บทที่5
ตอแย
หลังจากที่ออดอ้อนพ่อแม่แล้ว กอหญ้าก็กลับเข้าห้องนอนของเธอ กอหญ้ากระโดดขึ้นเตียงนอน เปิดจอสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าค้นหางานพาร์ทไทม์ที่ทำได้ช่วงเวลาเย็น ซึ่งงานที่น่าสนใจมาก ทำเพียงไม่กี่ชั่วโมงเป็นงานแจกใบปลิว ได้ค่าตอบแทนที่โอเคสำหรับเธอมากอยู่
กอหญ้าจึงลองลงทะเบียนสมัครงานไป และไม่นานสมาร์ทโฟนราคาถูกของเธอก็สั่นขึ้นด้วยเสียงเรียกเข้า
ครืดด~
นิ้วเรียวรีบกดรับทันที ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้…
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณ 'กอหญ้า บรรทัดศร' ใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ”
“เราจากสำนักงานแจกใบปลิวนะคะ เล็งเห็นความสามารถของคุณ สามารถมาสัมภาษณ์งานและเริ่มงานได้เลยมั้ยคะ”
“ได้ค่ะ!” กอหญ้าตอบตกลงทันที เธอกระโดดบนที่นอนด้วยความตื่นเต้น วันนี้เธอได้งานทำในทันทีที่สมัคร ถือว่าดวงดีมากจริง ๆ น่ะเนี่ย…
กอหญ้ายิ้มกริ่ม วางสายแล้วจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้เธออยู่ในชุดสุภาพเรียบร้อย กอหญ้ารวบผมมัดขึ้น สำรวจว่าตนโอเคแล้ว จึงรีบวิ่งลงบันไดไปหาพ่อกับแม่ทันที
“พ่อขาแม่ขา หนูได้งานแล้ว” กอหญ้าตะโกนบอกพ่อกับแม่ลั่นบ้านด้วยความดีใจ “วันนี้หนูกลับดึกๆ นะคะ” เรือนรองขมวดคิ้ว ลูกสาวเพิ่งขึ้นห้องไป กลับลงมาอีกทีก็จะไปทำงานแล้ว อะไรจะไวปานนั้น…
“อะไรกันยัยหญ้า ได้งานไวขนาดนั้นเชียว?” เรือนรองเอ่ยถามลูก ส่วนอดิศรไม่อยู่ เพิ่งออกไปซื้อของที่ตลาดเมื่อครู่…
“ค่าไวมากเลย แม่ดีใจกับหนูมั้ย" กอหญ้าดีใจกุมมือแม่กระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก เรือนรองส่ายหน้ากับความซนนี้ของลูกสาว
"ดีใจจ้ะ" เรือนรองบีบมือกอหญ้าเบา ๆตาม
"งันหนูไปก่อนนะคะ เดี๋ยวสาย” กอหญ้าว่า เธอไม่เห็นพ่อก็พอรู้ว่าพ่อคงไปตลาดแล้ว…
“ค่อยๆ ไป อย่ารีบหนักล่ะ” เรือนรองเอ่ยตามหลังกอหญ้าที่วิ่งหน้าตั้งออกจากบ้านไป เธอมองตามหลังลูกสาวพลางส่ายหน้า
“อ้าว… ยัยหญ้าจะไปไหน?” น้ำอิงมาถึงบ้านพอดี กอหญ้าจึงหยุดทักทายพี่สาว
“หวัดดีค่ะ หญ้าจะไปทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ”
“อ่อ…งานอะไร?”
