ลำปาง
18.00 น.
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นพระพายก็หนีกลับมาที่บ้านก่อนที่ภูผาจะกลับเธอปิดช่องทางการติดต่อจากชายหนุ่มทุกช่องทางและลาออกจากสำนักงานเธอใช้เงินที่พาขวัญทิ้งไว้ให้เจ็ดแสนมาเปิดร้านขายขนมไทยกับแม่เธอสองคนในตลาดที่อำเภอเป็นเดือนแล้วนานๆทีจะไปดูบ้านเธอกับพาขวัญสักครั้ง
“แม่เหนื่อยไหม”
ร้านขนมไทยของพระพายค่อนข้างขายดีเพราะฝีมือของมานีที่ลงมือทำเองทุกขั้นตอนโดยมีพระพายเป็นลูกมือ
“ขายของเยอะเห็นเงินแบบนี้มันก็หายเหนื่อย”
มานีไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรเลยเพราะเธอทำงานแล้วมันเห็นเงินความเหนื่อยก็หายไปปลิดทิ้ง
“พรุ่งนี้แม่เตรียมทำสังขยารอเลยนะไอ้ขวัญน่าจะมาถึงตอนบ่ายๆ”
พระพายตั้งหน้าตั้งตารอพาขวัญกลับมาเธอไม่ลืมที่จะเตือนแม่เธอให้ทำขนมของโปรดพาขวัญเอาไว้ให้เป็นเพราะเงินของเพื่อนเธอจึงทำให้เธอมีร้านจนทุกวันนี้
“รู้แล้วล่ะน่า...”
มานีเตรียมวัตถุดิบเอาไว้บางส่วนแล้วเธอไม่ลืมที่จะรอต้อนรับพาขวัญอยู่แล้ว
“เออ...แม่ว่าแกไปดูบ้านให้หนูขวัญหน่อยก็ดีนะ”
มานีเห็นว่าพาขวัญจะมาพรุ่งนี้แล้วเลยอยากให้ลูกสาวเธอไปดูบ้านให้เรียบร้อยเสียหน่อยเพราะไม่ได้ไปเป็นอาทิตย์แล้ว
“พายก็ว่าจะไปพอดีจะแม่...เดี๋ยวนอนที่บ้านเลย”
พระพายกะว่าปิดร้านแล้วก็จะไปอยู่พอดีแล้วเธอเองก็จะแวะเข้าบ้านของเธอแล้วนอนที่นั่นเลยสักคืนนึง
“งั้นก็รีบไปเถอะ...นี่ก็เริ่มจะมืดแล้ว”
มานีหยิบกุญแจมอเตอร์ไซต์ส่งให้ลูกเธอรีบไปเพราะนี่มันก็หกโมงเย็นกว่าแล้วกลัวว่าช้ามันจะมืดกว่านี้
“ภูเหรอลูก...พายมันไปที่บ้านแล้วนะ”
หลังจากที่ลูกสาวของเธอขับรถออกไปเรียบร้อยแล้วมานีก็จัดการโทรหาภูผาเพราะเธอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากของภูผาแล้วและเขาก็อยากจะรับผิดชอบลูกสาวของเธอแต่ติดตรงที่ลูกสาวของเธอดื้อไม่ยอมบอกอะไรเรื่องนี้กับเธอเลยเธอเลยนี่สิจะให้เธอคุยกับลูกสาวเธอตรงๆก็กลัวว่าจะไม่ยอมคุยเพราะเธอรู้นิสัยลุกสาวเธอดีเธอจึงต้องใช้วิธีนี้ให้ทั้งสองได้เจอกัน
บ้านภูผา
“เราจะได้คุยกันซะทีนะพาย”
ภูผาพยายามเข้าหาหญิงสาวอยู่หลายครั้งแต่เจ้าตัวก็เอาแต่หลบหน้าเสียทุกทีไปเขายังไม่ได้มีโอกาสที่จะขอโทษและรับผิดชอบเธอแม้แต่น้อยวันนี้เป็นยังไงก็เป็นกันเขาเป็นลูกผู้ชายพอกล้าทำกล้ารับสร้างปัญหาได้เขาก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้
20.30 น.
“เฮ้อ....เสร็จซะทีบ้านสะอาดกริ้บ...เพื่อแกเลยนะขวัญ”
พระพายทำความสะอาดบ้านให้พาขวัญจนสะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุมเพื่อต้อนรับเพื่อนเธอกลับบ้านพร้อมขับรถกลับไปดูที่บ้านเธอต่อทันทีเพราะตอนนี้ร่างกายต้องการพักผ่อนเสียแล้ว
22.00 น.
