ก็อกๆๆๆ
“พาย...พาย...นี่ฉันขวัญเอง”
พาขวัญเคาะประตูไม้หน้าบ้านของพระพายพร้อมเรียกเพื่อนเธออย่างร้อนใจเธอรู้ว่าแม่ของพระพายรับจ้างเลี้ยงเด็กยังไงที่นี่ก็ต้องมีนมสำหรับเด็กติดบ้านไว้บ้างแหละ
“แม่...เสียงไอ้ขวัญ”
พระพายลุกขึ้นพรวดเมื่อเธอรู้ว่าใครเรียกเธอ
“เอ้าเหรอ...รีบลุกไปดูสิแล้วหนูขวัญมาทำไมดึกๆดื่นๆล่ะเนี่ย”
มานีเองก็ลุกขึ้นเหมือนกันเพราะรู้ว่าต้องมีเรื่องด่วนแน่ไม่อย่างนั้นพาขวัญคงไม่มาบ้านเธอเวลานี้แน่เพราะที่นี่กลางคืนน่ากลัวแค่ไนใครๆก็รู้
“จ๊ะแม่”
พระพายรีบไปเปิดไฟและปิดประตูบ้านไปดูเพื่อนสาวเธอทันที
“แง้ๆๆๆๆ....แง้ๆๆๆ....”
“ขวัญ...ไปอุ้มเด็กที่ไหนมา”
พระพายเปิดประตูมาเห็นเพื่อนเธออุ้มเด็กเล็กอยู่ในห่อผ้าก็ถึงกับหน้าเหวอนิดหน่อยแต่ก็รู้ว่าต้นเสียงที่เธอคิดว่าหูแว่วอยู่ที่ไหน
“แกพอจะมีนมผงของเด็กไหม”
เมื่อเพื่อนสาวเธอเปิดประตูมาได้พาขวัญก็รีบถามหานมผงของเด็กทันทีโดยที่ไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามที่เพื่อนเธอถามเพราะเธอนั้นยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย
“น่าจะมีอยู่เข้ามาข้างในก่อนเดี๋ยวถามแม่ให้”
พระพายพอจะดูออกว่าเด็กที่ร้องแบบนี้น่าจะหิวเลยให้เพื่อนเธอเข้ามาในบ้านก่อนเพราะเดี๋ยวบ้านอื่นเขาจะพลอยได้ยินเสียงเด็กร้องไปด้วยส่วนเรื่องนมเดี๋ยวให้แม่เธอจัดการ
“อ้าวขวัญนั่นหนูเอาเด็กที่ไหนมา”
มานีเดินตามพระพายออกมาเพราะได้ยินเสียงเด็กร้องดังจึงต้องถามพาขวัญด้วยความสงสัยว่าไปอุ้มลูกของใครมาเพราะเท่าที่รู้พาขวัญนั้นอยู่คนเดียวที่บ้านของเธอ
“เรื่องมันยาวน่ะจะน้านีพอจะมีนมผงของเด็กไหมจ๊ะ”
เรื่องนี้พาขวัญยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้เพราะมันยาวกว่าจะเล่าหมดแต่ตอนนี้เธอต้องการนมผงให้หนูน้อยที่เธออุ้มอยู่ก่อนเพราะคงจะหิวแย่แล้ว
“มีๆ...ของต้นกล้ายังมีอยู่ที่นี่บ้างเดี๋ยวน้าไปชงใส่ขวดให้นะ”
“ขอบใจจะน้านี”
มานีรีบไปจัดการเรื่องนมให้พาขวัญอย่างรวดเร็วดีที่บ้านเธอนั้นมีนมของต้นกล้าเด็กที่เธอรับจ้างเลี้ยงติดอยู่ด้วยจึงพอจะชงให้เด็กน้อยที่พาขวัญอุ้มอยู่ทุเลาความหิวได้บ้าง
“มาๆส่งมาให้น้า”
มานีรีบชงนมเสร็จก็รีบอุ้มหนูน้อยเข้าอกพร้อมจ่อขวดนมไปที่ปากหนูน้อยเมื่อหนูน้อยในห่อผ้ารู้ว่ามีอะไรมาถูริมฝีปากก็รีบงับแล้วดูดอย่างรวดเร็วทันทีพร้อมส่งเขียงขู่และมีเสียงสะอื้นเล็กน้อยในลำคอ
“เฮ้อ....”
พาขวัญถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หนูน้อยในห่อผ้านั้นสงบลงได้เสียที
“เล่ามาเลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
พระพายอยากรู้ใจจะขาดว่าเพื่อนเธอไปอุ้มเด็กที่ไหนมาแล้วมาหาเธอดึกๆดื่นๆแบบนี้
“แกจำพี่เพียงฟ้าได้ใช่ไหม”
“รุ่นพี่เราตอนสมัยเรียนที่เค้าว่ามีผัวรวยๆใช่ป่ะ”
พระพายจำได้ว่าเพียงฟ้าเป็นรุ่นพี่คนนึงที่เคยสนิทกับพาขวัญมากๆแต่หลังๆก็ห่างหายไปเพราะเห็นว่าไปใช้ชีวิตในกรุงเทพกับครอบครัวแล้วยังมีข่าวว่าไปแต่งงานกับคนร่ำคนรวยอีก
“อืมม...”
พาขวัญพยักหน้าตอบเพื่อนของเธอ
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเด็กคนนี้อ่ะ”
พระพายยังคงงงไม่หายว่าเด็กคนนี้นั้นเกี่ยวอะไรกับเพียงฟ้าด้วย
“คือ...”
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ช่วงประมาณสองทุ่มกว่าๆพาขวัญเดินออกไปซื้อกับข้าวที่ในตลาดที่อยู่ในหมู่บ้านในระหว่างทางกลับเธอเห็นรถหรูคันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุอยู่เธอหวังว่าจะเข้าไปช่วยแต่คนที่ติดอยู่ในรถเป็นเพียงฟ้าคนที่เธอรู้จักเธอเลยตกใจมากพยายามจะโทรหาตำรวจและมองหาคนแถวนั้นให้ช่วยแต่เธอองก็ไม่เห็นใครจะผ่านมาทางนี้เลยสักคน
ระหว่างที่เธอโทรหาตำรวจแต่ก็ต้องตัดสายโดยที่ยังไม่มีใครรับเพราะจู่ๆเพียงฟ้าที่รู้สึกตัวก็รีบยื่นหนูน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองส่งให้เธอพร้อมบอกด้วยนำเสียงที่แผ่วเบาว่า
“ช่วยดูลูกพี่ด้วยขวัญพาเค้าหนีไปให้ไกลจากครอบครัวพี่ที่สุดอย่าส่งลูกพี่ให้ใครเพราะเค้าจะเป็นอันตรายรีบหนีไปมีคนกำลังตามพี่มาไปเร็ว”
“อะ...เอ่อ...ค่ะๆ”
พาขวัญค่อนข้างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยู่มากแต่เธอก็ตอบรับคำของเพียงฟ้าและอุ้มหนูน้อยเดินลัดป่าเข้าไปเล็กน้อยแต่เธอเดินออกมาไม่ห่างนักเธอก็เห็นมีมอไซต์คันหนึ่งที่มีชายร่างใหญ่สองคนปกปิดใบหน้าและตัวมิดชิดยืนดูลาดราวอยู่สองสามนามีก็ขับออกไปเธอยิ่งเห็นแบบนี้แล้วก็ยิ่งกลัวพร้อมทั้งพาหนูน้อยที่หลับอยู่รีบวิ่งกลับไปที่บ้านของเธออย่างเร็วที่สุด
“โห...นี่แสดงว่าพี่ฟ้าก็โดนลอบทำร้ายงั้นสิ”
“ที่ฉันคิดก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
ทั้งสามรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดก็เดาคร่าวๆว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์ในตระกูลเป็นแน่
“แล้วนี่แม่หนูน้อยคนนี้ก็น่าจะพึ่งคลอดด้วยดูสิสายสะดือยังไม่หลุดเลยแล้วแบบนี้หนูขวัญจะเอาไงต่อ”
หลังจากที่หนูน้อยในห่อผ้าดื่มนมจนอิ่มก็หลับปุ๋ยไปมานีเลยแกะห่อผ้าเพื่อหวังจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวเธอคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตัวเท่านี้น่าจะพึ่งคลอดเมื่อเห็นสายสะดือก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่พร้อมถามถึงความเห็นของพาขวัญว่าจะเอายังไงต่อกับเรื่องนี้
