“คะ??”
พาขวัญถึงกับตกใจอีกรอบคราแรกเธอคิดว่าเขาจะให้เธอไปอยู่แบบฐานะพี่เลี้ยงเด็กอะไรแบบนี้เสียอีก
“แต่เธอไม่ต้องกังวลเราเป็นแค่พ่อกับแม่ให้กับหลานฉันเท่านั้นเรื่องอื่นเธอไว้ใจฉันได้”
เหนือเมฆคิดว่าการที่เขาเล่นบทเป็นพ่อให้จันทร์เจ้าแล้วเอาจันทร์เจ้าไปอยู่ด้วยพร้อมหญิงสาวจะได้ไม่มีคนสงสัยว่าเขาเอาเด็กมาจากไหนและพ่อของเขาเองก็จะได้ยกเลิกเรื่องจับคู่เขากับเอมิกาอีกด้วย
พาขวัญยังคิดไม่ตกว่าจะตอบรับหรือยังไงดีเหมือนเธอจะโดนบีบให้มีทางเลือกทางเดียวเลยตอนนี้
“ฉันให้เวลาเธอคิดก่อนเดี๋ยวฉันขอปรึกษาอะไรกับภูผาสักหน่อย”
เหนือเมฆมีเวลาให้หญิงสาวคิดนิดหน่อยแต่เขาก็รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องยอมทำตามที่เขาบอกอยู่ดีพร้อมทั้งเขาจะหารือกับภูผาเรื่องนี้อีกที
“แอ้...แง้...แง้งง”
“ส่งจันทร์เจ้ามาค่ะเธอน่าจะไม่คุ้นมือคุณ”
“อืมม”
เหนือเมฆจำต้องปล่อยหลานของเขาคืนให้กับหญิงสาวเพราะดูท่าหลานของเขาคงจะไม่ชอบอ้อมแขนของเขาเท่าไรนัก
10 นาทีต่อมา
“ฉันคิดว่าถ้าฉันมีครอบครัวอาจจะหาตัวคนร้ายเร็วขึ้นก็ได้...ฉันคิดว่าถ้าหากเพียงฟ้าคิดว่าครอบครัวเป็นอันตรายถ้าหากฉันมีครอบครัวแล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฉันฉันเองก็มั่นใจว่ามันจะต้องเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงฉันแน่นอนเพราะถ้ากำจัดลูกๆของคุณพ่อได้ทุกอย่างก็จะตกเป็นของแม่เลี้ยงฉัน”
“แล้วหลานแกกับพาขวัญจะไม่อยู่ในอันตรายเหรอวะ”
ภูผาคิดตามที่เพื่อนเขาพูดถ้าหากเป็นดั่งเพื่อนเขาคิดเพื่อนเขาพาขวัญและจันทร์เจ้าก็ต้องตกอยู่ในอันตรายนี่มันเหมือนกับการเอาตัวเองไปเป็นเหยื่อล่อชัดๆ
“ฉันจะคอยระวังเชื่อใจฉัน”
เหนือเมฆมั่นใจว่ายังไงเขาก็คุมเรื่องนี้ได้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ทั้งตัวเขาพาขวัญและจันทร์เจ้าเป็นอะไรเด็ดขาด
“อืม”
ภูผาเห็นเพื่อนเขายืนยันแบบนั้นเขาเองก็เอาใจช่วย
ทางด้านพาขวัญ
“คนนี้เหรอที่ให้เงินแก”
“ชู่วว...อย่าพูดดังสิ”
พระพายที่กำลังนั่งคุยกับพาขวัญอยู่ในห้องสองคนพระพายดีรู้เรื่องราวจากปากพาขวัญก็ถึงกับตกใจอุทานออกมาเสียงดังจนพาขวัญต้องบอกให้เบาลง
“ทำไมโลกมันกลมแบบนี้ล่ะเนอะ”
พระพายคิดว่าโลกนี้มันช่างกลมเสียเหลือเกิ๊นน
“ฉันจะเอายังไงดีแกฉันเหมือนไม่มีทางเลือกเลย”
