“พี่จะเลิกยุ่งกับเขา” น้ำอิงให้คำมั่น อย่างไรเสียตระกูลมาเวลลินก็ไม่ควรที่จะแตะต้องอยู่แล้ว เธอไม่ควรเสี่ยง...
“จริงๆ นะคะ” กอหญ้าบีบมือพี่สาว เงยมองพี่สาวด้วยแววตาจริงจัง เธอไม่อยากกลับไปเกี่ยวข้องกับอัลฟ่าอีกแล้ว และยิ่งไม่อยากพบเจอเขาอีก เธอเจ็บมามากพอแล้วจริง ๆ
“อืม…เดิมทีเราไม่ควรไปยุ่งกับเขาอยู่แล้ว คนตระกูลมาเวลลินอันตรายมาก พวกเขามีอิทธิพลเหลือล้น เป็นมาเฟียตระกูลใหญ่ด้วย ตอนนี้เขามาข่มขู่หญ้าแบบนี้ พี่ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้หญ้าเจอคนอันตรายแบบนั้น” น้ำอิงขอโทษกอหญ้าอีกครั้ง
"ต่อไปหญ้าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณอัลฟ่าอีกเข้าใจมั้ย?" น้ำอิงเอ่ยเตือน กอหญ้าสวยขนาดนี้ เธอกลัวว่าอัลฟ่าอาจจะสนใจกอหญ้าก็ได้ในอนาคต และหากรู้ความจริงขึ้นมา…
เธอกลัว...
"เราไม่ควรเกี่ยวพันกับตระกูลมาเวลลิน พวกเขาเป็นถึงมาฟียที่อันตราย สามารถฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาได้เลยนะ" น้ำอิงบอกเตือนน้องสาว กอหญ้าส่ายหน้า
เธอไม่มีวันเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแน่นอน...
"เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกอยู่แล้วค่ะ" กอหญ้าบอกพี่สาว น้ำอิงจึงยิ้มหยักหน้า
"ดีแล้ว..."
“อีกอย่างถ้าพี่เลิกกับเขาจริง ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก หญ้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร และหญ้าจะยอมถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยแทนพี่เอง โอเคมั้ยคะ?” กอหญ้าบอกกับพี่สาวของเธอ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้พี่สาวเลิกยุ่งกับกาศิต
ยังไงซะ ในเมื่ออัลฟ่าก็คิดว่าเธอเป็นเมียน้อยของกาศิตไปแล้ว ดังนั้นก็ปล่อยให้เขาเข้าใจไปแบบนั้นนั่นแหละ เขาจะไม่ได้มาหาเรื่องพี่สาวของเธอด้วยในอนาคต
“ขอบคุณ ขอบคุณหญ้ามาก ๆ” น้ำอิงขอบคุณน้องที่ช่วยปิดความลับนี้ให้กับเธอ
“พี่ต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านของเราด้วย เก็บกระเป๋าเดี๋ยวนี้เลย” เธอจะไม่ยอมให้น้ำอิงอยู่ที่นี่ต่อ น้ำอิงเองก็ยอมทำตามน้องสาว เรื่องที่เธอก่อเอาไว้ เธอพร้อมที่จะละทิ้งมันไว้ที่นี่…
“หญ้าไม่โกรธที่พี่ใช้ชื่อหญ้า?” อยู่ ๆ น้ำอิงก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง
“โกรธค่ะ หญ้าโกรธพี่มาก แต่หญ้ารักพี่สาวของหญ้ามากกว่า อะไรที่ให้อภัยกันได้ หญ้าก็ให้ได้ค่ะ” น้ำอิงได้ยินเช่นนี้ยิ่งรู้สึกผิด ยิ้มและดึงกอหญ้าเข้ามากอดเบา ๆ
"พี่ก็รักหญ้ามากๆ นะ" กอหญ้ายิ้ม ซบพี่สาวของเธอด้วยรักและเคารพ
กอหญ้าเดินเคียงข้างจูงมือพี่สาวของเธอออกจากคอนโดและพากันกลับบ้านทันที ต่อไปนี้เธอจะจับตาพี่สาวไว้ทุกฝีก้าว จะไม่ยอมให้พี่สาวของเธอไปมาหาสู่กับคนสารเลวคนนั้นอีก
และจะไม่มีวันให้อัลฟ่ามาดูถูกครอบครัวของเธออีกเด็ดขาด!
