“เพื่อนพายไม่โกหกหรอกค่ะหัวหน้าไม่อย่างนั้นจะมาลำบากนั่งเลี้ยงเด็กคนนี้อยู่ทำไมไม่ส่งตัวให้ครอบครัวแล้วขอเงินไม่ดีกว่าเหรอคะ”
พระพายเห็นชายหนุ่มถามเพื่อนของเธอเหมือนไม่อยากจะเชื่อเธอจึงต้องยืนยันอีกแรง
“อืม...แล้วเพียงฟ้าบอกอะไรคุณอีกหรือเปล่า”
ภูผาอยากรู้ว่าพาขวัญนั้นได้คุยอะไรกับเพียงฟ้าอีกหรือเปล่าเผื่อเขาจะมีหลักฐานอะไรสาวถึงตัวคนทำผิดได้
“ไม่ค่ะไม่ทันได้บอกเธอรีบให้ฉันพาลูกเธอหนีมา...แต่ฉันเห็นมีผู้ชายสองคนขับรถมอเตอร์ไซต์ปิดใบหน้าทั้งหมดวนดูตรงนั้นอยู่สักครู่แล้วก็ขับออกไปหลังจากนั้นฉันก็รีบพาลูกพี่เพียงฟ้ามาที่บ้าน”
“แสดงว่าเพียงฟ้ากับอรรณพก็ต้องรู้ว่ามีคนจ้องทำร้าย”
จากคำบอกเล่าของพาขวัญภูผาก็รู้ว่าทั้งอรรณพและเพียงฟ้าน่าจะรู้ว่าเป็นคนในครอบครัวที่คิดทำร้ายแต่เพียงไม่รู้ว่าใครเท่านั้นจึงเลือกที่จะฝากลูกของเธอกับคนอื่นเช่นนี้
“ฉันคิดแบบนั้นแต่ฉันไม่กล้าบอกตำรวจเพราะฉันไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า”
“ผมเชื่อ”
ภูผาดูท่าทางของหญิงสาวแล้วเธอตอบอย่างจริงใจตรงไปตรงมาสายตาของเธอก็ดูอ่อนโยนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรแถมเธอก็ยังดูแลหนูน้อยคนนี้อย่างดีอีกด้วยดูจากของใช้แต่ละอย่างที่เธอซื้อมาและจากที่เพื่อนของเขาที่สืบเรื่องเธอมาเล่าให้เขาฟังว่าเธอเป็นคนยังไงเขาก็พอจะเชื่อใจเธอได้
“อ้าว...ทำไมเชื่อง่ายจังล่ะคะ”
พระพายงงเล็กน้อยที่เมื่อครู่เธอรู้สึกว่าชายหนุ่มยังมีทีท่าว่าจะไม่เชื่อเพื่อนเธออยู่เลย
“ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ยอมเลี้ยงเธออย่างดีแบบนี้หรอกใช่ไหมครับ....แต่มีคนนึงที่เค้าอยากจะเจอหลานของเขา”
“ถ้าเป็นคนในครอบครัวของสามีพี่เพียงฟ้าฉันกลัวว่าจันทร์เจ้าจะเป็นอันตราย”
พาขวัญไม่อยากจะให้คนในครอบครัวของสามีเพียงฟ้าเจอจันทร์เจ้าเท่าไรเพราะเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดีหรือคนร้ายและเธอก็กลัวอยู่ในใจลึกๆว่าเธอจะไม่ได้อยู่กับจันทร์เจ้าอีก
“รับรองว่าเพื่อนผมไม่อันตรายครับแล้วผมก็คิดว่าเค้าก็น่าจะรับฟังคุณด้วยเพราะเค้าก็คิดอยู่เหมือนกันว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา”
ภูผายังยืนยันความบริสุทธิ์ให้เพื่อนของเขาว่าจะไม่มีวันทำร้ายเด็กคนนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานแน่เขาเอาหัวเป็นประกันและเพื่อนเขาก็น่าจะรับฟังสิ่งที่เธอพูดด้วย
พาขวัญมองหน้าพระพายเป็นเชิงคำถามว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้เพราะเธอคิดไม่ตกเลย
“ลองดูก็ไม่เสียหายเดี๋ยวฉันไปด้วย”
