บทที่1
เมื่ออีกคนเปลี่ยนไป
แปะ~ แปะ แปะ
กลิ่นและหยดน้ำฝน ทำให้กอหญ้ายื่นมือออกมารองรับน้ำฝน ที่หยดแหมะลงบนฝ่ามือน้อยของเธอ สายตากลมโตเหม่อมองหยดน้ำหนึ่งดวงบนฝ่ามือก็ยกยิ้มขึ้น
มันคล้ายหยดน้ำตาของเธอ…
แววตา ริมฝีปากเล็กอวบอิ่มสั่นระริก แหงนมองสายฝนที่เริ่มหยาดหยดลงมาทีล่ะเม็ด คิดว่าอีกไม่นานมันคงเทกระหน่ำลงมาแน่ ๆ …
พลันสายตาของเธอก็มองหาแท็กซี่สักคัน จนมีคันหนึ่งที่ผ่านมา… มือบางจึงโบกขึ้นทันที
กึก…
แท็กซี่คันนั้นจอดลงแล้ว กอหญ้าจึงบอกสถานที่ที่จะไปต่อจากนี้ให้คนขับรับรู้ เมื่อลุงคนขับรับทราบแล้ว เธอจึงปล่อยตัวเองนั่งจมอยู่กับความคิดในใจอีกครั้ง
ทุกอย่างผิดปกติไปจริง ๆ… เธอเฝ้าถามตัวเองว่าระหว่างทางเธอทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า ทำอะไรให้พี่ฟ่าไม่พอใจหรือไม่ เฝ้าวนเวียนถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายก็ไร้ซึ่งคำตอบ
เธอไม่ได้ทำอะไรผิด มีแต่เขาที่เปลี่ยนไป…
นิ้วเรียวลองกดโทรออกหาเขาอีกครั้ง ปลายทางยังคงปิดเครื่อง…
น้ำตาที่พยายามกลั้นเก็บเอาไว้ก็ไหลรินลงมา ลงมาพร้อมกับเสียงสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง ความคิด ความรู้สึกในตอนนี้คงเหมือนพายุสายฝนลูกนี้ที่ตกกระทบลงบนกระจกรถ
ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัด ใคร่รู้ วูบโหวง ซึ่งมันกำลังซัดความเจ็บช้ำ ปวดหน่วง สุมอยู่ในอกของเธอ หัวใจที่มันเต้นด้วยจังหวะที่หมดเรี่ยว อ่อนแรง…
เธอรักเขามาก มากจนไม่อาจเป็นฝ่ายพูดก่อน ทุกอย่าง…จึงทำได้เพียงรอเขา รอพี่เขาเป็นฝ่ายเอ่ยพูดมันออกมาเอง
หากหมดรักกันแล้ว เธอก็พร้อมที่จะไป…
“ถึงแล้วครับ” ลุงขับแท็กซี่เรียกสติที่จมอยู่ในภวังค์ของเธอ กอหญ้าหยัดกายนั่งตัวตรง จ่ายเงินและลงจากรถ ร่างบางวิ่งฝ่าสายฝนเข้าไปในบ้านของตัวเอง ผมเผ้าเปียกลูบลงแนบใบหน้า พ่อแม่ที่นั่งดูทีวี เห็นลูกสาวตัวเองแล้วถึงกับส่ายหน้า
“ไปไหนมาดึกดื่น ฝนตกก็วิ่งฝ่ามาแบบนี้เปียกหมดแล้ว” ผู้เป็นแม่ดุลูกสาว พ่อจึงจับมือแม่เอาไว้เบาๆ ไม่ให้ดุเธอ กอหญ้ามองภาพตรงหน้าก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ เธออยากเจอความรักเหมือนพ่อกับแม่ ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเงินทอง แค่ช่วยกันทำมาหากิน พอมีกินมีใช้ อยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
และคอยอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า แค่นี้แหละความรักที่เธอต้องการ…
แต่มันช่างหายากเหลือเกิน…
“หนูไปเดินเล่นมาค่ะ ไม่คิดว่าฝนจะตก …งันหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“รีบไปเถอะลูก” 'อดิศร' ว่า กอหญ้าจึงรีบสาวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน เข้าห้องนอนของเธอทันที ‘เรืองรอง’ หันมองสามีทำสีหน้าเง้างอน ที่สามีชอบให้ท้ายลูกตั้งแต่เล็กจนโต
“ลูกแค่ไปเดินเล่น ลูกเองก็ไม่ตั้งใจจะถูกฝนเสียสักหน่อย” ผู้เป็นสามีรู้ว่าเมียงอน จึงพูดแก้ต่างให้กับลูกสาวไปด้วย
