Share

บทที่ 3 ลิขิตของสวรรค์

Author: โม่เชียนซาง
เยี่ยนเว่ยฉือตื่นตระหนกในทันที!

นางไม่รู้เลยว่าองค์รัชทายาทตกอับที่ป่วยและไร้ประโยชน์ผู้นี้จะมีพิษกู่อยู่ในร่างกาย

“อย่า...อย่าทำเช่นนี้เลย มีเรื่องอะไรก็พูดกันดี ๆ เถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยท่านไว้นะ!”

ซ่างกวนซีถอดเสื้อผ้าของเขาที่มีอยู่บนตัวชิ้นเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแต่ไม่แน่นเกินไป

แม้ตอนนี้ตามเนื้อตัวจะเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่กลับเจือความเย้ายวนอันวิปริตที่อธิบายไม่ถูกเอาไว้

ใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือเปลี่ยนเป็นสีแดง และเริ่มเขินอายโดยไม่รู้ตัว

ซ่างกวนซีโน้มลงบีบคางของเยี่ยนเว่ยฉือเพื่อบังคับให้นางมองเขา แล้วพูดต่อ “ใช่ เจ้าช่วยข้าไว้ ดังนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ข้าทำให้เจ้ามีลูกได้อย่างแน่นอน”

ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่างกวนซีก็ยื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ

หากผ้าชิ้นนี้ถูกฉีกออก องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าก็จะตกอยู่ในห้วงเสน่หา... แม้กำลังจะตายเป็นผีแต่ก็คงยังอยากเสพกามารมณ์

“ชั่วช้าสามานย์รึ? เหอะ ในเมื่อทุกคนต่างด่าทอข้าเช่นนี้ ไหน ๆ จะตายอยู่แล้วก็ขอทำเรื่องนั้นให้เป็นจริงเสียเลย! ทำให้นางตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตนางไปด้วย” เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ไม่ลังเลที่จะดึงเสื้อผ้าชิ้นน้อย ๆ นั่น

ในช่วงเวลาวิกฤติ เยี่ยนเว่ยฉือได้ตะโกนขึ้น “ข้าจะช่วยท่านหนีออกไป!”

อะไรนะ?

มือของซ่างกวนซีหยุดอยู่บนหน้าอกของเยี่ยนเว่ยฉือ เขามองนางด้วยความเหลือเชื่อ พลางถามว่า “เจ้าว่าอะไรนะ?”

ดวงตาของเยี่ยนเว่ยฉือแดงก่ำ เสียงของนางสั่นเทา แต่กระนั้นก็พูดอย่างร้อนรนว่า “ข้าจะช่วยพาท่านออกไป ข้ารู้ว่าท่านถูกใส่ความ เชื่อข้าสิ ข้าช่วยพาท่านออกไปได้แน่!”

“เชื่อเจ้า? เหตุใด?” ซ่างกวนซีถาม

หัวใจของเยี่ยนเว่ยฉือเต้นระรัว

นางกัดฟันพลางพูดว่า “เอามือออกไปก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง”

ซ่างกวนซีแสยะยิ้ม “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ให้ข้าได้สัมผัสหัวใจของเจ้าก่อน ข้าจะรู้ได้ว่าเจ้าโกหกรึไม่”

“ไร้ยางอายนัก!” ยามนี้ใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือแดงก่ำกว่าดวงตาเสียอีก

ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “ทีเมื่อครู่ที่เจ้าลูบไล้ข้า เหตุใดถึงไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ยางอาย?”