“ไม่มีทางเลือกก็ไปอยู่กับเค้าเลยสิได้ดูแลจันทร์เจ้าอย่างที่แกตั้งใจไงอีกอย่างก็เชื่อได้ว่าถ้าจันทร์เจ้าอยู่กับคุณเหนือแล้วจะสบายแน่นอน...แต่ถ้าหากจันทร์เข้าจะมีอันตรายจริงๆอย่างน้อยก็มีแกอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา”
“อืม...อยู่ก็อยู่”
//ทางเลือกของเธอคงจะต้องเป็นแบบนี้สินะ//หญิงสาวคิดในใจ
(จันทร์เจ้าน้อยทำให้แม่ขวัญหลงรักหัวปักหัวปำเลยล่ะสิ)
“ออกมากันแล้ว”
ภูผาเห็นสองสาวออกมาจากห้องก็บอกเพื่อนของขาให้ได้รู้เขาคิดว่าสองสาวน่าจะปรึกษากันมาดีแล้ว
“คือฉันตกลงทำตามที่คุณบอกค่ะ”
“อืมม...เธอคิดถูกแล้วล่ะ”
เหนือเมฆยิ้มกริ่มอย่างพอใจเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิด
“งั้นคุณกลับไปเตรียมตัวได้พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปที่บ้านของผม”
“ทำไมเร็วจังเลยล่ะคะ”
พาขวัญไม่คิดว่าอะไรๆมันจะรวดเร็วขนาดนี้ให้เธออยู่ที่บ้านอีกสักสองสามวันได้หรืออย่างไร
วันต่อมา
09.00 น.
“โชคดีนะแกไว้ถ้าฉันว่างจะไปหานะ”
“อืม...”
พระพายและพาขวัญกอดลากันสีหน้าทั้งสองดูเศร้าเล็กน้อยพระพายเองก็เป็นห่วงเพื่อนที่ต้องไปอยู่ต่างที่แถมยังอยู่กับคนที่ไม่คุ้นกันอีกด้วยเธอเลยอดเป็นห่วงว่าเพื่อนเธอจะปรับตัวได้เร็วขนาดไหนหากเธอมีเวลาเธอจะต้องไปหาเพื่อนเธอแน่นอน
“โชคดีนะหนูขวัญเดินทางปลอดภัยพระคุ้มครองนะลูกส่วนบ้านเดี๋ยวน้าจะให้พายมันไปดูให้บ่อยๆ”
มานีเองก็อดใจหายไม่ได้เพราะพึ่งรู้เรื่องเมื่อคืนนี้เองว่าพาขวัญต้องพาจันทร์เจ้าไปอยู่กับเหนือเมฆแต่นั่นก็เป็นการตัดสินใจของพาขวัญเธอก็ได้แต่อวยพรให้หญิงสาวได้พบเจอแต่คงวามโชคดีเพราะเธอก็เอ็นดูพาขวัญเหมือนลูกเหมือนหลานคนนึง
“ขอบคุณจะน้านี”
จันทร์เจ้ายกมือไหว้มานีเพื่อเป็นการลาและขอบคุณที่คนตรงหน้าอวยพรให้เธอ
“ขอให้จันทร์เข้าเลี้ยงง่ายเมื่อไปอยู่แปลกที่นะพระคุ้มครองเป็นเด็กดีนะลูก”
มานีอุ้มจันทร์เจ้าหนูน้อยที่กำลังนอนหลับเธออวยพรให้หนูน้อยเมื่อไปอยู่ต่างถิ่นต่างที่ก็ขอให้อย่าได้งอแงรบกวนคนที่เลี้ยงเท่าไรพร้อมส่งหนูน้อยคืนให้พาขวัญเพราะเธอเห็นรถมารับพาขวัญขับเข้ามาแล้ว
“บ๊ายบาย...คุณเหนือฝากดูแลเพื่อนฉันด้วยนะคะ”
พระพายเห็นเพื่อนเธอกำลังขึ้นรถตู้คันหรูเธอเองจึงร้องฝากเหนือเมฆให้ดูแลเพื่อนเธอให้ดีด้วย
“ครับ...ลานะครับทุกคน”
เหนือเมฆรับปากพร้อมบอกลาทุกคนกลับเพราะต้องรีบไปขึ้นเครื่องเมื่อรถแล่นออกไปสองแม่ลูกที่ยืนดูอยู่ก็มีอาการหน้าหงอยไปตามๆกันเพราะจะกลับมาเหงากันเหมือนเดิมอีกแล้ว
2 ชั่วโมงต่อมา
