Share

บทที่4 คำกล่าวหาที่เป็นจริง 1/2

“พี่จะเลิกยุ่งกับเขา” น้ำอิงให้คำมั่น อย่างไรเสียตระกูลมาเวลลินก็ไม่ควรที่จะแตะต้องอยู่แล้ว เธอไม่ควรเสี่ยง...

“จริงๆ นะคะ” กอหญ้าบีบมือพี่สาว เงยมองพี่สาวด้วยแววตาจริงจัง เธอไม่อยากกลับไปเกี่ยวข้องกับอัลฟ่าอีกแล้ว และยิ่งไม่อยากพบเจอเขาอีก เธอเจ็บมามากพอแล้วจริง ๆ

“อืม…เดิมทีเราไม่ควรไปยุ่งกับเขาอยู่แล้ว คนตระกูลมาเวลลินอันตรายมาก พวกเขามีอิทธิพลเหลือล้น เป็นมาเฟียตระกูลใหญ่ด้วย ตอนนี้เขามาข่มขู่หญ้าแบบนี้ พี่ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้หญ้าเจอคนอันตรายแบบนั้น” น้ำอิงขอโทษกอหญ้าอีกครั้ง

"ต่อไปหญ้าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณอัลฟ่าอีกเข้าใจมั้ย?" น้ำอิงเอ่ยเตือน กอหญ้าสวยขนาดนี้ เธอกลัวว่าอัลฟ่าอาจจะสนใจกอหญ้าก็ได้ในอนาคต และหากรู้ความจริงขึ้นมา…

เธอกลัว...

"เราไม่ควรเกี่ยวพันกับตระกูลมาเวลลิน พวกเขาเป็นถึงมาฟียที่อันตราย สามารถฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาได้เลยนะ" น้ำอิงบอกเตือนน้องสาว กอหญ้าส่ายหน้า

เธอไม่มีวันเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแน่นอน...

"เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกอยู่แล้วค่ะ" กอหญ้าบอกพี่สาว น้ำอิงจึงยิ้มหยักหน้า

"ดีแล้ว..."

“อีกอย่างถ้าพี่เลิกกับเขาจริง ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก หญ้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร และหญ้าจะยอมถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยแทนพี่เอง โอเคมั้ยคะ?” กอหญ้าบอกกับพี่สาวของเธอ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้พี่สาวเลิกยุ่งกับกาศิต

ยังไงซะ ในเมื่ออัลฟ่าก็คิดว่าเธอเป็นเมียน้อยของกาศิตไปแล้ว ดังนั้นก็ปล่อยให้เขาเข้าใจไปแบบนั้นนั่นแหละ เขาจะไม่ได้มาหาเรื่องพี่สาวของเธอด้วยในอนาคต

“ขอบคุณ ขอบคุณหญ้ามาก ๆ” น้ำอิงขอบคุณน้องที่ช่วยปิดความลับนี้ให้กับเธอ

“พี่ต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านของเราด้วย เก็บกระเป๋าเดี๋ยวนี้เลย” เธอจะไม่ยอมให้น้ำอิงอยู่ที่นี่ต่อ น้ำอิงเองก็ยอมทำตามน้องสาว เรื่องที่เธอก่อเอาไว้ เธอพร้อมที่จะละทิ้งมันไว้ที่นี่…

“หญ้าไม่โกรธที่พี่ใช้ชื่อหญ้า?” อยู่ ๆ น้ำอิงก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง

“โกรธค่ะ หญ้าโกรธพี่มาก แต่หญ้ารักพี่สาวของหญ้ามากกว่า อะไรที่ให้อภัยกันได้ หญ้าก็ให้ได้ค่ะ” น้ำอิงได้ยินเช่นนี้ยิ่งรู้สึกผิด ยิ้มและดึงกอหญ้าเข้ามากอดเบา ๆ

"พี่ก็รักหญ้ามากๆ นะ" กอหญ้ายิ้ม ซบพี่สาวของเธอด้วยรักและเคารพ

กอหญ้าเดินเคียงข้างจูงมือพี่สาวของเธอออกจากคอนโดและพากันกลับบ้านทันที ต่อไปนี้เธอจะจับตาพี่สาวไว้ทุกฝีก้าว จะไม่ยอมให้พี่สาวของเธอไปมาหาสู่กับคนสารเลวคนนั้นอีก

และจะไม่มีวันให้อัลฟ่ามาดูถูกครอบครัวของเธออีกเด็ดขาด!

