“แม่บ้านฉันพึ่งลาออกเห็นว่าจะไปเลี้ยงหลานฉันลองหาแล้วแต่ไม่มีใครมาสมัครก็ต้องทำเองไปก่อน”
ภูผาพยายามอยู่ที่จะหาคนมาทำงานแต่ที่นี่ค่อนข้างหายากนิดนึงเพราะเป็นต่างจังหวัดส่วนมากคนพื้นที่ก็จะทำไร่ทำนาหรือทำกิจการของตนเองกันหมด
13.00 น.
“หัวหน้าเรียกป้ามามีอะไรหรือเปล่าคะ”
น้ำทิพย์แม่บ้านวัยห้าสิบเข้ามาในห้องของภูผาเพราะเห็นว่าชายหนุ่มเรียกพบ
“ช่วงเย็นป้าทิพย์พอจะว่างไหมครับพอดีผมอยากให้ป้าไปทำงานบ้านให้ผมหน่อยผมมีเงินค่าจ้างให้ครั้งละ500ครับ”
ภูผาเห็นว่าหาแม่บ้านประจำมันยากเหลือเกินเขาก็จะลองถามจากคนที่ทำงานดูว่าอยากจะทำงานพิเศษหรือเปล่าเรื่องเงินเขาให้เต็มวันเลยเพราะจะให้เขามาทำงานบ้านเองคงไม่เรียบร้อยเท่าผู้หญิงทำอีกอย่างบางวันที่เขาไม่ได้กลับก็ไม่มีคนดูแลบ้านด้วย
“ป้าก็อยากไปนะคะ...แต่ช่วงเย็นป้าก็ต้องกลับไปดูแลบ้านทำกับข้าวให้ผัวกับลูกอีก”
น้ำทิพย์เองก็อยากจะได้เงินพิเศษอยู่หรอกแต่ภาระที่บ้านเธอก็ต้องกลับไปดูแลนี่น่ะสิ
“อ๋อ...งั้นไม่เป็นไรครับ”
ภูผาพยักหน้าเข้าใจแต่ก็แอบเสียดายเล็กน้อยเพราะน้ำทิพย์ทำงานดีมาก
“เอ่อ...หัวหน้าหาแม่บ้านอยู่เหรอคะลองถามหนูพระพายที่อยู่แผนกธุรการดูสิคะเห็นว่าเธอก็รับงานพิเศษหลังเลิกงานอยู่เหมือนกันเธอขยันนะคะเห็นว่างานอะไรเธอก็ทำได้หมดเลย”
น้ำทิพย์เห็นว่ามีอีกคนที่น่าจะรับงานนี้ได้เลยเสนอให้ชายหนุ่มได้ลองไปถามดู
“พระพายเหรอครับ”
ภูผาไม่ค่อยคุ้นชินกับชื่อนี้เท่าไรจึงทำหน้าสงสัยครุ่นคิดว่าที่นี่มีคนชื่อนี้ทำงานด้วยหรือ
“ค่ะ...หัวหน้าน่าจะไม่ค่อยเจอเธอเพราะออกแต่ข้างนอกเธอพึ่งมาทำงานได้ประมาณสามเดือนเองค่ะเด็กคนนี้ขยันมากเลยนะคะ”
น้ำทิพย์รู้ว่าทำไมชายหนุ่มทำหน้าแบบนั้นเพราะส่วนมากหัวหน้าของเธอจะไม่ค่อยได้เข้ากรมเท่าไรส่วนมากก็จะสำรวจอะไรต่ออะไรด้านนอกมากกว่า
“เดี๋ยวผมจะลองคุยกับเธอดูนะครับ....ขอบคุณครับป้าทิพย์”
ภูผาพยักหน้ารับปากน้ำทิพย์อีกเดี๋ยวเขาคิดว่าจะลองเรียกหญิงสาวที่ชื่อพระพายมาคุยดู
ชั่วโมงต่อมา
ก็อกๆๆ
“เข้ามาได้ครับ”
ภูผาได้ยินเสียงเคาะประตูก็รู้ว่าคนที่เขาเรียกให้มาพบน่าจะมาแล้วจึงอนุญาตให้เปิดประตูเข้ามาได้
“หัวหน้าเรียกพายมีเรื่องอะไรเหรอคะ”
พระพายร้อนๆหนาวๆเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็มีคนไปบอกเธอว่าหัวหน้าเรียกพบเธอพึ่งจะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่เท่าไรเองหวังว่าจะไม่โดนตำหนิเรื่องอะไรนะ
พระพายเคยเห็นชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากรมที่นี่ไม่กี่ครั้งตั้งแต่ทำงานมาเพราะเธอรู้ว่าส่วนมากหัวหน้ากรมที่นี่ชอบลุยงานข้างนอกมากกว่าแต่เธอก็รู้ว่าเขาค่อนข้างสุขุมและเป็นที่ยำเกรงของคนที่นี่
“คุณรับงานพิเศษหลังเลิกงานได้ใช่ไหม”