“แจกใบปลิวค่ะ หญ้าไปก่อนนะคะเดี๋ยวสาย” น้ำอิงยังไม่ทันที่จะซักไซ้ถามถึงงานเท่าไร น้องสาวตัวดีก็รีบวิ่งขอตัวออกจากไปบ้านไปเสียแล้ว
“อ้าว… เฮ้อ~ ยัยหญ้านะยัยหญ้า” น้ำอิงยิ้ม ๆ พลางส่ายหัวเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นผู้เป็นแม่กำลังเตรียมน้ำขนมว่างให้กับเธอ
“กลับมาแล้วเหรอน้ำ มาแม่เตรียมน้ำกับขนมไว้ให้”
“ขอบคุณค่ะแม่” น้ำอิงนั่งลงบนเก้าอี้พลางนั่งทานขนมอบที่แม่ทำให้
“อร่อยเหมือนเดิม” เรือนรองยิ้ม พลางนั่งลงข้าง ๆ กับลูกสาว เธอมักจะชอบมองเด็ก ๆ นั่งทานขนมว่างที่เธอทำ ซึ่งเธอทำแบบนี้มาเนิ่นนานตั้งแต่ลูก ๆ ยังเล็ก ๆ จนตอนนี้โตเป็นสาว เธอก็ยังทำมันจนติดเป็นนิสัยไปเสียแล้ว
“แล้วพ่อล่ะคะ” น้ำอิงถามทั้งที่เคี้ยวขนมในปากจนแก้มป่อง
“ออกไปซื้อของน่ะ เดี๋ยวก็กลับ”
“แล้วยัยหญ้าละคะ คิดยังไงหางานทำ ที่ร้านมีปัญหาหรือเปล่า ถ้ามีแม่บอกน้ำได้นะคะ”
“ไม่มีหรอกจ้ะ น้องสาวลูกน่ะ อยากทำงานพาร์ทไทม์ช่วงเย็น เห็นว่าไม่นานเดี๋ยวก็ลาออกแล้ว…”
“อ่อ ค่ะ แต่ถ้ามีปัญหาอย่าเก็บกันนะคะ ให้น้ำช่วยพ่อกับแม่บ้าง” น้ำอิงยิ้มมองแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กด้วยความรัก เรือนรองจึงลูบหัวลูกสาวคนโตของเธออย่างปลอบโยน
“ไม่มีหรอกจ้ะ ถ้ามี แม่จะบอกเรานะ” ตอนนี้ร้านไม่ใช่ว่าจะถึงขั้นวิกฤต เธอกับสามียังประคับประคองต่อไปได้ อีกอย่างยัยหญ้าก็ช่วย ดังนั้นเรื่องนี้เธอจึงยังไม่อยากรบกวนน้ำอิง น้ำอิงเป็นนางแบบก็จริงแต่ก็ต้องมีเงินไว้เพื่อตัวเอง เธอจึงยังไม่คิดรบกวนหยิบยืมเงินของลูก
“ค่ะ งันน้ำไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
"จ้ะ” น้ำเก็บจานขนมที่เธอทานหมดไปล้างและเก็บเข้าที่ ก่อนจะขึ้นห้องทิ้งเรือนรองที่นั่งยิ้มมีความสุขกับการที่เห็นความสำเร็จของลูกสาว และเป็นเด็กดีตามที่เธอต้องการ
ทางด้านกอหญ้ามาถึงสำนักงานแล้ว งานแรกของเธอคือการแจกใบปลิวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง กอหญ้าได้เดินทางมาถึงที่หน้าห้างแล้ว เธอก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆเพื่อให้กำลังใจตัวเองในงานแรกของเธอ เธอจะทำให้ดีที่สุด! ดวงหน้าหวานเงยมองตึกสูงตั้งตระหง่านตรงหน้าแล้วยิ้มให้กำลังใจตัวเองทันที
ฮึบ!
ไฟท์ติ้ง!!
การแจกใบปลิวครั้งนี้มีเพียงสามร้อยใบ และต้องแจกให้หมดในเวลาสามชั่วโมง ค่าตอบแทน สามร้อยบาทต่อวัน หากแจกไม่หมดหักตามที่คงเหลือ
กอหญ้าคิดว่าตัวเองทำได้…
“สู้ๆ” ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา แค่ลงมือทำ เธอก็จะได้เงินแล้ว!
ร่างบอบบางมุ่งตรงเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่างมุ่งมั่น จากนั้นจึงเริ่มแจกใบปลิวของคลินิกเสริมความงามที่เปิดอยู่ในห้างแห่งนี้
กอหญ้าเดินแจกใบปลิวทั้งมีคนรับและไม่รับ ซึ่งมันทำให้ใบปลิวเหลือเยอะกว่าที่คาดการณ์เอาไว้!
ถ้าเธอแจกแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่!
