Share

บทที่ 7 ชันสูตรศพ

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ชันสูตรศพ ท่านทำไม่เป็นหรือ? ไม่เป็นไร ข้าทำเอง!”

เยี่ยนเว่ยฉือมองผางเหออวี้พร้อมรอยยิ้ม ทำท่าทางกระตือรือร้นที่จะได้ทำหน้าที่

ผางเหออวี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้า...เจ้าบ้าไปแล้วรึ? สวีเหม่ยเหรินกับองค์ชายน้อยสิ้นพระชมน์ไปหลายวันแล้ว อีกทั้งศพก็อยู่ในโลง กำลังรอทำพิธีฝัง เจ้าจะไปรบกวนวิญญาณคนที่ตายไปอย่างสงบแล้วทำไม?”

เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านใต้เท้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ในมุมมองของข้า มีเพียงการหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและคืนความยุติธรรมแก่ผู้ตายเท่านั้น นั่นถึงจะทำให้ผู้ตายจะได้พบความสงบอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตามกฎของวังหลวง พระสนมที่มีบุตรจะต้องมีการตั้งศพไว้ในห้องนอนเป็นเวลาเจ็ดวันจึงจะทำการฝังได้ ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดพอดี!”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชันสูตรศพ

ฮองเฮานั่งอยู่บนที่ประทับสูงสบสายตากับซ่างกวนหลี โอรสของนาง

ซ่างกวนหลีพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือพูดถูก ร่างของสวีเหม่ยเหรินยังไม่ถูกฝัง

ฮองเฮาขมวดคิ้วพลางคิดว่าจะขวางอีกฝ่ายอย่างไร ขณะนั้นฮ่องเต้คังอู่ก็ตรัสอย่างจริงจัง “เช่นนั้นก็ลองชันสูตรดู!”

ทันทีที่ตรัสจบ ฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงลุกขึ้นยืน ดูเหมือนทรงตั้งใจจะเข้าไปชมการชันสูตรศพด้วยตัวเอง

……

ณ ตำหนักชิงเหอ

ผู้ดูแลตำหนักชิงเหอคือเสียนเฟย* และสวีเหม่ยเหรินก็อาศัยอยู่ที่เรือนรอง

ฮ่องเต้คังอู่ทรงเมินเสียนเฟยที่มาต้อนรับและตรงไปยังห้องนอนของสวีเหม่ยเหริน

ขณะนี้มีผ้าแพรขาวแขวนไว้ในห้อง และมีควันธูปลอยคละคลุ้ง ยังคงมีสภาพเหมือนโถงไว้ทุกข์ไม่เปลี่ยนแปลง

โลงศพของสวีเหม่ยเหรินเป็นแบบครึ่งเปิดครึ่งปิด โดยเปิดให้เห็นตั้งแต่ช่วงไหล่ขึ้นไป ให้คนได้เคารพศพของนาง

ส่วนร่างขององค์ชายน้อยที่เสียชีวิตตั้งแต่เยาว์วัยนั้น ได้ถูกปิดผนึกโลงศพแล้วส่งไปสวดทำพิธีที่วัดสือหางนอกเมืองแล้ว

ขณะที่ทุกคนเดินเข้าไปในโถงไว้ทุกข์ ผางเหออวี้ก็พูดขึ้นมา “ทูลฝ่าบาท ทั้งสวีเหม่ยเหรินและองค์ชายน้อยต่างก็ถูกเชือดคอด้วยมีด บาดแผลนั้นชัดเจนมาก ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้คังอู่ทรงเมินผางเหออวี้ และทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ​ “เจ้าไปดูสิ!”

เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า จากนั้นก็รีบเดินไปที่โลงศพของสวีเหม่ยเหริน

แม้สวีเหม่ยเหรินจะเสียชีวิตไปแล้วเจ็ดวัน ทว่าด้วยอากาศในเดือนสามที่เย็นสบายประกอบกับผงกันเน่าเปื่อยที่โรยเอาไว้ทั่วร่าง สภาพศพจึงค่อนข้างสมบูรณ์และไม่ค่อยมีกลิ่นมากนัก

เยี่ยนเว่ยฉือก้าวไปข้างหน้า พยายามดันฝาโลงศพที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่ขยับเลย

