เยี่ยนเว่ยฉือเบนสายตาหนีพร้อมกับเกาจมูกและพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย “อะแฮ่ม ความเป็นชายของนี้แตกต่างไปจากหนังโป๊ชายรักชายที่ข้าเคยดูอย่างสิ้นเชิง ทำเอาจิตใจของคนแก่ ๆ เช่นข้าว้าวุ่นไปหมด!”พูดจาเลอะเทอะอะไรเนี่ย??เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปหยิบน้ำสะอาดมาล้างคราบสกปรกบนร่างกายของซ่างกวนซีเสียก่อนหลังจากทำความสะอาดเสร็จ นางก็เดินไปหยิบยาวิเศษที่ฮ่องเต้ทรงประทานมาให้ เพื่อนำมาดูว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ทว่าทันทีที่นางเปิดกล่องผ้าที่บรรจุยา ซ่างกวนซีก็พูดด้วยอารมณ์รุนแรง “อย่าแตะต้องมัน ห้ามใช้ของทุกสิ่งที่มาจากวัง!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบกระปุกขี้ผึ้งขึ้นมาแล้วหันไปมองซ่างกวนซีพลางถามอย่างสงสัย “เหตุใดถึงใช้ไม่ได้? ข้าดูหมดแล้ว ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรชั้นยอด ไม่สามารถหาซื้อจากข้างนอกได้ อ้อ ต่อให้หาซื้อได้ แต่ข้าก็คงไม่มีปัญญาซื้อ”ซ่างกวนซีหลับตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกกว่าเดิม “เดี๋ยวเวลาผ่านไปบาดแผลก็จะหายเอง เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก!”แม้เขาไม่ปรารถนาจะอธิบายไปมากกว่านี้ แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็เข้าใจดีแล้วนางเดินกลับไปที่ขอบเตียงแล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนเตียง พลางทำท่าเหมือนนักเลงเจ้าถิ่น
“อา...อาการต้านยาของท่านมัน...รุนแรงเกินไปแล้ว” สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองรวดเร็วขนาดนี้เชียวซ่างกวนซีพูดเสียงเย็น “ทำไม? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?”“ข้า...ข้าจะกลัวทำไม ข้าไม่ได้ทำร้ายท่านเสียหน่อย!” เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเบือนหน้าหนี และรู้สึกร้อนตัวเกินกว่าจะกล้าสบตาซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองขวดโหลที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็แอบมองกระเบื้องหลังคาที่หายไปพลางคิดกับตัวเองว่า ‘วันนี้นางทำตัวเปิดเผยมากเกินไป จะปล่อยให้นางทำการรักษาต่อไปไม่ได้ หากนางสามารถล้างพิษเย็นได้ต้องกลายเป็นหนามยอกอกของอันกั๋วกงอย่างแน่นอน’เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องมารักษาข้า ตอนนี้เจ้าออกไปหาห้องพักเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีตาโต “ยังทายาไม่เสร็จเลยนะ!”ซ่างกวนซีกระชับวงแขนกอดเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่นซ่างกวนซีกัดฟันพูดขู่ว่า “หากเจ้าไม่อยากพักผ่อนคนเดียว เช่นนั้นพวกเราก็จะพักผ่อนด้วยกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกหายใจลำบากในขณะที่ถูกกอดไว้แน่นนางพยักหน้าอย่างร้อนรนและพูดว่า “ได้ ได้ ได้ ข้าจะออกไป ข้าจะออกไปแล้วพอใจรึยัง!”ซ่างกวนซีผลักนางออกไปด้วยความโกรธ จนเกือบจะทำให้เยี