กอหญ้าตัดสินใจที่จะกลับไปที่หน้าห้างอีกครั้ง เพราะยามเย็นลูกค้ามักเดินจะเล่นกันอยู่หน้าห้างกันมากมาย ตอนนี้แหละที่เธอจะมีโอกาสแจกใบปลิวให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด!
กอหญ้าเดินแจกใบปลิวอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เธอยื่นใบปลิวให้กับทุกคนที่เดินผ่านด้วยรอยยิ้มหวาน การแจกใบปลิวเริ่มทำให้กอหญ้ารู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้น เมื่อมีคนรับใบปลิวของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ“เสริมความงามให้กับตัวเรา ด้วยคลินิกนิวเจน บนชั้นสองได้เลยนะคะ” กอหญ้าก้มหน้ายิ้มให้กับผู้คนที่รับใบปลิวจากเธอตอนนี้เธอแจกใบปลิวได้เกือบครึ่งทางแล้ว กับเวลาที่เหลืออีกไม่มาก…“อีกนิดเดียว…” กอหญ้าเอ่ยให้กำลังใจตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเงยทอดมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดดำ“ฟ้ามืดอีกแล้ว… ต้องรีบแจกแล้วล่ะ!” กอหญ้ารีบสาวเท้าวนเวียนแจกใบปลิวอยู่หน้าห้าง ทว่าความเร่งรีบทำให้เธอไม่ทันระวัง ถูกชายชราคนหนึ่งเดินชนเข้ากับไหล่บางจนเธอล้มลงกับพื้น“อ่ะ!”ตุบ!“เกะกะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!” เป็นผู้ชายสูงวัย เขาเดินชนเธอจนล้
บทที่6การกระทำที่ตรงกันข้าม“กลัวตายก็อย่าปากเก่งอีก!” กอหญ้ากะพริบตาปริบ ๆ มองเขาด้วยหัวใจที่แตกสลาย เธอทำอะไรเขาไม่ได้และเขาก็ออกหน้า รังเกียจ เกลียดกันขนาดนั้น เธอเชื่อว่าเขากล้าที่จะกำจัดเธอให้พ้นทาง ให้พ้นสายตาของเขาแน่ หากเขาคิดจะทำ!“ค่ะ ฉันมันไม่เจียมตัวปากเก่งเอง ดังนั้นคุณปล่อยฉันได้หรือยัง” สายตากลมโตมองมือหนา ที่ยังคงจับแขนเรียวของเธอเอาไว้แน่น รอยยิ้มร้ายยกขึ้นมุมปาก มองคนที่ทำเป็นอวดเก่งด้วยแววตาแสนเย็นชาและนึกสนุก“ได้สิ ฉันปล่อยเธอแน่!” ตูมซ่า~เพียงพริบตาเดียว ร่างบางก็มือหนาเหวี่ยงลงไปในสระน้ำพุ กลางลานห้างสรรพสินค้า! กอหญ้าพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำ ดีที่น้ำไม่ลึกเท่าไหร่ เธอจึงพยุงตัวยืนอยู่กลางสระได้“…แต่ปล่อยเธอลงไปในนั้นนะ! จะได้ล้างสิ่งสกปรกในตัวออกไปบ้าง จะได้ไม่น่ารังเกียจสกปรกแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้!” อัลฟ่าเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา เขาย่อตัวคุกเข่าข้างเดียว มองเธอที่ยืนมองเขาอยู่กลางสระน้ำด้วยแววตาที่แสนเจ็บปวดรู้สึกดีที่ได้เห็นมัน…“พอใจคุณแล้วใช่มั้ย พอใจแล้วก็เชิญค่ะ” กอหญ้าชี้นิ้วไล่เขาด้วยความรวดร้าวที่เกิดขึ้นภายในใจ อยากให้เขาไปไกลๆ จากตรงนี้ ก่อ