หลังจากที่ลงเครื่องได้คนที่บ้านของเหนือเมฆก็รอรับทั้งหมดกลับมาที่บ้านเลยหลังจากลงเครื่องก็ใช้เวลานั่งรถพักใหญ่ก็ถึงบ้านของเหนือเมฆที่เขาซื้อไว้นานแล้วแต่ก็ไม่ค่อยได้กลับเข้ามาอยู่เท่าไรมีคนอยู่ก็แต่คนดูแลบ้านเท่านั้นเพราะส่วนมากเขาจะหมกตัวอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์หรือโรงแรมเสียมากกว่า
“ถึงแล้ว”
“นี่บ้านคุณเหรอคะ”
//นี่มันบ้านหรือโรงแรมกันเนี่ย//
พาขวัญมองไปรอบๆดูบ้านเขาจะใหญ่เสียเหลือเกินเธอเองไม่ค่อยชินกับการเป็นอยู่แบบนี้สักเท่าไรหญิงสาวลงจากรถได้ก็มองทั้งตัวบ้านและบริเวณรอบๆบ้านของเขาอย่างตื่นตาเพราะที่นี่เป็นบ้านที่ทรงค่อนข้างทันสมัยสองชั้นแต่ละชั้นคนจะกว้างน่าดูมีสวนร่มรื่นอยู่ติดกันและยังมีสระว่ายน้ำที่ใหญ่มากอีกด้วย
“อืม...อย่าลืมว่าคนในบ้านจะรู้จักเธอในฐานะภรรยาของฉันเข้าใจใช่ไหม”
เหนือเมฆเห็นว่าหญิงสาวลงรถได้ก็มัวแต่มองตะลึงอยู่กับบ้านของเขาอยู่เขาจึงต้องกำชับเธอกับเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้เพราะเรื่องนี้จะหลุดอะไรออกไปไม่ได้เด็ดขาด
“ค่ะ”
พาขวัญพยักหน้าหงึกหงักเธอไม่ลืมที่จะทำทุกอย่างให้จันทร์เจ้าปลอดภัยอยู่แล้วพร้อมอุ้มลูกน้อยของเธอเดินตามหลังชายหนุ่มเข้าบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณเหนือ”แม่บ้านวัยห้าสิบต้นๆมายืนรอรับคนเป็นเจ้านายที่นานๆจะกลับมาที่บ้านทีนึงทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เจ้าของบ้านจะพาใครมาอยู่เพราะเขาสั่งให้พวกเธอเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงเด็กอ่อนไว้ล่วงหน้าแล้ว“นี่ภรรยาฉันชื่อพาขวัญเรียกเธอว่าคุณขวัญส่วนนี่ลูกสาวของฉันชื่อจันทร์เจ้าทุกคนช่วยกันดูแลเธอเหมือนที่ดูแลฉันด้วย”เหนือเมฆเดินเขามาถึงหน้าบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านสองคนที่ดูแลบ้านของเขาก็รีบนะน้ำคนทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขาให้พวกเธอได้รู้จัก“ค่ะ/ค่ะ.คุณเหนือ”แม่บ้านทั้งสองยินดีต้อนรับคนที่จะมาอยู่ที่นี่เสมอและยิ่งรู้ว่ามีคุณหนูตัวน้อยมาอยู่ด้วยพวกเธอก็ยิ่งยินดี“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”พาขวัญยิ้มทักทายทั้งสองอย่างเป็นมิตรและเดินตามาชายหนุ่มเข้าบ้านไปเพราะตอนนี้จันทร์เจ้าเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้วเธอจะต้องรีบเตรียมนมและเตรียมเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอ“คุณห้องฉันกับจันทร์เจ้าอยู่ไหนฉันจะเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้า”พาขวัญต้องรีบถามชายหนุ่มว่าห้องเธออยู่ที่ไหนเพราะเธอต้องรีบจัดเตรียมที่จะชงนมและเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้าก่อนที่จะงอแง“ตามผมมา”เหนือเมฆเดิ่นดิ่
“อ๋อ...เปล่านี่”เหนือเมฆรู้ตัวว่าทำให้หญิงสาวรู้ตัวจึงรีบหันกลับไปมองจันทร์เจ้าทันทีคราวนี้หนูน้อยไม่มีอาการขมวดคิ้วแล้วแต่ยื่นมือมาเล่นนิ้วก้อยของเขาที่จับขวดนมอยู่แทนด้วยสายตาที่ยังสงสัยเช่นเดิม“คุณเหนือคะ...ในบ้านของคุณทุกห้องจะมีรูปคุณตั้งทุกห้องแบบนี้เลยเหรอคะ”พาขวัญมองไปรอบๆห้องเธอเห็นมีแต่รูปของชายหนุ่มวางตั้งอยู่เต็มไปหมดน่าจะเป็นรูปของเขากับพี่ชายเป็นแน่เธอคิดว่าหากห้องนี้มีรูปเขาอยู่ห้องอื่นๆก็น่าจะมีด้วย“เปล่าหรอกผมพึ่งให้คนย้ายห้องนอนผมลงมาที่นี่”เหนือเมฆส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมบอกกับหญิงสาวว่ามันมีแค่ห้องของเขาเท่านั้นที่จะมีรูปเขาอยู่“ที่นี่ห้องนอนคุณเหรอคะ”พาขวัญทำหน้างงเล็กน้อยคราแรกเขาบอกว่าที่นี่ห้องของเธอกับจันทร์เจ้าไหนที่พูดเมื่อครู่มันหมายความว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาเต็มๆเลยล่ะหรือว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปจึงถามชายหนุ่มให้แน่ใจอีกที“ใช่เราจะนอนด้วยกัน”เหนือเมฆคิดว่าถ้าตกลงจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้จันทร์เจ้าและคนอื่นๆก็รับรู้แบบนั้นเขาและเธอก็จะต้องอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้วคนในบ้านจะได้ไม่สงสัยและจะไม่มีอะไรผิดสังเกตด้วยอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของหญิงสาวและจันทร์เจ
“บอกให้เรียกยังไง.”ชายหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะลืมอะไรเร็วขนาดนี้เขาบอกให้เธอเรียกเขาให้ชินปากแต่ก็ต้องเตือนกันอยู่เรื่อย“เอ่อ...พี่เหนือ”พาขวัญเองก็ลืมตัวเธอเองยังไม่ชินเพราะนี่ก็พึ่งจะวันแรกที่เธอต้องเรียกเขาแบบนี้“นี่ที่นอนพี่เดี๋ยวขวัญกับลูกนอนบนเตียงก็แล้วกัน”เหนือเมฆไปขนฟูกนอนจากในห้องของเขามาเพื่อที่หญิงสาวจะได้นอนอย่างสบายใจและไม่อึดอัดด้วย“ค่ะ”พาขวัญคิดว่าชายหนุ่มยังใจดีกับเธอบ้างที่จะไม่ทำให้เธออึดอัดไปมากกว่านี้“ขวัญ...”“คะ??...”