Home / รักโบราณ / ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท / บทที่ 9 ทุกการสัมผัสย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้

Share

บทที่ 9 ทุกการสัมผัสย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้

Author: โม่เชียนซาง
คนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สงสัยเช่นกัน

สาวน้อยที่เสื้อผ้าผมเผ้ารุงรังผู้นี้เป็นใครกันแน่?

เหตุใดถึงได้รู้มากเช่นนี้?

ฮองเฮาพูดเสียงแข็งว่า “เหลวไหล เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยจะไปรู้อะไร? อย่าคาดเดาอะไรเรื่อยเปื่อย!”

เยี่ยนเว่ยฉือเบะปากพูดว่า “การกล้าตั้งสมมติฐานและตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่ใช่วิธีการพื้นฐานในการคลี่คลายคดีหรือเพคะ? อีกอย่าง สิ่งที่พวกท่านพบในร่างของสวีเหม่ยเหรินไม่มีใครเคยเห็นว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทนี่เพคะ!”

ทันทีที่พูดจบ บรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่อยู่ในเหตุการณ์ บ้างก็งุ่มง่ามทำตัวไม่ถูกบ้างก็ก้มหน้าก้มตา

เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ช่างพูดได้อย่างไม่อายปากเอาเสียเลย!

เมื่อเห็นจากสายตาของฮองเฮาเหมือนต้องการจะโต้เถียง เยี่ยนเว่ยฉือก็พูดต่อทันที “ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเพคะ ในเมื่อตอนนี้ก็ได้รู้สาเหตุการเสียชีวิตของสวีเหม่ยเหรินแล้ว หม่อมฉันแค่ต้องตามหาฆาตกรตัวจริงเท่านั้น ก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้องค์รัชทายาทได้อย่างไรเล่าเพคะ!”

ฮ่องเต้คังอู่ตรัสถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าสามารถตามหาฆาตกรตัวจริงได้หรือ?”

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าและพูดต่อ “ทูลฝ่าบาท เพื่อทำให้คนคนหนึ่งเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง มิใช่เพียงแค่ดอกท้อไม่กี่ดอก ต้องใช้ดอกท้อเป็นจำนวนมาก หรือต้องใช้ของที่ทำจากดอกท้อที่มีความเข้มข้นสูง ตัวอย่างเช่น น้ำมันดอกท้อ เหล้าดอกท้อชั้นดี หรือขนมดอกท้อเป็นต้นเพคะ”

ฮ่องเต้คังอู่ทอดพระเนตรไปยังนางกำนัลที่เฝ้าศพอยู่ในห้อง และตรัสถามอย่างเคร่งขรึมว่า “ในตำหนักของพวกเจ้ามีสิ่งของที่ว่าหรือไม่?”

นางกำนัลชื่อเฟินเอ๋อร์รีบคุกเข่าลงแล้วตอบว่า “ทูลฝ่าบาท สวีเหม่ยเหรินไม่ชอบดอกท้อ ในห้องจึงไม่มีสิ่งของที่ทำจากดอกท้อเลย แม้แต่ต้นท้อที่เดิมถูกตั้งไว้ในห้องก็ถูกย้ายไปยังสวนไป่หยวนเพคะ”

“ได้ยินรึยัง ที่ตำหนักนี้ไม่มีดอกท้อ!” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสายตาดุดัน

ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่สนใจและพูดต่อ “ฝ่าบาท สวีเหม่ยเหรินได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นหลังจากที่ฆาตกรลงมือสำเร็จ ร่องรอยที่เกี่ยวกับดอกท้อทั้งหมดย่อมถูกกำจัดทิ้งเพคะ”

“นั่นก็หมายความว่าหาไม่เจอไม่ใช่หรือ?” ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางทอดพระเนตรมองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความผิดหวัง

เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่ มีคำโบราณที่ว่า ทุกหนแห่งที่ห่านป่าบินผ่านย่อมทิ้งรอยทาง ทุกการสัมผัสย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้เพคะ”

พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็เริ่มเดินไปมาในโถงไว้ทุกข์ ขณะที่เดิน นางก็มองเหล่านางกำนัลและขันทีที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น