ภูผาเงยหน้ามองสาวน้อยตรงหน้าพร้อมยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรพร้อมถามถึงเรื่องที่เขาจะให้เธอไปทำงานพิเศษทันทีเพราะหากเธอตอบตกลงเขาก็จะให้เธอเริ่มงานเย็นนี้เลย
“รับค่ะแต่ว่าไอ้งานพิเศษที่หัวหน้าว่ามันคืออะไรเหรอคะ”
พระพายอยากได้งานพิเศษอยู่แล้วเพราะเธอออกจากผับนั่นเธอก็ยังหางานพิเศษไม่ได้แต่เธอก็ต้องถามก่อนว่าไอ้งานพิเศษที่ว่านั่นมันคืออะไร
“อ๋อ...ป้าทิพย์บอกผมว่าคุณรับงานพิเศษหลังเลิกงานคือผมจะให้คุณไปทำงานบ้านให้ผมหน่อยพอดีแม่บ้านผมลาออกกะทันหันผมให้ครั้งละ500”
“โห...รับค่ะ”
พระพายถึงกับตาโตเรื่องงานบ้านเธอไม่เกี่ยงเลยสักนิดแถมทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงินเหมือนทำงานทั้งวันอีกต่างหากแบบนี้เธอไม่รับก็บ้าแล้ว
“ดีครับ...งั้นเริ่มเย็นนี้เลยนะเดี๋ยวคุณกลับพร้อมผมทำงานเสร็จแล้วผมจะไปส่งที่บ้าน”
ภูผาโล่งอกที่เขาได้คนไปทำงานบ้านเสียทีไม่อย่างนั้นเขาคงจะเหนื่อยงานพอแล้วไหนยังต้องเหนื่อยกับการจัดการงานบ้านอีก
“ได้ค่ะหัวหน้าขอบคุณนะครับ”
พระพายรีบยกมือขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้าเธอยกใหญ่ที่ให้เอได้งานได้เงินพิเศษเพิ่มมาอีก
“ครับ...ขอบคุณเช่นกันที่รับงานผม”
ภูผาอมยิ้มให้กับอาการดีใจของเธอเขาต่างหากที่ควรขอบคุณเธอที่ยอมมาทำงานให้เขา
15.00 น.
Rrrrrrrrr
“ว่าไง”
ภูผากำลังนั่งตรวจงานอยู่ในห้องของเขาอย่างเพลินๆเมื่อเพื่อนของเขาโทรมาจึงละจากงานไปรับสายทันที
“ฉันต้องกลับบ้านด่วนคุณพ่อเข้าโรงพยาบาล”
เหนือเมฆได้รับข่าวมาจากแม่เลียงของเขาก็ต้องีบเตรียมตัวกลับอย่างกะทันหัน
“ท่านเป็นยังไงบ้าง”
น้ำเสียงของเพื่อนเขาดูท่าไม่ค่อยดีเท่าไรเขาจึงอยากรู้อาการของพ่อเพื่อนว่าเป็นยังไงบ้าง
“อาการยังไม่ดีขึ้นฉันต้องรีบไป”
“ขอให้โชคดีนะ”
ภูผาทำได้แต่อวยพรให้เพื่อนของเขาโชคดีเรื่องที่กลังกังวลใจอยู่ในขณะนี้
เหนือเมฆร้อนใจอย่างมากเรื่องพ่อของเขาชายหนุ่มรีบนั่งเครื่องกลับมาที่กรุงเทพอย่างรวดเร็วแล้วตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
โรงพยาบาล
“คุณพ่อเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
เหนือเมฆมาถึงโรงพยาบาลก็หันมาถามแขไขอย่างหัวเสียว่าพ่อเขาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
“คุณอิทเครียดที่ตอนนี้การตามหาหลานยังไม่ได้เรื่องเสียทีเลยโรคหัวใจกำเริบน่ะค่ะ”
แขไขเห็นเหนือเมฆเดินมาก็รีบทำหน้าเศร้าพร้อมบอกชายหนุ่มทั้งน้ำตาว่าอิทธิวัฒน์เครียดเรื่องอะไร
“โรคหัวใจ...คุณพ่อเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เมื่อไร”
เหนือเมฆไม่รู้มาก่อนว่าพ่อเขาเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เมื่อไรเพราะไม่เห็นมีใครบอกเขาสักคน
“ได้พักใหญ่แล้วค่ะแต่คุณอิทไม่ให้บอกใคร”