ต่อไปชีวิตของเธอกับเขาจะเป็นเพียงเส้นขนาน ไม่ยุ่งเกี่ยว ข้องแวะกันอีก…

ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว

ชีวิตอันสงบสุขของกอหญ้าก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หัวใจของเธอที่เคยปริแตก แตกสลายเพราะน้ำมือของอัลฟ่า ตอนนี้เธอกลับมามีเรี่ยวแรง ประกอบผสานกันแน่นหนาขึ้นเช่นเดิมแล้ว...

กอหญ้ายกยิ้มขึ้นเมื่อลูกค้าต่างทยอยกันเข้ามาในร้าน เธอตักกับข้าวตามคำสั่งของลูกค้า เดินเสิร์ฟช่วยพ่อแม่อย่างมีความสุข ทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม

ซึ่งส่วนพี่สาวของเธอยังคงทำงานเป็นนางแบบเช่นเดิม มีงานแทบทุกวัน หลังจากที่ตกลงกับพี่เรื่องของคุณกายแล้ว พี่สาวเธอก็ตัดขาดจากเขา ส่วนเธอกับอัลฟ่าก็เลิกกันถาวร ไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่จบความสัมพันธ์กันตอนนั้น

และความจริงอีกอย่างหนึ่งที่เธอได้รู้ อัลฟ่าไม่ได้เป็นพนักงานITเขาโกหกเธอมาโดยตลอดว่าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา

จริงๆ แล้วเขาสูงส่งเกินเอื้อม เขาเป็นเจ้าของบริษัทมาเวลลิน นามสกุลของเขาคือ มาเวลลิน แต่เขากลับโกหกเธอ! โกหกทุกอย่าง ที่ผ่านมาที่คบกันเป็นแฟน ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นจริงเลยสักเรื่อง

เหมือนเป็นแค่ความฝันหนึ่งของเธอ…

แต่มันก็ดีแล้วแหละ ที่สุดท้ายเรื่องของเราจบลงแบบนี้ และดีแล้วที่เขาสูงส่งเกินเอื้อมขนาดนั้น เพราะมันสามารถทำให้เธอตัดใจจากเขาได้ง่ายขึ้น! เธอย้ำเตือนตัวเองเสมอ ว่าเธอไม่เหมาะสมกับคนอย่างเขา เขาอันตรายเป็นถึงมาเฟีย หากไม่มีเรื่องเมียน้อย เธอคบเป็นแฟนกับเขาจริง ๆ ชีวิตที่เหลือคงเหมือนยืนอยู่บนเส้นด้าย จะตายตอนไหนก็ไม่รู้...

ถ้ารู้ว่าเขาเป็นถึงมาเฟีย เธอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาแน่นอน จะเดินผ่านไปเลยแม้แต่หน้าก็ไม่มีวันมองหรอก!

พี่น้ำบอกกับเธออีกว่า เบื้องหน้าเขาน่ะเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องประดับอัญมณียักษ์ใหญ่ แต่เบื้องหลังกลับทำธุรกิจสีเทา เป็นมาเฟียที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของตระกูลใหญ่หลายตระกูล

พี่สาวของเธอเป็นบอกเรื่องทุกอย่างของเขาให้กับเธอรู้ เธอจึงบอกกับพี่สาวว่าดีแล้ว ที่พี่เลิกยุ่งกับคุณกายได้

ครอบครัวเราจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวพัวพันกับพวกเขาอีก

“แล้วจะเอายังไงดี ร้านนี้เราก็เปิดมานานแล้ว แม้ว่าช่วงนี้จะขายไม่ค่อยได้กำไรเท่าที่ควร น้องก็คิดว่าอาจจะพอถูไถไปได้บ้างนะคะ” ร่างบางระหงกำลังก้าวเข้าไปในบ้าน ที่อยู่หลังร้านค้าขายข้าวแกง เธอได้ยินพ่อแม่กำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องร้าน เธอจึงยืนนิ่งแอบฟัง