“ข้าทำไปเพราะข้าต้องการช่วยท่านอย่างไรเล่า!” เยี่ยนเว่ยฉือโต้กลับเสียงแข็ง

“ตอนนี้ข้าก็กำลังช่วยเจ้าอยู่เหมือนกัน ไม่อยากมีลูกรึ ข้าเชี่ยวชาญเรื่องเช่นนี้ดี” ซ่างกวนซียกยิ้มเย้ยหยัน แลดูมืดมนและชั่วร้าย

เยี่ยนเว่ยฉืออยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ทว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนต่อความอัปยศอดสูพลางพูดต่อไปว่า “ท่านรูปโฉมงดงามยิ่ง เป็นบุรุษอันดับหนึ่งในแคว้นจิ่วหลี ทั้งยังถูกรายล้อมไปด้วยสตรีงามคอยเยินยอเอาใจไม่เคยขาด ไยต้องเสน่หากับสตรีที่เป็นเพียงลูกอนุด้วยล่ะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ค่อย ๆ คลายมือออก ทว่าไม่ได้ขยับมือออกไป พลางมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างพินิจ

เมื่อเห็นว่าเขาสงบลงแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบตีเหล็กตอนกำลังร้อนประโคมคำพูดเอาใจเข้าไปอีก “เท่าที่ข้ารู้ สาเหตุที่องค์รัชทายาทถูกปลดจากตำแหน่งก็เพราะเทศกาลฮัวเฉา*ในวันนั้น มีคนเห็นว่าท่านขืนใจสวีเหม่ยเหริน** ทั้งยังสังหารนางและทารกน้อยที่อายุยังไม่ถึงขวบปี ซึ่งเป็นน้องต่างพระมารดาของท่าน ภายในตำหนักของนาง”

เรื่องนี้ได้ถูกป่าวประกาศไปทั่วแคว้น รู้กันทั้วทุกตัวคน

เมื่อได้ยินเยี่ยนเว่ยฉือพูดถึงมันอีกครั้ง ซ่างกวนซีก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ “ข้าไม่ได้ทำ!”

“เพคะ ๆ ๆ ข้าเชื่อท่าน ข้าเชื่อท่าน!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างรีบร้อน

“เจ้าเชื่อแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ลูกอนุเช่นเจ้าจะพลิกคดีใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร เลิกมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นได้แล้ว ข้าไม่ต้องการความเห็นใจจากเจ้า!” ซ่างกวนซีพูดลอดไรฟัน

เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบตะโกน “ข้าทำได้! ข้าทำได้จริง ๆ!”

“เอาอะไรมามั่นใจ?!”

“เพราะข้ารู้วิธีชันสูตรศพ! ทักษะการชันสูตรศพของข้าไม่มีใครเทียบได้ในห้าแคว้น! ขอเพียงเจ้าเชื่อในตัวข้า ข้าจะช่วยเจ้าออกไปให้ได้” ด้วยความกลัวว่าข้อต่อรองจะไม่เพียงพอ เยี่ยนเว่ยฉือจึงเสริมอีกว่า “ข้าสามารถหาฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังให้ท่านได้ด้วย เพื่อที่จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์และคืนตำแหน่งองค์รัชทายาทให้กับท่าน!”

ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เขาเชื่อว่าในโลกนี้มีคนที่ไม่กลัวความตาย แต่เขาไม่เชื่อว่าเด็กสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ออกเรือนจะไม่กลัวความอัปยศอดสู

ตอนนี้เขากำจุดอ่อนของนางเอาไว้ หากนางมีความสามารถโน้มน้าวคนอย่างมีวาทศิลป์เช่นนี้ได้ คงเป็นลิขิตของสวรรค์ ที่ต้องการให้เขาซ่างกวนซีทวงบัลลังก์กลับคืน

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ดึงมือกลับแล้วถามอย่างเย็นชา “เจ้าจะทำอย่างไร?”

*เทศกาลฮัวเฉา หรือเทศกาลเทพเจ้าดอกไม้

**เหม่ยเหริน เป็นหนึ่งในตำแหน่งพระสนมขององค์จักรพรรดิ

Related chapters

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 4 องค์รัชทายาทนกเขาไม่ขัน?

    เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วมองเขา “กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้งอย่างไรเล่า!”ซ่างกวนซีไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ท่านคลายจุดชีพจรให้ข้าก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง”ขณะนี้ชะตาชีวิตของทั้งสองคนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถือว่าคนทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน ซ่างกวนซีจึงไม่กลัวว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะพูดโกหกหากเขาตาย นางก็ต้องถูกฝังตามเขาไปด้วยดังนั้นซ่างกวนซีจึงคลายจุดชีพจรของเยี่ยนเว่ยฉือทันทีทว่าเยี่ยนเว่ยฉือที่เพิ่งได้รับอิสรภาพ กลับใช้เข็มแทงเข้าที่ต้นขาของซ่างกวนซี อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงได้ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซ่างกวนซีมองนางอย่างเหลือเชื่อ พลางพูดอย่างยากลำบาก “จะ...เจ้าหลอกข้า เจ้าเป็นมือสังหารจริง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งและผลักซ่างกวนซีให้ล้มไปที่พื้นขณะที่สวมเสื้อผ้า นางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าจะฆ่าท่านกับผีน่ะสิ! ก็พูดอยู่ว่าจะใช้กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่ หากท่านไม่ตายแล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไร? ในเมื่อร่างกายท่านมีพิษกู่เย็น ก็อย่าโทษข้าที่ลงมือหนักหน่อยแล้วกัน!”ซ่างกวนซีไม่ได้ยินประโยคหลังที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด เพราะเขาได้เข้าสู่สภาวะเสม

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 5 จุดไฟเผาตัวเอง

    “บังอาจ!” ฮองเฮาก้าวมาข้างหน้าพลางมองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสายตาเย็นชา และตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรถึงมาตั้งคำถามกับการตัดสินใจของฝ่าบาท!”ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินลงโทษซ่างกวนซี และฝ่าบาทก็เป็นผู้ปลดซ่างกวนซีออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยการบอกว่าองค์รัชทายาทถูกใส่ความ จะไม่ถือเป็นการตั้งคำถามกับคำตัดสินของฝ่าบาทหรือ?ดูเผิน ๆ คำพูดของฮองเฮานั้นก็นับว่าไม่ผิดอะไรแต่เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่ามีคำว่า “น้ำท่วมปาก” ถูกเขียนบนพระพักตร์ของฮ่องเต้เอาไว้ด้วยสถานะปัจจุบันของนาง นางมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พูด ดังนั้นนางจึงต้องบอกเรื่องสำคัญก่อนที่ฮองเฮาจะสั่งประหารนางเยี่ยนเว่ยฉือจึงตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเล “ฝ่าบาททรงพิจารณาเถิดเพคะ องค์รัชทายาททรงป่วยเป็นโรคนกเขาไม่ขัน หม่อมฉันขอทูลถามว่าคนที่นกเขาไม่ขันจะขืนใจสวีเหม่ยเหรินได้อย่างไร? องค์รัชทายาททรงถูกใส่ความเพคะ!”คำพูดเหล่านั้นเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจทุกคนต่างอ้าปากค้างจากความตกใจ!“จะ...เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจเยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างจริงจัง “หม่อมฉันไม่ได้พูดเหลวไหลนะเพคะ ฝ่าบาททรงส่งหม่

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 6 พระชายาองค์รัชทายาท

    แม้สถานการณ์จะค่อนข้างอันตราย แต่ก็ยังจัดการได้เยี่ยนเว่ยฉือรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ได้ ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!”“ไม่ได้?!” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจ เกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิดไปนางคิดว่านางเป็นใคร ถึงได้กล้าที่พูดจาเช่นนี้กับเจ้าแห่งหกตำหนักฝ่ายใน ทั้งยังพูดคำว่าไม่ได้ออกมาอีก?ในขณะที่ฮองเฮากำลังตกตะลึง เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองไปที่ฮ่องเต้คังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าองค์รัชทายาททรงนกเขาไม่ขัน ดังนั้นจึงถือว่าหม่อมฉันเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้ด้วย คดีนี้ยังต้องมีการพิจารณาคดีใหม่ ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวนเลย หากมาฆ่าพยานเสียก่อนคงไม่เหมาะนักใช่หรือไม่เพคะ?”ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ครู่หนึ่งพระองค์สับสนไม่รู้ว่านางเป็นสตรีตระกูลใดแต่สตรีนางนี้กลับกล้าปฏิเสธฮองเฮาต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ชอบพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อทอดพระเนตรผ่านร่างเล็ก ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือไป พระองค์ก็ทรงเห็นร่างไร้ชีวิตที่มีบาดแผลทั่วร่างกายซ่างกวนซีอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ความโศกเศร้าและความเกรี้ยวโกรธของฮ่องเต้คังอู่ถึงจุดสูงสุดเ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 7 ชันสูตรศพ

    เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ชันสูตรศพ ท่านทำไม่เป็นหรือ? ไม่เป็นไร ข้าทำเอง!”เยี่ยนเว่ยฉือมองผางเหออวี้พร้อมรอยยิ้ม ทำท่าทางกระตือรือร้นที่จะได้ทำหน้าที่ผางเหออวี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้า...เจ้าบ้าไปแล้วรึ? สวีเหม่ยเหรินกับองค์ชายน้อยสิ้นพระชมน์ไปหลายวันแล้ว อีกทั้งศพก็อยู่ในโลง กำลังรอทำพิธีฝัง เจ้าจะไปรบกวนวิญญาณคนที่ตายไปอย่างสงบแล้วทำไม?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านใต้เท้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ในมุมมองของข้า มีเพียงการหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและคืนความยุติธรรมแก่ผู้ตายเท่านั้น นั่นถึงจะทำให้ผู้ตายจะได้พบความสงบอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตามกฎของวังหลวง พระสนมที่มีบุตรจะต้องมีการตั้งศพไว้ในห้องนอนเป็นเวลาเจ็ดวันจึงจะทำการฝังได้ ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดพอดี!”กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชันสูตรศพฮองเฮานั่งอยู่บนที่ประทับสูงสบสายตากับซ่างกวนหลี โอรสของนางซ่างกวนหลีพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือพูดถูก ร่างของสวีเหม่ยเหรินยังไม่ถูกฝังฮองเฮาขมวดคิ้วพลางคิดว่าจะขวางอีกฝ่ายอย่างไร ขณะนั้นฮ่องเต้คังอู่ก็ตรัสอย่างจริงจัง

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 8 ถูกวางยาพิษ

    “อะไรนะ? เจ้าพูดว่าอะไร?!” ฮ่องเต้คังอู่ทรงเดินอย่างรวดเร็วไปหาเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่บาดแผลบริเวณลำคอของสวีเหม่ยเหริน พลางตอบอย่างสงบว่า “บาดแผลทั้งหมดบนร่างนี้แบ่งออกเป็นบาดแผลก่อนเสียชีวิตและบาดแผลหลังเสียชีวิต สำหรับบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต ผิวหนังจะมีการหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด รอบ ๆ บาดแผลจะมีก้อนเลือดสีดำคล้ำ และหากเลือดไหลออกมากก็อาจมีรอยห้อเลือดด้วย ซึ่งนั่นเป็นกลไลตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นหลังเสียชีวิต ผิวหนังบริเวณบาดแผลจะเรียบเนียน เนื่องจากร่างกายไม่มีกระบวนการแข็งตัวของเลือดแล้ว ดังนั้นบริเวณบาดแผลก็จะไม่มีลิ่มเลือดหรือรอยห้อเลือด เช่นเดียวกับที่เห็นในตอนนี้เพคะ”ฮ่องเต้คังอู่และผางเหออวี้ขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ต่างก็เข้ามาจับตาดูอย่างใกล้ชิด เห็นว่าลักษณะของร่างตรงหน้าตรงกับที่เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวไว้ไม่มีผิดเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ความจริงที่เรียบง่ายเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ชันสูตรศพที่มีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยก็สามารถตรวจพบเบาะแสนี้ได้ แต่เหตุถึงไม่มีใครพูดออกมาเลยเล่า?”ผางเหออวี้สะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าหลบตาเยี่ย