“เหอะ! งันรองไปเตรียมยาแก้หวัดให้ยัยหญ้าก่อนก็แล้วกัน” ร่างบางสะบัดหน้าหนีสามี เดินไปที่ตู้เย็น ตระเตรียมยาให้กับลูกสาวของตนเอง พลางรินน้ำใส่แก้ว และเอ่ยถึงยัย 'น้ำอิง' ที่ตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน
“ยัยน้ำก็อีกคน ยังไม่กลับมาเลย” น้ำอิงคือพี่สาวต่างสายเลือดของกอหญ้า พวกเธอรับเลี้ยงน้ำอิงเป็นบุตรบุญธรรม เพราะครั้งหนึ่งเคยพยายามมีลูก จนหมอบอกว่าร่างกายของเธออ่อนแอ อาจไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ หรือ เป็นคนตั้งครรภ์ยาก
ทว่าพอรับเลี้ยงน้ำอิงได้ไม่กี่ปี เธอก็ตั้งท้องขึ้นมาจนมีกอหญ้า เมื่อมีกอหญ้าให้กับน้ำอิง นอกจากเธอจะไม่น้อยใจแล้วยังช่วยเลี้ยงน้อง และรักน้องได้ดี
เรือนรองคิดนึกพอใจ ที่สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันได้แบบนี้ ไม่อิจฉากัน แค่นี้เธอก็เพียงพอใจแล้ว เพราะเธอเชื่อว่าชีวิตของเธอที่ผ่านมา เธอเลี้ยงเด็กทั้งสองได้เท่าเทียมกันมาเสมอ ไม่มีลำเอียงอย่างแน่นอน…
“เดี๋ยวก็คงกลับ เห็นว่าช่วงนี้งานยุ่งไม่ใช่เหรอ” เป็นสามีอย่าง ‘อดิศร’ เอ่ยให้ท้ายลูกอีกแล้ว
“น้องก็เป็นห่วงลูก ๆ ไงคะ” อดิศรส่ายหน้า เขาเข้าใจภรรยาดี จึงหันไปสนใจทีวีตรงหน้าต่อ เรือนรองจึงทำหน้าย่นใส่สามี ก่อนจะก้าวขึ้นไปหากอหญ้าที่ห้องนอนของเธอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อาบน้ำเสร็จหรือยัง” เพราะประตูห้องล็อก เรือนรองจึงเอ่ยเรียกถามลูกสาว
“เสร็จแล้วค่ะแม่” กอหญ้าตะโกนออกมาก่อนที่เสียงประตูจะถูกเปิดออก
“แม่เอายากับน้ำอุ่นมาให้”
“ค่ะ” กอหญ้ายิ้ม ก่อนจะถอยห่างให้แม่เข้ามาในห้องของเธอ
“ไปฉลองกับพ่อหนุ่นคนนั้นเหรอ?” แม่ของเธอวางถาดรองแก้วไว้โต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะนั่งลงที่เตียงนอนสีชมพูของกอหญ้า
กอหญ้าจึงยกยิ้ม ก่อนจะนั่งข้างๆ แม่
“ค่ะ ไปฉลองครบรอบวันเกิดและวันครบรอบวันคบกัน” กอหญ้ายิ้มแย้ม ปิดบังความรู้สึกที่แตกสลายในใจเอาไว้อย่างแนบเนียน
“เป็นไงบ้าง แล้วเขาไม่มาส่งเหรอ?”
“…” กอหญ้าเงียบไป จนเรือนรองมองเห็นถึงแววตาที่สั่นระริกของลูกสาว จึงพอรู้ว่าอาจมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น
“ทะเลาะ?”
“…” ส่ายหน้า หรืออาจจะทะเลาะ? เธอเองก็ยังไม่รู้เลย
“มีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน?” เรือนรองถามอีกครั้ง
“…” ส่ายหน้า มันใช่เรื่องที่ไม่เข้าใจกันมั้ยนะสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเลยนะที่ผ่านมา
เพียงแค่เขาไม่อยากพบอยากคุยเหมือนแต่ก่อนก็เท่านั้น
หรือโปรหมดอายุ? …
“อาจจะหมดโปรล่ะมั้งคะ” กอหญ้าไม่อยากให้แม่เครียดไปกับเธอ จึงเอ่ยออกมาแล้วยิ้มขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้“เขา?” “อยู่ ๆ ก็เงียบ ติดต่อไม่ได้ คนหาย ไลน์ก็ไม่ตอบ” กอหญ้าพูดติดตลก ทั้งที่ในใจแทบแตกสลายได้แล้ว“พี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่า…” นั่นสินะ… เขาเป็นอะไรหรือเปล่า…รอจนถึงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ถ้าเขายังไม่ติดต่อมา เธอจะไปหาเขาที่บริษัท เพราะเธอเคยไปหาอัลฟ่าที่บริษัทครั้งหนึ่งแล้ว เอาของที่เขาลืมไปให้ จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลยเขาบอกถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเขาที่บริษัทอีก เธอจึงเลือกที่จะเชื่อฟังและไม่ไปตามที่เขาบอก…ส่วนบ้านพ่อแม่ หรือที่ประจำที่เขาชอบไป อย่าพูดถึงเลย เธอเองก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยจริง ๆ“ไว้พรุ่งนี้หญ้าจะลองโทรหาพี่ฟ่าอีกครั้งค่ะ” “อืม ใจเย็น ๆ ใช้เหตุผลนะลูก อย่าใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ไม่งันความรักอาจจะจบลงง่าย ๆ โดยที่เราไม่สามารถยื้อมันไว้ได้” “ค่ะแม่” “ลูกอยากได้ผู้ชายเหมือนพ่อ ตอนนี้ลูกบอกแม่ว่าเขามีนิสัยเหมือนพ่อมาก ดังนั้นต้องรักษาเขาเอาไว้ให้ดีๆ นะ” “ค่ะแม่ …แต่ว่า” กอหญ้ารู้สึกดีว่าเขาอาจจะเบื่อเธอแล้ว อาจจะไม่รักเธอแล้ว และสักวันจุดจบมันก็ต้องมาถึง
บทที่2ความจริงปรากฏ เช้าวันต่อมา…กอหญ้าตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำกิจวัตรประจำวันของเธอ ในเวลาเช้ามืดที่ยังคงมีเสียงน้ำค้างจากสายฝนหยดลงกระทบบนหลังคา ร่างเล็กยังคงนั่งนิ่ง ๆ มือบางถือสมาร์ทโฟนเก่า ๆ ไว้ในมือด้วยอาการสั่นเทาด้วยเสียงสะอื้นทุกอย่างเงียบ เงียบจนใจของเธอรู้สึกปวดร้าว เบอร์โทรหรือแม้แต่ข้อความ ไร้วี่แววที่อัลฟ่าจะติดต่อกลับมา ทั้งที่เขาอ่านข้อความของเธอแล้วแท้ ๆ แต่เขาไม่คิดตอบกลับเธอสักข้อความเดียว…กอหญ้านั่งจ้องสมาร์ทโฟนของตัวเองนิ่ง ๆ อย่างไม่เข้าใจ พลันน้ำตาก็ไหลหยดลงมาที่หน้าจอมือถืออย่างไม่รู้ตัวตอนที่เห็นหยดน้ำตาที่หยาดริน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองร้องไห้แล้ว…กอหญ้ารีบสูดน้ำมูกขึ้นฟุดฟิด ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาออกไปอย่างลวก ๆ เธอไม่ควรร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เห็นค่าในความรักของเธอ…กอหญ้าคิดว่านี่คงเป็นความเปลี่ยนแปลงในรอบหนึ่งปี ความรักของเธอกับอัลฟ่าคงใกล้จบลงแล้วจริง ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเธอเพียงแค่อยากรู้ว่า เพราะอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้…หรือเขาเบื่อเธอที่มันเฉิ่มเฉย หรือว่าเขาเจอคนอื่นที่ถูกใจกว่า… หรือเขาไม่สบายใจอะไรเกี่ยวกับตัวเธอ วันนี้เธอตัดสินใจแล้วว่าจ
กอหญ้าเลือกที่จะนั่งอยู่ด้านนอกร้าน เธอสั่งเพียงน้ำและเค้กมาทานเพื่อเฝ้าดูอัลฟ่าที่กำลังนั่งไขว่ห้างคุยกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ หากให้เดาคงเป็นเพื่อนของเขา…ไม่มีผู้หญิงอย่างที่เธอแอบคิด… แต่ทำไมเขาถึงได้เมินเฉยกับเธอขนาดนี้นะ…กอหญ้าเม้มริมฝีปากนึกทบทวน จวบจนอัลฟ่าเดินไปข้างๆ ร้าน เธอจึงแอบตามไปเงียบ ๆ จนถึงจุดที่เขาและผู้ชายอีกคนยืนสูบบุหรี่สนทนากันอยู่…กอหญ้าแอบพิงกำแพงแอบฟังเงียบ ๆ แอบฟังพวกเขาคุยกัน เธออยากจะรู้ว่าอัลฟ้าจะสนทนาอะไรกับเพื่อนของเขาบ้าง อาจจะมีเรื่องของเธอบ้างก็ได้...“งานไปถึงไหนแล้วที่เกาะ” “ก็ดี เพาะพันธุ์ไข่มุกสวย ๆ ได้เรื่อย ๆ” “แล้วโรงแรม?” “ก็ไปได้ดี” “ไม่มีอะไรผิดปกติแน่นะ?” ผู้ชายอีกคนเอ่ยถาม เสียงกระซิบเสียมากกว่า“ถ้ามึงหมายถึงสายลับ ไม่มีทางที่พวกมันจะเข้าไปได้ เกาะกูไม่มีทางปล่อยผ่านง่ายๆ นอกจากจะเป็นพวกสายลับของพวกมึงที่จับได้ แล้วเอามาทิ้งขว้างให้คนของกูทรมานเล่น” เกาะของเขา…หมายถึงอะไร? อัลฟ่ามีเกาะส่วนตัวด้วยเหรอ…“ก็ดี ส่วนกาสิโนกูลักลอบเข้ามาเยอะจัด แต่ก็นะ ไม่มีทางรอดสายตากูได้สักคน” มาร์ตินอวยตัวเอง“ก็ดีแล้ว ถ้ามึงปล่อยมาสืบความลับของตระกูลมึ