พระพายเห็นว่าลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหายเธอจะไปพร้อมกับเพื่อนเธอเองครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้เพื่อนและหลานเธอเป็นอันตรายเด็ดขาดอีกอย่างภูผาก็น่าจะเชื่อใจได้ในระดับหนึ่งว่าเขาไว้ใจคนไม่ผิด
30 นาทีต่อมา
บ้านภูผา
“ถึงแล้วครับเพื่อนผมอยู่ด้านใน”
ภูผาบอกกับสองสาวที่พึ่งลงมาจากรถให้เดินตาเขาเข้ามาในบ้าน
“...อืม...ค่ะ”
พาขวัญมีสีหน้าที่กังวลค่อนข้างมากแถมตอนนี้จันทร์เจ้าก็ตื่นแล้วด้วยดีที่ไม่งอแงตอนนั่งรถมาแปลกที่
“ไปแก”
พระพายตบไหล่เพื่อนของเธอเบาๆเป็นการบอกกับเพื่อนเธอว่าเธอนั้นจะอยู่ข้างๆเสมอพร้อมเดินตามชายหนุ่มเข้าไปด้านใน
“เมื่อไรจะมากันซะทีนะ”
เหนือเมฆได้รับข่าวกับภูผาว่าเจอหลานของเขาแล้วกำลังจะพากลับมาที่บ้านเขาจึงรออย่างใจจดใจจ่อเดินไปเดินมานั่งไม่ลง
“เหนือ”
“มากันแล้วเหรอ”
เหนือเมฆได้ยินเสียงของเพื่อนเขาก็รีบหันกลับไปมองอย่างร้อนใจทันที
“คุณ!!”
พาขวัญที่อุ้มหนูน้อยอยู่ในอกด้วยสีหน้ากังวลตอนนี้เธอมีอาการหน้าตาตื่นไปอีกเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“เธอ!!”
เหนือเมฆเองก็ตกใจไม่แพ้กับหญิงสาวที่ต้องมาเจอกันอีกครั้ง
“รู้จักกันเหรอ...นี่พาขวัญคนที่ช่วยหลานแกเอาไว้”
ภูผาเห็นทั้งสองมีท่าทีแบบนั้นก็คิดว่าคงจะเคยรู้จักกันมาก่อนแต่ๆไม่รู้ว่ารู้ลึกแค่ไหนเขาจึงแนะนำตัวพาขวัญให้เหนือเมฆได้รู้ว่าที่เธอมาพร้อมเขาที่นี่เพราะเธอเป็นคนที่ช่วยหลานของเพื่อนเขาเอาไว้
“ช่วยหลานฉัน??”
เหนือเมฆยังคงงงกับคำพูดของเพื่อนเขาที่บอกว่าเธอช่วยเหลือทั้งที่ควรจะพูดว่าเป็นคนขโมยหลานเขาไปมากกว่า
“อืมเรื่องมันยาวแกต้องฟังที่คุณขวัญเล่าก่อน...คุณขวัญครับนี่เหนือเมฆน้องชายของอรรณพ”
ภูผาอยากให้เหนือเมฆได้ฟังที่พาฝันเล่าความจริงก่อนก่อนที่จะตัดสินว่าเธอทำแบบนั้นลงไปทำไมพร้อมแนะนำให้หญิงสาวได้รู้จักเหนือเมฆอย่างเป็นทางการหญิงสาวค่อนข้างอึ้งนิดหน่อยหากวันนั้นเธอได้เห็นที่พระพายเปิดรูปครอบครัวจันทร์เจ้าให้ดูชัดๆเธอก็น่าจะจำเขาได้
“ฉันขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว”
เหนือเมฆอยากจะคุยกับหญิงสาวเป็นการส่วนตัวเพราะเขาและเธอมีบางอย่างที่ควรจะคุยส่วนตัวกัน
“เอ่อ...คือ...”
พาขวัญมีสีหน้าระแวงเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าเขาจะมาดีหรือมาร้ายกับจันทร์เจ้าถึงพระพายจะบอกให้เธอเชื่อใจภูผาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเชื่อใจเหนือเมฆได้นี่นา
“ได้สิ...ไปที่อื่นกันพาย”
ภูผาตกลงจะให้ทั้งสองคุยกันตามลำพังพร้อมดึงมือพระพายให้ตามเขาออกไปข้างนอกเพราะคิดว่าเมื่อเพื่อนของเขาอยากคุยับหญิงสาวตามลำพังคงมีอะไรที่อยากจะตกลงกันส่วนตัวเป็นแน่
“แต่ว่า...”