ต่อไปชีวิตของเธอกับเขาจะเป็นเพียงเส้นขนาน ไม่ยุ่งเกี่ยว ข้องแวะกันอีก…
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว
ชีวิตอันสงบสุขของกอหญ้าก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หัวใจของเธอที่เคยปริแตก แตกสลายเพราะน้ำมือของอัลฟ่า ตอนนี้เธอกลับมามีเรี่ยวแรง ประกอบผสานกันแน่นหนาขึ้นเช่นเดิมแล้ว...
กอหญ้ายกยิ้มขึ้นเมื่อลูกค้าต่างทยอยกันเข้ามาในร้าน เธอตักกับข้าวตามคำสั่งของลูกค้า เดินเสิร์ฟช่วยพ่อแม่อย่างมีความสุข ทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม
ซึ่งส่วนพี่สาวของเธอยังคงทำงานเป็นนางแบบเช่นเดิม มีงานแทบทุกวัน หลังจากที่ตกลงกับพี่เรื่องของคุณกายแล้ว พี่สาวเธอก็ตัดขาดจากเขา ส่วนเธอกับอัลฟ่าก็เลิกกันถาวร ไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่จบความสัมพันธ์กันตอนนั้น
และความจริงอีกอย่างหนึ่งที่เธอได้รู้ อัลฟ่าไม่ได้เป็นพนักงานITเขาโกหกเธอมาโดยตลอดว่าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา
จริงๆ แล้วเขาสูงส่งเกินเอื้อม เขาเป็นเจ้าของบริษัทมาเวลลิน นามสกุลของเขาคือ มาเวลลิน แต่เขากลับโกหกเธอ! โกหกทุกอย่าง ที่ผ่านมาที่คบกันเป็นแฟน ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นจริงเลยสักเรื่อง
เหมือนเป็นแค่ความฝันหนึ่งของเธอ…
แต่มันก็ดีแล้วแหละ ที่สุดท้ายเรื่องของเราจบลงแบบนี้ และดีแล้วที่เขาสูงส่งเกินเอื้อมขนาดนั้น เพราะมันสามารถทำให้เธอตัดใจจากเขาได้ง่ายขึ้น! เธอย้ำเตือนตัวเองเสมอ ว่าเธอไม่เหมาะสมกับคนอย่างเขา เขาอันตรายเป็นถึงมาเฟีย หากไม่มีเรื่องเมียน้อย เธอคบเป็นแฟนกับเขาจริง ๆ ชีวิตที่เหลือคงเหมือนยืนอยู่บนเส้นด้าย จะตายตอนไหนก็ไม่รู้...
ถ้ารู้ว่าเขาเป็นถึงมาเฟีย เธอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาแน่นอน จะเดินผ่านไปเลยแม้แต่หน้าก็ไม่มีวันมองหรอก!