“คือพี่อยากจะรู้เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของขวัญเผื่อใครถามจะได้ตอบตรงกันไง”เหนือเมฆคิดว่าเขาและเธอจะต้องมาทำความรู้จักกันให้เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยเพราะแม่เลี้ยงของเขายิ่งชอบจับผิดเก่งอยู่ด้วย“อืมค่ะ...คือขวัญเกิดที่ลำปางพอพ่อเสียแม่ก็พาย้ายไปอยู่ภูเก็ตตอนที่จบม.6 แล้วตอนนี้ขวัญอายุ25เรียนจบบริหารธุรกิจการตลาดแล้วพอแม่เสียขวัญก็ทำงานที่ภูเก็ตจนตกงานแล้วก็กลับมาอยู่ที่ลำปางได้ประมาณเดือนนึงค่ะ”พาขวัญเล่าประวัติคร่าวๆของเธอให้เขาฟังว่าชีวิตของเธอเป็นอย่างไร“อ๋อ...แล้วไม่มีญาติที่ไหนอีกเหรอ”หากพ่อแม่เสียหมดเขาอยากจะรู้ว่าหญิงสาวมีญาติที่ไหนอีกหรือ
“โอ้โห...หลานปู่แก้มย้วยอย่างนี้ล่ะคงจะกินเก่งน่าดู”“ค่ะ”อิทธิวัฒน์ก้มมองหน้าหลานของเขาในอ้อมแขนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่เห็นแก้มย้วยๆของหนูน้อยก็รู้สึกเอ็นดูอย่างมากได้ข่าวว่าพึ่งคลอดแต่ดูหนูน้อยจะเจ้าเนื้อเสียเหลือเกินจนเขาอยากจะอุ้มฟัดเล่นติดอยู่ที่เจ้าตัวยังไม่ตื่นเขาจึงไม่อยากปลุก“ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ...น้าว่าเข้ามาด้านในกันก่อนเถอะ”แขไขทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเชิญทุกคนเข้าไปคุยกันข้างในบ้าน“คุณพ่อไม่โกรธผมเหรอครับที่ผมไม่ได้บอก”เหนือเมฆไม่เห็นพ่อเขาจะมีอาการต่อว่าอะไรเขาสักนิดเขาจึงนึกแปลกใจเพราะปกติอย่างน้อยก็ต้องมีคำว่าสักคำเมื่อเจอหน้าของเขา“ฉันจะโกรธแกเรื่องอะไรดีใจเสียอีกที่แกมีเมียมีลูกเสียทีนึกว่าจะทำตัวเสเพลกู่ไม่กลับเสียแล้ว”อิทธิวัฒน์ไม่อยากทำลายบรรยากาศครอบครัวแค่ลูกชายของเขามีเมียมีลูกเสียทีเขาก็หายห่วงแล้ว“แล้วนี่อาการคุณพ่อดีขึ้นแล้วเหรอครับ”เหนือเมฆเห็นคุณพ่อของเขาหน้าตาสดใสขึ้นก็อยากจะรู้เรื่องออาการป่วยว่าพ่อของเขานั้นเป็นอย่างไรบ้างถึงแม้อาการภายนอกจะดูปกติแต่ภายในมันป่วยอยู่ขั้นไหนเขาก็อยากจะรู้“ก็อย่างที่เห็นฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว...อ้าว...หลานปู่ตื
“เอ่อ...ในครัวมีผลไม้เต็มเลยเดี๋ยวน้าไปเตรียมมาให้หนูขวัญดีกว่านะจ๊ะพึ่งคลอดต้องกินของที่มีประโยชน์เยอะ”แขไขเห็นว่าเธอต้องหลบไปสงบสติสักพักเพราะใจเธอตอนนี้มันร้อนรุ่มไปหมดกลัวว่าทุกอย่างที่ตั้งใจทำมามันจะพัง“ขอบคุณนะคะ”“ไปยัยเอมไปช่วยแม่”“เอ่อ...