“เดิมทีดอกท้อนี้ไม่มีพิษ ดังนั้นหม่อมฉันเดาว่าตอนที่บดผสมดอกท้อหรือสิ่งที่ทำจากดอกท้อ คนที่ลงมือวางยาพิษคงไม่ได้สวมถุงมือ ดังนั้นจะต้องมีร่องรอยดอกท้อบนมือของคนผู้นั้นแน่นอนเพคะ”

ผางเหออวี้ที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วและพูดว่า “ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ก็ผ่านมาตั้งเจ็ดวันแล้ว แม้มือของคนผู้นั้นจะเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกท้อ แต่ตอนนี้ก็คงทำความสะอาดจนเกลี้ยงไปแล้ว”

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าเล็กน้อย “ที่ใต้เท้าผางพูดนั้นก็ถูก ดังนั้นร่องรอยที่หม่อมฉันพูดถึงจึงไม่ได้หมายถึงกลิ่นหอมของดอกไม้เพคะ ในดอกท้อมีสารที่เรียกว่า ‘ฮวาอวี้ซู่’ หากนำสารนี้มาหยดด้วยน้ำส้มสายชูก่อนแล้วตามด้วยน้ำด่าง มันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และสารนี้ไม่ละลายในน้ำเปล่า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือแม้จะล้างมือติดต่อกันเป็นเดือน ๆ ก็ไม่สามารถกำจัดมันได้เพคะ!”

ฮ่องเต้คังอู่ทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตรัสว่า “เจ้าหมายความว่า หากให้คนในตำหนักของสวีเหม่ยเหรินล้างมือด้วยน้ำส้มสายชูก่อนแล้วตามด้วยน้ำด่าง คนที่มือเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน คือฆาตกรตัวจริงอย่างนั้นรึ?”

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ทูลฝ่าบาท เป็นเช่นนั้นเพคะ สวีเหม่ยเหรินแพ้ดอกท้อ ดังนั้นนางจึงต้องสั่งห้ามคนในวังไม่ให้สัมผัสดอกท้อ หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งของนายและจงใจสัมผัสสิ่งที่เกี่ยวข้องกับดอกท้อ ย่อมเป็นฆาตกรอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเพคะ”

“ไปนำน้ำส้มสายชูและน้ำด่างมา!” เมื่อฮ่องเต้คังอู่ตรัสรับสั่ง นางกำนัลและขันทีทุกคนในตำหนักชิงเหอก็เงียบสนิทราวกับจักจั่นที่จำศีลในหน้าหนาว

เยี่ยนเว่ยฉือลอบสังเกตฝูงชน จากนั้นนางก็ยิ้มมุมปากและยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง

ไม่นาน องครักษ์ก็นำอ่างน้ำส้มสายชูและอ่างน้ำด่างมาวางไว้บนโต๊ะ

เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เหล่าคนรับใช้แล้วพูดว่า “มาเลย พวกเจ้าทุกคนไปตรงนั้นทีละคน ขั้นแรกให้เอามือแช่น้ำส้มสายชูก่อนแล้วค่อยแช่ในน้ำด่าง หลังจากที่ทำทั้งสองขั้นตอนแล้วก็จะได้คำตอบที่ชัดเจน”

ทุกคนยืนขึ้น ก้มหน้าเข้าแถว และเดินไปยังอ่างน้ำอย่างขลาดกลัว...

Related chapters

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 10 ไม่เปลี่ยนสีเลยหรือ?

