกงจากไปด้วยความโกรธ ฮองเฮาจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ลุงของเจ้าก็ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม”องค์ชายสองซ่างกวนหลียิ้มและกล่าวว่า “เสด็จแม่อย่าทรงกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ผิงอี้โหวไม่มีอำนาจทางทหารอีกต่อไปแล้ว หากท่านลุงจะลงโทษเขาก็เหมือนการขยี้มดให้ตายคามือ”ฮองเฮามองไปที่ซ่างกวนหลีพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้ากลัวว่ามดมันจะไม่ตาย แต่จะกัดตอบน่ะสิ”ซ่างกวนหลีถามอย่างสงสัย “เสด็จแม่ทรงกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะตอบโต้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮองเฮาพูดอย่างจนใจ “ข้ากังวลว่าการฆ่าคนของท่านลุงเจ้าอาจไม่สำเร็จหากทำไปเพราะต้องการระบายความโกรธ”“จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านลุงเป็นถึงกั๋วกงผู้สูงส่ง และเยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นเพียงบุตรีอนุจวนโหว เหตุใดถึงลงโทษนางไม่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” ซ่างกวนหลี
นางเป็นหมอผู้มีความสามารถรอบด้านจากโลกอนาคต ซึ่งที่นั่นทรัพยากรเริ่มขาดแคลนมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ก็ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน และทุกคนปรารถนาที่จะเป็นผู้มีความสามารถที่ทำได้ทุกอย่างเช่นนั้นจึงจะสามารถพิสูจน์คุณค่าของตัวเองและได้รับทรัพยากรมากขึ้นแม้แต่นางก็ไม่มีข้อยกเว้นดังนั้นนางจึงหมกมุ่นอยู่ในวงการแพทย์มาเกือบสามสิบปี ก่อนตายแม้แต่มือบุรุษนางก็ไม่เคยได้สัมผัสอ้อ ยกเว้นมือของบุรุษที่ตายไปแล้วน่ะนะคาดไม่ถึงว่าเดินข้ามเวลามายังไม่ทันครบวัน ก็เกือบจะมาเสียคนเอาตอนแก่อ้อ แต่ก็ยังไม่ถือว่าแก่หรอก เพราะร่างนี้อายุแค่สิบหกปีเท่านั้นแม้สถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ดีนัก แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็มีความสุขมากที่ได้กลับมามีชีวิตอีกหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางใส่กำไลห้วงอนันต์มาด้วยในโลกอนาคต ทุกคนจะมีกำไลห้วงอนันต์ที่ทำจากโลหะ ใช้สำหรับเก็บวัตถุที่ไม่มีชีวิตได้ทุกชนิดพื้นที่เก็บของนั้นไม่ใหญ่มาก เพียงสองสามตารางเมตรเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็ใช้เก็บของใช้ทั่วไปหลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือเดินทางข้ามเวลามา แวบแรกนางก็อยากรู้ทันทีว่าได้นำกำไลห้วงอนันต์ติดตัวมาด้วยหรือไม่
เยี่ยนเว่ยฉือรีบพยักหน้า “ใช่ ๆ ดังนั้นข้าจะทำเค้กวันเกิดให้เขา!”“พระชายา อะไร…อะไรคือเค้กวันเกิดหรือเพคะ?” ซ่านเย่ถามอย่างงุนงงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตอบ “ทำออกมาเสร็จแล้วประเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนไปทำอาหารหลาย ๆ อย่าง กับข้าวหกอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่าง อร่อยและดีต่อสุขภาพ!”