พระพายยังแอบเป็นห่วงเพื่อนเธออยู่มากจึงไม่อยากจะยอมไปจากตรงนี้สักเท่าไร
“ให้เค้าคุยกันเรื่องนี้เราไม่เกี่ยว”
ภูผาต้องกัดฟันพูดเสียงดุให้พระพายยอมทำตามเขาแต่โดยดี
“ที่เพื่อนผมบอกว่าเธอช่วยหลานฉันคืออะไร”
หลังจากที่ในห้องนี้เหลือแค่เธอและเขาสองคนแล้วเหนือเมฆก็ถามหญิงสาวเกี่ยวกับเรื่องที่เขาคาใจกับคำพูดของเพื่อนของเขาอยู่ทันที
“คือว่า...ตอนนั้น..........”พาขวัญเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้นให้ชายหนุ่มได้ฟังทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำไมเธอจึงต้องพาตัวหลานของเขาไปดูแลและบอกคนอื่นว่าเป็นลูกของเธอเอง“อืม...อย่างนี้นี่เอง...ฉันต้องขอบคุณเธอมากที่ดูแลหลานฉันอย่างดีแถมยังดิ้นรนเพื่อจะหาเงินเลี้ยงหลานฉันอีกแต่ตอนนี้ฉันขอหลานฉันคืน”เหนือเมฆพยักหน้าเข้าใจ....สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดอย่างมากไม่ต่างกับหญิงสาวในตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณเธอที่เสียสละให้หลานของเขามากมายขนาดทั้งอีกทั้งยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อนมกับของใช้เด็กอ่อนเพื่อหลานของเขาอีกเขารู้สึกว่าเขาทำผิดกับเธอจริงๆกับเรื่องในวันนั้นแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้วเธอไม่อยากพูดถึงเขาเองก็ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันในเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุมันไม่ผิดและเขาก็ได้เจอหลานแล้วต่อไปนี้เขาจะขอดูแลหลานของเขาเองหญิงสาวจะได้ไม่ต้องลำบากดูแลหลานของเขาอีกต่อไป“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะไม่ใช่คนที่จะทำร้ายลูกของฉัน”พาขวัญมองหน้าหนูน้อยที่เธออุ้มอยู่ด้วยน้ำตาคลอเบ้านี่คือสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในที่สุดมันก็มาถึงเธอจะต้องเสียจันทร์เจ้า
“คะ??”พาขวัญถึงกับตกใจอีกรอบคราแรกเธอคิดว่าเขาจะให้เธอไปอยู่แบบฐานะพี่เลี้ยงเด็กอะไรแบบนี้เสียอีก“แต่เธอไม่ต้องกังวลเราเป็นแค่พ่อกับแม่ให้กับหลานฉันเท่านั้นเรื่องอื่นเธอไว้ใจฉันได้”เหนือเมฆคิดว่าการที่เขาเล่นบทเป็นพ่อให้จันทร์เจ้าแล้วเอาจันทร์เจ้าไปอยู่ด้วยพร้อมหญิงสาวจะได้ไม่มีคนสงสัยว่าเขาเอาเด็กมาจากไหนและพ่อของเขาเองก็จะได้ยกเลิกเรื่องจับคู่เขากับเอมิกาอีกด้วยพาขวัญยังคิดไม่ตกว่าจะตอบรับหรือยังไงดีเหมือนเธอจะโดนบีบให้มีทางเลือกทางเดียวเลยตอนนี้“ฉันให้เวลาเธอคิดก่อนเดี๋ยวฉันขอปรึกษาอะไรกับภูผาสักหน่อย”เหนือเมฆมีเวลาให้หญิงสาวคิดนิดหน่อยแต่เขาก็รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องยอมทำตามที่เขาบอกอยู่ดีพร้อมทั้งเขาจะหารือกับภูผาเรื่องนี้อีกที“แอ้...แง้...แง้งง”“ส่งจันทร์เจ้ามาค่ะเธอน่าจะไม่คุ้นมือคุณ”“อืมม”เหนือเมฆจำต้องปล่อยหลานของเขาคืนให้กับหญิงสาวเพราะดูท่าหลานของเขาคงจะไม่ชอบอ้อมแขนของเขาเท่าไรนัก10 นาทีต่อมา“ฉันคิดว่าถ้าฉันมีครอบครัวอาจจะหาตัวคนร้ายเร็วขึ้นก็ได้...ฉันคิดว่าถ้าหากเพียงฟ้าคิดว่าครอบครัวเป็นอันตรายถ้าหากฉันมีครอบครัวแล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฉันฉันเองก็มั่นใจว่ามันจ