ฮ่องเต้คังอู่ตรัสเสียงเย็น “ใครก็ได้ไปช่วยนางหน่อย”

เหล่าขันทีและนางกำนัลในตำหนักชิงเหอต่างก็มองไปที่ฮองเฮา

เห็นได้ชัดว่าในสายตาของทุกคน รับสั่งของฮองเฮาดูเหมือนจะสำคัญกว่ารับสั่งของฮ่องเต้

เยี่ยนเว่ยฉือคิดว่าว่ามันแปลก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเจาะลึกประเด็นนี้ นางจึงพูดด้วยความโกรธ “พวกเจ้าหูหนวกกันหมดแล้วรึ? ไม่ได้ยินรับสั่งของฝ่าบาทหรืออย่างไร? หรือว่าพวกเจ้าจะขัดรับสั่ง? อยากตายตามสวีเหม่ยเหรินไปหรือ?”

ทุกคนต่างตกตะลึง พร้อมแสดงสีหน้าหวาดกลัว

ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเกลียดชัง พลางแปลกใจว่านางเด็กนี่เป็นลูกเต้าเหล่าใคร และเหตุใดถึงได้มองสถานการณ์ไม่ออก

ขณะที่ฮองเฮายังคงพยายามคิดขวางนาง องค์ชายรองซ่างกวนหลีก็เข้ามากระซิบ “เสด็จแม่ ให้นางตรวจไปเถอะ ซ่างกวนซีก็ตายไปแล้ว ทรงอย่าขัดแย้งกับเสด็จพ่อเพราะคนตายเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮองเฮาสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงเข้าใจว่าซ่างกวนหลีหมายถึงอะไร

องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว ต่อไปก็ต้องมีการแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่ ฮ่องเต้มีพระโอรสหลายคน อีกนัยหนึ่งก็คือ จะมีคนเป็นคู่แข่งกับซ่างกวนหลีหลายคน

ตอนนี้ไม่ควรทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคืองจริง ๆ

ฮองเฮาเบนสายตาไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดด้วยความโกรธ “ใครก็ได้มาเปิดโลงศพซิ”

ขันทีในวังรีบก้าวไปปิดฝาโลงออกจนสุด

เยี่ยนเว่ยฉือยืนอยู่ข้างโลงศพและเห็นบาดแผลที่คอของสวีเหม่ยเหรินได้อย่างรวดเร็ว

บาดแผลลึกมากและมีความลึกถึงสามเฟิน**

ดูผิวเผินเหมือนบาดแผลสาหัส

ทว่าแผลนี้…

เยี่ยนเว่ยฉือเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อของสวีเหม่ยเหริน พยายามสังเกตรอบ ๆ บาดแผลอย่างใกล้ชิด

การกระทำนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนที่เห็นประหลาดใจ แต่ยังทำให้สองบุรุษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

บุรุษรูปงามในชุดสีชมพู แต่ดูอ้อนแอ้นราวสตรียื่นมือม้วนผมยาวของตนพลางเลิกคิ้วแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “โอ้ นางเป็นสตรีจวนไหนกัน เหตุใดถึงไม่กลัวศพเลย จิ๊ ๆ ไม่กลัวสกปรกเลยรึนั่น!”

บุรุษอีกคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีทองมีใบหน้าที่องอาจขมวดคิ้วและตอบว่า “ก็เป็นเด็กสาวบ้าบิ่นที่ทำให้แผนของศิษย์พี่ใหญ่ล้มเหลวน่ะสิ ข้าล่ะอยากจะบีบคอนางให้ตายคามือจริง ๆ!”

“หึ! บีบคอนางให้ตาย? เจ้าน่ะรึ? นางเชี่ยวชาญเรื่องพิษนะ!” ชายในชุดสีชมพูเลียริมฝีปาก ดูท่าทีคล้ายจะสนใจเยี่ยนเว่ยฉือมาก

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องเยี่ยนเว่ยฉือ ด้านเยี่ยนเว่ยฉือเองก็ได้ข้อสรุปแล้ว

“ทูลฝ่าบาท สวีเหม่ยเหรินผู้นี้ไม่ได้เสียชีวิตเพราะถูกเชือดคอเพคะ!”

*เฟย เป็นพระชายาชั้นเฟย

**สามเฟิน ลึกประมาณหนึ่งเซนติเมตร

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status