บทที่3คำกล่าวหา“กอหญ้า…” สุ้มเสียงทุ้มต่ำลง เมื่อกอหญ้าปรากฏตัวที่นี่…“ไม่ต้องถามว่าหนูมาได้ยังไง ตอนนี้พี่ต้องตอบหนูมาก่อนว่าพี่อยากเลิกกับหนูใช่มั้ย!? ที่ผ่านมาพี่แค่หลอกให้หนูรักพี่ เพราะพี่คิดว่าหนูเป็นเมียน้อยของใครก็ไม่รู้ที่หนูไม่รู้จัก!” กอหญ้าถามเขาเร็วพลัน ไม่สนใจด้วยว่าตอนนี้เขาจะมองจะคิดดูถูกกับเธอยังไงส่วนเกินอย่างมาร์ตินยังอึ้ง รู้สึกเป็นส่วนเกินขึ้นมายังไงบอกไม่ถูก เมื่อตอนนี้ทั้งสองยืนจ้องหน้าฟาดฟันกันนิ่งงัน ไร้ซึ่งคำตอบกลับจากเพื่อนของเขา มาร์ตินจึงยักไหล่ถอนหายใจ ตัดสินใจเดินออกมาเงียบ ๆเพื่อให้ทั้งคู่ได้เคลียร์กัน“…” มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านเข้ามาที่ดวงหน้าของเธอ จนน้ำตาเริ่มแอบซึม แต่เธอจะไม่ร้องไห้ให้เขาสมเพชเธอเด็ดขาด!“ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงใช่มั้ยคะ หนึ่งปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยรักหนูเลยใช่มั้ยคะ!?” กอหญ้าเอื้อนเอ่ยคำถามต่อหน้า พยายามมองหาคำตอบจากแววตาของร่างสูงที่สูงกว่าเธอหลายเท่าตัว“ได้ยินหมดเลยสินะ…” แต่ทำได้เพียงเอ่ยเสียงเบา ๆและแค่นยิ้ม อัลฟ่าหรี่ตามองคนตัวเล็กตรงหน้านิ่งงัน แววตาเจือไปด้วยความเย็นชา และโกรธเคือง“ตอบมาสิคะ!? ตอบให้หนูหายโง่หน่อย
"ไม่! ฉันเชื่อในหลักฐานที่มี""งันหญ้าก็ไม่มีสิทธิ์โต้เถียง หากพี่คิดไปแล้วว่าหญ้าคือคนแบบนั้น" เธอจะยอมให้เขาตราหน้าไปก่อน และเธอจะต้องหาความจริงให้ได้ว่าทำไมชื่อของเธอถึงกลายเป็นเมียน้อยของคุณกายเธอจะต้องแก้มลทินที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยของคนที่เธอไม่รู้จักมักจีให้ได้ในสักวัน และเขาจะต้องเสียใจที่ทำกับเธอแบบนี้!“หึ! ฉันก็ต้องคิดแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้วสิ เพราะเธอเป็นเมียน้อยของมันจริง ๆ” กอหญ้าผ่อนลมหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง“เอาเป็นว่าหนูจะไม่ยุ่งกับเขาอีก! และจะเลิกติดต่อเขาอย่างเด็ดขาด”“ได้! ฉันก็ขอให้เธอเลิกยุ่งกับมันจริง ๆ ...งันเธอต้องการเท่าไหร่ก็บอกมา ฉันจะโอนให้เลยตอนนี้ แลกกับคำสัญญาที่เธอเอ่ยมันออกมา”“หนูไม่ต้องการเงินของคุณ เมื่อหนูบอกว่าจะไม่ยุ่งก็คือไม่ยุ่งค่ะ และหวังว่าหลังจากจบกัน คุณจะไม่มาวุ่นวายกับหนูอีก!""ฮ่าๆๆๆๆ" อัลฟ่าระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้น หรี่ตามองเธอด้วยความบ้าคลั่ง พูดออกมาได้ว่าเขาจะไปวุ่นวายกับเธอ เธอน่ะสิที่จะมาวุ่นวายกับครอบครัวของเขา!"ใครกันแน่ที่จะมาวุ่นวาย เลิกกับไอ้กายให้ได้เด็ดขาดก่อนเถอะ แล้วค่อยมาพูด! และถ้าฉันยังเห็นว่าเธอยุ่งเกี่ยวกับสามีน้