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 9 ทุกการสัมผัสย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้

    คนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สงสัยเช่นกันสาวน้อยที่เสื้อผ้าผมเผ้ารุงรังผู้นี้เป็นใครกันแน่?เหตุใดถึงได้รู้มากเช่นนี้?ฮองเฮาพูดเสียงแข็งว่า “เหลวไหล เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยจะไปรู้อะไร? อย่าคาดเดาอะไรเรื่อยเปื่อย!”เยี่ยนเว่ยฉือเบะปากพูดว่า “การกล้าตั้งสมมติฐานและตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่ใช่วิธีการพื้นฐานในการคลี่คลายคดีหรือเพคะ? อีกอย่าง สิ่งที่พวกท่านพบในร่างของสวีเหม่ยเหรินไม่มีใครเคยเห็นว่าเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทนี่เพคะ!”ทันทีที่พูดจบ บรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่อยู่ในเหตุการณ์ บ้างก็งุ่มง่ามทำตัวไม่ถูกบ้างก็ก้มหน้าก้มตา เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ช่างพูดได้อย่างไม่อายปากเอาเสียเลย!เมื่อเห็นจากสายตาของฮองเฮาเหมือนต้องการจะโต้เถียง เยี่ยนเว่ยฉือก็พูดต่อทันที “ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเพคะ ในเมื่อตอนนี้ก็ได้รู้สาเหตุการเสียชีวิตของสวีเหม่ยเหรินแล้ว หม่อมฉันแค่ต้องตามหาฆาตกรตัวจริงเท่านั้น ก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้องค์รัชทายาทได้อย่างไรเล่าเพคะ!”ฮ่องเต้คังอู่ตรัสถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าสามารถตามหาฆาตกรตัวจริงได้หรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าและพูดต่อ “ทูลฝ่

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 10 ไม่เปลี่ยนสีเลยหรือ?

    ทุกคนยืนชูคอมองอ่างทั้งสองด้วยความสนใจอย่างยิ่งส่วนฮองเฮานั้นถึงกับบีบมือเข้าหากัน แลดูค่อนข้างกังวลทว่าหลังจากที่ทดสอบนางกำนัลและขันทีไปกลุ่มหนึ่ง ก็ไม่มีมือของใครเปลี่ยนสีเลยบุรุษชุดสีชมพูที่อยู่ในความมืดขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เฮ้อ วิธีการของนางไม่ได้ผล!”บุรุษชุดสีทองแค่นเสียงเบา ๆ “ข้าคิดว่านางจะฉลาดหลักแหลมเสียอีก ไม่เพียงนางทำลายแผนของศิษย์พี่แล้วล่ะ เพราะตอนนี้นางได้เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย”เป็นดังที่คาดไว้ ทันทีที่ทางนี้เอ่ยจบฮองเฮาที่อยู่ทางนั้นก็เริ่มโจมตีเยี่ยนเว่ยฉือ“เจ้าช่างบังอาจที่กล้าหลอกใช้ฝ่าบาทกับข้า เจ้าลองใช้สองตามองดูสิ มีฝ่ามือของใครเปลี่ยนสีหรือไม่ พูดจาเหลวไหลยิ่งนัก! ใครก็ได้มาลากนาง…”ก่อนที่ฮองเฮาจะพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็แคะหูแล้วพูดด้วยความรำคาญ “ฮองเฮาเพคะ พวกเรายืนใกล้กันมากเช่นนี้ พระองค์ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงดังถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนหูหนวก”หลังจากพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ให้โอกาสให้ฮองเฮาได้ตำหนิตนต่อ พลางชี้ไปยังเฟินเอ๋อร์ที่ยืนหลบมุมอยู่ในกลุ่มคนรับใช้แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท นางคือฆาตกรเพคะ”อะไรนะ?!เฟินเ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 11 ต้องฝังเยี่ยนเว่ยฉือไว้ข้าง ๆ กัน!