“โหยย...น่ารักจังเลยยย”
คราแรกพระพายว่าจะกลับบ้านแล้วนอนพักเลยแต่เธอดันไปเปิดดูซีรีย์เกาหลีเสียอีกคืนนี้คงจะอีกยาวหญิงสาวนั่งบิดเขินไปมาให้กับความน่ารักของพระเอกนางเอกที่ดูจะน่ารักกุ๊กกิ๊กเหมาะสมกันเหลือเกิน
“พาย”
“ว้ายย...มาได้ไงเนี่ย”
พระพายถึงกับตกอกตกใจสะดุ้งตัวโยนที่จู่ๆชายหนุ่มที่เธอไม่อยากจะเจอก็โผล่มาที่บ้านเสียอย่างนั้นไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่
“ผมอยากคุยกับคุณเรื่องวันนั้น”
ภูผาอยากจะคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวเขาอยากจะขอโทษและขอยอมรับผิดชอบทุกๆอย่างอย่างลูกผู้ชาย
“หยุดพุดเดี๋ยวนี้นะ....ออกไปจากบ้านฉันด้วย”
พระพายไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องวันนั้นอีกเพราะเธอไม่อยากให้ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรีของเธอเกิดขึ้นมาอีกนั่นเองเธอพยายามหนีทุกอย่างแล้วแต่เหมือนว่าทุกอย่างกำลังวิ่งตามเธอตลอดเวลา
“ไม่ไปยังไงวันนี้เราก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“บอกให้ออกไปไง”
“ไม่...”
ภูผาไม่ยอมไปง่ายๆชายหนุ่มรวบกอดคนตัวเล็กเอาไว้ไม่ให้หนีเขาไปไหน
หากสิ่งที่เขาต้องการนั้นยังไม่สำเร็จหลายวันมานี้เขาไม่เห็นหน้าเธอรู้สึกเหงาและห่อเหี่ยวใจแปลกๆเพราะเมื่อกลับบ้านแล้วก็จะมีหญิงสาวที่คอยอยู่คุยเป็นเพื่อนเขาและตอนนั้นเขายังสามารถคุยกับเธอได้แทบจะทุกเรื่องอีกด้วย
แต่พอมาถึงวันนี้มันไม่ใช่หญิงสาวพยายามหนีเขาชายหนุ่มจึงอยากจะตามให้เธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาและสร้างรอยยิ้มให้เขาเหมือนเดิมหากไม่เหมือนเดิมได้ก็ขอให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ยังดี
“นี่คุณปล่อยฉันนะ....ไอ้คนฉวยโอกาส”
พระพายพยายามดิ้นหนีจากชายหนุ่มเพราะเธอไม่อยากได้รับสัมผัสใดๆจากเขาอีก
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาส...ที่ผมมาเพราะผมต้องการคุยกับคุณต้องการที่จะรับผิดชอบคุณ”
“ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรฉัน...แค่อย่ามายุ่งกับฉันก็พอ...ฉันอุตส่าห์ลาออกไปให้พ้นหน้าคุณแล้วคุณยังจะมารังควานฉันอีกทำไม”
“ผมบอกว่าผมต้องการรับผิดชอบคุณไง....เราจะแต่งงานกัน”
เรื่องนี้ภูผาคิดไตร่ตรองมาดีแล้วแถมยังคุยกับผู้ใหญ่ของทั้งเขาและเธอมาแล้วด้วย
“อย่ามาตลกรักกันก็ไม่ได้รัก...จะแต่งงานกันได้ยังไงคุณรักใครคุณก็รอคนนั้นไปอย่ามายุ่งกับฉัน...ได้ยินไหมว่าอย่ามายุ่ง”
พระพายได้ยินเช่นนั้นเธอก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจหนักขึ้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าชายหนุ่มยังมีใจให้กับแฟนเก่าอยู่แล้วจะมาแต่งงานกับเธอหญิงสาวไม่เข้าใจว่าเขาต้องการที่จะทำร้ายหัวใจของเธอไปถึงไหน