แขไขเองไม่อยากให้อิทธิวัฒน์บอกใครมากกว่าเพราะหากรู้ตั้งแต่แรกก็จะหาทางช่วยกันรักษาและก็คงจะไม่เป็นไปตามแผนของเธอ
“เฮ้อ...”เหนือเมฆถึงกับกุมขมับนี่เขาจะไม่มีสิทธิ์รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อเขาเลยหรือเขาคิดว่าพ่อของเขายังเห็นเขาสำคัญอยู่หรือไม่ในเมื่อเป็นอะไรก็ไม่ยอมที่จะบอกกันจะได้ช่วยกันหาทางแก้ตั้งแต่เนิ่นๆวันต่อมาโรงพยาบาล“คุณพ่อเป็นอะไรทำไมไม่คิดจะบอกผม”เหนือเมฆรู้ว่าพ่อของเขาฟื้นตัวแล้วจากเมื่อวานที่อาการไม่ค่อยดีเขาเข้ามาที่โรงพยาบาลในช่วงเช้าเพื่อที่จะมาคุยกับพ่อของเขาด้วยความเป็นห่วง“ฉันบอกแกแล้วมันจะหายหรือไงวะ”อิทธิวัฒน์มีเหตุผลที่เขาไม่อยากจะบอกเรื่องอาการป่วยของเขากับใครเพราะในใจของเขาไม่อยากจะให้ใครมาห่วงโดยเฉพาะลูกๆของเขาแต่คำพูดของเขามันยิ่งทำให้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองไม่สำคัญพอที่จะได้รู้เรื่องนี้“แล้วนี่ดูแลตัวเองยังไงครับถึงได้อาการหนักแบบนี้”เหนือเมฆรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจกับคำพูดของคนเป็นพ่อถึงบอกเขาแล้วมันไม่หายแต่พ่อของเขาดูแลตัวเองยังไงถึงได้เป็นหนักแบบนี้แล้วที่เขาอยากรู้คือพ่อของเขาได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีหรือเปล่า“ฉันก็หาหมอนี่แหละแล้วก็แขเค้าก็มียาบำรุงให้ฉันกินอยู่เรื่อยๆแกไม่ต้องห่วงหรอกฉันแค่เครียดหนักเฉยๆไม่ได้เป็นอะไรมาก”“ต่อไปนี้ผมจะหาหมอดูเรื่องสุขภาพของคุณพ่อเอง”เ
บ้านภูผา“เจ้าของเบอนั้นอยู่บ้านหลังนี้เหรอ”ภูผาดูรูปที่เพื่อนของขาถ่ายมาอย่างสงสัย“อืม...เธอมีเด็กอ่อนเลี้ยงด้วย”นาวาเพื่อนของภูผาที่เป็นตำรวจสืบเรื่องนี้จนได้รูปมายืนยันกับภูผาแล้วจึงมาปรึกษากันต่อที่บ้านอย่างลับๆ“แล้วใช่ลูกของเธอหรือเปล่า”“เห็นคนแถวนั้นบอกว่าเธอพึ่งย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วก็มีลูกติดกลับมาด้วยแต่มีบางอย่างที่น่าสงสัย...คือเธอไม่มีสามี”“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเธอเอง”ภูผาคิดว่ายังไงเขาก็ต้องเข้าไปคุยกับผู้หญิงในรูปด้วยตัวเองอย่างเร็วที่สุดเพราะมันมีเรื่องที่น่าสงสัยหลายอย่างทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะได้พบคำตอบที่ต้องการหากเขาเข้าไปหาเธอวันต่อมา15.00 น.กรุงเทพมหานครสนามบินRrrrrr“ว่าไง”เหนือเมฆกำลังเตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับตอนนี้เขาอยู่ที่สนามบินแล้วเพราะคิดว่าอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรพ่อของเขาก็อาการดีขึ้นแล้วอีกทังยังไม่ให้เขาไปยุ่งเรื่องการดูแลอีก“แกกลับมาวันนี้ทันไหม”ภูผาอยากให้เพื่อนของเขากลับมาที่บ้านขอเขาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเขาได้หลักฐานสำคัญมาแล้ว“อืมฉันกำลังจะกลับไปพอดี”“ดีงั้นเจอกันที่บ้าน”16.30 น.บ้านพาขวัญ“