ทันทีที่อันกั๋วกงพูดสิ่งที่อยากจะทำออกมา เขาก็รีบพาคนกลับไปทันทีจนไม่ได้สนใจเสียงเรียกของฮองเฮาที่อยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ“ท่านพี่ใหญ่ ท่านพี่ใหญ่!” ฮองเฮาเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถรั้งอันกั๋วกงไว้ได้เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากำลังโกรธมาก และแทบรอไม่ไหวที่จะไปปลิดชีพเยี่ยนเว่ยฉือเพราะไม่มีใครเคยกล้าชี้หน้าด่าเขามาก่อนเมื่อเห็นอันกั๋วกงจากไปด้วยความโกรธ ฮองเฮาจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ลุงของเจ้าก็ยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม”องค์ชายสองซ่างกวนหลียิ้มและกล่าวว่า “เสด็จแม่อย่าทรงกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ผิงอี้โหวไม่มีอำนาจทางทหารอีกต่อไปแล้ว หากท่านลุงจะลงโทษเขาก็เหมือนการขยี้มดให้ตายคามือ”ฮองเฮามองไปที่ซ่างกวนหลีพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้ากลัวว่ามดมันจะไม่ตาย แต่จะกัดตอบน่ะสิ”ซ่างกวนหลีถามอย่างสงสัย “เสด็จแม่ทรงกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะตอบโต้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮองเฮาพูดอย่างจนใจ “ข้ากังวลว่าการฆ่าคนของท่านลุงเจ้าอาจไม่สำเร็จหากทำไปเพราะต้องการระบายความโกรธ”“จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านลุงเป็นถึงกั๋วกงผู้สูงส่ง และเยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นเพียงบุตรีอนุจวนโหว เหตุใดถึงลงโทษนางไม่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” ซ่างกวนหลี
นางเป็นหมอผู้มีความสามารถรอบด้านจากโลกอนาคต ซึ่งที่นั่นทรัพยากรเริ่มขาดแคลนมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ก็ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน และทุกคนปรารถนาที่จะเป็นผู้มีความสามารถที่ทำได้ทุกอย่างเช่นนั้นจึงจะสามารถพิสูจน์คุณค่าของตัวเองและได้รับทรัพยากรมากขึ้นแม้แต่นางก็ไม่มีข้อยกเว้นดังนั้นนางจึงหมกมุ่นอยู่ในวงการแพทย์มาเกือบสามสิบปี ก่อนตายแม้แต่มือบุรุษนางก็ไม่เคยได้สัมผัสอ้อ ยกเว้นมือของบุรุษที่ตายไปแล้วน่ะนะคาดไม่ถึงว่าเดินข้ามเวลามายังไม่ทันครบวัน ก็เกือบจะมาเสียคนเอาตอนแก่อ้อ แต่ก็ยังไม่ถือว่าแก่หรอก เพราะร่างนี้อายุแค่สิบหกปีเท่านั้นแม้สถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ดีนัก แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็มีความสุขมากที่ได้กลับมามีชีวิตอีกหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางใส่กำไลห้วงอนันต์มาด้วยในโลกอนาคต ทุกคนจะมีกำไลห้วงอนันต์ที่ทำจากโลหะ ใช้สำหรับเก็บวัตถุที่ไม่มีชีวิตได้ทุกชนิดพื้นที่เก็บของนั้นไม่ใหญ่มาก เพียงสองสามตารางเมตรเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็ใช้เก็บของใช้ทั่วไปหลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือเดินทางข้ามเวลามา แวบแรกนางก็อยากรู้ทันทีว่าได้นำกำไลห้วงอนันต์ติดตัวมาด้วยหรือไม่
อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าและพูดต่อ “บิดาของนางคือผิงอี้โหว เยี่ยนหานซาน ส่วนมารดาของนางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเสนาธิการทหารเยวี่ยฉงกังที่คอยปกป้องเมืองเป่ยติ้งในเวลานั้น นามว่าเยวี่ยฉงหรง”“หา?” เย่เทียนซูถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่สิ นางเป็นลูกอนุไม่ใช่หรือ? หากมารดาของนางเป็นถึงน้องสาวของแม่ทัพชายแดน เหตุใดกลายมาเป็นอนุได้?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหตุการณ์ที่แน่ชัด รู้เพียงว่ามารดาของนางเสียชีวิตเมื่อนางอายุได้หกขวบ หลังจากนั้นมารดาเลี้ยงก็ไม่ต้อนรับนาง จึงส่งนางไปยังโรงเลี้ยงสัตว์ ตั้งแต่นั้นมา เด็กคนนี้ก็มีชีวิตที่ยากลำบากมาโดยตลอด”เย่เทียนซูพยักหน้าและกล่าวว่า “นั่นเป็นเรื่องปกติ หัวหน้าหมู่บ้านตามชายแดนมักจะมองคนไม่เท่าเทียมกัน หากนายหญิงไม่ชอบลูกอนุ พวกเขาก็ย่อมปฏิบัติกับนางอย่างโหดร้ายเป็นธรรมดา”“นางนอนในเล้าหมูมาตลอดเลยหรือ?” ซ่างกวนซีถามแทรกอวี๋เฟยเหยียนสะดุ้งเล็กน้อยและตอบโดยไม่รู้ตัว “ศิษย์พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไร?”ซ่างกวนซีเม้มริมฝีปาก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือที่มีท่าทางเลื่อนลอยไร้แก่นสารจะไม่ได้พูดโกหกชีวิตของนางยากลำบากและเจออุปสรรคมามาก
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เทียนซูพูด อวี๋เฟยเหยียนก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “หากนางสามารถช่วยศิษย์พี่ใหญ่กำจัดพิษกู่เย็นได้จริง ๆ ข้าก็จะไม่ถือสาเรื่องที่นางเคยทำลายแผนของพวกเรา”ซ่างกวนซียังคงนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “เฟยเหยียน พรุ่งนี้เจ้าจงเข้าเมืองหลวงมาอย่างเปิดเผย แล้วป่าวประกาศว่าเจ้ามาเมืองหลวงก็เพราะข้า ข้าต้องการให้เจ้ากดดันอันกั๋วกงต่อหน้าธารกำนัล”อวี๋เฟยเหยียนเป็นบุตรของอ๋องเซียวเหยา และที่ดินศักดินาของตระกูลอ๋องเซียวเหยาก็คือเมืองกูซูตามกฎหมาย ตระกูลอ๋องเซียวเหยาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองหลวงโดยปราศจากราชโองการ ดังนั้นอวี๋เฟยเหยียนจึงติดตามซ่างกวนซีมายังเมืองหลวงและซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมาตลอดตอนนี้ซ่างกวนซีสั่งให้เขาปรากฏตัวอย่างเปิดเผย เขาย่อมรู้สึกยินดีมาก ตอบตกลงทันทีจากนั้นซ่างกวนซีก็มองไปที่เย่เทียนซูอีกครั้งและพูดต่อ “ส่วนเจ้ากลับไปที่หอหงซิ่ว ต่อหน้าก็อย่าทำตัวเกี่ยวข้องกับข้า คอย...คอยปกป้องเยี่ยนเว่ยฉืออย่างลับ ๆ ด้วย”หอหงซิ่วเป็นหอนางโลมที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวงเพราะในราชสำนักล้วนถูกอันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นค
ซ่างกวนซีรีบนำผ้าห่มไปคลุมไว้แล้วหันหลังจากไปทันทีเขาเดินกลับมาที่เรือนพลางสูดหายใจเฮือกใหญ่ และอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ยัยเด็กบ้าสมควรตายเอ๊ย เหตุใดถึงไม่ใส่เสื้อผ้านอนเล่า?”นั่นเกือบจะทำลาย ‘วิชาถงจื่อกง’ ที่เขาฝึกฝนมาหลายปีซ่างกวนซีกุมหน้าอกของตัวเอง พยายามระงับจังหวะหัวใจที่เต้นรัว แต่เขาไม่สามารถระงับความรู้สึกร้อนรุ่มคันยุบยิบที่กระจายไปทั่วร่างกายได้ไม่รู้ว่ามันเป็นอาการคันจากแผลที่กำลังจะหาย หรือเป็นเพราะความรู้สึกภายในหัวใจที่ไม่สามารถควบคุมได้ซู่ซู่ซู่!