    ทุกคนยืนชูคอมองอ่างทั้งสองด้วยความสนใจอย่างยิ่งส่วนฮองเฮานั้นถึงกับบีบมือเข้าหากัน แลดูค่อนข้างกังวลทว่าหลังจากที่ทดสอบนางกำนัลและขันทีไปกลุ่มหนึ่ง ก็ไม่มีมือของใครเปลี่ยนสีเลยบุรุษชุดสีชมพูที่อยู่ในความมืดขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เฮ้อ วิธีการของนางไม่ได้ผล!”บุรุษชุดสีทองแค่นเสียงเบา ๆ “ข้าคิดว่านางจะฉลาดหลักแหลมเสียอีก ไม่เพียงนางทำลายแผนของศิษย์พี่แล้วล่ะ เพราะตอนนี้นางได้เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย”เป็นดังที่คาดไว้ ทันทีที่ทางนี้เอ่ยจบฮองเฮาที่อยู่ทางนั้นก็เริ่มโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือ“เจ้าช่างบังอาจที่กล้าหลอกใช้ฝ่าบาทกับข้า เจ้าลองใช้สองตามองดูสิ มีฝ่ามือของใครเปลี่ยนสีหรือไม่ พูดจาเหลวไหลยิ่งนัก! ใครก็ได้มาลากนาง…”ก่อนที่ฮองเฮาจะพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็แคะหูแล้วพูดด้วยความรำคาญ “ฮองเฮาเพคะ พวกเรายืนใกล้กันมากเช่นนี้ พระองค์ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงดังถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนหูหนวก”หลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ให้โอกาสให้ฮองเฮาได้ตำหนิตนต่อ พลางชี้ไปยังเฟินเอ๋อร์ที่ยืนหลบมุมอยู่ในกลุ่มคนรับใช้แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท นางคือฆาตกรเพคะ”อะไรนะ?!เฟินเ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 11 ต้องฝังเยี่ยนเว่ยฉือไว้ข้าง ๆ กัน!

    เฟินเอ๋อร์รู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกท่วมตัว นางมองฮองเฮาอย่างมีความหวัง แต่กลับได้รับสายตาเย็นชาจากอีกฝ่าย“มองอะไร นางให้เจ้าล้างมือ ก็รีบ ๆ ล้างไปสิ!” ฮองเฮาตำหนิเฟินเอ๋อร์ตัวสั่นพลางจุ่มมือลงในน้ำอย่างไม่เต็มใจเพื่อล้างให้สะอาดหลังจากเช็ดมือให้แห้ง นางก็เดินไปที่อ่างน้ำส้มสายชูและน้ำด่างตอนที่นำมือจุ่มน้ำส้มสายชู มือก็ยังปกติอยู่แต่เมื่อมือนำไปจุ่มในน้ำด่าง มันก็กลายเป็นสีน้ำเงินอ่อนอย่างรวดเร็ว!ทุกคนตกตะลึง ส่วนฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงอุทาน “สารเลว เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”ขาของเฟินเอ๋อร์อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้นนางร้องไห้อ้อนวอน “ฝ่าบาท โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เพคะ ในวันเทศกาลฮัวเฉาวันนั้น แขกทุกคนล้วนดื่มเหล้าดอกท้อ มีเพียงสวีเหม่ยเหรินเท่านั้นที่ดื่มเหล้าบ๊วย ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนไหนติดป้ายชื่อเหล้าทั้งสองชนิดสลับกัน หม่อมฉันเลย...เลยเผลอหยิบผิดเพคะ!”“หยิบผิดหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “สวีเหม่ยเหรินเพิ่งให้กำเนิดองค์ชายน้อย ทั้งยังอยู่ในช่วงให้นมบุตร นางจะดื่มเหล้าได้อย่างไร?”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็มองไปที่จักรพรรดิคังอู่และพูดต่อ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 12 ดาบสยบพยัคฆ์