พี่น้ำบอกกับเธออีกว่า เบื้องหน้าเขาน่ะเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องประดับอัญมณียักษ์ใหญ่ แต่เบื้องหลังกลับทำธุรกิจสีเทา เป็นมาเฟียที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของตระกูลใหญ่หลายตระกูล
พี่สาวของเธอเป็นบอกเรื่องทุกอย่างของเขาให้กับเธอรู้ เธอจึงบอกกับพี่สาวว่าดีแล้ว ที่พี่เลิกยุ่งกับคุณกายได้
ครอบครัวเราจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวพัวพันกับพวกเขาอีก
“แล้วจะเอายังไงดี ร้านนี้เราก็เปิดมานานแล้ว แม้ว่าช่วงนี้จะขายไม่ค่อยได้กำไรเท่าที่ควร น้องก็คิดว่าอาจจะพอถูไถไปได้บ้างนะคะ” ร่างบางระหงกำลังก้าวเข้าไปในบ้าน ที่อยู่หลังร้านค้าขายข้าวแกง เธอได้ยินพ่อแม่กำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องร้าน เธอจึงยืนนิ่งแอบฟัง
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไร แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละพี่ว่า” อดิศรพยายามปลอบใจเรือนรอง กอหญ้าพอรู้มาบ้างว่าตอนนี้ร้านขายข้าวแกงของพ่อแม่กำลังมีปัญหาในเรื่องขาดทุน ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอไม่อยากคิดอคติกล่าวหาว่าอัลฟ่าคิดจะแกล้งกันอีก แต่เธออาจจะคิดมากไป เพราะพี่สาวของเธอก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับกาศิตอีก เขาจะมาแกล้งพวกเราอีกทำไม...
กอหญ้าแค่ได้ยินมาว่ามีลูกค้าพูดปากต่อปากว่าอาหารของร้านไม่สะอาด ทั้งที่เธอก็ตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา และมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาพูดเลย
เรื่องนี้มันทำให้เธอแอบคิดมาก เธอกลัวว่าอัลฟ่ากำลังเตือนอะไรเธอหรือเปล่า...
“พ่อกับแม่นิสัยไม่ดีเลยนะคะ…” กอหญ้าตัดสินใจเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ทันที พลางทำหน้าย่น คุกเข่านั่งพับเพียงเกาะขาออดอ้อนท่านทั้งสอง
มือบางของเรือนรองจึงลูบหัวทุยของลูกสาวอย่างอ่อนโยน
“มีอะไรหืม?” เรือนรองเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ยังมาถามหนูอีกว่าหนูมีอะไร ร้านข้าวแกงมีปัญหา พ่อกับแม่ไม่คิดบอกหญ้าเลยเหรอคะ” เรือนรองและอดิศรต่างมองหน้ากันแล้วยิ้ม
หูตาไวจริงเชียวเจ้าลูกคนนี้
"มันก็แค่ช่วงนี้ ของราคาขึ้นก็ขาดทุนบ้างเป็นธรรมดา เงินเก็บของพวกเราก็พอมีอยู่นะ แม่เลยคิดว่ามันยังไม่ถึงทางตันขนาดนั้น จึงยังไม่ปรึกษาลูกให้เครียดไปด้วยกัน”
“แต่เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ” กอหญ้าทำปากยื่น งอนๆ พ่อกับแม่ อดิศรจึงส่ายหน้า
“ตอนนี้รู้แล้วไง จะทำอะไรได้หืม?”
“อืม หนูว่าจะหาทำงานพาร์ทไทน์ค่ะ” กอหญ้ายิ้ม อย่างน้อยทำงานช่วงตอนเย็นหลังจากปิดร้านมันก็ดีอยู่นะ หารายได้ได้หลายทางด้วย
“ลำบาก พ่อกับแม่อยากให้เราช่วยกันที่ร้านก็พอ” อดิศรว่า
“ไม่ลำบากเลย หนูทำได้ค่ะ เชื่อหนูนะคะ” กอหญ้าออดอ้อนอีกครั้งจนเรือนรองและอดิศรใจอ่อน
“ก็ได้ งันพ่อให้เราทำช่วงที่ร้านมีปัญหา พอร้านเริ่มดีขึ้นค่อยเลิกทำงานพาร์ทไทม์ก็แล้วกัน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยยื่นข้อเสนอ กอหญ้ารีบพยักหน้าหงึกงักทันที
“เฮ้อเจ้าลูกจอมแสบ” กอหญ้ายิ้มแฉ่งจนตาหยี อดิศร เรือนรอง ลูบหัวทุยของกอหญ้าอย่างภูมิใจ พวกเธอดีใจที่เลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาอย่างดี มีจิตใจอ่อนโยน เป็นคนดี ย่อมต้องภูมิใจมาก ๆ อยู่แล้ว
ส่วนกอหญ้าซบลงที่ตักของแม่ แววตาสั่นระริกคิดหนัก เธอหวังเพียงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับร้าน มันจะไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่คิด...