ไคจือและซ่านเย่พูดพร้อมกัน “เพคะ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”บ่าวและนายสามคนยุ่งกันอยู่ในครัวอย่างสนุกสนานจางมามาที่อยู่หน้าประตูเห็นดังนั้นก็ถามพ่อบ้านจางด้วยความสงสัย “พระชายากำลังทำอะไรอยู่ในครัวรึ? วันนี้ไม่ใช่วันที่องค์รัชทายาทต้องงดเสวยหรือ?”พ่อบ้านจางก็ไม่เข้าใจ ตอบกลับไปว่า “องค์รัชทายาททรงงดเสวยคนเดียว ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องงดตาม พระชายาคงทำอาหารกินเองกระมัง”จางมามาพยักหน้าเล็กน้อย “ก็จริงของท่าน ข้าไปซื้อของที่องค์รัชทายาทต้องใช้ก่อน ดูแลที่นี่ดี ๆ อย่าให้ครัวไฟไหม้ล่ะ!”จางมามาไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือทำอาหารของเยี่ยนเว่ยฉือพ่อบ้านจางรับคำด้วยรอยยิ้ม…… หลังเที่ยงวัน ซ่างกวนซีพาอวี๋เฟยเหยียนกลับมาที่จวนองค์รัชทายาทเยี่ยนเว่ยฉือสังเกตว่าวันนี้ซ่างกวนซีกลับมาช้าเป็นพิเศษแต่ไม่ได้สัง
เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะกล่าวว่า “ก่อนที่จะรู้จักท่าน ข้าไม่เคยได้ยินชื่อปลาตัวนี้เลย แต่ข้าก็ยังยืนยันได้ว่ามันเป็นของปลอม!”“เป็นเพราะอะไรกัน?” ฉินเซียงหรูไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉืออธิบายต่อ “เพราะท่านเคยบอกว่า มัจฉาทองคำจิ่วหยางชอบกินหญ้าหางสุนัขเขียว ซึ่งหญ้าหางสุนัขเขียวขึ้นในที่ลุ่ม ปลาที่ชาวเป่ยอิ้นนำมาอาศัยอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนใกล้ภูเขาไฟ สภาพอากาศที่นั่นแตกต่างจากที่ลุ่มมาก! ที่เขาว่า ดินน้ำเลี้ยงคนฉันใด ก็ใช้กับสัตว์ได้เช่นกัน ในเมื่อชอบกินหญ้าหางสุนัขเขียวในที่ลุ่ม มัจฉาทองคำจิ่วหยางก็ต้องอาศัยอยู่ในที่ลุ่มหรือบริเวณใกล้เคียง จะไปอยู่แถวภูเขาไฟได้อย่างไร? ปลาบินไม่ได้เสียหน่อย!”ฉินเซียงหรูพยักหน้ายิ้ม ๆ “ถูกต้อง ถูกต้อง! แม่นางเยี่ยนฉลาดหลักแหลมจริง ๆ ในเมื่อท่านรู้เหตุผลนี้แล้ว เหตุใดถึงยังรับ... ปลาแห้งตัวนี้ไว้?”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ “ฝ่าบาททรงรักและเอ็นดูองค์รัชทายาท อย่าให้พระองค์ต้องทรงผิดหวังเลย แม้จะไม่สามารถช่วยเรื่องพิษกู่เย็นขององค์รัชทายาทได้ แต่ก็นำไปทำอาหาร ทำซุปบำรุงกระเพาะของเขาได้! ข้านำมาให้ท่าน ท่านจะได้ดูว่าปลาพิเศษตัวนี้จะใช้เป็นยาได้หรือไม่ ในเมื่อหายากเช่น
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตากล่าว “นี่ก็เป็นความคิดที่ดี แต่จะหาเขาเจอได้อย่างไร? อีกอย่าง ถึงข้าจะหาเขาเจอ เขาก็คงไม่เต็มใจเข้าวังไปพร้อมกับข้า เขาเป็นโจรขุดสุสาน เข้าวังกับข้าก็เท่ากับพาตนเองไปติดกับมิใช่หรือ?”ซ่างกวนซีตอบกลับอย่างเฉยเมย “หากเขาเป็นโจรขุดสุสานจริง นั่นถึงจะเรียกว่าติดกับตนเอง แต่หากเขาไม่ใช่ นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ องครักษ์เงาของสำนักอิ้นเฉิงก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอ ในสองแคว้นสี่นครเลื่องชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม เขาถูกคนสำนักอิ้นเฉิงตามล่ามาตลอด ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องตายอย่างแน่นอน หากครั้งนี้สามารถชี้แจงถึงสิ่งที่เขาทำต่อหน้าทั้งสองแคว้น ก็อาจจะหลุดพ้นจากการตามล่าของสำนักอิ้นเฉิงได้”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “สิ่งที่ท่านกล่าวนับว่ามีเหตุผล พรุ่งนี้ข้าจะลองไปตามหาเขาดู!”