ฝนฤดูใบไม้ผลิที่ตกลงมาค่อย ๆ ดับไฟราคะในหัวใจของซ่างกวนซีเขามองกลับไปที่ห้องของเยี่ยนเว่ยฉือ และพยายามพูดหลอกตัวเองว่า “แม้ข้าจะเห็นเรือนร่างของเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็เห็นของข้าไปแล้วเช่นกัน ก็ถือว่า...เจ้าไม่ได้เสียเปรียบ!”ซ่างกวนซีเดินจากไป แต่ความคิดของเขายังคงอยู่ที่ใต้ผ้าห่มผืนนั้น……เช้าวันรุ่งขึ้นเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าคราวนี้ตนนอนหลับสบายเป็นพิเศษอาจเป็นเพราะนางเคยนอนในเล้าหมูมาก่อน ยากนักที่จะได้นอนบนเตียงใหญ่ ๆ ที่ไม่มีกลิ่นมูลหมูหรือเสียงหมูรบกวนนางลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย และผ้าห่มบนตัวของนางก็ร่วงลง
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองทุกคนด้วยความสับสน จากนั้นก็มองไปทางประตูใหญ่ด้านนอก นางขมวดคิ้วและพูดว่า “ตาแก่เช่นท่านนี่ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ ท่านพาคนมากมายบุกเข้ามาในจวนองค์รัชทายาทของข้า ซ้ำยังบอกว่าข้าทำตัวสามหาว? ข้าว่าท่านทำตัวสามหาวยิ่งกว่าเสียอีก!”ตาแก่?นางเรียกเขาว่าตาแก่อย่างนั้นรึ?!อันกั๋วกงกัดฟันพลางพูดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าสวมรอยแอบอ้างเป็นชายารัชทายาทแทนน้องสาวของเจ้าเยี่ยนชิงซู ตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?”“สวมรอยแอบอ้าง?” เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจจุดประสงค์ในการมาเยือนของอันกั๋วกงแล้วใครมันจะไปอยากปลอมตัวเป็นคนอื่นแล้วเข้าคุกไปมีสัมพันธ์สืบทายาทกันนี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการเลยด้วยซ้ำ จบไหม?เยี่ยนเว่ยฉือกลอกตาใส่อันกั๋วกงและพูดด้วยความโกรธ “อันกั๋วกง การจะใช้คำว่าสวมรอยแอบอ้างได้นั้น ก่อนอื่นก็ต้อง ‘สวมรอย’ ก่อนสิ ข้าไม่เคยบอกเสียหน่อยว่าข้าคือเยี่ยนชิงซู”“เถียงข้าให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ วันนี้เจ้าไม่มีทางรอดพ้นจากความผิดฐานสวมรอยแอบอ้างเป็นชายารัชทายาทไปได้แน่ ใครก็ได้ไปคุมตัวนางมา ข้าจะจับนางส่งเข้าคุก!”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างเ
หลังจากเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็ออกจากเรือนหน้าไปทางลานรั่วชู อวี๋เฟยเหยียนยืนอยู่ที่ทางแยก มองไปที่เรือนซวงหาน มองไปที่เรือนรั่วชู คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไปหาฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูกำลังยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา วันนี้มีปลาแห้งเพิ่มมาตัวหนึ่ง อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูที่กำลังทาเกลือบนปลา อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาหมักปลาเค็มอีกหรือ? ข้างหน้าเขาทำลายข้าวของกันจนหมดแล้ว!”ฉินเซียงหรูยิ้ม พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าได้ยินแล้ว”“ได้ยินแล้ว?” อวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “ได้ยินแล้วยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้?”