บทที่5ตอแยหลังจากที่ออดอ้อนพ่อแม่แล้ว กอหญ้าก็กลับเข้าห้องนอนของเธอ กอหญ้ากระโดดขึ้นเตียงนอน เปิดจอสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าค้นหางานพาร์ทไทม์ที่ทำได้ช่วงเวลาเย็น ซึ่งงานที่น่าสนใจมาก ทำเพียงไม่กี่ชั่วโมงเป็นงานแจกใบปลิว ได้ค่าตอบแทนที่โอเคสำหรับเธอมากอยู่กอหญ้าจึงลองลงทะเบียนสมัครงานไป และไม่นานสมาร์ทโฟนราคาถูกของเธอก็สั่นขึ้นด้วยเสียงเรียกเข้าครืดด~นิ้วเรียวรีบกดรับทันที ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้…“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีค่ะ คุณ 'กอหญ้า บรรทัดศร' ใช่มั้ยคะ”“ค่ะ”“เราจากสำนักงานแจกใบปลิวนะคะ เล็งเห็นความสามารถของคุณ สามารถมาสัมภาษณ์งานและเริ่มงานได้เล
กอหญ้าเดินแจกใบปลิวอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เธอยื่นใบปลิวให้กับทุกคนที่เดินผ่านด้วยรอยยิ้มหวาน การแจกใบปลิวเริ่มทำให้กอหญ้ารู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้น เมื่อมีคนรับใบปลิวของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ“เสริมความงามให้กับตัวเรา ด้วยคลินิกนิวเจน บนชั้นสองได้เลยนะคะ” กอหญ้าก้มหน้ายิ้มให้กับผู้คนที่รับใบปลิวจากเธอตอนนี้เธอแจกใบปลิวได้เกือบครึ่งทางแล้ว กับเวลาที่เหลืออีกไม่มาก…“อีกนิดเดียว…” กอหญ้าเอ่ยให้กำลังใจตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเงยทอดมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดดำ“ฟ้ามืดอีกแล้ว… ต้องรีบแจกแล้วล่ะ!” กอหญ้ารีบสาวเท้าวนเวียนแจกใบปลิวอยู่หน้าห้าง ทว่าความเร่งรีบทำให้เธอไม่ทันระวัง ถูกชายชราคนหนึ่งเดินชนเข้ากับไหล่บางจนเธอล้มลงกับพื้น“อ่ะ!”ตุบ!“เกะกะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!” เป็นผู้ชายสูงวัย เขาเดินชนเธอจนล้
บทที่6การกระทำที่ตรงกันข้าม“กลัวตายก็อย่าปากเก่งอีก!” กอหญ้ากะพริบตาปริบ ๆ มองเขาด้วยหัวใจที่แตกสลาย เธอทำอะไรเขาไม่ได้และเขาก็ออกหน้า รังเกียจ เกลียดกันขนาดนั้น เธอเชื่อว่าเขากล้าที่จะกำจัดเธอให้พ้นทาง ให้พ้นสายตาของเขาแน่ หากเขาคิดจะทำ!