    บุรุษชุดสีชมพูในความมืดใช้ศอกผลักชายในชุดสีทองพลางเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นี่ เจ้าไม่ไปช่วยหน่อยหรือ? รัฐทายาท*แห่งอ๋องเซียวเหยา อย่างน้อยก็พูดสักหน่อยจะเป็นไรไป?”ปรากฏว่าบุรุษในชุดสีทองไม่ใช่ใครอื่น เขาคือพระโอรสในอ๋องเซียวเหยา นามว่าอวี๋เฟยเหยียนและคุณชายที่มีลักษณะคล้ายสตรีในชุดสีชมพูที่อยู่ข้าง ๆ ก็คือเย่เทียนซูศิษย์พี่รองของเขาทั้งสองเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของซ่างกวนซีอวี๋เฟยเหยียนกอดอกพลางพูดอย่างเหยียดหยาม “ศิษย์พี่ให้พวกเรามาสังเกตการณ์ ไม่ได้สั่งให้ช่วยใคร แล้วเหตุใดต้องไปยุ่งเรื่องของนางด้วย”เย่เทียนซูม้วนผมของตัวเอง แสร้งทำเป็นปวดใจและพูดว่า “เฮ้อ แต่นางน่าสนใจจริง ๆ อีกทั้ง... นางก็ดูไม่เหมือนคนอายุสั้นเลย”“ไม่เมื่อไม่ใช่คนอายุสั้น ก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าหรือเจ้าลงมือ เอาล่ะ ออกจากวังไปรายงานกันเถอะ!” อวี๋เฟยเหยียนเขย่งเท้าทะยานจากไปเย่เทียนซูหันกลับไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ตามอวี๋เฟยเหยียนไปทว่าทันทีที่พวกเขาจากไป พวกเขาก็พลาดการแสดงที่น่ารับชมเมื่อเห็นอันกั๋วกงเดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมกับดาบสยบพยัคฆ์ในมือ เยี่ยนเว่ยฉือก็เท้าเอวตะ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 13 สละชีวิตช่วยผู้อื่น

    เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าอันกั๋วกงนั้นหยิ่งผยองแต่คาดไม่ถึงว่าคนที่เป็นเพียงขุนนางจะหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้ฮ่องเต้ทรงยืนอยู่ตรงนี้แท้ ๆ เขากล้าฆ่าคนต่อหน้าสาธารณชนได้อย่างไร?ทันใดนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พลิกฝ่ามือ เข็มเงินสองเล่มปรากฏอยู่ที่ปลายนิ้วของนางทว่าในขณะที่นางกำลังจะสู้กลับ จู่ ๆ ร่างที่ไม่สมประกอบก็ร่วงลงมาจากฟ้า และดึงเยี่ยนเว่ยฉือมาไว้ข้างหลังเขาผู้นั้นปกป้องเยี่ยนเว่ยฉือพลางถอยหลังไปสองก้าว แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ยังคงได้ยินเสียงดัง!เป็นเสียงดาบคมเฉือนผ่านผิวหนัง!“ชูจิ่ง?!”“องค์รัชทายาท?!”“เสด็จพี่ใหญ่?!”จากนั้นก็มีเสียงอุทานจากทุกคนใช่แล้ว คนที่มารับการโจมตีแทนเยี่ยนเว่ยฉือไม่ใช่ใครอื่น นอกจากองค์รัชทายาทซ่างกวนซีที่บาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่าง!อันกั๋วกงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ปลายดาบสยบพยัคฆ์ของเขาแทงทะลุไหล่ของซ่างกวนซีซ่างกวนซีเช็ดเลือดตรงมุมปากพลางแค่นเสียงเย็น “อันกั๋วกง บังอาจนักนะที่กล้าลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!”อันกั๋วกงหายใจเฮือกใหญ่อย่างหวาดกลัวและรีบดึงดาบออกมา จากนั้นก็ทำมือคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!”หากฆ่าเยี่ยนเว่ยฉือไปก็คงจะไม่เป็

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 14 หยุดได้แล้ว!

    ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือประคองซ่างกวนซีลงจากรถม้า นางก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันไปที่นี่ที่ทั้งรกร้าง วัชพืชขึ้นรกชัฏ แม้แต่ป้ายชื่อด้านหน้าก็เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว นี่คือจวนองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?คงไม่ใช่นรกหรอกกระมัง?เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่ใบหน้าซีดเซียวราวกับคนเป็นโรคที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่…ไม่ได้มาผิดที่ใช่ไหม?”ซ่างกวนซีเมินนางพลางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “หากจะดูถูกกัน ก็ไม่ต้องตามเข้ามา!”ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็เดินไปที่ส่วนลึกของเรือนด้านในแล้วมุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก นางก็รู้สึกดูถูกเขาจริง ๆ เพราะนางนึกว่าตามเขามาแล้วจะได้อยู่ดีกินดีแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่กินน้ำซาวข้าวก็ยังไม่มีปัญญาแต่หากนางไม่เข้าไปแล้วนางจะไปที่ไหนได้?ตอนนี้ตำแหน่งชายารัชทายาทคือเครื่องรางช่วยชีวิตของนาง และไม่อาจคาดหวังให้บิดาผู้ให้กำเนิดมาปกป้องนางได้อีกต่อไปแล้วนอกจากองค์รัชทายาท นางก็ไม่มีใครให้พึ่งพิงเลยเยี่ยนเว่ยฉือรีบเดินตามองค์รัชทายาทพลางเอื้อมมือไปประคองเขาแล้วพูดว่า “โถ่ ข้าไม่ได้ดูถูกท่านเสียหน่อย ข้าคิดว่าที่นี่ก็ไ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 15 ชิงลงมือก่อน