“มีเหตุผลหน่อยสิ....เมาคุยกันดีๆได้ไหมเรื่องของเราแม่คุณก็รู้แล้วทางบ้านผมก็รับรู้”
“ใครใช้ให้คุณไปบอกพวกเค้ากันล่ะ...ทำให้มันเงียบไปก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”เธอคิดไว้แล้วว่าแม่เธอต้องมีอะไรบิดบังเธออยู่เป็นแน่แต่ก็ไม่ยักจะรู้ว่าแม่เธอกับชายหนุ่มหาเวลาไปคุยกันตอนไหนเธอคิดว่าถ้าปล่อยให้เรื่องเงียบไปโดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องมาใส่ใจกับเธอแค่นี้ทุกอย่างก็จะเงียบและเธอก็จะทำใจกับเรื่องนี้ได้เอง“รักตัวองบ้างหรือเปล่า”ภูผาอยากจะรู้นักที่เขาทำตัวของเธอเสียหายขนาดนี้ยังอยากให้เขาเฉยกับมันได้อีก“รักสิถึงได้พยายามปกป้องความรู้สึกตัวเองอยู่นี่ไง”พระพายรักตัวเองอยู่แล้วที่เธอพยายามอยู่ห่างเขาไม่อยากเห็นอยากเจอเพราะเธอต้องการรักษาแผลใจของเธออยู่นั่นเอง“ไม่รู้ล่ะ...อีกสองวันเตรียมตัวรอได้เลยเราจะแต่งงานกัน”ภูผาชักเห็นว่าหญิงสาวจะไม่ยอมแต่โดยดีเขาก็จะต้องใช้วิธีบังคับเสียแล้ว“นี่ฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม....อื้มมม”พระพายต้องชะงักเมื่อจู่ๆชาหนุ่มก็ฉวยโอกาสบดจูบมาที่ปากบางของเอย่างไม่ได้ตั้งตัวแถมยังหนีเขาไปไหนไม่ได้เพราะแรงกอดรัดของเขา“ถ้ายังดื้ออีกเจอมากกว่านี้แน่...ไปนอนได้แล้วดึกแล้ว”ภูผาไม่ได้แค่ขู่แต่เขาเอาจริงชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบรีโมทปิดทีวีพร้อมพาหญิงสาวเข้าไปนอนในห
“หืมม...สังขยา”เมื่อถาดสังขยามาวางตรงหน้าหญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะตักแบ่งใส่จานกินกับข้าวเหนียวมูนอย่างคำโต“ค่อยๆกินก็ได้ขวัญ...ไม่กลัวอ้วนเหรอ”เหนือเมฆไม่เคยเห็นพาขวัญทานเยอะขนาดนี้มาก่อนสงสัยนี่จะเป็นของโปรดจริงๆแต่ก็อดแซวไม่ได้ว่าภรรยาของเขาจะน้ำหนักขึ้น“ไม่ค่ะได้กินของโปรดทั้งที”พาขวัญไม่กลัวอะไรแล้วนานๆทีได้กินของโปรดฝีมือของมานีทั้งทีหญิงสาวจึงตักเข้าปากไม่หยุดและไม่มีท่าทีว่าจะอิ่มด้วยซ้ำจนคนอื่นๆรอบโต๊ะอาหารไม่มีใครกล้าตักแบ่งสังขยาในถาดเข้ามาในจานของตัวเองเลยเพราะกลัวว่าจะไปแย่งพาขวัญ“พายไม่กินเหรอ”ตอนนี้ทุกคนก็ต่างทานของหวานกันล้างปากมีอยู่คนเดียวที่ไม่กินเห็นจะเป็นพระพายพาขวัญจึงต้อถามขึ้นว่าเพื่อนเธอไม่หิวหรืออย่างไรหรือจะไดเอทไว้ใส่ชุดแต่งงานอันนี้เธอก็ไม่แน่ใจ“ไม่อ่ะ...ฉันมีไอ้นี่...กินด้วยกันไหม”พระพายรู้สึกไม่ค่อยอยากจะกินของหวานพวกนี้เท่าไรเพราะตอนนี้เธอมีมะม่วงน้ำปลาหวานที่ชวนน้ำลายสออยู่มือที่แม่ของเธอพึ่งจะยื่นให้เมื่อกี้นี้เอง“เอาสิ...”พาขวัญเห็นว่าอะไรอยู่ในมือเพื่อนของเธอก็ตาลุกวาวเธอรู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมาในทันที“ยังไม่อิ่มอีกเหรอขวัญ”เหนือเมฆถึงกับผงะจ