“ค่ะ ฉันมันไม่เจียมตัวปากเก่งเอง ดังนั้นคุณปล่อยฉันได้หรือยัง” สายตากลมโตมองมือหนา ที่ยังคงจับแขนเรียวของเธอเอาไว้แน่น รอยยิ้มร้ายยกขึ้นมุมปาก มองคนที่ทำเป็นอวดเก่งด้วยแววตาแสนเย็นชาและนึกสนุก“ได้สิ ฉันปล่อยเธอแน่!” ตูมซ่า~เพียงพริบตาเดียว ร่างบางก็มือหนาเหวี่ยงลงไปในสระน้ำพุ กลางลานห้างสรรพสินค้า! กอหญ้าพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำ ดีที่น้ำไม่ลึกเท่าไหร่ เธอจึงพยุงตัวยืนอยู่กลางสระได้“…แต่ปล่อยเธอลงไปในนั้นนะ! จะได้ล้างสิ่งสกปรกในตัวออกไปบ้าง จะได้ไม่น่ารังเกียจสกปรกแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้!” อัลฟ่าเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา เขาย่อตัวคุกเข่าข้างเดียว มองเธอที่ยืนมองเขาอยู่กลางสระน้ำด้วยแววตาที่แสนเจ็บปวดรู้สึกดีที่ได้เห็นมัน…“พอใจคุณแล้วใช่มั้ย พอใจแล้วก็เชิญค่ะ” กอหญ้าชี้นิ้วไล่เขาด้วยความรวดร้าวที่เกิดขึ้นภายในใจ อยากให้เขาไปไกลๆ จากตรงนี้ ก่อ
อัลฟ่าวก้าวขายาวตามติดกอหญ้า เขาวิ่งเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอแล้ว“อย่าคิดหนี ไม่อายคนหรือไง!” เขาขึ้นเสียงเตือนสติเธอ กอหญ้าจึงมองไปรอบกายจำต้องหยุดนิ่ง มีคนมองมากที่พวกเธอจริง ๆทุกอย่างเป็นเพราะเขา!ถ้าเขาไม่กลั้นแกล้งเธอ ไล่วิ่งจับกันแบบนี้ คนอื่นเขาก็คงไม่มองมาแบบนี้แน่อ่ะ!คนบ้า เขามันบ้าที่สุด!“แล้วจะพาหญ้าไปไหน!” ในที่สุดเธอก็หยุดนิ่ง ไม่หนีเขาไปไหนอีก มือหนาจึงดึงรั้งข้อมือกอหญ้า กระชากพาเธอเดินไปพร้อมกันกับเขาในทันที“นี่!! ถ้าไม่บอก หญ้าไม่ไปด้วยนะ!” เธอรั้งตัวเองไว้ แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของอัลฟ่าได้! ร่างบางจึงเซถลาไปข้างหน้ากับเขา“ที่เธอทำกับฉัน คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ หรือไง!?” “…” แอบน่ากลัวนะ! เขาจะทำอะไรเธอหรือเปล่า…“คุณจะไม่ทำอะไรหญ้า?” เธอลองเชิงถามเขา กลัวว่าเขาจะพาเธอไปฆ่า ใบหน้า การกระทำที่อุกอาจแบบนี้ มันทำให้เธอนึกกลัวจริง ๆ“คิดว่าไงล่ะ?” กอหญ้าขบเม้มริมฝีปากคิดหนัก พยายามบิดข้อมือออกจากเขาอีกครั้ง “เข้าไป และอย่าดื้อ คนของฉันอยู่รอบกาย เธอหนีไปไหนไม่ได้หรอก!” ทว่าคำสั่งเสียงเข้มดังขึ้นเหนือหัว ทำให้เธอหยุดการกระทำทุกอย่างลง กอหญ้ามองรอบกาย ไม่เห็นมีใครส
บทที่ลวงใจเขายัดเยียด ตราหน้าเธอว่าเป็นเมียน้อย ไม่มีสิทธิ์แม้แต่แก้ต่างให้กับตัวเอง…“มึงพอเลย หยุดพูดถึงผู้หญิงคนนั้นสักทีเถอะ แค่นี้กูก็เบื่อยัยนั่นจะแย่อยู่แล้ว!” เสียงทุ้มของอัลฟ่าพูดกับญาติผู้น้องอย่างรามิล วันนี้มันนัดดื่มกับเขาที่ผับหรูกลางใจเมืองกรุงเทพ กว่ามันจะโผล่หน้ามาหาที่กรุงเทพได้ก็นานโข เขาจึงยอมรับนัดของมันในคืนนี้และไม่ว่าจะนานแค่ไหน มันก็ยังคงแซวถึงเรื่องที่เขาตามจีบกอหญ้า