“ขวัญก็ต้องดูหนูน้อยคนนี้ไปก่อนจะน้านีเพราะถ้าหากส่งคืนครอบครัวอาจเกิดอันตรายกับหนูน้อยคนนี้ได้”
พาขวัญตั้งใจไว้แล้วว่าจะดูแลเด็กคนนี้ตามที่รับปากกับเพียงฟ้า
“เฮ้อ...นี่มันเรื่องอะไรกันน้า”
พระพายถึงกับกุมขมับที่มันมีปัญหาแบบนี้ขึ้นมาพร้อมมองไปที่เพื่อนสาวของเธอที่ตัวเองยังจะเอาไม่รอดแล้วถ้ามีเด็กเพิ่มมาอีกคนจะเป็นยังไง
“ต่อไปนี้เด็กคนนี้จะเป็นลูกของหนูจะ”“ห้ะ....เอาอย่างนั้นเลยเเหรอ”มานีและพระพายถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อพาขวัญพูดออกมาเมื่อครู่แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะเห็นว่าพาขวัญน่าจะตั้งใจจริง“ช่วงนี้หนูจะรีบหางานให้ได้เร็วที่สุด”พาขวัญตั้งใจไว้แล้วว่าเธอจะรีบหางานให้ได้เร็วที่สุดงานอะไรเธอก็ทำทั้งนั้นขอให้ได้เงินมาเพราะเธอรู้ว่าเลี้ยงเด็กคนนึงมันต้องใช้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากยังไงเธอตั้งใจอะไรไว้แล้วเธอก็จะต้องทำให้สำเร็จ“ถ้าลำบากก็ให้น้าช่วยเลี้ยงก็ได้น้าไหวต้นกล้าเองก็ยังเล็กไม่ค่อยอ้อนอะไรมากนักน้าเลี้ยงเด็กอีกคนได้”มานีเห็นแล้วก็สุดสงสารเธอเองก็ไม่ได้มีมากนักสิ่งที่เธอพอจะช่วยได้ก็คือช่วงเลี้ยงหนูน้อยคนนี้ให้ได้ก็เท่านั้นเพราะเธอก็หาเช้ากินค่ำกับลูกสาวสองคนเหมือนกัน“ขอบใจจะน่านี”พาขวัญรีบยกมือไหว้ขอบใจมานีที่มีน้ำใจช่วยเธอทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้สบายอะไรมากนัก“แล้วแม่หนูน้อยคนนี้ชื่ออะไรเเหรอ”ไหนๆพระพายเห็นเพื่อนเธอรับเด็กคนนี้เป็นลูกแล้วเท่ากับว่าเด็กคนนี้ก็เป็นหลานเธอตอนนี้ก็เหลือแค่ชื่อที่เธอจะต้องมีเรียกเพราะเธอเห็นว่าก็คงจะต้องเรียกกันไปอีกนาน“อืม...ก็ไม่รู้เหมือนกัน...อืม...ชื่
“คงไม่มาถึงบ้านเรามั้งจ๊ะ...ขวัญคิดแบบนั้นนะ”พาขวัญคิดว่าบ้านของเธอค่อนข้างอยู่ลึกผู้คนก็ไม่ค่อยผ่านคงไม่มีใครสังเกต“น้าก็ขอให้เป็นอย่างนั้นแต่มีคนมาถามน้าเหมือนกันว่าลูกใครน้าก็บอกว่าลูกหนูขวัญก็ไม่มีใครสงสัยนะเพราะหนูขวัญเองก็พึ่งกลับมาจากภูเก็ต”มานีก็ภาวนาให้เป็นอย่างที่จันทร์เจ้าคิดแต่เธอเองก็ได้ลองบอกกับคนที่ถามเรื่องเด็กที่เธอรับจ้างเลี้ยงใหม่เหมือนกันว่าเป็นลูกใครเธอลองตอบว่าเป็นของพาขวัญก็ไม่มีใครสงสัยเพราะต่างคนก็รู้กันว่าพาขวัญไปทำงานที่ภูเก็ตพึ่งจะกลับมา“แล้วนี่พายยังไม่กลับเเหรอจ๊ะน้านี”พาขวัญเห็นว่านี่มันก็เย็นแล้วพระพายก็น่าจะกลับแล้วเพราะเธอรู้ว่าเพื่อนเธอทำงานเป็นเวลาแต่ไม่เห็นจะอยู่บ้าน“เห็นว่ามันทำงานพิเศษช่วงกลางคืนล่ะมั้งทำได้สองสามวันแล้วนะ”“เเหรอจ๊ะ...”พาขวัญอยากรู้จริงๆว่างานที่พระพายทำพิเศษคืออะไรหากได้เงินดีเธอเองก็อยากจะไปทำบ้างเพราะตอนนี้หางานประจำยากเสียเหลือเกินกรุงเทพมหานคร“และเราก็กำจัดไปได้อีกหนึ่ง...หึ่...อย่าหวังว่าเงินร้อยล้านจะปลิวไปให้เด็กนั่นง่ายๆ”หลังจากที่เสร็จสิ้นงานศพของเพียงฟ้าและอรรณพไปแล้วแขไขก็ดีใจยิ่งนักที่แผนของเธอผ่านไปด้วยดี