“แล้วจะให้ทำอย่างไร?” ฉินเซียงหรูมองอวี๋เฟยเหยียนอย่างขบขัน “ไปช่วยแม่นางเยี่ยนตำหนิองค์รัชทายาทที่ไม่รู้จักบุญคุณ? หรือไปช่วยองค์รัชทายาทตำหนิแม่นางเยี่ยนว่าชอบยุ่งไม่เข้าเรื่อง?”อวี๋เฟยเหยียนอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออกฉินเซียงหรูยังคงทำปลาต่อไป พูดว่า “ถ้าจะให้ข้าพูด การที่แม่นางเยี่ยนก่อเรื่องเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยวันนี้ของทุกปี ทุกคนก็จะได้ไม่ลำบาก แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้าดัง เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงจะยังปล่อยวางไม่ได้ ก็ควรจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ จะยึดติดอยู่กั
เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเช่นนั้น จู่ ๆ ก็หยุดเดินเยี่ยนเว่ยฉือตาเป็นประกาย คิดว่าซ่างกวนซีจะกลับมากินอาหารแล้ว แต่ไม่คิดว่าหลังจากซ่างกวนซีหันกลับมา สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความโกรธเขาเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉืออย่างโกรธเคือง จับคอเสื้อของนางไว้ ตะโกนด่าว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ มีธุระก็เรียกหา ไม่มีธุระก็เมินเฉย! เจ้าคิดจะเรียกใช้ข้าอย่างคล่องแคล่ว! อยากให้ข้าช่วยตามหาฮวาอวี๋ ถึงอุตส่าห์ประจบประแจง เมื่อเจ้าคิดว่าข้าหมดประโยชน์ เจ้าก็เมินเฉย หลบหน้า เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าจำไว้ ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเจ้า ในสายตาของข้าเป็นเพียงเรื่องน่าขัน! เหมือนกับตัวเจ้า น่าขันสิ้นดี!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็ผลักเยี่ยนเว่ยฉือออกอย่างแรงโชคดีที่อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ตาไวคว้าตัวเยี่ยนเว่ยฉือไว้ ไม่อย่างนั้นนางคงล้มก้นกระแทกพื้นไปแล้วทว่าแค่นั้นยังไม่พอ หลังจากที่ซ่างกวนซีผลักเยี่ยนเว่ยฉือออก เขากลับใช้ฝ่ามือฟาดไปที่โต๊ะอาหารเกิดเสียงดังสนั่น โต๊ะอาหารที่จัดไว้อย่างดีแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ แม้แต่โต๊ะก็หักกระจัดกระจายเยี่ยนเว่ยฉือ ไคจือ และซ่านเย่ตกตะลึงไคจือและซ่านเย่รีบคุก
เยี่ยนเว่ยฉือรีบพยักหน้า “ใช่ ๆ ดังนั้นข้าจะทำเค้กวันเกิดให้เขา!”“พระชายา อะไร…อะไรคือเค้กวันเกิดหรือเพคะ?” ซ่านเย่ถามอย่างงุนงงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตอบ “ทำออกมาเสร็จแล้วประเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนไปทำอาหารหลาย ๆ อย่าง กับข้าวหกอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่าง อร่อยและดีต่อสุขภาพ!”ไคจือและซ่านเย่พูดพร้อมกัน “เพคะ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”บ่าวและนายสามคนยุ่งกันอยู่ในครัวอย่างสนุกสนานจางมามาที่อยู่หน้าประตูเห็นดังนั้นก็ถามพ่อบ้านจางด้วยความสงสัย “พระชายากำลังทำอะไรอยู่ในครัวรึ? วันนี้ไม่ใช่วันที่องค์รัชทายาทต้องงดเสวยหรือ?”