“สวัสดีค่ะคุณเหนือ”แม่บ้านวัยห้าสิบต้นๆมายืนรอรับคนเป็นเจ้านายที่นานๆจะกลับมาที่บ้านทีนึงทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เจ้าของบ้านจะพาใครมาอยู่เพราะเขาสั่งให้พวกเธอเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงเด็กอ่อนไว้ล่วงหน้าแล้ว“นี่ภรรยาฉันชื่อพาขวัญเรียกเธอว่าคุณขวัญส่วนนี่ลูกสาวของฉันชื่อจันทร์เจ้าทุกคนช่วยกันดูแลเธอเหมือนที่ดูแลฉันด้วย”เหนือเมฆเดินเขามาถึงหน้าบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านสองคนที่ดูแลบ้านของเขาก็รีบนะน้ำคนทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขาให้พวกเธอได้รู้จัก“ค่ะ/ค่ะ.คุณเหนือ”แม่บ้านทั้งสองยินดีต้อนรับคนที่จะมาอยู่ที่นี่เสมอและยิ่งรู้ว่ามีคุณหนูตัวน้อยมาอยู่ด้วยพวกเธอก็ยิ่งยินดี“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”พาขวัญยิ้มทักทายทั้งสองอย่างเป็นมิตรและเดินตามาชายหนุ่มเข้าบ้านไปเพราะตอนนี้จันทร์เจ้าเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้วเธอจะต้องรีบเตรียมนมและเตรียมเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอ“คุณห้องฉันกับจันทร์เจ้าอยู่ไหนฉันจะเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้า”พาขวัญต้องรีบถามชายหนุ่มว่าห้องเธออยู่ที่ไหนเพราะเธอต้องรีบจัดเตรียมที่จะชงนมและเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้าก่อนที่จะงอแง“ตามผมมา”เหนือเมฆเดิ่นดิ่
“อ๋อ...เปล่านี่”เหนือเมฆรู้ตัวว่าทำให้หญิงสาวรู้ตัวจึงรีบหันกลับไปมองจันทร์เจ้าทันทีคราวนี้หนูน้อยไม่มีอาการขมวดคิ้วแล้วแต่ยื่นมือมาเล่นนิ้วก้อยของเขาที่จับขวดนมอยู่แทนด้วยสายตาที่ยังสงสัยเช่นเดิม“คุณเหนือคะ...ในบ้านของคุณทุกห้องจะมีรูปคุณตั้งทุกห้องแบบนี้เลยเหรอคะ”พาขวัญมองไปรอบๆห้องเธอเห็นมีแต่รูปของชายหนุ่มวางตั้งอยู่เต็มไปหมดน่าจะเป็นรูปของเขากับพี่ชายเป็นแน่เธอคิดว่าหากห้องนี้มีรูปเขาอยู่ห้องอื่นๆก็น่าจะมีด้วย“เปล่าหรอกผมพึ่งให้คนย้ายห้องนอนผมลงมาที่นี่”เหนือเมฆส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมบอกกับหญิงสาวว่ามันมีแค่ห้องของเขาเท่านั้นที่จะมีรูปเขาอยู่“ที่นี่ห้องนอนคุณเหรอคะ”พาขวัญทำหน้างงเล็กน้อยคราแรกเขาบอกว่าที่นี่ห้องของเธอกับจันทร์เจ้าไหนที่พูดเมื่อครู่มันหมายความว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาเต็มๆเลยล่ะหรือว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปจึงถามชายหนุ่มให้แน่ใจอีกที“ใช่เราจะนอนด้วยกัน”เหนือเมฆคิดว่าถ้าตกลงจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้จันทร์เจ้าและคนอื่นๆก็รับรู้แบบนั้นเขาและเธอก็จะต้องอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้วคนในบ้านจะได้ไม่สงสัยและจะไม่มีอะไรผิดสังเกตด้วยอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของหญิงสาวและจันทร์เจ
“บอกให้เรียกยังไง.”ชายหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะลืมอะไรเร็วขนาดนี้เขาบอกให้เธอเรียกเขาให้ชินปากแต่ก็ต้องเตือนกันอยู่เรื่อย“เอ่อ...พี่เหนือ”พาขวัญเองก็ลืมตัวเธอเองยังไม่ชินเพราะนี่ก็พึ่งจะวันแรกที่เธอต้องเรียกเขาแบบนี้“นี่ที่นอนพี่เดี๋ยวขวัญกับลูกนอนบนเตียงก็แล้วกัน”เหนือเมฆไปขนฟูกนอนจากในห้องของเขามาเพื่อที่หญิงสาวจะได้นอนอย่างสบายใจและไม่อึดอัดด้วย“ค่ะ”พาขวัญคิดว่าชายหนุ่มยังใจดีกับเธอบ้างที่จะไม่ทำให้เธออึดอัดไปมากกว่านี้“ขวัญ...”“คะ??...”“คือพี่อยากจะรู้เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของขวัญเผื่อใครถามจะได้ตอบตรงกันไง”เหนือเมฆคิดว่าเขาและเธอจะต้องมาทำความรู้จักกันให้เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยเพราะแม่เลี้ยงของเขายิ่งชอบจับผิดเก่งอยู่ด้วย“อืมค่ะ...คือขวัญเกิดที่ลำปางพอพ่อเสียแม่ก็พาย้ายไปอยู่ภูเก็ตตอนที่จบม.6 แล้วตอนนี้ขวัญอายุ25เรียนจบบริหารธุรกิจการตลาดแล้วพอแม่เสียขวัญก็ทำงานที่ภูเก็ตจนตกงานแล้วก็กลับมาอยู่ที่ลำปางได้ประมาณเดือนนึงค่ะ”พาขวัญเล่าประวัติคร่าวๆของเธอให้เขาฟังว่าชีวิตของเธอเป็นอย่างไร“อ๋อ...แล้วไม่มีญาติที่ไหนอีกเหรอ”หากพ่อแม่เสียหมดเขาอยากจะรู้ว่าหญิงสาวมีญาติที่ไหนอีกหรือ
“โอ้โห...หลานปู่แก้มย้วยอย่างนี้ล่ะคงจะกินเก่งน่าดู”“ค่ะ”อิทธิวัฒน์ก้มมองหน้าหลานของเขาในอ้อมแขนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่เห็นแก้มย้วยๆของหนูน้อยก็รู้สึกเอ็นดูอย่างมากได้ข่าวว่าพึ่งคลอดแต่ดูหนูน้อยจะเจ้าเนื้อเสียเหลือเกินจนเขาอยากจะอุ้มฟัดเล่นติดอยู่ที่เจ้าตัวยังไม่ตื่นเขาจึงไม่อยากปลุก“ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ...น้าว่าเข้ามาด้านในกันก่อนเถอะ”แขไขทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเชิญทุกคนเข้าไปคุยกันข้างในบ้าน“คุณพ่อไม่โกรธผมเหรอครับที่ผมไม่ได้บอก”เหนือเมฆไม่เห็นพ่อเขาจะมีอาการต่อว่าอะไรเขาสักนิดเขาจึงนึกแปลกใจเพราะปกติอย่างน้อยก็ต้องมีคำว่าสักคำเมื่อเจอหน้าของเขา“ฉันจะโกรธแกเรื่องอะไรดีใจเสียอีกที่แกมีเมียมีลูกเสียทีนึกว่าจะทำตัวเสเพลกู่ไม่กลับเสียแล้ว”อิทธิวัฒน์ไม่อยากทำลายบรรยากาศครอบครัวแค่ลูกชายของเขามีเมียมีลูกเสียทีเขาก็หายห่วงแล้ว“แล้วนี่อาการคุณพ่อดีขึ้นแล้วเหรอครับ”เหนือเมฆเห็นคุณพ่อของเขาหน้าตาสดใสขึ้นก็อยากจะรู้เรื่องออาการป่วยว่าพ่อของเขานั้นเป็นอย่างไรบ้างถึงแม้อาการภายนอกจะดูปกติแต่ภายในมันป่วยอยู่ขั้นไหนเขาก็อยากจะรู้“ก็อย่างที่เห็นฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว...อ้าว...หลานปู่ตื