ค่ะ”เอมิกาเห็นแม่ของเธอส่งสายตาแปลกๆมาให้เธอก็พอจะรู้ว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอจึงเดินตามแม่ของเธอออกไปแต่โดยดี“หึ้ย...หมั่นไส้มันจริงๆ”เมื่อมาถึงห้องครัวเอมิกาก็มือไม้สั่นเพราะต้องปั้นหน้ายิ้มให้พาขวัญอยู่นานพอควร“ฉันจะไม่ยอมให้มันได้อะไรไปแน่”แขไขเองก็เช่นกันเธอโกรธจนระงับอารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่“แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะในเมื่อคุณเหนือก็จะแต่งงานอยู่แล้ว”“ดีที่ฉันขัดไว้ก่อนได้ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ฉันก็ต้องทำให้คุณอิทยกทุกอย่างให้พวกมันดูแลให้ช้าที่สุด”ตอนนี้แขไขขอดูสถานการณ์ไปก่อนว่าจะเป็นยังไงแต่เธอก็จะทำให้มันช้าที่สุดเท่าที่ช้าได้เพราะเธอต้องหาวิธีจัดการก่อนไม่คิดว่าจู่ๆเหนือเมฆจะมีลูกมีเมียแล้วคิดแต่งงานเสียรวดเร็วขนาดนี้ทางด้านอิทธิวัฒน์“แล้วทางบ้านหนูขวัญรู้เรื่องนี้หรือยัง”อิทธิวัฒน์ก็อยากจะรู้ว่าทางบ้านพาขวัญรู้เรื่องนี้แล้วหรือยังเ
“ท่าทางเธอจะอยากกินมันมากเลยสินะ”เหนือเมฆไม่อยากจะให้มันเสียบรรยากาศเพราะเห็นหญิงสาวหน้าหงอยไปแล้วจึงหันไปหาเรื่องคุยถึงเรื่องอาหารที่เธอทำแทน“ค่ะขวัญไม่ได้กินของแซ่บๆพวกนี้นานแล้ว”พาขวัญเห็นว่าชายหนุ่มน่าจะสนใจอาหารที่เธอพึ่งเทลงจานจึงยื่นให้เขานั้นได้ดูว่ามันน่ากินแค่ไหน“ดูท่าจะเผ็ดน่าดู”เหนือเมฆเห็นสีของมันเขาก็มีอาการแสบท้องแล้วเพราะเขาไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กอาหารรสจัดเขาจึงไม่คุ้นชินเท่าไร“อร่อยนะคะลองชิมสิคะ”พาขวัญยังอยากให้ชายหนุ่มลองชิมฝีมือของเธอเผื่อเขาจะชอบวันหลังเธอนั้นจะได้ทำอีก“อืม...ก็อร่อยดีนะแต่รสชาติมันเผ็ดไปหน่อย”เหนือเมฆใช้ส้อมจิ้มกุ้งชิ้นโตที่ปกคลุมไปด้วยพริกที่อยู่ในจานใส่ปากพร้อมเคี้ยวเขาว่ารสชาติมันก็อร่อยดีแต่ติดตรงที่มันเริ่มเผ็ดขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เหงื่อของเขาผุดอออกมาเต็มไปหมดหน้าก็เริ่มแดงขึ้นจนเขาต้องพ่นลมปากออกมาเพื่อระบายความเผ็ด“ท่าทางพี่เหนือจะกินเผ็ดไม่ได้เลยใช่ไหมคะเนี่ย”พาขวัญเห็นอาการชายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าเขาคงจะไม่ใช่คนที่ทานอาหารเผ็ด“ก็นิดหน่อย”ชายหนุ่มตอบอย่างรักษาฟรอมตัวเองทั้งที่แท้ที่จริงแล้วเขาแทบจะไม่ทานอาหารที่มีพริกเลยต่างหาก