3 เดือนต่อมาบ้านเหนือเมฆ“จันทร์เจ้าขา...อย่าหนีคุณแม่สิคะ”ตอนนี้ท้องของพาขวัญก็แก่ใกล้คลอดเต็มทีหญิงสาวจึงเดินตามลูกสาวของเธอไม่ค่อยจะไหวหนูน้อยจันทร์เจ้าก็ได้ขวบครึ่งแล้วเด็กหญิงเดินแทบจะทั้งวันหยุดได้ก็เห็นจะเป็นเวลานอนเท่านั้นแหละ“.หม่ำๆ หนมหย่อย”หนูน้อยเดินกลับมาหาคนเป็นแม่พร้อมชี้ไปที่ขนมผักที่อยู่ในกล่องแน่นอนว่าหนูน้อยอยากจะกินมันอีกแล้ว“หิวอีกแล้วเหรอคะ...อะนี่ค่ะคุณแม่ให้”พาขวัญเห็นว่าช่วงนี้จันทร์เจ้าชอบกินแต่ขนมจนเธอต้องให้เหนือเมฆซื้อติดบ้านไว้อาทิตย์ละหลายๆกล่องใจก็กลัวว่าหนูน้อยจะไม่สบายท้องแต่ก็เห็นหน้าอันจิ้มลิ้มและสายตาที่อ้อนวอนเธอก็อดจะให้หนูน้อยกินตามใจปากไม่ได้“เอา...”จันทร์เจ้ารับขนมจากคนเป็นแม่ใส่ในมือข้างขวาแต่มือข้างซ้ายก็แบขอคนตรงหน้าอีก“กินในมือให้หมดก่อนค่ะ”ถึงพาขวัญจะตามใจเรื่องกินแต่เธอก็ต้องให้จันทร์เจ้านั้นรู้จักกินทีละอย่างไม่โลภมากถือสองไม้สองมือ“กลับมาแล้วเหรอคะ”“จะ”ฟอดดด“จันทร์เจ้าครับ”เหนือเมฆเข้ามากอดคนเป็นภรรยาพร้อมหอมหญิงสาวฟอดใหญ่และหันไปเล่นกับลูกสาวตัวกลมของเขาต่อ“คูนน.พ่อ...ดีจ้า”หนูน้อยจันทร์เจ้าเห็นคนเป็นพ่อกลับมาก็รีบเดิ
โรงพยาบาลในระหว่างที่เหนือเมฆเดินทางกลับพาขวัญก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพราะเธอรู้สึกปวดท้องอย่างมากเหนือเมฆเลยต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากที่บ้านไปที่โรงพยาบาลอย่างร้อนใจ“ขวัญ...เป็นไงบ้าง”พยาบาลเข็นเตียงหญิงสาวเข้าห้องผ่าตัดเหนือเมฆอยากจะรู้ว่าอาการของภรรยาของเขาเป็นอย่างไรเพราะเขากลัวว่าเธอจะมีอันตรายส่วนเรื่องติดต่อกับเอมิกาเธอให้เดย์จัดการอยู่“ขวัญโอเคค่ะ...พาจันทร์เจ้ากลับมาให้ได้นะคะ”พาขวัญยิ้มให้คนเป็นสามีตัวเธอตอนนี้ถึงมือหมอแล้วเธอโอเคแต่เธอห่วงจันทร์เจ้ามากกว่า“พี่สัญญา”เหนือเมฆรู้สึกกังวลไปเสียทุกเรื่อถึงภรรยาของเขาจะบอกว่าโอเคแต่การผ่าตัดทำคลอดด่วนเขาก็รู้ว่ายังไงมันก็อยู่ในภาวะเสี่ยงอยู่ดีแต่เขาก็ยต้องชั่งใจไม่ให้กังวลคิดเสียว่าภรรยาของเขาอยู่ในมือหมอแล้วคงจะปลอดภัย“ได้ที่อยู่มาแล้วครับคุณเหนือ”นภัสติดต่อกับเอมิกาได้ก็รีบมาบอกคนเป็นนายอย่างรีบร้อน“งั้นเราไปกันเลย”เหนือเมฆไม่รอช้าเมื่อติดต่อเอมิกาได้เงินที่เธออยากได้เขาก็เตรียมพร้อมหมดแล้วขอแค่เขาได้จันทร์เจ้าคืนมาเงินเท่าไรเขาก็ยอมแลกวันต่อมาช่วงเย็นของวัน“อือ.อืมม...”“ฟื้นแล้วเหรอ”เหนือเมฆรีบเดินไปที่เตียงภรรย