พ่อบ้านจางก็ไม่เข้าใจ ตอบกลับไปว่า “องค์รัชทายาททรงงดเสวยคนเดียว ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องงดตาม พระชายาคงทำอาหารกินเองกระมัง”จางมามาพยักหน้าเล็กน้อย “ก็จริงของท่าน ข้าไปซื้อของที่องค์รัชทายาทต้องใช้ก่อน ดูแลที่นี่ดี ๆ อย่าให้ครัวไฟไหม้ล่ะ!”จางมามาไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือทำอาหารของเยี่ยนเว่ยฉือพ่อบ้านจางรับคำด้วยรอยยิ้ม…… หลังเที่ยงวัน ซ่างกวนซีพาอวี๋เฟยเหยียนกลับมาที่จวนองค์รัชทายาทเยี่ยนเว่ยฉือสังเกตว่าวันนี้ซ่างกวนซีกลับมาช้าเป็นพิเศษแต่ไม่ได้สัง
เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะกล่าวว่า “ก่อนที่จะรู้จักท่าน ข้าไม่เคยได้ยินชื่อปลาตัวนี้เลย แต่ข้าก็ยังยืนยันได้ว่ามันเป็นของปลอม!”“เป็นเพราะอะไรกัน?” ฉินเซียงหรูไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉืออธิบายต่อ “เพราะท่านเคยบอกว่า มัจฉาทองคำจิ่วหยางชอบกินหญ้าหางสุนัขเขียว ซึ่งหญ้าหางสุนัขเขียวขึ้นในที่ลุ่ม ปลาที่ชาวเป่ยอิ้นนำมาอาศัยอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนใกล้ภูเขาไฟ สภาพอากาศที่นั่นแตกต่างจากที่ลุ่มมาก! ที่เขาว่า ดินน้ำเลี้ยงคนฉันใด ก็ใช้กับสัตว์ได้เช่นกัน ในเมื่อชอบกินหญ้าหางสุนัขเขียวในที่ลุ่ม มัจฉาทองคำจิ่วหยางก็ต้องอาศัยอยู่ในที่ลุ่มหรือบริเวณใกล้เคียง จะไปอยู่แถวภูเขาไฟได้อย่างไร? ปลาบินไม่ได้เสียหน่อย!”ฉินเซียงหรูพยักหน้ายิ้ม ๆ “ถูกต้อง ถูกต้อง! แม่นางเยี่ยนฉลาดหลักแหลมจริง ๆ ในเมื่อท่านรู้เหตุผลนี้แล้ว เหตุใดถึงยังรับ... ปลาแห้งตัวนี้ไว้?”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ “ฝ่าบาททรงรักและเอ็นดูองค์รัชทายาท อย่าให้พระองค์ต้องทรงผิดหวังเลย แม้จะไม่สามารถช่วยเรื่องพิษกู่เย็นขององค์รัชทายาทได้ แต่ก็นำไปทำอาหาร ทำซุปบำรุงกระเพาะของเขาได้! ข้านำมาให้ท่าน ท่านจะได้ดูว่าปลาพิเศษตัวนี้จะใช้เป็นยาได้หรือไม่ ในเมื่อหายากเช่น
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตากล่าว “นี่ก็เป็นความคิดที่ดี แต่จะหาเขาเจอได้อย่างไร? อีกอย่าง ถึงข้าจะหาเขาเจอ เขาก็คงไม่เต็มใจเข้าวังไปพร้อมกับข้า เขาเป็นโจรขุดสุสาน เข้าวังกับข้าก็เท่ากับพาตนเองไปติดกับมิใช่หรือ?”ซ่างกวนซีตอบกลับอย่างเฉยเมย “หากเขาเป็นโจรขุดสุสานจริง นั่นถึงจะเรียกว่าติดกับตนเอง แต่หากเขาไม่ใช่ นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ องครักษ์เงาของสำนักอิ้นเฉิงก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอ ในสองแคว้นสี่นครเลื่องชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม เขาถูกคนสำนักอิ้นเฉิงตามล่ามาตลอด ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องตายอย่างแน่นอน หากครั้งนี้สามารถชี้แจงถึงสิ่งที่เขาทำต่อหน้าทั้งสองแคว้น ก็อาจจะหลุดพ้นจากการตามล่าของสำนักอิ้นเฉิงได้”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “สิ่งที่ท่านกล่าวนับว่ามีเหตุผล พรุ่งนี้ข้าจะลองไปตามหาเขาดู!”“พรุ่งนี้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีปฏิเสธเยี่ยนเว่ยฉือสงสัย “ทำไมไม่ได้?”ซ่างกวนซีเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนที่เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าจะไม่ได้รับคำตอบเสียแล้ว ซ่างกวนซีก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ตรงกับเทศกาลตวนอู่”ต้องอยู่ในจวนเพื่อฉลองเทศกาลงั้นหรือ?เขาก็ยึดถือพิธีรีตองในการใช้ชีวิตดีนี่!เมื่อคิดได้ดังนั้น เ
เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “หากเป็นอย่างที่ฝ่าบาทกล่าว ในช่วงสิบวันนี้ ข้าก็ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ไปบันทึกชื่อและฐานะของชาวบ้านก็พอแล้วใช่หรือไม่? ถึงตอนนั้นก็ดูว่าใครบันทึกได้มากกว่ากัน”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “ไม่ว่าเจ้าจะบันทึกได้เท่าไหร่ ก็ไม่มีทางมากกว่าจวนอ๋องจ่างซิ่น”“ทำไมหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่เข้าใจ “เป็นเพราะจวนอ๋องจ่างซิ่นมีคนมากกว่าหรือ?”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้อมูลประจำตัวของชาวเมืองหลวง มีบันทึกไว้ที่ที่ว่าการเมือง อ๋องจ่างซิ่นแค่ส่งคนไปที่สำนักปกครองเมืองหลวงก็ได้ทุกอย่างมาแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด ตอนที่เขากว้านซื้อเถาเหลยกง เขาคงได้บันทึกข้อมูลทั้งหมดไปแล้ว ชิงลงมือก่อน”“หา? ตาเฒ่าใกล้ตายเอ๊ย ทำไมถึงเจ้าเล่ห์เช่นนี้! นี่มันร่วมมือกับอวี้ฉืออวิ๋นจ้าววางแผนเล่นงานข้าชัด ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือฟุบลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี ดูหดหู่เล็กน้อยซ่างกวนซีเงียบไป ไม่พูดอะไรต่อเยี่ยนเว่ยฉือฟุบอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ไม่สิ! ฝ่าบาท เรื่องเหล่านี้ท่านคงคิดไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีตอบกลับอย่างเย็นชา “คิดแล้วอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งอย่างร้อนใจ “ฝ่าบาทคิดคำนวณปัญหาที่ยุ่งยากเช่น
เรือนซวงหานหลังจากกลับถึงห้องตัวเอง ซ่างกวนซีก็ไม่สนใจเยี่ยนเว่ยฉืออีก เดินตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็สั่งให้ไคจือซ่านเย่เตรียมน้ำร้อนที่ห้องข้างๆ และไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกันดังนั้นเมื่อซ่างกวนซีออกมา ก็เห็นเยี่ยนเว่ยฉืออยู่ในชุดชั้นในสีขาว กำลังเช็ดผมที่ยังหมาด ๆ อยู่แววตาของซ่างกวนซีหม่นลงเล็กน้อย หัวใจเต้นเร็วขึ้น“เอ๊ะ? ฝ่าบาทอาบเสร็จแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองเขาเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย ถามอย่างใจเย็นว่า “เจ้าก็อาบเสร็จแล้วหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบรับ “ใช่แล้ว ข้ากลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของฝ่าบาท ก็เลยอาบพร้อมท่าน”ลมหายใจของซ่างกวนซีติดขัด เผลอแย้งออกไปว่า “เช่นนี้ไม่เรียกว่าอาบพร้อมกัน”“อ้อ หือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา รู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาด “ฝ่าบาท...ว่าอย่างไรนะ?”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง มองนางจากมุมสูงลงมา เอ่ยเสียงต่ำว่า “ข้าบอกว่า เช่นนี้ ไม่เรียกว่าอาบพร้อมกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือมองสายตาที่ร้อนแรงของซ่างกวนซี พลันรู้สึกใจสั่นขึ้นมาผู้ชายคนนี้ บนร่างกายนั้นแผ่รังสีที่คนนอกไม่อาจเข้าใกล้ตลอดเวลาแต่