อัลฟ่าวก้าวขายาวตามติดกอหญ้า เขาวิ่งเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอแล้ว“อย่าคิดหนี ไม่อายคนหรือไง!” เขาขึ้นเสียงเตือนสติเธอ กอหญ้าจึงมองไปรอบกายจำต้องหยุดนิ่ง มีคนมองมากที่พวกเธอจริง ๆทุกอย่างเป็นเพราะเขา!ถ้าเขาไม่กลั้นแกล้งเธอ ไล่วิ่งจับกันแบบนี้ คนอื่นเขาก็คงไม่มองมาแบบนี้แน่อ่ะ!คนบ้า เขามันบ้าที่สุด!“แล้วจะพาหญ้าไปไหน!” ในที่สุดเธอก็หยุดนิ่ง ไม่หนีเขาไปไหนอีก มือหนาจึงดึงรั้งข้อมือกอหญ้า กระชากพาเธอเดินไปพร้อมกันกับเขาในทันที“นี่!! ถ้าไม่บอก หญ้าไม่ไปด้วยนะ!” เธอรั้งตัวเองไว้ แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของอัลฟ่าได้! ร่างบางจึงเซถลาไปข้างหน้ากับเขา“ที่เธอทำกับฉัน คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ หรือไง!?” “…” แอบน่ากลัวนะ! เขาจะทำอะไรเธอหรือเปล่า…“คุณจะไม่ทำอะไรหญ้า?” เธอลองเชิงถามเขา กลัวว่าเขาจะพาเธอไปฆ่า ใบหน้า การกระทำที่อุกอาจแบบนี้ มันทำให้เธอนึกกลัวจริง ๆ“คิดว่าไงล่ะ?” กอหญ้าขบเม้มริมฝีปากคิดหนัก พยายามบิดข้อมือออกจากเขาอีกครั้ง “เข้าไป และอย่าดื้อ คนของฉันอยู่รอบกาย เธอหนีไปไหนไม่ได้หรอก!” ทว่าคำสั่งเสียงเข้มดังขึ้นเหนือหัว ทำให้เธอหยุดการกระทำทุกอย่างลง กอหญ้ามองรอบกาย ไม่เห็นมีใครส
บทที่ลวงใจเขายัดเยียด ตราหน้าเธอว่าเป็นเมียน้อย ไม่มีสิทธิ์แม้แต่แก้ต่างให้กับตัวเอง…“มึงพอเลย หยุดพูดถึงผู้หญิงคนนั้นสักทีเถอะ แค่นี้กูก็เบื่อยัยนั่นจะแย่อยู่แล้ว!” เสียงทุ้มของอัลฟ่าพูดกับญาติผู้น้องอย่างรามิล วันนี้มันนัดดื่มกับเขาที่ผับหรูกลางใจเมืองกรุงเทพ กว่ามันจะโผล่หน้ามาหาที่กรุงเทพได้ก็นานโข เขาจึงยอมรับนัดของมันในคืนนี้และไม่ว่าจะนานแค่ไหน มันก็ยังคงแซวถึงเรื่องที่เขาตามจีบกอหญ้า สาวธรรมดาคนหนึ่งที่เปิดร้านขายข้าวแกงในซอยสลัมซึ่งตอนนี้เขาคบกับเธอมาเกือบปีหนึ่งได้แล้วกระมัง“เบื่อเขา แล้วไปจีบไปคบกับเขาทำไม?” รามิลถามอัลฟ่า ญาติผู้พี่ของตนอย่างสงสัยใคร่รู้ ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับอัลฟ่า เขาไม่เคยเห็นมันจีบผู้หญิงคนไหน นอกจากผู้หญิงเหล่านั้นจะตามติด และเสนอตัวให้กับมันเองมันไม่จำเป็นต้องตามจีบพวกเธอเลยด้วยซ้ำ! แต่อัลฟ่าลงสนามด้วยตัวเองแบบนี้ มันจึงน่าแปลกใจอยู่บ้างในความคิดของเขา…อัลฟ่าถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ เขาเองก็เบื่อที่ต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่เขาก็ต้องจำใจหลอกจีบยัยเฉิ่มเชยนั่นจีบจนติด… จนตอนนี้ยังหาทางบอกเลิกเธอไม่ได้!“เพราะเธอเป็นเมียน้อยสาม