“อืม...อย่าคิดมากเลยค่ะคุณถ้าหลานยังมีวาสนายังไงก็ได้กลับมาค่ะ”แขไขอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมตีหน้าเศร้าปลอบใจสามีของเธอ“เฮ้อ....”อิทธิวัฒน์กุมขมับเขาจนปัญญากับเรื่องนี้จริงๆเพราะที่นั่นค่อนข้างไม่เจริญถนนหนทางไม่มีไฟไม่มีกล้องผู้คนก็ยังไม่ค่อยผ่านด้วยซ้ำ“เอาอย่างนี้สิคะ...คุณก็เร่งให้คุณเหนือมีครอบครัวไวๆสิคะจะได้มีหลานเร็วๆ...คือแขไม่ได้คิดในแง่ลบนะคะว่าหลานเราจะไม่กลับมาแต่นี่มันก็หลายวันแล้ว”แขไขถือโอกาสพูดเรื่องที่ลูกสาวเธอขอร้องให้ช่วยทันทีพร้อมทั้งยังพูดในทำนองที่อยากจะให้สามีเธอตัดใจเรื่องหลานอีกด้วยเพราะเธอแน่ใจว่ายังไงก็ไม่มีวันกลับมา“ก็จริงอย่างที่คุณพูดนะ...แต่การที่จะบังคับตาเหนือให้มีครอบครัวคงจะยากแล้วใครมันจะมาทนคนอย่างตาเหนือได้”อิทธิวัฒน์นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะเชื่อคำพูดของแขไขเป็นซะส่วนใหญ่เพราะคิดว่าหญิงสาวนั้นหวังดีกับเขามาตลอดแต่เขาเองก็ยังมองไม่เห็นภาพว่าเหนือเมฆลูกชายคนเล็กของเขานั้นจะมีครอบครัวเพราะคิดว่าคงจะมีผู้หญิงที่ทนกับนิสัยของเหนือเมฆได้ยาก“คุณต้องลองพูดดูก่อนค่ะ...ส่วนคนที่ทนคุณเหนือได้แล้วก็ดูเหมาะสมกันแขดูไว้แล้วล่ะค่ะน้องเอมลูกสาวแขไงคะ”แขไขยังยุย
“ฉันเข้าใจน่า”เหนือเมฆเข้าใจว่างานของเพื่อนเขามันต้องทุมเททั้งแรงกายแรงใจไม่ใช่น้อยเขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องจะอยู่ต้อนรับหรือไม่ต้อนรับเสียนิดเดียว“เรื่องพี่ชายแกฉันเสียใจด้วยนะ...แล้วแกมาที่นี่มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยวะ”ภูผารู้เรื่องพี่ชายของเพื่อนเขามาบ้างเลยถือโอกาสนี้แสดงความเสียใจเสียหน่อยเขารู้ว่าเพื่อนเขามาที่นี่อย่างเร่งด่วนคงไม่พ้นมีเรื่องร้อนใจเป็นแน่“เรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุพี่ชายฉันนี่แหละ”“ฉันก็พอรู้มาบ้างนี่ก็ยังตามไม่เจอหลานแกใช่ไหม”“อืมม...ฉันถึงมาที่นี่นี่ไง”ภูผารู้ข่าวคร่าวๆจากพวกชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานบ้างว่ามีเหตุทำให้คนเสียชีวิตถึงสองคนแถมเด็กที่พึ่งคลอดก็ยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีก2 ชั่วโมงต่อมา“ประเด็นที่แกคิดก็คือคิดว่าเรื่องทั้งหมดแม่เลี้ยงแกเป็นคนทำ”หลังจากที่ภูผานั่งคุยกับเหนือเมฆได้พักใหญ่ก็พอจะจับใจความได้ว่าเหนือเมฆนั้นคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงของเขาเป็นแน่“ฉันคิดแบบนั้นแต่ขอหาหลักฐานก่อน”เหนือเมฆปักใจเชื่อแบบนั้นและขอหาหลักฐานให้แน่ชัดก่อนแล้วจะเอาผิดกับคนที่ทำผิดอีกทีอย่างสาสม“ถ้าแกคิดแบบนั้นแสดงว่าตัวแกเองก็จะไม่ปลอดภั