“พรุ่งนี้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีปฏิเสธเยี่ยนเว่ยฉือสงสัย “ทำไมไม่ได้?”ซ่างกวนซีเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนที่เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าจะไม่ได้รับคำตอบเสียแล้ว ซ่างกวนซีก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ตรงกับเทศกาลตวนอู่”ต้องอยู่ในจวนเพื่อฉลองเทศกาลงั้นหรือ?เขาก็ยึดถือพิธีรีตองในการใช้ชีวิตดีนี่!เมื่อคิดได้ดังนั้น เ
เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “หากเป็นอย่างที่ฝ่าบาทกล่าว ในช่วงสิบวันนี้ ข้าก็ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ไปบันทึกชื่อและฐานะของชาวบ้านก็พอแล้วใช่หรือไม่? ถึงตอนนั้นก็ดูว่าใครบันทึกได้มากกว่ากัน”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “ไม่ว่าเจ้าจะบันทึกได้เท่าไหร่ ก็ไม่มีทางมากกว่าจวนอ๋องจ่างซิ่น”“ทำไมหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่เข้าใจ “เป็นเพราะจวนอ๋องจ่างซิ่นมีคนมากกว่าหรือ?”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้อมูลประจำตัวของชาวเมืองหลวง มีบันทึกไว้ที่ที่ว่าการเมือง อ๋องจ่างซิ่นแค่ส่งคนไปที่สำนักปกครองเมืองหลวงก็ได้ทุกอย่างมาแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด ตอนที่เขากว้านซื้อเถาเหลยกง เขาคงได้บันทึกข้อมูลทั้งหมดไปแล้ว ชิงลงมือก่อน”“หา? ตาเฒ่าใกล้ตายเอ๊ย ทำไมถึงเจ้าเล่ห์เช่นนี้! นี่มันร่วมมือกับอวี้ฉืออวิ๋นจ้าววางแผนเล่นงานข้าชัด ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือฟุบลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี ดูหดหู่เล็กน้อยซ่างกวนซีเงียบไป ไม่พูดอะไรต่อเยี่ยนเว่ยฉือฟุบอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ไม่สิ! ฝ่าบาท เรื่องเหล่านี้ท่านคงคิดไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีตอบกลับอย่างเย็นชา “คิดแล้วอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งอย่างร้อนใจ “ฝ่าบาทคิดคำนวณปัญหาที่ยุ่งยากเช่น
เรือนซวงหานหลังจากกลับถึงห้องตัวเอง ซ่างกวนซีก็ไม่สนใจเยี่ยนเว่ยฉืออีก เดินตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็สั่งให้ไคจือซ่านเย่เตรียมน้ำร้อนที่ห้องข้างๆ และไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกันดังนั้นเมื่อซ่างกวนซีออกมา ก็เห็นเยี่ยนเว่ยฉืออยู่ในชุดชั้นในสีขาว กำลังเช็ดผมที่ยังหมาด ๆ อยู่แววตาของซ่างกวนซีหม่นลงเล็กน้อย หัวใจเต้นเร็วขึ้น“เอ๊ะ? ฝ่าบาทอาบเสร็จแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองเขาเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย ถามอย่างใจเย็นว่า “เจ้าก็อาบเสร็จแล้วหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบรับ “ใช่แล้ว ข้ากลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของฝ่าบาท ก็เลยอาบพร้อมท่าน”ลมหายใจของซ่างกวนซีติดขัด เผลอแย้งออกไปว่า “เช่นนี้ไม่เรียกว่าอาบพร้อมกัน”“อ้อ หือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา รู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาด “ฝ่าบาท...