    เยี่ยนเว่ยฉือดึงขากางเกงของซ่างกวนซีพลางพูดอย่างจนใจ “องค์รัชทายาท ดูบาดแผลตามตัวของท่าน หากไม่รีบรักษา ท่านอาจตายได้เลยนะ”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”“ไม่ให้ข้ายุ่งแล้วจะให้ใครยุ่งเล่า? หากท่านตายไป ข้าจะใช้อำนาจของใครเล่า?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้ปิดบังความคิดของตัวเองแม้แต่น้อยซ่างกวนซีจนใจ การเสียเลือดจำนวนมาก อีกทั้งยังมีบาดแผลอักเสบทำให้เขาเริ่มมีไข้สูงขึ้นเรื่อย ๆเขาต้องการการรักษาบาดแผลโดยด่วนแต่ไม่มีใครในวังที่สามารถไว้ใจได้ หมอในสำนักหมอหลวงยิ่งแล้วใหญ่ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉือ พลางคิดว่าสตรีผู้นี้รู้วิธีใช้พิษ หรือนางอาจมีทักษะทางการแพทย์จริง ๆ?เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงพูดว่า “เจ้ารักษาแค่บาดแผลที่ร่างกายช่วงบนก็พอ ส่วนช่วงล่าง...เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “นี่พี่ชาย ให้ข้าหากระจกทองเหลืองให้ท่านไปส่องก้นดูไหมเล่า? ถูกตีจนเป็นแผลช้ำเลือดขนาดนั้น ไม่รู้ว่าท่านทนเจ็บได้อย่างไร ไหนจะดันทุรังนั่งรถม้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลตรงร่างกายส่วนบนหรือส่วนล่างก็ต้องรักษาให้หมด ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้แผลจะเน่าจนมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยเต็มตัว ถึงตอนนั้นคง…”

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 16 จิตใจของคนแก่ ๆ เช่นข้าว้าวุ่นไปหมด

    เยี่ยนเว่ยฉือเบนสายตาหนีพร้อมกับเกาจมูกและพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย “อะแฮ่ม ความเป็นชายของนี้แตกต่างไปจากหนังโป๊ชายรักชายที่ข้าเคยดูอย่างสิ้นเชิง ทำเอาจิตใจของคนแก่ ๆ เช่นข้าว้าวุ่นไปหมด!”พูดจาเลอะเทอะอะไรเนี่ย??เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปหยิบน้ำสะอาดมาล้างคราบสกปรกบนร่างกายของซ่างกวนซีเสียก่อนหลังจากทำความสะอาดเสร็จ นางก็เดินไปหยิบยาวิเศษที่ฮ่องเต้ทรงประทานมาให้ เพื่อนำมาดูว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ทว่าทันทีที่นางเปิดกล่องผ้าที่บรรจุยา ซ่างกวนซีก็พูดด้วยอารมณ์รุนแรง “อย่าแตะต้องมัน ห้ามใช้ของทุกสิ่งที่มาจากวัง!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบกระปุกขี้ผึ้งขึ้นมาแล้วหันไปมองซ่างกวนซีพลางถามอย่างสงสัย “เหตุใดถึงใช้ไม่ได้? ข้าดูหมดแล้ว ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรชั้นยอด ไม่สามารถหาซื้อจากข้างนอกได้ อ้อ ต่อให้หาซื้อได้ แต่ข้าก็คงไม่มีปัญญาซื้อ”ซ่างกวนซีหลับตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกกว่าเดิม “เดี๋ยวเวลาผ่านไปบาดแผลก็จะหายเอง เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก!”แม้เขาไม่ปรารถนาจะอธิบายไปมากกว่านี้ แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็เข้าใจดีแล้วนางเดินกลับไปที่ขอบเตียงแล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนเตียง พลางทำท่าเหมือนนักเลงเจ้าถิ่น