“ขอบใจมากเลยนะ...ฉันไม่รู้เลยถ้าไม่มีแกกับน้านีชีวิตฉันจะเป็นยังไง”พาขวัญคิดอยู่ในใจว่าตัวเองโชคดีที่มีกัลยานิมิตที่ดีอย่างพระพายอย่างน้อยวันที่เธอตกต่ำไม่มีจุดยืนพระพายก็ยังพร้อมช่วยเหลือเธอเสมอแม้จะห่างหายกันไปนานก็ตาม“เอาน่า...มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว...จริงไหมจันทร์เจ้า”ฟอดดด“หืมม...อาบน้ำตัวหอมแต่เช้าเลยน้า”พระพายรู้ว่าคนที่เหนื่อยกว่าเธอคือพาขวัญเพื่อนเธอคนนี้เป็นคนดีเธอรู้และเธอเองก็พร้อมที่จะสนับสนุนคนดีเสมอพร้อมหันไปคุยกับจันทร์เจ้าที่นอนดุ๊กดิ๊กที่เบาะนอนพร้อมกดจมูกไปที่แก้มพองของหนูน้อยหนึ่งฟอด“ฉันไปดูประวัติของครอบครัวสามีพี่ฟ้ามาแล้วนะ...ประวัติครอบครัวของเค้าก็รักกันดีนะ”พระพายได้เช็กประวัติจากข่าวในอินเตอร์เน็ตของครอบครัวสามีเพียงฟ้าเธอก็เห็นคนในครอบครัวรักกันดีเฮจึงค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมเพียงฟ้าจึงสั่งเสียกับเพื่อนของเธอว่าห้ามส่งจันทร์เจ้ากลับครอบครัว“เรื่องแบบนี้มันไว้ใจใครไม่ได้หรอก”พาขวัญเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปัญหาในบ้านนั้นคืออะไรแต่เธอเองคิดว่ายิ่งบ้านไหนที่มีสมบัติเยอะปัญหามันก็น่าจะเยอะตามไปด้วย“อืมม...ก็จริง...สงสารก็แต่จันทร์เจ้านี่แหละไม่รู
2 ชั่วโมงต่อมา“เดินหลายรอบเลยวันนี้ลูกค้าเยอะหน่อยไหวไหมแก”พระพายเห็นเพื่อนของเธอปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่ออีกเดินเสริฟอาหารกับพวกแอลกอฮอล์ขาเป็นระวิงจึงเข้าไปถามเพื่อนเธอตอนนี้ว่าเป็นยังไงบ้าง“โอเคฉันไหว”พาขวัญมีรู้สึกเหนื่อยบ้างแต่ทิปที่ได้จากพวกลูกค้าก็ไม่น้อยเธอเลยมีกำลังใจที่จะทำงานต่ออย่างไม่ลดละ“เดย์...ฉันต้องการคนนั้นนายไปติดต่อให้ฉันที”เหนือเมฆนั่งดื่มที่ผับนี้อยู่นานสองนานแล้วที่โซนวีไอพีด้านบนสายตาเขาดันไปต้องกับเด็กเสริฟที่กำลังเดินเสริฟอาการอยู่ด้านล่างเขามองเธอคนนั้นไม่ละสายตาผิวของเธอขาวจนเด่นสะดุดตาหน้าตาที่ดูจิ้มลิ้มนั่นอีกที่มันทำให้เขามองเธอแล้วละสายตาไปไหนไม่ได้เขาพอจะรู้มาว่าที่นี่ก็มีบริการเรื่องที่เขาต้องการอยู่เหมือนกันเลยสั่งให้นภัสจัดการเรื่องที่เคยๆให้เขาด่วนเพราะตอนนี้เขาก็เริ่มดื่มจนได้ที่แล้วเหมือนกัน“ครับคุณเหนือ”นภัสรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายของเขาจะต้องมีเรื่องแบบนี้ให้เขาจัดการอยู่แล้วเป็นประจำเขาจึงรีบไปจัดการทำตามความต้องการของคนเป็นนายทันที10 นาทีต่อมา“ว่าไงให้ฉันไปรอที่รถเลยไหม”เหนือเมฆเห็นนภัสเดินมาก็คิดว่าลูกน้องของเขาจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้