วันต่อมา“พี่ไปทำงานก่อนนะ”ได้เวลาที่ภูผาจะต้องไปทำงานแล้ววันนี้เขาไม่ยักจะเห็นหญิงสาวเดินมาส่งที่หน้าบ้านเขาจึงต้องเข้าไปบอกหญิงสาวเองว่าเขากำลังจะไปทำงานแล้ว“อืม...”พระพายตอบชายหนุ่มเพียงคำสั้นๆไม่มองเขาแม้แต่นิดเดียวเพราะกำลังให้นมลูกของเธออยู่“พ่อไปทำงานก่อนนะครับ”ภูผาไม่อยากจะหาเรื่องคุยกับหญิงสาวตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเธอโกรธเรื่องอะไรถึงได้มีท่าทีเฉยชาแต่ขอเขากลับจากทำงานก่อนค่อยคุยกันจะดีกว่าเขาก้มลงไปจูบหน้าผากของลูกสาวของเขาแล้วออกไปทำงานทันที//รู้บ้างไหมว่าโกรธอยู่เนี่ย//พระพายยิ่งเห็นชายหนุ่มไม่ถามอะไรเธอบ้างว่าเธอเป็นแบบนี้เพราะอะไรก็ยิ่งหงุดหงิดแต่เมื่อมองหน้าลูกเธอก็ใจเย็นลงมากตอนนี้เธอขอสนใจแต่ลูกก่อนจะดีกว่ากลัวว่านึกถึงชายหนุ่มแล้วเธอจะพาลใจขุ่นมัวเย็นของวันภูผากลับบ้านมาได้พักใหญ่แล้วตอนนี้หญิงสาวก็เข้าครัวทำกับข้าวอยู่ส่วนลูกก็นอนเล่นอยู่ในเปลโดยมีเขาที่คอยอยู่ข้างๆชายหนุ่มนั่งคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดไม่ตกว่าหญิงสาวนั้นเป็นอะไรกลับมาคิดว่าอาการจะดีขึ้นกลับเหมือนจะยิ่งกว่าเดิม“อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ”พระพายทำกับข้าวสองสามอย่างวางที่โต๊ะอาหารให้ชายหนุ่ม“พายเป็น
กรุงเทพมหานครบ้านอธิษฐ์เวหา22.00 น.“มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง”อิทธิวัฒน์ถึงกับล้มพับลงไปนั่งที่โซฟาเมื่อรู้ข่าวเรื่องลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้เกิดอุบัติเหตุขณะกำลังพากันกลับบ้านหลังจากที่เพียงฟ้าลูกสะใภ้ของเขานั้นกลับจากพักฟื้นที่โรงพยาบาลหลังคลอดได้เพียงสามวันเท่านั้นเขาเองก็ยังไม่ได้เห็นหน้าหลานเลยด้วยซ้ำยิ่งร้ายไปกว่านั้นหลานของเขายังหายไปโดยไร้น่องรอยอีกต่างหากเขาไม่รู้ว่าเรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องอุบัติเหตุจริงๆหรือใครทำให้มันเกิดขึ้นกันแน่นิกรเองได้รับข่าวนี้มาก็ร้อนใจอยู่ไม่น้อยตอนนี้เขาก็ได้สั่งการให้ลูกน้องของเขาสืบดูอีกทีว่าที่มาที่ไปของอุบัติเหตุครั้งนี้มันคืออะไรกันแน่เขาเองปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ต์ว่าอรรณพนั้นเป็นคนไม่ประมาทถ้าไม่มีใครจงใจให้เกิดมันคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่“แล้วตาเหนืออยู่ไหนไปตามกลับมาเดี๋ยวนี้เลย”อิทธิวัฒน์เห็นว่าป่านนี้ลูกชายคนเล็กของเขายังไม่เห็นจะโผล่หัวกลับมาที่บ้านเสียทีจึงสั่งให้นิกรไปตามกลับมาด่วนเพราะตอนนี้ยังไงเขาก็ยังอยากให้ลูกชายของเขามารับรู้ข่าวของคนในบ้านไม่ใช่เอาแต่หายหัวไปอยู่แต่ข้างนอก“ครับคุณท่าน”นิกรได้รับคำสั่งจากอิทธิ