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 17 กลยุทธ์ลักขื่อเปลี่ยนเสา

    “อา...อาการต้านยาของท่านมัน...รุนแรงเกินไปแล้ว” สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองรวดเร็วขนาดนี้เชียวซ่างกวนซีพูดเสียงเย็น “ทำไม? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?”“ข้า...ข้าจะกลัวทำไม ข้าไม่ได้ทำร้ายท่านเสียหน่อย!” เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเบือนหน้าหนี และรู้สึกร้อนตัวเกินกว่าจะกล้าสบตาซ่างกวนซีซ่างกวนซีมองขวดโหลที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็แอบมองกระเบื้องหลังคาที่หายไปพลางคิดกับตัวเองว่า ‘วันนี้นางทำตัวเปิดเผยมากเกินไป จะปล่อยให้นางทำการรักษาต่อไปไม่ได้ หากนางสามารถล้างพิษเย็นได้ต้องกลายเป็นหนามยอกอกของอันกั๋วกงอย่างแน่นอน’เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องมารักษาข้า ตอนนี้เจ้าออกไปหาห้องพักเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีตาโต “ยังทายาไม่เสร็จเลยนะ!”ซ่างกวนซีกระชับวงแขนกอดเยี่ยนเว่ยฉือไว้แน่นซ่างกวนซีกัดฟันพูดขู่ว่า “หากเจ้าไม่อยากพักผ่อนคนเดียว เช่นนั้นพวกเราก็จะพักผ่อนด้วยกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกหายใจลำบากในขณะที่ถูกกอดไว้แน่นนางพยักหน้าอย่างร้อนรนและพูดว่า “ได้ ได้ ได้ ข้าจะออกไป ข้าจะออกไปแล้วพอใจรึยัง!”ซ่างกวนซีผลักนางออกไปด้วยความโกรธ จนเกือบจะทำให้เยี

Latest chapter

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 427 นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน

    "เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 426 เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ศาลาไป๋หยาง

    เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 425 ซ่างกวนซีเผยความในใจ

    ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 424 จะทำต่อหรือไม่?

    ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 423 ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ แล้วปากเล่า?

    แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 422 เผยความในใจกันเถอะ

    ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 421 นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!

    เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างมองซ่างกวนซี จากนั้นก็เบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย"ข้า... นี่... เอ่อ ถึงแม้... ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าจะรัดรูป แต่หน้าอกข้าเล็ก ดังนั้นก็ยัง... ก็ยังมีที่ว่าง"นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน พูดจบแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็อยากจะทุบหัวตัวเองซ่างกวนซีถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว ทอดสายตามองไปยัง... หน้าอกของเยี่ยนเว่ยฉือ!"หน้าอกเล็กหรือ? หึ เจ้าช่างแก้ตัวเก่งฯํฏ แต่ตัวข้ากลับรู้สึกว่า หน้าอกของเจ้าเล็กตรงไหนกัน? หรือว่าวิชามือเบาของเจ้า ยังสามารถขโมยหน้าอกของตนเองแล้วซ่อนเอาไว้ได้ด้วย?"ซ่างกวนซียื่นนิ้วชี้เรียวยาวออกมา แตะเบา ๆ ที่ตำแหน่งหัวใจของเยี่ยนเว่ยฉือ สองครั้งเมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันทีซ่างกวนซีก็ตระหนักได้ว่า ตนเองเพิ่งทำอะไรลงไปความตั้งใจเดิมที่อยากจะซักถาม ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปบรรยากาศเริ่มผิดปกติ ทั้งสองคนต่างก็ถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว"ฝ่าบาท!" เยี่ยนเว่ยฉือเอามือปิดหน้าอกโดยสัญชาตญาณ น้ำเสียงออดอ้อนปนตำหนิเล็กน้อยซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าการกระทำเมื่อครู่ของตนเองนั้นค่อนข้างจะหุนหันพลันแล่นแต่ใครใช้ให้เด็ก

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 420 กระโปรงของเจ้าแนบเนื้อยิ่งนัก

    คำพูดนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปลอบใจราชทูตจากเป่ยอิ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการข่มขู่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉืออีกด้วยความหมายของเขาก็คือ จะต้องสืบสวนให้แน่ชัดว่าจวนรัชทายาทได้คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรมาได้อย่างไร เกี่ยวข้องกับฮวาอวี๋หรือไม่…… จวนรัชทายาทหลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง ทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับจวนตลอดทาง อวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก "ผิงอี้โหวเยี่ยนหานซานผู้นี้ ช่างเป็นคนที่ร้ายกาจจริง ๆ เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ก็ยังทนได้ ถูกสวมเขาเช่นนี้ก็ยังทนได้ น่าชื่นชม น่าชื่นชม!"ซ่างกวนซีตอบอย่างเรียบเฉย "หากจะพูดให้ฟังดูดี นี่เรียกว่ารู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา หากจะพูดให้ฟังดูแย่ นั่นก็คืออ่อนแอไร้ความสามารถ"เยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียง "เขาไม่ได้อ่อนแอไร้ความสามารถ เขาเพียงแต่กลัวคนดีรังแกคนชั่ว ทั้งยังละโมบในอำนาจ อยากจะประจบประแจงจวนอ๋องจ่างซิ่น จึงไม่กล้าทำให้ท่านหญิงหมิงหยางขุ่นเคืองใจ""เอ๊ะ? ว่าแต่ พี่สะใภ้ ท่านมอบคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรไปแล้วจริง ๆ หรือ?" อวี๋เฟยเหยียนเอ่ยถามด้วยสีหน้าเสียดายเยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะอย่างขัดเขิน "มิใช่ มิใช่ รัฐทายาทอวี๋วางใจได้ ของที่อยู่ในมือฝ่าบาทเ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 419 ฆ่าตัวตายต่อหน้าธารกำนัล?

    เยี่ยนเว่ยฉือได้ยินคำพูดของซ่างกวนซีก็พยักหน้า "องค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้อง เช่นนั้นข้าจะเมตตา ปล่อยนางไปสักครั้งก็แล้วกัน!"เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มแย้มมองท่านหญิงหมิงหยาง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกน้อยนั้น ทำให้ซ่างกวนซีรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องดูเหมือนนางจะไม่ยอมปล่อยท่านหญิงหมิงหยางไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือว่านางยังมีแผนอื่นอีก?ซ่างกวนซีเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไปในเวลานี้ เยี่ยนหานซานเหมือนคนใบ้กินบอระเพ็ด กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาก้มหน้าคอตก ไม่พูดอะไรสักคำส่วนท่านหญิงหมิงหยางก็ร้องไห้โวยวายราวกับหญิงบ้า"เยี่ยนหานซาน เจ้าพูดเองเถอะ ตลอดหลายปีมานี้ ข้ามีอะไรที่ไม่ดีต่อเจ้า? ข้ามีอะไรที่ไม่ดีพอ? เจ้าถึงได้อกตัญญู ใจดำ ไร้ความรู้สึกเช่นนี้ จิตใจของเจ้าจะไม่เจ็บปวดบ้างหรือ? ฮือ ๆ ๆ ๆ!""ตอนที่แต่งงานกับเจ้า เจ้าก็ปล่อยให้เมียน้อยเยวี่ยฉงหรงนั่นเหยียบย่ำข้า ตอนนี้เยวี่ยฉงหรงไม่อยู่แล้ว เจ้าก็ยังปล่อยให้บุตรสาวนอกสมรสคนนี้มาใส่ร้ายป้ายสีข้า ข้าหมิงหยางมอบความรักความจริงใจให้ไป สุดท้ายกลับสูญเปล่า! ฮือ ๆ ๆ ๆ!""ช่างเถอะ ชายชาตินักรบมักจะใจดำ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา หากใครพูดอะไร เจ้าก็

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status