“เอ่อ...ในครัวมีผลไม้เต็มเลยเดี๋ยวน้าไปเตรียมมาให้หนูขวัญดีกว่านะจ๊ะพึ่งคลอดต้องกินของที่มีประโยชน์เยอะ”แขไขเห็นว่าเธอต้องหลบไปสงบสติสักพักเพราะใจเธอตอนนี้มันร้อนรุ่มไปหมดกลัวว่าทุกอย่างที่ตั้งใจทำมามันจะพัง“ขอบคุณนะคะ”“ไปยัยเอมไปช่วยแม่”“เอ่อ...ค่ะ”เอมิกาเห็นแม่ของเธอส่งสายตาแปลกๆมาให้เธอก็พอจะรู้ว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอจึงเดินตามแม่ของเธอออกไปแต่โดยดี“หึ้ย...หมั่นไส้มันจริงๆ”เมื่อมาถึงห้องครัวเอมิกาก็มือไม้สั่นเพราะต้องปั้นหน้ายิ้มให้พาขวัญอยู่นานพอควร“ฉันจะไม่ยอมให้มันได้อะไรไปแน่”แขไขเองก็เช่นกันเธอโกรธจนระงับอารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่“แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะในเมื่อคุณเหนือก็จะแต่งงานอยู่แล้ว”“ดีที่ฉันขัดไว้ก่อนได้ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ฉันก็ต้องทำให้คุณอิทยกทุกอย่างให้พวกมันดูแลให้ช้าที่สุด”ตอนนี้แขไขขอดูสถานการณ์ไปก่อนว่าจะเป็นยังไงแต่เธอก็จะทำให้มันช้าที่สุดเท่าที่ช้าได้เพราะเธอต้องหาวิธีจัดการก่อนไม่คิดว่าจู่ๆเหนือเมฆจะมีลูกมีเมียแล้วคิดแต่งงานเสียรวดเร็วขนาดนี้ทางด้านอิทธิวัฒน์“แล้วทางบ้านหนูขวัญรู้เรื่องนี้หรือยัง”อิทธิวัฒน์ก็อยากจะรู้ว่าทางบ้านพาขวัญรู้เรื่องนี้แล้วหรือยังเ
“ท่าทางเธอจะอยากกินมันมากเลยสินะ”เหนือเมฆไม่อยากจะให้มันเสียบรรยากาศเพราะเห็นหญิงสาวหน้าหงอยไปแล้วจึงหันไปหาเรื่องคุยถึงเรื่องอาหารที่เธอทำแทน“ค่ะขวัญไม่ได้กินของแซ่บๆพวกนี้นานแล้ว”พาขวัญเห็นว่าชายหนุ่มน่าจะสนใจอาหารที่เธอพึ่งเทลงจานจึงยื่นให้เขานั้นได้ดูว่ามันน่ากินแค่ไหน“ดูท่าจะเผ็ดน่าดู”เหนือเมฆเห็นสีของมันเขาก็มีอาการแสบท้องแล้วเพราะเขาไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กอาหารรสจัดเขาจึงไม่คุ้นชินเท่าไร“อร่อยนะคะลองชิมสิคะ”พาขวัญยังอยากให้ชายหนุ่มลองชิมฝีมือของเธอเผื่อเขาจะชอบวันหลังเธอนั้นจะได้ทำอีก“อืม...ก็อร่อยดีนะแต่รสชาติมันเผ็ดไปหน่อย”เหนือเมฆใช้ส้อมจิ้มกุ้งชิ้นโตที่ปกคลุมไปด้วยพริกที่อยู่ในจานใส่ปากพร้อมเคี้ยวเขาว่ารสชาติมันก็อร่อยดีแต่ติดตรงที่มันเริ่มเผ็ดขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เหงื่อของเขาผุดอออกมาเต็มไปหมดหน้าก็เริ่มแดงขึ้นจนเขาต้องพ่นลมปากออกมาเพื่อระบายความเผ็ด“ท่าทางพี่เหนือจะกินเผ็ดไม่ได้เลยใช่ไหมคะเนี่ย”พาขวัญเห็นอาการชายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าเขาคงจะไม่ใช่คนที่ทานอาหารเผ็ด“ก็นิดหน่อย”ชายหนุ่มตอบอย่างรักษาฟรอมตัวเองทั้งที่แท้ที่จริงแล้วเขาแทบจะไม่ทานอาหารที่มีพริกเลยต่างหาก