ว่าอย่างไรนะ?”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง มองนางจากมุมสูงลงมา เอ่ยเสียงต่ำว่า “ข้าบอกว่า เช่นนี้ ไม่เรียกว่าอาบพร้อมกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือมองสายตาที่ร้อนแรงของซ่างกวนซี พลันรู้สึกใจสั่นขึ้นมาผู้ชายคนนี้ บนร่างกายนั้นแผ่รังสีที่คนนอกไม่อาจเข้าใกล้ตลอดเวลาแต่
อ๋องจ่างซิ่นเลิกคิ้วมองเขา พลางพูดติดตลกว่า “ทำไม? คิดว่าคนเยอะแล้วไม่ดีหรือ? หากข้าคนไม่พอ ก็ยังมีท่านอยู่นี่”อันกั๋วกงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง การพึ่งแต่จำนวนคนนั้นไว้ใจไม่ได้ อย่าว่าแต่ซ่างกวนซีจะมีเพื่อนฝูงในยุทธภพเลย แม้แต่เยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวก็เจ้าเล่ห์เพทุบายมากพอแล้ว บางทีอาจจะมีวิธีพลิกแพลงสถานการณ์ก็ได้ นี่เป็นการประลองครั้งสุดท้ายแล้ว เพื่อให้พวกท่านชนะ แม้แต่ฉลองพระองค์ขององค์ชายรองยังต้องถอดออก ท่านอย่าได้...”“เฮ้อ! พอเถอะ ในใจข้ารู้แล้วน่า!” อ๋องจ่างซิ่นเท้าสะเอวอย่างภาคภูมิใจ ทำท่าทางราวกับว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้วอันกั๋วกงยังคงไม่เข้าใจว่าความมั่นใจของเขามาจากที่ใดไม่ใช่แค่อันกั๋วกงที่ไม่เข้าใจ แม้แต่ซ่างกวนซีที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็ยังสงสัยซ่างกวนซีคิดในใจว่า ‘ดูจากสีหน้าของอ๋องจ่างซิ่นแล้ว เขาคงจะคุยกับอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวไว้ก่อนแล้ว พูดอีกนัยหนึ่งคือเขารู้โจทย์วันนี้ก่อนแล้ว แต่ถึงแม้รู้ก็ใช่ว่าจะกำชัยชนะไว้ได้ เหตุใดเขาถึงดูภาคภูมิใจเช่นนี้?’ซ่างกวนซีคิดไม่ตกแต่ปัญหาที่คิดไม่ตกนี้กลับได้รับคำตอบทันทีหลังจากที่พวกเขากลับถึงจวนรัชทายาท……จวนรัชทายาทหลังจากก
อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวเดินไปข้างหน้า ก้มศีรษะตอบอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดหัวข้อไว้แล้ว การประลองรอบแรกเป็นการประลองด้านบุ๋น รอบที่สองเป็นการประลองด้านบู๊ รอบที่สามต้องการทั้งบุ๋นและบู๊ เมื่อคิดดูแล้ว ทั้งบุ๋นและบู๊ก็คือ ‘ปัญญา’ ดังนั้นรอบที่สามนี้จึงเน้นที่ ‘ปัญญา’ เป็นหลัก”“โอ้? ประลองอะไรกันแน่ ลองกล่าวมา” ฮ่องเต้คังอู่แสดงความสนใจอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวกล่าวต่อ “เมื่อหลายวันก่อน ในงานเลี้ยงที่พระตำหนักจิ่วหลง กระหม่อมเคยกราบทูลฝ่าบาท โจรขุดสุสานที่ชื่อฮวาอวี๋ ได้ขโมยตำราลับสวรรค์ไร้อักษรของเป่ยอิ้น และปิ่นหางหงส์ทองคำของต้าหลี่ ปิ่นหางหงส์เป็นเครื่องประดับที่ตระกูลแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ปรุงด้วยกรรมวิธีพิเศษ ผู้ใดก็ตามที่สัมผัสกับมัน จะไม่สามารถสัมผัสกับเถาเหลยกงได้ มิฉะนั้นจะมีผื่นแดงขึ้นเต็มตัว ทรมานอย่างมาก”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า ถามต่อ “หัวข้อที่เจ้ากำหนด เกี่ยวข้องกับปิ่นหางหงส์หรือ?”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น วันนั้นอ๋องจ่างซิ่นกล่าวว่า ‘ให้ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดสัมผัสกับน้ำที่แช่เถาเหลยกง’ ในมุมมองของกระหม่อม วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมาก แต่ประชาชนในหลีมีจำนวนมาก ในการปฏิบัติจ
