3 เดือนต่อมา
บ้านเหนือเมฆ
“จันทร์เจ้าขา...อย่าหนีคุณแม่สิคะ”
ตอนนี้ท้องของพาขวัญก็แก่ใกล้คลอดเต็มทีหญิงสาวจึงเดินตามลูกสาวของเธอไม่ค่อยจะไหวหนูน้อยจันทร์เจ้าก็ได้ขวบครึ่งแล้วเด็กหญิงเดินแทบจะทั้งวันหยุดได้ก็เห็นจะเป็นเวลานอนเท่านั้นแหละ
“.หม่ำๆ หนมหย่อย”
หนูน้อยเดินกลับมาหาคนเป็นแม่พร้อมชี้ไปที่ขนมผักที่อยู่ในกล่องแน่นอนว่าหนูน้อยอยากจะกินมันอีกแล้ว
“หิวอีกแล้วเหรอคะ...อะนี่ค่ะคุณแม่ให้”
พาขวัญเห็นว่าช่วงนี้จันทร์เจ้าชอบกินแต่ขนมจนเธอต้องให้เหนือเมฆซื้อติดบ้านไว้อาทิตย์ละหลายๆกล่องใจก็กลัวว่าหนูน้อยจะไม่สบายท้องแต่ก็เห็นหน้าอันจิ้มลิ้มและสายตาที่อ้อนวอนเธอก็อดจะให้หนูน้อยกินตามใจปากไม่ได้
“เอา...”
จันทร์เจ้ารับขนมจากคนเป็นแม่ใส่ในมือข้างขวาแต่มือข้างซ้ายก็แบขอคนตรงหน้าอีก
“กินในมือให้หมดก่อนค่ะ”
ถึงพาขวัญจะตามใจเรื่องกินแต่เธอก็ต้องให้จันทร์เจ้านั้นรู้จักกินทีละอย่างไม่โลภมากถือสองไม้สองมือ
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
“จะ”
ฟอดดด
“จันทร์เจ้าครับ”
เหนือเมฆเข้ามากอดคนเป็นภรรยาพร้อมหอมหญิงสาวฟอดใหญ่และหันไปเล่นกับลูกสาวตัวกลมของเขาต่อ
“คูนน.พ่อ...ดีจ้า”
หนูน้อยจันทร์เจ้าเห็นคนเป็นพ่อกลับมาก็รีบเดินเข้ามาประชิดตัวพร้อมยกมือป้อมๆของเธอประกบกันแบบลวกๆสวัสดีคนเป็นพ่อตามที่พาขวัญเคยสอนหนูน้อยฉลาดน่ารักแบบนี้คนทั้งบ้านเลยพากันหลงเสียทุกคน
“ยัยลูกหมูน้อยของคุณพ่อทำอะไรอยู่คะ”
เหนือเมฆอุ้มเด็กหญิงตัวกลมขึ้นพร้อมฟัดไปที่พุงย้วยๆของหนูน้อยด้วยความหมั่นเขี้ยว
“หนม...หย่อย”
หนูน้อยชูขนมในมือให้คนเป็นพ่อดูว่าสิ่งที่เธอทำในตอนนี้คือกินขนมอันแสนอร่อยที่คนเป็นแม่พึ่งจะให้เมื่อกี้นี้เอง
“กินเก่งขนาดนี้คุณพ่อจะเลี้ยงไหวไหมครับเนี่ย”
เหนือเมฆยังคงฟัดไปที่พุงของหนูน้อยต่อดูสิ่งที่เธอตอบช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
“อิๆๆ...คิกๆๆ”
หนูน้อยที่ถูกฟัดก็บิดตัวหัวเราะไปมาเล่นกับคนเป็นพ่ออย่างอารมณ์ดีทำเอาคนที่นั่งดูอยู่ก็อารมณ์ดีตามไปด้วยจันทร์เจ้าช่างเป็นสีสันของบ้านเสียจริงหากลูกของพาขวัญออกมาเธอคิดว่าบ้านนี้ต้องสนุกมากขึ้นอีกแน่
“มีความสุขกันจังเลยนะ”