ก็อกๆๆๆ“พาย...พาย...นี่ฉันขวัญเอง”พาขวัญเคาะประตูไม้หน้าบ้านของพระพายพร้อมเรียกเพื่อนเธออย่างร้อนใจเธอรู้ว่าแม่ของพระพายรับจ้างเลี้ยงเด็กยังไงที่นี่ก็ต้องมีนมสำหรับเด็กติดบ้านไว้บ้างแหละ“แม่...เสียงไอ้ขวัญ”พระพายลุกขึ้นพรวดเมื่อเธอรู้ว่าใครเรียกเธอ“เอ้าเหรอ...รีบลุกไปดูสิแล้วหนูขวัญมาทำไมดึกๆดื่นๆล่ะเนี่ย”มานีเองก็ลุกขึ้นเหมือนกันเพราะรู้ว่าต้องมีเรื่องด่วนแน่ไม่อย่างนั้นพาขวัญคงไม่มาบ้านเธอเวลานี้แน่เพราะที่นี่กลางคืนน่ากลัวแค่ไนใครๆก็รู้“จ๊ะแม่”พระพายรีบไปเปิดไฟและปิดประตูบ้านไปดูเพื่อนสาวเธอทันที“แง้ๆๆๆๆ....แง้ๆๆๆ....”“ขวัญ...ไปอุ้มเด็กที่ไหนมา”พระพายเปิดประตูมาเห็นเพื่อนเธออุ้มเด็กเล็กอยู่ในห่อผ้าก็ถึงกับหน้าเหวอนิดหน่อยแต่ก็รู้ว่าต้นเสียงที่เธอคิดว่าหูแว่วอยู่ที่ไหน“แกพอจะมีนมผงของเด็กไหม”เมื่อเพื่อนสาวเธอเปิดประตูมาได้พาขวัญก็รีบถามหานมผงของเด็กทันทีโดยที่ไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามที่เพื่อนเธอถามเพราะเธอนั้นยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย“น่าจะมีอยู่เข้ามาข้างในก่อนเดี๋ยวถามแม่ให้”พระพายพอจะดูออกว่าเด็กที่ร้องแบบนี้น่าจะหิวเลยให้เพื่อนเธอเข้ามาในบ้านก่อนเพราะเดี๋ยวบ้านอื่นเขาจ
“ต่อไปนี้เด็กคนนี้จะเป็นลูกของหนูจะ”“ห้ะ....เอาอย่างนั้นเลยเเหรอ”มานีและพระพายถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อพาขวัญพูดออกมาเมื่อครู่แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะเห็นว่าพาขวัญน่าจะตั้งใจจริง“ช่วงนี้หนูจะรีบหางานให้ได้เร็วที่สุด”พาขวัญตั้งใจไว้แล้วว่าเธอจะรีบหางานให้ได้เร็วที่สุดงานอะไรเธอก็ทำทั้งนั้นขอให้ได้เงินมาเพราะเธอรู้ว่าเลี้ยงเด็กคนนึงมันต้องใช้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากยังไงเธอตั้งใจอะไรไว้แล้วเธอก็จะต้องทำให้สำเร็จ“ถ้าลำบากก็ให้น้าช่วยเลี้ยงก็ได้น้าไหวต้นกล้าเองก็ยังเล็กไม่ค่อยอ้อนอะไรมากนักน้าเลี้ยงเด็กอีกคนได้”มานีเห็นแล้วก็สุดสงสารเธอเองก็ไม่ได้มีมากนักสิ่งที่เธอพอจะช่วยได้ก็คือช่วงเลี้ยงหนูน้อยคนนี้ให้ได้ก็เท่านั้นเพราะเธอก็หาเช้ากินค่ำกับลูกสาวสองคนเหมือนกัน“ขอบใจจะน่านี”พาขวัญรีบยกมือไหว้ขอบใจมานีที่มีน้ำใจช่วยเธอทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้สบายอะไรมากนัก“แล้วแม่หนูน้อยคนนี้ชื่ออะไรเเหรอ”ไหนๆพระพายเห็นเพื่อนเธอรับเด็กคนนี้เป็นลูกแล้วเท่ากับว่าเด็กคนนี้ก็เป็นหลานเธอตอนนี้ก็เหลือแค่ชื่อที่เธอจะต้องมีเรียกเพราะเธอเห็นว่าก็คงจะต้องเรียกกันไปอีกนาน“อืม...ก็ไม่รู้เหมือนกัน...อืม...ชื่