สาวธรรมดาคนหนึ่งที่เปิดร้านขายข้าวแกงในซอยสลัมซึ่งตอนนี้เขาคบกับเธอมาเกือบปีหนึ่งได้แล้วกระมัง“เบื่อเขา แล้วไปจีบไปคบกับเขาทำไม?” รามิลถามอัลฟ่า ญาติผู้พี่ของตนอย่างสงสัยใคร่รู้ ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับอัลฟ่า เขาไม่เคยเห็นมันจีบผู้หญิงคนไหน นอกจากผู้หญิงเหล่านั้นจะตามติด และเสนอตัวให้กับมันเองมันไม่จำเป็นต้องตามจีบพวกเธอเลยด้วยซ้ำ! แต่อัลฟ่าลงสนามด้วยตัวเองแบบนี้ มันจึงน่าแปลกใจอยู่บ้างในความคิดของเขา…อัลฟ่าถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ เขาเองก็เบื่อที่ต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่เขาก็ต้องจำใจหลอกจีบยัยเฉิ่มเชยนั่นจีบจนติด… จนตอนนี้ยังหาทางบอกเลิกเธอไม่ได้!“เพราะเธอเป็นเมียน้อยสาม
บทที่1เมื่ออีกคนเปลี่ยนไปแปะ~ แปะ แปะกลิ่นและหยดน้ำฝน ทำให้กอหญ้ายื่นมือออกมารองรับน้ำฝน ที่หยดแหมะลงบนฝ่ามือน้อยของเธอ สายตากลมโตเหม่อมองหยดน้ำหนึ่งดวงบนฝ่ามือก็ยกยิ้มขึ้นมันคล้ายหยดน้ำตาของเธอ…แววตา ริมฝีปากเล็กอวบอิ่มสั่นระริก แหงนมองสายฝนที่เริ่มหยาดหยดลงมาทีล่ะเม็ด คิดว่าอีกไม่นานมันคงเทกระหน่ำลงมาแน่ ๆ …พลันสายตาของเธอก็มองหาแท็กซี่สักคัน จนมีคันหนึ่งที่ผ่านมา… มือบางจึงโบกขึ้นทันทีกึก…แท็กซี่คันนั้นจอดลงแล้ว กอหญ้าจึงบอกสถานที่ที่จะไปต่อจากนี้ให้คนขับรับรู้ เมื่อลุงคนขับรับทราบแล้ว เธอจึงปล่อยตัวเองนั่งจมอยู่กับความคิดในใจอีกครั้งทุกอย่างผิดปกติไปจริง ๆ… เธอเฝ้าถามตัวเองว่าระหว่างทางเธอทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า ทำอะไรให้พี่ฟ่าไม่พอใจหรือไม่ เฝ้าวนเวียนถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายก็ไร้ซึ่งคำตอบ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด มีแต่เขาที่เปลี่ยนไป…นิ้วเรียวลองกดโทรออกหาเขาอีกครั้ง ปลายทางยังคงปิดเครื่อง…น้ำตาที่พยายามกลั้นเก็บเอาไว้ก็ไหลรินลงมา ลงมาพร้อมกับเสียงสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง ความคิด ความรู้สึกในตอนนี้คงเหมือนพายุสายฝนลูกนี้ที่ตกกระทบลงบนกระจกรถตอนนี้เธอรู้สึก
“อาจจะหมดโปรล่ะมั้งคะ” กอหญ้าไม่อยากให้แม่เครียดไปกับเธอ จึงเอ่ยออกมาแล้วยิ้มขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้“เขา?” “อยู่ ๆ ก็เงียบ ติดต่อไม่ได้ คนหาย ไลน์ก็ไม่ตอบ” กอหญ้าพูดติดตลก ทั้งที่ในใจแทบแตกสลายได้แล้ว“พี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่า…” นั่นสินะ… เขาเป็นอะไรหรือเปล่า…รอจนถึงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ถ้าเขายังไม่ติดต่อมา