เอมิกาตอนนี้เธอสิ้นไร้ไม้ตรอกตั้งแต่แม่ของเธอโดนจับเข้าคุกงานการอะไรเธอก็ทำไม่ทนสักอย่างยิ่งนานวันเข้าเงินที่เธอมีเหลือก็หมดลงไปเรื่อยๆจนตอนนี้เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ใช้เนื้อตัวของเธอให้เป็นประโยชน์เป็นเมียเก็บของเสี่ยที่รุ่นราวคราวพ่อเพื่อมีเงินใช้ประทังชีวิตไปวันๆตอนนี้เธอยิ่งเห็นครอบครัวของเหนือเมฆมีความสุขกันดีเธอก็ยิ่งคับแค้นใจ
บ้านอธิษฐ์เวหา
“แกได้ข่าวหนูเอมบ้างหรือเปล่าตาเหนือ”
อิทธิวัฒน์ไม่ได้ข่าวเอมิกามานานตั้งแต่แม่ของเธอโดนจับไปเขาเองแยกแยะเป็นคนทำผิดกับคนที่ไม่ได้ทำผิดถึงจะเป็นแม่ลูกแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะโกรธทั้งสองเลยยังห่วงเธออยู่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรเพราะเขาเองก็เอ็นดูเอมิกาเหมือนลูกหลานด้วยความที่รู้จักกันมาหลายปีนั่นเอง
“ไม่นี่ครับคุณพ่อจะไปสนใจทำไม”
เหนือเมฆไม่เห็นว่าพ่อของเขากับครอบครัวของเขามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปสนใจผู้หญิงคนนั้นเลย
“ก็แค่ห่วงๆคนคุ้นเคยกัน”
“คุณพ่อเชื่อเหรอครับว่ายัยนั่นจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องทั้งหมด”
เหนือเมฆคิดว่าเอมิกากับแม่จะต้องมีส่วนรู้เห็นอะไรกันแน่เขาไม่เชื่อว่าสองแม่ลูกที่ดูสนิทกันขนาดนั้นจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“เธออาจจะไม่รู้เรื่องจริงๆก็ได้”
“คุณพ่อมองโลกในแง่ดีเกินไป...เอาเป็นว่าผมจะให้เดย์ลองสืบดูแล้วกันว่ายัยนั่นชีวิตตอนนี้เป็นยังไง”
ในเมื่อพ่อของเขาต้องการอยากจะรู้เรื่องของเอมิกาเขาก็จะให้นภัสจัดการให้จะได้เลิกกังวลแต่ถ้าจะช่วยเหลืออะไรเขาขอยื่นคำขาดว่าเขาไม่ให้ช่วยอย่างแน่นอน
3 วันต่อมา
08.00 น.
วันนี้ทุกคนออกไปทำงานกันแต่เช้าเพราะที่บริษัทใหญ่นั้นมีเรื่องสำคัญที่จะต้องรีบประชุมกันด่วนทั้งอิทธิวัฒน์และเหนือเมฆเลยต้องเข้าประชุมด้วยพร้อมกันทั้งสองคนที่บ้านจึงเหลือเพียงพาขวัญกับจันทร์เจ้าและแม่บ้านอีกแค่คนสองคนเท่านั้น
“จันทร์เจ้าขาหม่ำๆข้าวนะคะ”
“หม่ำๆ...อื้มม”
พาขวัญจะพาจันทร์เจ้าออกมาเดินเล่นตอนเช้าที่สวนหย่อมหน้าบ้านเป็นประจำทุกวันพร้อมป้อนข้าวเช้าหนูน้อยที่นี่เป็นปกติ
“คุณเอม!!”
พาขวัญตกใจจนทำอะไรไม่ถูเมื่อเห็นเอมิกาเดินเข้ามาที่บ้านเหนือเมฆบอกกับเธอว่าห้ามไว้ใจเอมิกาตอนนี้เธอจึงค่อนข้างกลัวและพยายามจะลุกไปอุ้มจันทร์เจ้าแต่ท้องที่ใหญ่ของเธอก็ทำให้ทำอะไรค่อนข้างเชื่องช้า
“แอ้...อื้ออ...”