    เฟินเอ๋อร์รู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกท่วมตัว นางมองฮองเฮาอย่างมีความหวัง แต่กลับได้รับสายตาเย็นชาจากอีกฝ่าย“มองอะไร นางให้เจ้าล้างมือ ก็รีบ ๆ ล้างไปสิ!” ฮองเฮาตำหนิเฟินเอ๋อร์ตัวสั่นพลางจุ่มมือลงในน้ำอย่างไม่เต็มใจเพื่อล้างให้สะอาดหลังจากเช็ดมือให้แห้ง นางก็เดินไปที่อ่างน้ำส้มสายชูและน้ำด่างตอนที่นำมือจุ่มน้ำส้มสายชู มือก็ยังปกติอยู่แต่เมื่อมือนำไปจุ่มในน้ำด่าง มันก็กลายเป็นสีน้ำเงินอ่อนอย่างรวดเร็ว!ทุกคนตกตะลึง ส่วนฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงอุทาน “สารเลว เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”ขาของเฟินเอ๋อร์อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้นนางร้องไห้อ้อนวอน “ฝ่าบาท โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เพคะ ในวันเทศกาลฮัวเฉาวันนั้น แขกทุกคนล้วนดื่มเหล้าดอกท้อ มีเพียงสวีเหม่ยเหรินเท่านั้นที่ดื่มเหล้าบ๊วย ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนไหนติดป้ายชื่อเหล้าทั้งสองชนิดสลับกัน หม่อมฉันเลย...เลยเผลอหยิบผิดเพคะ!”“หยิบผิดหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “สวีเหม่ยเหรินเพิ่งให้กำเนิดองค์ชายน้อย ทั้งยังอยู่ในช่วงให้นมบุตร นางจะดื่มเหล้าได้อย่างไร?”พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็มองไปที่จักรพรรดิคังอู่และพูดต่อ

Latest chapter

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 427 นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน

    "เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 426 เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ศาลาไป๋หยาง

    เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 425 ซ่างกวนซีเผยความในใจ

    ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 424 จะทำต่อหรือไม่?

    ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 423 ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ แล้วปากเล่า?

    แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 422 เผยความในใจกันเถอะ

    ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 421 นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!

    เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างมองซ่างกวนซี จากนั้นก็เบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย"ข้า... นี่... เอ่อ ถึงแม้... ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าจะรัดรูป แต่หน้าอกข้าเล็ก ดังนั้นก็ยัง... ก็ยังมีที่ว่าง"นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน พูดจบแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็อยากจะทุบหัวตัวเองซ่างกวนซีถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว ทอดสายตามองไปยัง... หน้าอกของเยี่ยนเว่ยฉือ!"หน้าอกเล็กหรือ? หึ เจ้าช่างแก้ตัวเก่งฯํฏ แต่ตัวข้ากลับรู้สึกว่า หน้าอกของเจ้าเล็กตรงไหนกัน? หรือว่าวิชามือเบาของเจ้า ยังสามารถขโมยหน้าอกของตนเองแล้วซ่อนเอาไว้ได้ด้วย?"ซ่างกวนซียื่นนิ้วชี้เรียวยาวออกมา แตะเบา ๆ ที่ตำแหน่งหัวใจของเยี่ยนเว่ยฉือ สองครั้งเมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันทีซ่างกวนซีก็ตระหนักได้ว่า ตนเองเพิ่งทำอะไรลงไปความตั้งใจเดิมที่อยากจะซักถาม ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปบรรยากาศเริ่มผิดปกติ ทั้งสองคนต่างก็ถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว"ฝ่าบาท!" เยี่ยนเว่ยฉือเอามือปิดหน้าอกโดยสัญชาตญาณ น้ำเสียงออดอ้อนปนตำหนิเล็กน้อยซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าการกระทำเมื่อครู่ของตนเองนั้นค่อนข้างจะหุนหันพลันแล่นแต่ใครใช้ให้เด็ก