“อ๋อ...อืมงั้นพักเถอะเดี๋ยวคืนนี้พี่จะดูจันทร์เจ้าเอง”“ขอบคุณนะคะ”เหนือเมฆก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้อาการข้างเคียงวันนั้นของเดือนของหญิงสาวมันจะเป็นอย่างไรแต่ยังไงคืนนี้เขาก็อยากจะให้เธอพักเรื่องจันทร์เจ้าเขาคิดว่าเขาดูแลเองได้เช้าวันต่อมาบริษัทXXเครืออธิษฐ์เวหาบริษัทที่ที่เหนือเมฆดูแลอยู่เป็นบริษัทขนาดกลางที่ขายอุปกรณ์กีฬาส่งให้โรงเรียนหลายแห่งในกรุงเทพและต่างจังหวัดส่วนมากลูกค้าเองเสียมากกว่าที่จะเดินเข้ามาขอซื้อของจากบริษัทที่นี่เพราะของคุณภาพดีและมีชื่อเสียงมานาน“ท่านประธานคะตอนช่วงเช้าคุณมีนัดคุยกับคุณนิสาลูกค้ารายใหญ่ของเราค่ะ”รตีทำหน้าที่รายงานงานสำคัญในวันนี้ให้เหนือเมฆดีรู้เขาจะได้เตรียมตัว“คุณนิสา”เหนือเมฆไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้สักเท่าไรเพราะลูกค้าของเขาก็มากมายเสียเหลือเกินส่วนมากคนที่ติดต่อก็จะเป็นนภัสคนสนิทของเขาเสียมากกว่า“เจ้าของโรงเรียนนานาชาติค่ะ”รตีรู้ว่าเจ้านายของเธอคงจะจำไม่ได้ว่าเธอเป็นใครจึงย้ำให้ฟังอีกครั้งว่าหญิงสาวคนนี้เป็นลูกค้าประจำที่เป็นเจ้าของโรงเรียน“อ๋อ...ครับ”เหนือเมฆพยักหน้าเข้าใจเขาพอจะนึกออกแล้วว่าเธอคนนี้เป็นใครวันนี้เขาต้องคุยกับเธอเองสินะเพราะทุ
“ไม่ค่ะแล้วแต่พี่เหนือเลยเราไม่ได้อยากแต่งกันจริงๆสักหน่อย”พาขวัญคิดไม่ออกหรอกว่าเธออยากจะได้ชุดแต่งงานแบบไหนเรื่องนี้เธอก็ขอแล้วแต่ชายหนุ่มเลยก็แล้วกันเพราะมันไม่ใช่งานแต่งของคนที่เค้ารักกันจริงๆเสียหน่อย“อืม...งั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า”“ค่ะ”เหนือเมฆรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของหญิงสาวสักเท่าไรเพราะดูเหมือนเขาไม่มีค่าในสายตาเธอคนอย่างเขามีคนมากมายที่อยากจะแต่งงานด้วยแต่หญิงสาวเปล่าเลยเธอไม่ได้มีความคิดแบบนั้นสักนิดอันที่จริงเขาก็ควรดีใจที่หญิงสาวไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสนี้ผูกมัดเขาแต่มันก็อดหงุดหงิดหัวใจไม่ได้เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันพร้อมขอตัวออกไปจากตรงนี้เสียจะดีกว่าลำปาง19.00 น.“กลับมาแล้วเหรอ...พายแกได้ยินข่าวคนเค้าพูดกันไหม”มานีเห็นลูกสาวกลับบ้านมาเธอก็เริ่มถามสิ่งที่กำลังกังวลใจตอนนี้ทันที“ข่าวอะไรเหรอแม่”พระพายอยากจะรู้นักว่าไอ้ข่าวที่คนเค้าคุยกันข่าวอะไรเพราะปกติแล้วเธอก็ไม่ยักจะเห็นแม่เธอใส่ใจกับเรื่องซุบซิบนินทาของชาวบ้านมากนัก“ก็ที่แกกลับบ้านพร้อมหัวหน้าแกทุกวันคนเค้าก็เอาไปพูดกันว่าแกไปค้างคืนกับหัวหน้าแกน่ะสิ”