บทที่4คำกล่าวหาที่เป็นจริงก๊อก ก๊อก ก๊อกแอด~บานประตูห้องของพี่สาวถูกเปิดออก สิ่งแรกที่กอหญ้าได้เห็นทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะ เมื่อคนที่เธอถูกกล่าวว่าเป็นเมียน้อยของเขา กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ“คุณกาย…”“มาหาพี่สาวเหรอ” กาศิตที่สวมเพียงกางเกงเปลือยท่อนบน เอ่ยถามเธออย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้“ค่ะ”นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! กอหญ้ารู้สึกจะล้มทั้งยืนเป็นรอบที่สอง สิ่งที่อัลฟ่าต่อว่าเธอ มันคือเรื่องจริงสินะ เพียงแต่เป็นพี่สาวของเธอที่เป็นเมียน้อยคุณกาย...“ครับ…” กายถอยหลังให้กอหญ้าเดินเข้ามาในห้อง ส่วนพี่ส
“พี่จะเลิกยุ่งกับเขา” น้ำอิงให้คำมั่น อย่างไรเสียตระกูลมาเวลลินก็ไม่ควรที่จะแตะต้องอยู่แล้ว เธอไม่ควรเสี่ยง...“จริงๆ นะคะ” กอหญ้าบีบมือพี่สาว เงยมองพี่สาวด้วยแววตาจริงจัง เธอไม่อยากกลับไปเกี่ยวข้องกับอัลฟ่าอีกแล้ว และยิ่งไม่อยากพบเจอเขาอีก เธอเจ็บมามากพอแล้วจริง ๆ“อืม…เดิมทีเราไม่ควรไปยุ่งกับเขาอยู่แล้ว คนตระกูลมาเวลลินอันตรายมาก พวกเขามีอิทธิพลเหลือล้น เป็นมาเฟียตระกูลใหญ่ด้วย ตอนนี้เขามาข่มขู่หญ้าแบบนี้ พี่ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้หญ้าเจอคนอันตรายแบบนั้น” น้ำอิงขอโทษกอหญ้าอีกครั้ง"ต่อไปหญ้าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณอัลฟ่าอีกเข้าใจมั้ย?" น้ำอิงเอ่ยเตือน กอหญ้าสวยขนาดนี้ เธอกลัวว่าอัลฟ่าอาจจะสนใจกอหญ้าก็ได้ในอนาคต และหากรู้ความจริงขึ้นมา…เธอกลัว..."เราไม่ควรเกี่ยวพันกับตระกูลมาเวลลิน พวกเขาเป็นถึงมาฟียที่อันตราย สามารถฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาได้เลยนะ" น้ำอิงบอกเตือนน้องสาว กอหญ้าส่า
บทที่5ตอแยหลังจากที่ออดอ้อนพ่อแม่แล้ว กอหญ้าก็กลับเข้าห้องนอนของเธอ กอหญ้ากระโดดขึ้นเตียงนอน เปิดจอสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าค้นหางานพาร์ทไทม์ที่ทำได้ช่วงเวลาเย็น ซึ่งงานที่น่าสนใจมาก ทำเพียงไม่กี่ชั่วโมงเป็นงานแจกใบปลิว ได้ค่าตอบแทนที่โอเคสำหรับเธอมากอยู่กอหญ้าจึงลองลงทะเบียนสมัครงานไป และไม่นานสมาร์ทโฟนราคาถูกของเธอก็สั่นขึ้นด้วยเสียงเรียกเข้าครืดด~นิ้วเรียวรีบกดรับทันที ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้…“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีค่ะ คุณ 'กอหญ้า บรรทัดศร' ใช่มั้ยคะ”“ค่ะ”“เราจากสำนักงานแจกใบปลิวนะคะ เล็งเห็นความสามารถของคุณ สามารถมาสัมภาษณ์งานและเริ่มงานได้เล
บทที่23ขอของเล่นคืนปัง ปัง ปัง!“ใคร!?” ลีโอตะโกนถาม หันไปมองประตูที่มีเงารองเท้าเยอะผิดปกติ คิ้วเรียวขมวดพลางหันกลับมาสบตากับกอหญ้าเงียบๆ"เปิดประตู!" เสียงของอัลฟ่าทุบประตูด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ตั้งแต่ที่ได้รับรายงานว่า กอหญ้ากำลังสนุกกับไอ้ลีโอ!ผู้หญิงบ้าอะไรโคตรร่านฉิบหาย!แควก!ไม่พูดพร่ำทำเพลง มือหนารีบปลดสายคล้องคอขอวกอหญ้าออก ตอนนี้เนินอกของเธอแทบเปลือยจมูกคมสัน ริมฝีปากหนา กดจูบขบเม้มลงบนผิวกายของเธอซ้ำ ๆ จนกอหญ้าทุบตีเขาอย่างตื่นตกใจปัง ปัง ปัง!“นี่! เดี๋ยว! ไหนบอกจะไม่ทำไง” กอหญ้าต่อว่าลีโอ ทั้งตกใจกับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง“ต้องทำ ใครมาไม่รู้หรือไง?”“อัลฟ่า…” เธอจำเสียงเขาได้“ใช่! ดังนั้นก็เล่นละครกับฉัน” กอหญ้าหยุดนิ่งทันที บทบาทที่เธอเพิ่งได้รับ ทำให้เธอต้องหยุดนิ่ง กอหญ้าจ