“ฮึ! เจ้ายังจะตอกย้ำอีก?” ซ่างกวนหลีมองซ่างกวนเจวี๋ยด้วยน้ำเสียงข่มขู่ซ่างกวนเจวี๋ยยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขาดีมากซ่างกวนหลีถอดฉลองพระองค์ออกอย่างรวดเร็ว ก่อนยัดใส่มือซ่างกวนเจวี๋ยซ่างกวนเจวี๋ยก็ไม่ถือสา ถือเสื้อผ้าเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “เจ้านี่ประหลาดเสียจริง ชอบเสื้อผ้าของชายอื่น”คำพูดนี้ราวกับว่าเยี่ยนเว่ยฉือมีเจตนาร้ายกับซ่างกวนหลีเยี่ยนเว่ยฉือยื่นมือไปรับเสื้อผ้า เลิกคิ้ว “องค์ชายสี่กล่าวผิดแล้ว หม่อมฉันไม่ได้ชอบเสื้อผ้าของชายอื่น แค่ชอบแย่งชิงของคนอื่น เอามา... ใช้ประโยชน์ก็เท่านั้น”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือก็ถือเสื้อผ้าเดินไปหาองค์ชายสามซ่างกวนจิ่น ยื่นให้ด้วยสองมืออย่างสุภาพ “หม่อมฉันดูแล้ว องค์ชายสามและองค์ชายรองสูงพอกัน มีเพียงรูปร่างที่ผอมบางกว่าเล็กน้อย นำฉลองพระองค์นี้กลับไปให้นางกำนัลในจวนแก้ไขเล็กน้อย ก็จะทำให้ท่านใส่ได้พอดี”ซ่างกวนจิ่นยืนงงอยู่ที่เดิมขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นก็ประหลาดใจมากหากจะบอกว่าในบรรดาองค์ชายทั้งหมด ผู้ใดมีมนุษยสัมพันธ์แย่ที่สุด นั่นก็คือรัชทายาทซ่างกวนซีถ้าเช่นนั้นในบรรดาอ
เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่ซ่างกวนหลี เชิดคางขึ้นเล็กน้อย กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ข้าต้องการฉลองพระองค์ของเขา”จากนั้นนางก็ชี้ไปที่ตัวเอง มองหานอวี่เฟยด้วยรอยยิ้ม “แล้วข้าก็ยอมแพ้!”ยังไม่ทันที่หานอวี่เฟยจะตอบโต้ ซ่างกวนหลีก็ร้องอุทานราวกับแมวที่โดนเหยียบหาง “เช่นนี้ได้อย่างไร? ตกลงกันว่าถ้าชนะถึงจะให้ ในเมื่อเจ้ายอมแพ้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาฉลองพระองค์ของข้า!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ความจริงแล้วหม่อมฉันชนะ เพียงแต่มีบางคนไม่ยอมรับเท่านั้น”“เจ้าว่าใครไม่ยอมรับ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าฉ้อฉล!” หานอวี่เฟยโต้กลับด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองเยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า ถอนหายใจ “ท่านหญิงอิ๋นตาง อย่างไรท่านก็เป็นถึงแม่ทัพ ไม่รู้จักคำว่า ‘การทำสงครามไม่ควรเกรงกลอุบาย’ หรือ? แพ้ก็คือแพ้ เดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับ”ขณะที่หานอวี่เฟยกำลังจะโต้เถียงอีกครั้ง เยี่ยนเว่ยฉือก็เปลี่ยนเรื่อง “แต่ข้าเป็นคนใจดี ในเมื่อท่านหญิงอิ๋นตางไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าเช่นนั้นก็เสมอกัน ถือว่ารอบนี้เป็นเสมอ พวกเราแข่งรอบที่สามต่อ หรือไม่ก็ให้เขามอบฉลองพระองค์ให้ข้าเสีย หากข้ายอมแพ้ พวกเราก็ยังแข่งรอบที่สามได้ หากอย่างไรเจ้าก็ไม่ยอม...”เยี่