เธอจะไปหาเขาที่บริษัท เพราะเธอเคยไปหาอัลฟ่าที่บริษัทครั้งหนึ่งแล้ว เอาของที่เขาลืมไปให้ จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลยเขาบอกถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเขาที่บริษัทอีก เธอจึงเลือกที่จะเชื่อฟังและไม่ไปตามที่เขาบอก…ส่วนบ้านพ่อแม่ หรือที่ประจำที่เขาชอบไป อย่าพูดถึงเลย เธอเองก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยจริง ๆ“ไว้พรุ่งนี้หญ้าจะลองโทรหาพี่ฟ่าอีกครั้งค่ะ” “อืม ใจเย็น ๆ ใช้เหตุผลนะลูก อย่าใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ไม่งันความรักอาจจะจบลงง่าย ๆ โดยที่เราไม่สามารถยื้อมันไว้ได้” “ค่ะแม่” “ลูกอยากได้ผู้ชายเหมือนพ่อ ตอนนี้ลูกบอกแม่ว่าเขามีนิสัยเหมือนพ่อมาก ดังนั้นต้องรักษาเขาเอาไว้ให้ดีๆ นะ” “ค่ะแม่ …แต่ว่า” กอหญ้ารู้สึกดีว่าเขาอาจจะเบื่อเธอแล้ว อาจจะไม่รักเธอแล้ว และสักวันจุดจบมันก็ต้องมาถึง
บทที่2ความจริงปรากฏ เช้าวันต่อมา…กอหญ้าตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำกิจวัตรประจำวันของเธอ ในเวลาเช้ามืดที่ยังคงมีเสียงน้ำค้างจากสายฝนหยดลงกระทบบนหลังคา ร่างเล็กยังคงนั่งนิ่ง ๆ มือบางถือสมาร์ทโฟนเก่า ๆ ไว้ในมือด้วยอาการสั่นเทาด้วยเสียงสะอื้นทุกอย่างเงียบ เงียบจนใจของเธอรู้สึกปวดร้าว เบอร์โทรหรือแม้แต่ข้อความ ไร้วี่แววที่อัลฟ่าจะติดต่อกลับมา ทั้งที่เขาอ่านข้อความของเธอแล้วแท้ ๆ แต่เขาไม่คิดตอบกลับเธอสักข้อความเดียว…กอหญ้านั่งจ้องสมาร์ทโฟนของตัวเองนิ่ง ๆ อย่างไม่เข้าใจ พลันน้ำตาก็ไหลหยดลงมาที่หน้าจอมือถืออย่างไม่รู้ตัวตอนที่เห็นหยดน้ำตาที่หยาดริน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองร้องไห้แล้ว…กอหญ้ารีบสูดน้ำมูกขึ้นฟุดฟิด ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาออกไปอย่างลวก ๆ เธอไม่ควรร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เห็นค่าในความรักของเธอ…กอหญ้าคิดว่านี่คงเป็นความเปลี่ยนแปลงในรอบหนึ่งปี ความรักของเธอกับอัลฟ่าคงใกล้จบลงแล้วจริง ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเธอเพียงแค่อยากรู้ว่า เพราะอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้…หรือเขาเบื่อเธอที่มันเฉิ่มเฉย หรือว่าเขาเจอคนอื่นที่ถูกใจกว่า… หรือเขาไม่สบายใจอะไรเกี่ยวกับตัวเธอ วันนี้เธอตัดสินใจแล้วว่าจ