“เพื่อนพายไม่โกหกหรอกค่ะหัวหน้าไม่อย่างนั้นจะมาลำบากนั่งเลี้ยงเด็กคนนี้อยู่ทำไมไม่ส่งตัวให้ครอบครัวแล้วขอเงินไม่ดีกว่าเหรอคะ”พระพายเห็นชายหนุ่มถามเพื่อนของเธอเหมือนไม่อยากจะเชื่อเธอจึงต้องยืนยันอีกแรง“อืม...แล้วเพียงฟ้าบอกอะไรคุณอีกหรือเปล่า”ภูผาอยากรู้ว่าพาขวัญนั้นได้คุยอะไรกับเพียงฟ้าอีกหรือเปล่าเผื่อเขาจะมีหลักฐานอะไรสาวถึงตัวคนทำผิดได้“ไม่ค่ะไม่ทันได้บอกเธอรีบให้ฉันพาลูกเธอหนีมา...แต่ฉันเห็นมีผู้ชายสองคนขับรถมอเตอร์ไซต์ปิดใบหน้าทั้งหมดวนดูตรงนั้นอยู่สักครู่แล้วก็ขับออกไปหลังจากนั้นฉันก็รีบพาลูกพี่เพียงฟ้ามาที่บ้าน”“แสดงว่าเพียงฟ้ากับอรรณพก็ต้องรู้ว่ามีคนจ้องทำร้าย”จากคำบอกเล่าของพาขวัญภูผาก็รู้ว่าทั้งอรรณพและเพียงฟ้าน่าจะรู้ว่าเป็นคนในครอบครัวที่คิดทำร้ายแต่เพียงไม่รู้ว่าใครเท่านั้นจึงเลือกที่จะฝากลูกของเธอกับคนอื่นเช่นนี้“ฉันคิดแบบนั้นแต่ฉันไม่กล้าบอกตำรวจเพราะฉันไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า”“ผมเชื่อ”ภูผาดูท่าทางของหญิงสาวแล้วเธอตอบอย่างจริงใจตรงไปตรงมาสายตาของเธอก็ดูอ่อนโยนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรแถมเธอก็ยังดูแลหนูน้อยคนนี้อย่างดีอีกด้วยดูจากของใช้แต่ละอย่างที่เธอซื้อมาและจ
“คือว่า...ตอนนั้น..........”พาขวัญเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้นให้ชายหนุ่มได้ฟังทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำไมเธอจึงต้องพาตัวหลานของเขาไปดูแลและบอกคนอื่นว่าเป็นลูกของเธอเอง“อืม...อย่างนี้นี่เอง...ฉันต้องขอบคุณเธอมากที่ดูแลหลานฉันอย่างดีแถมยังดิ้นรนเพื่อจะหาเงินเลี้ยงหลานฉันอีกแต่ตอนนี้ฉันขอหลานฉันคืน”เหนือเมฆพยักหน้าเข้าใจ....สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดอย่างมากไม่ต่างกับหญิงสาวในตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณเธอที่เสียสละให้หลานของเขามากมายขนาดทั้งอีกทั้งยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อนมกับของใช้เด็กอ่อนเพื่อหลานของเขาอีกเขารู้สึกว่าเขาทำผิดกับเธอจริงๆกับเรื่องในวันนั้นแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้วเธอไม่อยากพูดถึงเขาเองก็ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันในเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุมันไม่ผิดและเขาก็ได้เจอหลานแล้วต่อไปนี้เขาจะขอดูแลหลานของเขาเองหญิงสาวจะได้ไม่ต้องลำบากดูแลหลานของเขาอีกต่อไป“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะไม่ใช่คนที่จะทำร้ายลูกของฉัน”พาขวัญมองหน้าหนูน้อยที่เธออุ้มอยู่ด้วยน้ำตาคลอเบ้านี่คือสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในที่สุดมันก็มาถึงเธอจะต้องเสียจันทร์เจ้า