“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไร แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละพี่ว่า” อดิศรพยายามปลอบใจเรือนรอง กอหญ้าพอรู้มาบ้างว่าตอนนี้ร้านขายข้าวแกงของพ่อแม่กำลังมีปัญหาในเรื่องขาดทุน ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เธอไม่อยากคิดอคติกล่าวหาว่าอัลฟ่าคิดจะแกล้งกันอีก แต่เธออาจจะคิดมากไป เพราะพี่สาวของเธอก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับกาศิตอีก เขาจะมาแกล้งพวกเราอีกทำไม...

กอหญ้าแค่ได้ยินมาว่ามีลูกค้าพูดปากต่อปากว่าอาหารของร้านไม่สะอาด ทั้งที่เธอก็ตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา และมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาพูดเลย

เรื่องนี้มันทำให้เธอแอบคิดมาก เธอกลัวว่าอัลฟ่ากำลังเตือนอะไรเธอหรือเปล่า...

“พ่อกับแม่นิสัยไม่ดีเลยนะคะ…” กอหญ้าตัดสินใจเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ทันที พลางทำหน้าย่น คุกเข่านั่งพับเพียงเกาะขาออดอ้อนท่านทั้งสอง

มือบางของเรือนรองจึงลูบหัวทุยของลูกสาวอย่างอ่อนโยน

“มีอะไรหืม?” เรือนรองเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

“ยังมาถามหนูอีกว่าหนูมีอะไร ร้านข้าวแกงมีปัญหา พ่อกับแม่ไม่คิดบอกหญ้าเลยเหรอคะ” เรือนรองและอดิศรต่างมองหน้ากันแล้วยิ้ม

หูตาไวจริงเชียวเจ้าลูกคนนี้

"มันก็แค่ช่วงนี้ ของราคาขึ้นก็ขาดทุนบ้างเป็นธรรมดา เงินเก็บของพวกเราก็พอมีอยู่นะ แม่เลยคิดว่ามันยังไม่ถึงทางตันขนาดนั้น จึงยังไม่ปรึกษาลูกให้เครียดไปด้วยกัน”

“แต่เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ” กอหญ้าทำปากยื่น งอนๆ พ่อกับแม่ อดิศรจึงส่ายหน้า

“ตอนนี้รู้แล้วไง จะทำอะไรได้หืม?”

“อืม หนูว่าจะหาทำงานพาร์ทไทน์ค่ะ” กอหญ้ายิ้ม อย่างน้อยทำงานช่วงตอนเย็นหลังจากปิดร้านมันก็ดีอยู่นะ หารายได้ได้หลายทางด้วย

“ลำบาก พ่อกับแม่อยากให้เราช่วยกันที่ร้านก็พอ” อดิศรว่า

“ไม่ลำบากเลย หนูทำได้ค่ะ เชื่อหนูนะคะ” กอหญ้าออดอ้อนอีกครั้งจนเรือนรองและอดิศรใจอ่อน

“ก็ได้ งันพ่อให้เราทำช่วงที่ร้านมีปัญหา พอร้านเริ่มดีขึ้นค่อยเลิกทำงานพาร์ทไทม์ก็แล้วกัน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยยื่นข้อเสนอ กอหญ้ารีบพยักหน้าหงึกงักทันที

“เฮ้อเจ้าลูกจอมแสบ” กอหญ้ายิ้มแฉ่งจนตาหยี อดิศร เรือนรอง ลูบหัวทุยของกอหญ้าอย่างภูมิใจ พวกเธอดีใจที่เลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาอย่างดี มีจิตใจอ่อนโยน เป็นคนดี ย่อมต้องภูมิใจมาก ๆ อยู่แล้ว

ส่วนกอหญ้าซบลงที่ตักของแม่ แววตาสั่นระริกคิดหนัก เธอหวังเพียงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับร้าน มันจะไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่คิด...

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status