อ๋องจ่างซิ่นเลิกคิ้วมองเขา พลางพูดติดตลกว่า “ทำไม? คิดว่าคนเยอะแล้วไม่ดีหรือ? หากข้าคนไม่พอ ก็ยังมีท่านอยู่นี่”อันกั๋วกงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง การพึ่งแต่จำนวนคนนั้นไว้ใจไม่ได้ อย่าว่าแต่ซ่างกวนซีจะมีเพื่อนฝูงในยุทธภพเลย แม้แต่เยี่ยนเว่ยฉือคนเดียวก็เจ้าเล่ห์เพทุบายมากพอแล้ว บางทีอาจจะมีวิธีพลิกแพลงสถานการณ์ก็ได้ นี่เป็นการประลองครั้งสุดท้ายแล้ว เพื่อให้พวกท่านชนะ แม้แต่ฉลองพระองค์ขององค์ชายรองยังต้องถอดออก ท่านอย่าได้...”“เฮ้อ! พอเถอะ ในใจข้ารู้แล้วน่า!” อ๋องจ่างซิ่นเท้าสะเอวอย่างภาคภูมิใจ ทำท่าทางราวกับว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้วอันกั๋วกงยังคงไม่เข้าใจว่าความมั่นใจของเขามาจากที่ใดไม่ใช่แค่อันกั๋วกงที่ไม่เข้าใจ แม้แต่ซ่างกวนซีที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็ยังสงสัยซ่างกวนซีคิดในใจว่า ‘ดูจากสีหน้าของอ๋องจ่างซิ่นแล้ว เขาคงจะคุยกับอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวไว้ก่อนแล้ว พูดอีกนัยหนึ่งคือเขารู้โจทย์วันนี้ก่อนแล้ว แต่ถึงแม้รู้ก็ใช่ว่าจะกำชัยชนะไว้ได้ เหตุใดเขาถึงดูภาคภูมิใจเช่นนี้?’ซ่างกวนซีคิดไม่ตกแต่ปัญหาที่คิดไม่ตกนี้กลับได้รับคำตอบทันทีหลังจากที่พวกเขากลับถึงจวนรัชทายาท……จวนรัชทายาทหลังจากก
อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวเดินไปข้างหน้า ก้มศีรษะตอบอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดหัวข้อไว้แล้ว การประลองรอบแรกเป็นการประลองด้านบุ๋น รอบที่สองเป็นการประลองด้านบู๊ รอบที่สามต้องการทั้งบุ๋นและบู๊ เมื่อคิดดูแล้ว ทั้งบุ๋นและบู๊ก็คือ ‘ปัญญา’ ดังนั้นรอบที่สามนี้จึงเน้นที่ ‘ปัญญา’ เป็นหลัก”“โอ้? ประลองอะไรกันแน่ ลองกล่าวมา” ฮ่องเต้คังอู่แสดงความสนใจอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวกล่าวต่อ “เมื่อหลายวันก่อน ในงานเลี้ยงที่พระตำหนักจิ่วหลง กระหม่อมเคยกราบทูลฝ่าบาท โจรขุดสุสานที่ชื่อฮวาอวี๋ ได้ขโมยตำราลับสวรรค์ไร้อักษรของเป่ยอิ้น และปิ่นหางหงส์ทองคำของต้าหลี่ ปิ่นหางหงส์เป็นเครื่องประดับที่ตระกูลแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ปรุงด้วยกรรมวิธีพิเศษ ผู้ใดก็ตามที่สัมผัสกับมัน จะไม่สามารถสัมผัสกับเถาเหลยกงได้ มิฉะนั้นจะมีผื่นแดงขึ้นเต็มตัว ทรมานอย่างมาก”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า ถามต่อ “หัวข้อที่เจ้ากำหนด เกี่ยวข้องกับปิ่นหางหงส์หรือ?”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น วันนั้นอ๋องจ่างซิ่นกล่าวว่า ‘ให้ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดสัมผัสกับน้ำที่แช่เถาเหลยกง’ ในมุมมองของกระหม่อม วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมาก แต่ประชาชนในหลีมีจำนวนมาก ในการปฏิบัติจ