“คะ??”พาขวัญถึงกับตกใจอีกรอบคราแรกเธอคิดว่าเขาจะให้เธอไปอยู่แบบฐานะพี่เลี้ยงเด็กอะไรแบบนี้เสียอีก“แต่เธอไม่ต้องกังวลเราเป็นแค่พ่อกับแม่ให้กับหลานฉันเท่านั้นเรื่องอื่นเธอไว้ใจฉันได้”เหนือเมฆคิดว่าการที่เขาเล่นบทเป็นพ่อให้จันทร์เจ้าแล้วเอาจันทร์เจ้าไปอยู่ด้วยพร้อมหญิงสาวจะได้ไม่มีคนสงสัยว่าเขาเอาเด็กมาจากไหนและพ่อของเขาเองก็จะได้ยกเลิกเรื่องจับคู่เขากับเอมิกาอีกด้วยพาขวัญยังคิดไม่ตกว่าจะตอบรับหรือยังไงดีเหมือนเธอจะโดนบีบให้มีทางเลือกทางเดียวเลยตอนนี้“ฉันให้เวลาเธอคิดก่อนเดี๋ยวฉันขอปรึกษาอะไรกับภูผาสักหน่อย”เหนือเมฆมีเวลาให้หญิงสาวคิดนิดหน่อยแต่เขาก็รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องยอมทำตามที่เขาบอกอยู่ดีพร้อมทั้งเขาจะหารือกับภูผาเรื่องนี้อีกที“แอ้...แง้...แง้งง”“ส่งจันทร์เจ้ามาค่ะเธอน่าจะไม่คุ้นมือคุณ”“อืมม”เหนือเมฆจำต้องปล่อยหลานของเขาคืนให้กับหญิงสาวเพราะดูท่าหลานของเขาคงจะไม่ชอบอ้อมแขนของเขาเท่าไรนัก10 นาทีต่อมา“ฉันคิดว่าถ้าฉันมีครอบครัวอาจจะหาตัวคนร้ายเร็วขึ้นก็ได้...ฉันคิดว่าถ้าหากเพียงฟ้าคิดว่าครอบครัวเป็นอันตรายถ้าหากฉันมีครอบครัวแล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฉันฉันเองก็มั่นใจว่ามันจ
“สวัสดีค่ะคุณเหนือ”แม่บ้านวัยห้าสิบต้นๆมายืนรอรับคนเป็นเจ้านายที่นานๆจะกลับมาที่บ้านทีนึงทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เจ้าของบ้านจะพาใครมาอยู่เพราะเขาสั่งให้พวกเธอเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงเด็กอ่อนไว้ล่วงหน้าแล้ว“นี่ภรรยาฉันชื่อพาขวัญเรียกเธอว่าคุณขวัญส่วนนี่ลูกสาวของฉันชื่อจันทร์เจ้าทุกคนช่วยกันดูแลเธอเหมือนที่ดูแลฉันด้วย”เหนือเมฆเดินเขามาถึงหน้าบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านสองคนที่ดูแลบ้านของเขาก็รีบนะน้ำคนทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขาให้พวกเธอได้รู้จัก“ค่ะ/ค่ะ.คุณเหนือ”แม่บ้านทั้งสองยินดีต้อนรับคนที่จะมาอยู่ที่นี่เสมอและยิ่งรู้ว่ามีคุณหนูตัวน้อยมาอยู่ด้วยพวกเธอก็ยิ่งยินดี“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”พาขวัญยิ้มทักทายทั้งสองอย่างเป็นมิตรและเดินตามาชายหนุ่มเข้าบ้านไปเพราะตอนนี้จันทร์เจ้าเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้วเธอจะต้องรีบเตรียมนมและเตรียมเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอ“คุณห้องฉันกับจันทร์เจ้าอยู่ไหนฉันจะเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้า”พาขวัญต้องรีบถามชายหนุ่มว่าห้องเธออยู่ที่ไหนเพราะเธอต้องรีบจัดเตรียมที่จะชงนมและเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้าก่อนที่จะงอแง“ตามผมมา”เหนือเมฆเดิ่นดิ่