บทที่22เปิดตัวประมูลกอหญ้ายืนน้ำตาคลอหลังจากที่ออกจากห้องทำงานของอัลฟ่า ตอนนี้เธอยืนนิ่ง ๆอยู่หน้ากรงขนาดใหญ่ ถูกวาลิถอดชุดคลุมออกให้เหลือเพียงชุดเมดผ้าลูกไม้ที่แสนเซ็กซี่วาลิยิ้มกริ่มพอใจกับพนักงานคนใหม่ของคลับ กอหญ้าสวยมากจริง ๆสวยขนาดที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า 'สวยจนไร้ที่ติ…'สายตากลมโตของกอหญ้าน้ำตาเอ่อซึมเธอกำลังยืนมองกรงทองขนาดใหญ่ ตรงกลางมีโซฟาหรูสีแดงสด …สิ่งที่ปรากฏตรงหน้า เธอคิดว่ามันคงเป็นที่ที่เธอต้องเข้าไปนั่งอวดโฉมประมูลในค่ำคืนนี้พอนึกคิดหัวใจบางก็พลันวูบไหว เต้นแรงไม่เป็นส่ำ ยิ่งประตูกรงทองนั้นถูกเคลื่อนออก หัวใจของเธอยิ่งเต้นแรงมากขึ้น มือบางกุมมือกันแน่น เธอไม่สามารถรอดพ้นไปจากตรงนี้ได้เลยจะมีใครสักคนมั้ยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอได้…ช่วย… ถ้าจะมีคนมาช่วยที่นี่ก็คงมีเพียงอัลฟ่าเท่านั้น ที่สามารถช่วยเธอได้!ซึ่งเขาประกาศก้องแล้วว่าเขาไม่มีทางช่วยเ
บทที่21เกาะลับมาเวลลินใช้เวลาไม่นาน… กอหญ้าก็เดินลงมาจากชั้นบนด้วยชุดนอนกระโปรงยาวแขนสั้นสีชมพูน่ารัก เธอพยายามตั้งสติ และไม่ร้องไห้ให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง การห่างไกลจากบ้านครั้งนี้ทำให้ใจเธอรู้สึกหวิว ไม่อยากไป ไม่อยากต้องห่างพ่อกับแม่แต่สุดท้ายไม่ว่าเธอจะอยากไป หรือไม่อยากไป เธอก็ต้องไปอยู่ดี…“มาแล้วเหรอ ทานข้าวทานปลามาหรือยัง?” เรือนรองเอ่ยถามบุตรสาวที่กำลังย่ำก้าวมาหาพวกเธอ“ทานแล้วจ้ะ”“งันมีเรื่องอะไรจะคุยกับพ่อแม่?” อดิศรถามต่อ กอหญ้าจึงคลานไปนั่งตรงหน้าพ่อกับแม่“วันนี้หนูไปทำงานมาค่ะแล้วหัวหน้าหญ้าเขาแนะนำงานให้ รายได้ดีมาก หนูสนใจเลยอยากไปทำ”"พ่อไม่อยากให้เราไป…" พอได้ยินว่าลูกสาวขอไปทำงานที่อื่น ที่ไม่ใช่ร้านของตัวเอง อดิศรก็ไม่เห็นด้วย…"…" กอหญ้าเริ่มคิดหนัก จะหาเหตุผลอะไรให้พ่อยอม"ไหนบอกว่าร้าน
บทที่20ชดใช้ทั้งชีวิต“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ แต่ว่าจะไม่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเวลานี้แน่นอน ผลจากการถูกกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ทำให้คนไข้เสี่ยงที่จะเป็นเจ้าหญิงนิทรา…”“อะไรนะครับ!? แล้วน้องผมจะมีสิทธิ์ฟื้นมั้ย?” หัวใจแกร่งวูบโหวง ราวกับถูกบดขยี้เมื่อได้ยินว่าน้องสาวของเขาอาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา“มีสิทธิ์ครับ แต่นานแค่ไหนหมอเองก็ยังบอกไม่ได้…” อัลฟ่าส่ายหน้า ไม่อยากจะเชื่อเลย“แล้วสามีของคนไข้มามั้ยครับ?”“มันตายไปแล้ว!” พอได้ยินคำว่าสามีของอันนา เขาก็เผลอขึ้นเสียงใส่คุณหมอทันที น้ำเสียงเหี้ยมที่เอ่ยขึ้น ทำให้คุณหมอรู้สึกถึงไอรังสีอำมหิตในตัวของชายหนุ่มตรงหน้าได้เป็นอย่างดี“ญาติคนไข้ควรใจเย็นๆ นะครับ สิ่งที่ต้องฟังต่อจากนี้ ต้องทำใจนิดหน่อยนะครับ” เมื่อพี่ชายของคนไข้หัวร้อนขนาดนี้ คุณหมอจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ใจเย็นลง“บอกมาเถอะครับ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว!”