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 420 กระโปรงของเจ้าแนบเนื้อยิ่งนัก

    คำพูดนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปลอบใจราชทูตจากเป่ยอิ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการข่มขู่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉืออีกด้วยความหมายของเขาก็คือ จะต้องสืบสวนให้แน่ชัดว่าจวนรัชทายาทได้คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรมาได้อย่างไร เกี่ยวข้องกับฮวาอวี๋หรือไม่…… จวนรัชทายาทหลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง ทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับจวนตลอดทาง อวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก "ผิงอี้โหวเยี่ยนหานซานผู้นี้ ช่างเป็นคนที่ร้ายกาจจริง ๆ เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ก็ยังทนได้ ถูกสวมเขาเช่นนี้ก็ยังทนได้ น่าชื่นชม น่าชื่นชม!"ซ่างกวนซีตอบอย่างเรียบเฉย "หากจะพูดให้ฟังดูดี นี่เรียกว่ารู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา หากจะพูดให้ฟังดูแย่ นั่นก็คืออ่อนแอไร้ความสามารถ"เยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียง "เขาไม่ได้อ่อนแอไร้ความสามารถ เขาเพียงแต่กลัวคนดีรังแกคนชั่ว ทั้งยังละโมบในอำนาจ อยากจะประจบประแจงจวนอ๋องจ่างซิ่น จึงไม่กล้าทำให้ท่านหญิงหมิงหยางขุ่นเคืองใจ""เอ๊ะ? ว่าแต่ พี่สะใภ้ ท่านมอบคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรไปแล้วจริง ๆ หรือ?" อวี๋เฟยเหยียนเอ่ยถามด้วยสีหน้าเสียดายเยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะอย่างขัดเขิน "มิใช่ มิใช่ รัฐทายาทอวี๋วางใจได้ ของที่อยู่ในมือฝ่าบาทเ

  • ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท   บทที่ 419 ฆ่าตัวตายต่อหน้าธารกำนัล?

    เยี่ยนเว่ยฉือได้ยินคำพูดของซ่างกวนซีก็พยักหน้า "องค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้อง เช่นนั้นข้าจะเมตตา ปล่อยนางไปสักครั้งก็แล้วกัน!"เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มแย้มมองท่านหญิงหมิงหยาง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกน้อยนั้น ทำให้ซ่างกวนซีรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องดูเหมือนนางจะไม่ยอมปล่อยท่านหญิงหมิงหยางไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือว่านางยังมีแผนอื่นอีก?ซ่างกวนซีเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไปในเวลานี้ เยี่ยนหานซานเหมือนคนใบ้กินบอระเพ็ด กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาก้มหน้าคอตก ไม่พูดอะไรสักคำส่วนท่านหญิงหมิงหยางก็ร้องไห้โวยวายราวกับหญิงบ้า"เยี่ยนหานซาน เจ้าพูดเองเถอะ ตลอดหลายปีมานี้ ข้ามีอะไรที่ไม่ดีต่อเจ้า? ข้ามีอะไรที่ไม่ดีพอ? เจ้าถึงได้อกตัญญู ใจดำ ไร้ความรู้สึกเช่นนี้ จิตใจของเจ้าจะไม่เจ็บปวดบ้างหรือ? ฮือ ๆ ๆ ๆ!""ตอนที่แต่งงานกับเจ้า เจ้าก็ปล่อยให้เมียน้อยเยวี่ยฉงหรงนั่นเหยียบย่ำข้า ตอนนี้เยวี่ยฉงหรงไม่อยู่แล้ว เจ้าก็ยังปล่อยให้บุตรสาวนอกสมรสคนนี้มาใส่ร้ายป้ายสีข้า ข้าหมิงหยางมอบความรักความจริงใจให้ไป สุดท้ายกลับสูญเปล่า! ฮือ ๆ ๆ ๆ!""ช่างเถอะ ชายชาตินักรบมักจะใจดำ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา หากใครพูดอะไร เจ้าก็

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status