“หึ่...ผู้จัดการเธอบอกอย่างนั้นเหรอ”ฟังจากคำพูดของหญิงสาวแล้วเหนือเมฆก็พอจะเดาออกว่าไอ้อาการกล้าๆกลัวๆเขาที่หญิงสาวเป็นอยู่ตอนนี้ก็คงเพราะโดนผู้จัดการร้านหน้าเงินหลอกมาเป็นแน่แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขายังไงเขาก็ได้จ่ายเงินไปแล้วก็ต้องได้สิ่งที่เขาสมควรจะได้“ค่ะ...”“แล้วเธอก็เชื่อ”เหนือเมฆเหล่สายตาถามหญิงสาวอย่างสงสัยว่าเธอซื่อจริงๆหรือแค่ตบตาเขาเล่นกันแน่“.......”พาขวัญหยักหน้าหงึกหงักยืนยันว่าผู้จัดการที่ร้านบอกเธอมาแบบนั้นจริงๆ“ทำงานที่นี่มานานแล้วหรือยัง”เหนือเมฆอยากจะรู้นักว่าหญิงสาวมาทำงานที่นี่นานแล้วหรือยังถึงดูรู้ไม่เท่าทันคนเท่าไรคนที่ร้านสั่งให้ไปไหนก็ไปทั้งที่ร้านแบบนี้มันต้องมีบริการเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว“มาวันนี้วันแรกค่ะ”พาขวัญตอบคำถามชายหนุ่มตามที่เขาถามเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะซักประวัติอะไรของเธอนักหนาไม่ยอมปล่อยตัวของเธอกลับเสียที“อืม...แล้วทำไมถึงเลือกทำงานที่นี่”เหนือเมฆพยักหน้าเข้าใจแต่ก็อยากรู้อยู่ดีว่าเธอทำไมถึงเลือกที่จะทำงานในสถานที่ที่มันเสี่ยงต่อคนหัวอ่อนแบบนี้“คือ...ฉันแค่ไม่มีงานทำเลยทำงานนี้เพื่อหารายได้ไปก่อนค่ะฉันต้องหาเงินซื้อนมให้ลูก”
“จะอายอะไรนักหนาตัวเธอก็สวยไปซะทุกส่วนน่าโชว์จะตายไป”เมื่อไม่มีสิ่งอื่นมาปกป้องร่างกายของหญิงสาวชายหนุ่มก็ใช้สายตาไล่มองความงามของร่างกายของเธออย่างไม่ละสายตาเขาไม่คิดว่าร่างกายของคนที่เคยมีลูกมาแล้วจะเต่งตึงเนียนเรียบไปเสียทุกส่วนแบบนี้ยิ่งมองหน้าท้องที่แบนราบเอวเอสกับสองสิ่งที่กลมกลึงล้นจนมือปิดไม่มิดของเธอมันยิ่งทำให้เขาอยากจะสัมผัสเธอมากขึ้น“คือ...ฉันอาบเองได้ค่ะ”พาขวัญหน้าชาแล้วชาอีกไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้เห็นเรือนร่างของเธอมากขนาดนี้ยิ่งคิดยิ่งละอายแก่ใจที่เธอจะต้องมาเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้ผู้ชายที่อยากได้แค่ร่างกายของเธอ“ฮื้มม...เธออาบไปก่อนเลยแล้วกันเร็วๆด้วยล่ะ”เหนือเมฆเห็นว่าหากหญิงสาวยังมีอาการแบบนี้อยู่เขาจะต้องปล่อยให้เธอจัดการธุระคนเดียวไปก่อนไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้อาบน้ำกันพอดีเขาจึงเดินออกจากห้องน้ำไปและปล่อยให้เธออยู่คนเดียว50 นาทีต่อมา“เรียบร้อยแล้วค่ะ”พาขวัญใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำร่วมชั่วโมงเธอออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวผืนจิ๋วที่ปิดร่างกายทั้งท่อนบนและท่อนล่างของเธออย่างหมิ่นเหม่ตาของเธอบวมแดงเล็กน้อยเพราะผ่านการร้องให้มาทั้งที่เธอพยายามจะทำตัวเข้มแข