“คนไข้เสียเลือดมาก หมอจึงช่วยเด็กไว้ไม่ได้”“เด็ก? หมายความว่ายังไง?” เหมือนสมองของเขาเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำว่าเด็ก“คนไข้ตั้งครรภ์อ่อนๆ ครับ ถูกแรงกระแทกพอควร จึงตกเลือดเยอะหมอไม่สามารถช่วยได้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ” อึ้งไป
บทที่19เหตุที่เกิดกะทันหันรถแท็กซี่จอดลงที่หน้าปากซอยเช่นเดิมเหมือนทุกวัน กอหญ้าจ่ายเงินพร้อมกับก้าวลงมาจากรถ เธอเดินเข้าไปในซอยเส้นประจำที่เธอเคยเดินมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตกอหญ้าเดินทอดน่องด้วยจังหวะที่มั่นคงแต่เชื่องช้า เธอคิดถึงใบหน้าของอัลฟ่าที่อยู่ ๆก็บึ้งตึง ปั้นปึ่งใส่เธอ"อยู่ๆก็โกรธกัน เป็นโรคใบโพล่าหรือไง!? หรือกำลังเข้าสู่อารมณ์พวกวัยทอง" กอหญ้าบ่นพึมพำ ยิ่งเห็นอาการที่เขาปฏิบัติกับเธอแล้ว หัวใจยิ่งรู้สึกอยากเตะเขาสักพันครั้ง!แต่ก็นั่นแหละ! อย่างเธอจะทำอะไรเขาได้!"เอ๊ะ! พี่น้ำหนิ! มาทำอะไรตรงนี้ดึก ๆดื่น ๆ" กอหญ้าพึมพำ ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่สาวที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆรถหรูของใครสักคนพึ่บ!จู่ๆพี่ของเธอก็ล้มลง กอหญ้าจึงรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างนึกเป็นห่วง"พี่…"“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” เสียงทะเลาะแทรกขึ้นมากะทันหัน กอหญ้าชะงักและมองเหตุการณ์ตรงหน้าผ่านความมืดมิดที่มีเพียงแสงจาก
บทที่18ไม่ควรรู้สึกช่วงบ่ายสองเป็นช่วงที่ลูกค้าเริ่มทยอยลดน้อยลง อาหารข้าวแกงถูกขายจนเกลี้ยง กอหญ้าจึงเตรียมตัวไปหาอัลฟ่า“หนูไปทำงานก่อนนะคะ” กอหญ้าบอกพ่อกับแม่ พลางสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดที่แม่ซื้อให้“เดินทางดีๆ นะ” เรือนรองอวยพร ส่วนอดิศรยกยิ้มรับรู้ กอหญ้าจึงโบกมือลาพวกท่าน และรีบย่ำก้าวออกไปหน้าปากซอย มองหารถแท็กซี่เพื่อไปหาอัลฟ่าที่เพนท์เฮ้าส์ของเขาเฮ้อ! ไม่รู้ว่าเธอจะทำแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่!ตอนนี้บ่ายสามโมงพอดีเป๊ะ เธอมาถึงหน้าเพนท์เฮ้าส์แล้ว เท้าบางจึงรีบย่ำเท้าเข้าไปหาอัลฟ่าทันที เธอไม่อยากทำให้เขาโกรธเธอ และอยากคุยเรื่องพี่สาวอีกครั้งดี ๆระหว่างทางเดินเธอเห็นเฟย์ต้ากำลังพูดคุยกับผู้ชายชุดดำ หากให้เดาคงเป็นบอดี้การ์ด แต่สำหรับเฟย์ต้าแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขานับว่าเป็นอะไรของอัลฟ่า กอหญ้ามองเขาเพียงแค่แวบเดียว ก็เปิดประตูและปิดมันลงเท้าบางเหยียบย่ำเข้ามาในเพนท์เฮ้าส์ของอัลฟ่าเงียบ ๆ คิดว่าตอนนี้เขาอาจจะอยู่ในห้อง เธอจึงผ่อนลมหายใจลงเบา ๆ เท้าบางทอดน่องเดินไปที่โซฟา พลางชะงักเมื่อเธอเห็นอัลฟ่ากำลังพิงพนักเอนหลัง หลับตาอยู่ที่เบาะโซฟาเดี่ยวข้างหน้าต่างกระจก ในมือถือไอแพด เอกสา