บทที่1เมื่ออีกคนเปลี่ยนไปแปะ~ แปะ แปะกลิ่นและหยดน้ำฝน ทำให้กอหญ้ายื่นมือออกมารองรับน้ำฝน ที่หยดแหมะลงบนฝ่ามือน้อยของเธอ สายตากลมโตเหม่อมองหยดน้ำหนึ่งดวงบนฝ่ามือก็ยกยิ้มขึ้นมันคล้ายหยดน้ำตาของเธอ…แววตา ริมฝีปากเล็กอวบอิ่มสั่นระริก แหงนมองสายฝนที่เริ่มหยาดหยดลงมาทีล่ะเม็ด คิดว่าอีกไม่นานมันคงเทกระหน่ำลงมาแน่ ๆ …พลันสายตาของเธอก็มองหาแท็กซี่สักคัน จนมีคันหนึ่งที่ผ่านมา… มือบางจึงโบกขึ้นทันทีกึก…แท็กซี่คันนั้นจอดลงแล้ว กอหญ้าจึงบอกสถานที่ที่จะไปต่อจากนี้ให้คนขับรับรู้ เมื่อลุงคนขับรับทราบแล้ว เธอจึงปล่อยตัวเองนั่งจมอยู่กับความคิดในใจอีกครั้งทุกอย่างผิดปกติไปจริง ๆ… เธอเฝ้าถามตัวเองว่าระหว่างทางเธอทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า ทำอะไรให้พี่ฟ่าไม่พอใจหรือไม่ เฝ้าวนเวียนถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายก็ไร้ซึ่งคำตอบ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด มีแต่เขาที่เปลี่ยนไป…นิ้วเรียวลองกดโทรออกหาเขาอีกครั้ง ปลายทางยังคงปิดเครื่อง…น้ำตาที่พยายามกลั้นเก็บเอาไว้ก็ไหลรินลงมา ลงมาพร้อมกับเสียงสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง ความคิด ความรู้สึกในตอนนี้คงเหมือนพายุสายฝนลูกนี้ที่ตกกระทบลงบนกระจกรถตอนนี้เธอรู้สึก
“อาจจะหมดโปรล่ะมั้งคะ” กอหญ้าไม่อยากให้แม่เครียดไปกับเธอ จึงเอ่ยออกมาแล้วยิ้มขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้“เขา?” “อยู่ ๆ ก็เงียบ ติดต่อไม่ได้ คนหาย ไลน์ก็ไม่ตอบ” กอหญ้าพูดติดตลก ทั้งที่ในใจแทบแตกสลายได้แล้ว“พี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่า…” นั่นสินะ… เขาเป็นอะไรหรือเปล่า…รอจนถึงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ถ้าเขายังไม่ติดต่อมา เธอจะไปหาเขาที่บริษัท เพราะเธอเคยไปหาอัลฟ่าที่บริษัทครั้งหนึ่งแล้ว เอาของที่เขาลืมไปให้ จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลยเขาบอกถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเขาที่บริษัทอีก เธอจึงเลือกที่จะเชื่อฟังและไม่ไปตามที่เขาบอก…ส่วนบ้านพ่อแม่ หรือที่ประจำที่เขาชอบไป อย่าพูดถึงเลย เธอเองก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยจริง ๆ“ไว้พรุ่งนี้หญ้าจะลองโทรหาพี่ฟ่าอีกครั้งค่ะ” “อืม ใจเย็น ๆ ใช้เหตุผลนะลูก อย่าใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ไม่งันความรักอาจจะจบลงง่าย ๆ โดยที่เราไม่สามารถยื้อมันไว้ได้” “ค่ะแม่” “ลูกอยากได้ผู้ชายเหมือนพ่อ ตอนนี้ลูกบอกแม่ว่าเขามีนิสัยเหมือนพ่อมาก ดังนั้นต้องรักษาเขาเอาไว้ให้ดีๆ นะ” “ค่ะแม่ …แต่ว่า” กอหญ้ารู้สึกดีว่าเขาอาจจะเบื่อเธอแล้ว อาจจะไม่รักเธอแล้ว และสักวันจุดจบมันก็ต้องมาถึง