“อ๋อ...เปล่านี่”เหนือเมฆรู้ตัวว่าทำให้หญิงสาวรู้ตัวจึงรีบหันกลับไปมองจันทร์เจ้าทันทีคราวนี้หนูน้อยไม่มีอาการขมวดคิ้วแล้วแต่ยื่นมือมาเล่นนิ้วก้อยของเขาที่จับขวดนมอยู่แทนด้วยสายตาที่ยังสงสัยเช่นเดิม“คุณเหนือคะ...ในบ้านของคุณทุกห้องจะมีรูปคุณตั้งทุกห้องแบบนี้เลยเหรอคะ”พาขวัญมองไปรอบๆห้องเธอเห็นมีแต่รูปของชายหนุ่มวางตั้งอยู่เต็มไปหมดน่าจะเป็นรูปของเขากับพี่ชายเป็นแน่เธอคิดว่าหากห้องนี้มีรูปเขาอยู่ห้องอื่นๆก็น่าจะมีด้วย“เปล่าหรอกผมพึ่งให้คนย้ายห้องนอนผมลงมาที่นี่”เหนือเมฆส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมบอกกับหญิงสาวว่ามันมีแค่ห้องของเขาเท่านั้นที่จะมีรูปเขาอยู่“ที่นี่ห้องนอนคุณเหรอคะ”พาขวัญทำหน้างงเล็กน้อยคราแรกเขาบอกว่าที่นี่ห้องของเธอกับจันทร์เจ้าไหนที่พูดเมื่อครู่มันหมายความว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาเต็มๆเลยล่ะหรือว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปจึงถามชายหนุ่มให้แน่ใจอีกที“ใช่เราจะนอนด้วยกัน”เหนือเมฆคิดว่าถ้าตกลงจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้จันทร์เจ้าและคนอื่นๆก็รับรู้แบบนั้นเขาและเธอก็จะต้องอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้วคนในบ้านจะได้ไม่สงสัยและจะไม่มีอะไรผิดสังเกตด้วยอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของหญิงสาวและจันทร์เจ
“บอกให้เรียกยังไง.”ชายหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะลืมอะไรเร็วขนาดนี้เขาบอกให้เธอเรียกเขาให้ชินปากแต่ก็ต้องเตือนกันอยู่เรื่อย“เอ่อ...พี่เหนือ”พาขวัญเองก็ลืมตัวเธอเองยังไม่ชินเพราะนี่ก็พึ่งจะวันแรกที่เธอต้องเรียกเขาแบบนี้“นี่ที่นอนพี่เดี๋ยวขวัญกับลูกนอนบนเตียงก็แล้วกัน”เหนือเมฆไปขนฟูกนอนจากในห้องของเขามาเพื่อที่หญิงสาวจะได้นอนอย่างสบายใจและไม่อึดอัดด้วย“ค่ะ”พาขวัญคิดว่าชายหนุ่มยังใจดีกับเธอบ้างที่จะไม่ทำให้เธออึดอัดไปมากกว่านี้“ขวัญ...”“คะ??...”“คือพี่อยากจะรู้เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของขวัญเผื่อใครถามจะได้ตอบตรงกันไง”เหนือเมฆคิดว่าเขาและเธอจะต้องมาทำความรู้จักกันให้เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยเพราะแม่เลี้ยงของเขายิ่งชอบจับผิดเก่งอยู่ด้วย“อืมค่ะ...คือขวัญเกิดที่ลำปางพอพ่อเสียแม่ก็พาย้ายไปอยู่ภูเก็ตตอนที่จบม.6 แล้วตอนนี้ขวัญอายุ25เรียนจบบริหารธุรกิจการตลาดแล้วพอแม่เสียขวัญก็ทำงานที่ภูเก็ตจนตกงานแล้วก็กลับมาอยู่ที่ลำปางได้ประมาณเดือนนึงค่ะ”พาขวัญเล่าประวัติคร่าวๆของเธอให้เขาฟังว่าชีวิตของเธอเป็นอย่างไร“อ๋อ...แล้วไม่มีญาติที่ไหนอีกเหรอ”หากพ่อแม่เสียหมดเขาอยากจะรู้ว่าหญิงสาวมีญาติที่ไหนอีกหรือ