บทที่17เหมือนโดนฟันแล้วทิ้งมือหนาล็อกท้ายทอยกอหญ้าให้เงยรับจูบจากเขา อัลฟ่าจูบเธออย่างหิวกระหาย ตะกละตะกลามทั้งเขายังบดจูบจนเธอรู้สึกเจ็บที่ริมฝีปาก มือบางพยายามผลักดันไปที่อกแกร่ง เพื่อประท้วงเขาให้รับรู้ว่า เธอเจ็บ…หากทว่าในเวลาต่อมา ความเจ็บที่ริมฝีปากไม่อาจเท่าความเจ็บกลางกาย บัดนี้ถูกดันด้นสดเข้ามาจนสุดปลายด้าม อัลฟ่าที่ใช้แขนแกร่งประคองเรียวขาบาง เขาพาดมันไว้ที่แขนแกร่งข้างหนึ่ง เพื่อให้เข้าถึงตัวเธอได้ลึกที่สุด เท่าที่จะทำได้…ปึก ปึก ปึก!แรงกระแทกกระทั้นเริ่มขึ้นซ้ำ ๆเน้นและถี่เขาใช้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของแสดงความไม่อ่อนโยน และไร้ปรานีต่อเธอ เพียงแค่เขากำลังเตือนเธอหากเธอถือท่า ปากดี คิดต่อต้านเขาอีก จุดจบของเธอจะเป็นเช่นไร…"ถ้าไม่อยากให้ฉันทำรุนแรงก็อย่าคิดขัดใจฉัน" สิ้นเสียงคำสั่ง ที่ออกคำสั่งลงมาเหนือหัว กอหญ้าแอบถอดถอนหายใจสุดท้ายแม้อยากจะทำตามใจตัวเองสักแค่ไหน เธอก็ต
บทที่16อยากให้ค้างคืนเช้ามืด…กอหญ้ากลับมาถึงบ้านก็เกือบตีหนึ่งแล้ว เธอกลับมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเข้านอนเลย พอนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบตื่นขึ้นมาช่วยพ่อแม่ทำข้าวแกงขายต่อถึงแม้จะขายได้ไม่มากเหมือนแต่ก่อน แต่พ่อกับแม่ก็ยังคงเปิดร้านทุกวัน เพียงแค่ลดรายการอาหารลงเท่านั้น“เมื่อคืนกลับดึกอีกแล้วนะ” อดิศรเอ่ยกับลูกคนเล็ก ในขณะที่ปรุงอาหารไปด้วย“หนูได้งานอีกที่หนึ่งจ้ะ เป็นร้านอาหาร” กอหญ้าว่า พลางหั่นผักชีให้พ่อด้วย“ทำไมถึงทำงานหนัก จะทำทั้งวันไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ได้พักเอา” แม้ว่าตอนนี้ ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม เขาเข้าใจลูกว่าทำไมถึงเลือกทำงานเพิ่มขึ้น“เพราะข่าวทำให้เจ้านายไล่ออก หญ้าเลยไปสมัครร้านอาหาร แค่เสิร์ฟเองพ่อ ทำงานแค่สี่ชั่วโมง”“ที่บ้านก็ต้องทำ…”“ช่วงนี้ลูกค้าไม่เยอะไงคะ อย่าคิดมากนะ ถ้าร้านเรากลับมาขายดีปกติ หนูจะเลิกทำเลย” กอหญ้ารู้สึกผิดที่ต้องโกหก แต่สิ่งที่เธอทำอยู่ในตอนนี้ มันไม่สามารถโพนทนาบอกใครได้เช่นกันความอับอายนี้ มันควรเป็นความลับระหว่างเธอกับอัลฟ่าไปตลอดชีวิต…“อืม…” กอหญ้ายิ้มให้พ่อ ส่วนเรือนรองออกไปเอาเนื้อ เดินกลับมาเห็นสองพ่อลูกก็ยิ้ม"แล้วสรุปเป
บทที่15รับกรรมที่ไม่ได้ก่อตื้ด~เสียงข้อความเข้าจากสมาร์ทโฟนของกอหญ้า เป็นเบอร์ของอัลฟ่า เขาปลดบล็อกเบอร์ของเธอแล้ว[ไปรอที่เพนท์เฮ้าส์] อัลฟ่าบอกให้เธอไปรอเขาที่เพนท์เฮ้าส์ ความหวังสุดท้ายของเธอติดต่อกลับมาแล้ว กอหญ้าจึงรีบลงรถเมล์กลางคัน[เฟย์ต้าจะไปรับ] ข้อความถูกส่งมาอีกครั้ง ทำให้กอหญ้าชะงักนิ่งทันทีที่ก้าวขาลงเหยียบบนพื้นฟุตบาท เฟย์ต้าจะมารับ แล้วเขาจะรู้ได้ไงว่าเธออยู่ที่ไหน กอหญ้ากำลังจะส่งข้อความกลับปริ้น~เสียงแตรของรถหรูสีดำดังขึ้นข้างกายของเธอ กอหญ้าหันหน้าไปมอง ก็เจอเข้ากับดวงหน้าคมคายของเฟย์ต้าที่ลดกระจกมองเธอ“นายให้มารับครับ” เฟย์ต้าเอ่ยเพียงแค่นั้นก็ปิดกระจกขึ้นอีกครั้ง กอหญ้าขบเม้มริมฝีปาก แอบสงสัยที่เฟย์ต้ามารับเธอในทันทีที่อัลฟ่าส่งข้อความมา…กอหญ้าสลัดความคิดออกไป เธอทำตามเขาอย่างว่าง่ายด้วยการขึ้นไปนั่งบนรถหรูของเฟย์ต้า เมื่อกอหญ้าขึ้นมานั่งบนรถแล้ว เฟย์ต้าจึงออกรถทันที