บทที่2ความจริงปรากฏ เช้าวันต่อมา…กอหญ้าตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำกิจวัตรประจำวันของเธอ ในเวลาเช้ามืดที่ยังคงมีเสียงน้ำค้างจากสายฝนหยดลงกระทบบนหลังคา ร่างเล็กยังคงนั่งนิ่ง ๆ มือบางถือสมาร์ทโฟนเก่า ๆ ไว้ในมือด้วยอาการสั่นเทาด้วยเสียงสะอื้นทุกอย่างเงียบ เงียบจนใจของเธอรู้สึกปวดร้าว เบอร์โทรหรือแม้แต่ข้อความ ไร้วี่แววที่อัลฟ่าจะติดต่อกลับมา ทั้งที่เขาอ่านข้อความของเธอแล้วแท้ ๆ แต่เขาไม่คิดตอบกลับเธอสักข้อความเดียว…กอหญ้านั่งจ้องสมาร์ทโฟนของตัวเองนิ่ง ๆ อย่างไม่เข้าใจ พลันน้ำตาก็ไหลหยดลงมาที่หน้าจอมือถืออย่างไม่รู้ตัวตอนที่เห็นหยดน้ำตาที่หยาดริน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองร้องไห้แล้ว…กอหญ้ารีบสูดน้ำมูกขึ้นฟุดฟิด ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาออกไปอย่างลวก ๆ เธอไม่ควรร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เห็นค่าในความรักของเธอ…กอหญ้าคิดว่านี่คงเป็นความเปลี่ยนแปลงในรอบหนึ่งปี ความรักของเธอกับอัลฟ่าคงใกล้จบลงแล้วจริง ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเธอเพียงแค่อยากรู้ว่า เพราะอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้…หรือเขาเบื่อเธอที่มันเฉิ่มเฉย หรือว่าเขาเจอคนอื่นที่ถูกใจกว่า… หรือเขาไม่สบายใจอะไรเกี่ยวกับตัวเธอ วันนี้เธอตัดสินใจแล้วว่าจ
กอหญ้าเลือกที่จะนั่งอยู่ด้านนอกร้าน เธอสั่งเพียงน้ำและเค้กมาทานเพื่อเฝ้าดูอัลฟ่าที่กำลังนั่งไขว่ห้างคุยกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ หากให้เดาคงเป็นเพื่อนของเขา…ไม่มีผู้หญิงอย่างที่เธอแอบคิด… แต่ทำไมเขาถึงได้เมินเฉยกับเธอขนาดนี้นะ…กอหญ้าเม้มริมฝีปากนึกทบทวน จวบจนอัลฟ่าเดินไปข้างๆ ร้าน เธอจึงแอบตามไปเงียบ ๆ จนถึงจุดที่เขาและผู้ชายอีกคนยืนสูบบุหรี่สนทนากันอยู่…กอหญ้าแอบพิงกำแพงแอบฟังเงียบ ๆ แอบฟังพวกเขาคุยกัน เธออยากจะรู้ว่าอัลฟ้าจะสนทนาอะไรกับเพื่อนของเขาบ้าง อาจจะมีเรื่องของเธอบ้างก็ได้...“งานไปถึงไหนแล้วที่เกาะ” “ก็ดี เพาะพันธุ์ไข่มุกสวย ๆ ได้เรื่อย ๆ” “แล้วโรงแรม?” “ก็ไปได้ดี” “ไม่มีอะไรผิดปกติแน่นะ?” ผู้ชายอีกคนเอ่ยถาม เสียงกระซิบเสียมากกว่า“ถ้ามึงหมายถึงสายลับ ไม่มีทางที่พวกมันจะเข้าไปได้ เกาะกูไม่มีทางปล่อยผ่านง่ายๆ นอกจากจะเป็นพวกสายลับของพวกมึงที่จับได้ แล้วเอามาทิ้งขว้างให้คนของกูทรมานเล่น” เกาะของเขา…หมายถึงอะไร? อัลฟ่ามีเกาะส่วนตัวด้วยเหรอ…“ก็ดี ส่วนกาสิโนกูลักลอบเข้ามาเยอะจัด แต่ก็นะ ไม่มีทางรอดสายตากูได้สักคน” มาร์ตินอวยตัวเอง“ก็ดีแล้ว ถ้ามึงปล่อยมาสืบความลับของตระกูลมึ