หนูน้อยพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนคนแปลกหน้าอย่างอึดอัด
“บอกผัวแกถ้าอยากได้ลูกให้เอาเงินมาแลก20ล้าน...โทรมาเบอนี้”
เอมิกาปาซองกระดาษให้หญิงสาวพร้อมวิ่งหนีขึ้นรถตู้ที่รออยู่มาไกลไปทันที
“ไม่นะ...จันทร์เจ้าลูก...จันทร์เจ้า...โอ้ยยยย”
พาขวัญพยายามวิ่งตามแต่กลับสะดุดล้มเสียก่อนและตอนนี้เธอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาอีกด้วย
“คุณขวัญ...ว้ายยยย...”
แม่บ้านเห็นหญิงสาวล้มลงกองอยู่กับพื้นก็รีบเข้ามาดูอย่างรวดเร็วเธอเห็นมีคนอุ้มหนูน้อยออกไปแวบๆแต่ก็ตามไม่ทันเสียแล้วจึงต้องดูพาขวัญก่อน
“โทรหาพี่เหนือเร็ว”
“ค่ะๆ”
พาขวัญต้องการจะคุยกับเหนือเมฆให้เร็วที่สุดเพราะตอนนี้เธอเป็นห่วงจันทร์เจ้ามาก
โรงพยาบาลในระหว่างที่เหนือเมฆเดินทางกลับพาขวัญก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพราะเธอรู้สึกปวดท้องอย่างมากเหนือเมฆเลยต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากที่บ้านไปที่โรงพยาบาลอย่างร้อนใจ“ขวัญ...เป็นไงบ้าง”พยาบาลเข็นเตียงหญิงสาวเข้าห้องผ่าตัดเหนือเมฆอยากจะรู้ว่าอาการของภรรยาของเขาเป็นอย่างไรเพราะเขากลัวว่าเธอจะมีอันตรายส่วนเรื่องติดต่อกับเอมิกาเธอให้เดย์จัดการอยู่“ขวัญโอเคค่ะ...พาจันทร์เจ้ากลับมาให้ได้นะคะ”พาขวัญยิ้มให้คนเป็นสามีตัวเธอตอนนี้ถึงมือหมอแล้วเธอโอเคแต่เธอห่วงจันทร์เจ้ามากกว่า“พี่สัญญา”เหนือเมฆรู้สึกกังวลไปเสียทุกเรื่อถึงภรรยาของเขาจะบอกว่าโอเคแต่การผ่าตัดทำคลอดด่วนเขาก็รู้ว่ายังไงมันก็อยู่ในภาวะเสี่ยงอยู่ดีแต่เขาก็ยต้องชั่งใจไม่ให้กังวลคิดเสียว่าภรรยาของเขาอยู่ในมือหมอแล้วคงจะปลอดภัย“ได้ที่อยู่มาแล้วครับคุณเหนือ”นภัสติดต่อกับเอมิกาได้ก็รีบมาบอกคนเป็นนายอย่างรีบร้อน“งั้นเราไปกันเลย”เหนือเมฆไม่รอช้าเมื่อติดต่อเอมิกาได้เงินที่เธออยากได้เขาก็เตรียมพร้อมหมดแล้วขอแค่เขาได้จันทร์เจ้าคืนมาเงินเท่าไรเขาก็ยอมแลกวันต่อมาช่วงเย็นของวัน“อือ.อืมม...”“ฟื้นแล้วเหรอ”เหนือเมฆรีบเดินไปที่เตียงภรรย
วันต่อมา“พี่ไปทำงานก่อนนะ”ได้เวลาที่ภูผาจะต้องไปทำงานแล้ววันนี้เขาไม่ยักจะเห็นหญิงสาวเดินมาส่งที่หน้าบ้านเขาจึงต้องเข้าไปบอกหญิงสาวเองว่าเขากำลังจะไปทำงานแล้ว“อืม...”พระพายตอบชายหนุ่มเพียงคำสั้นๆไม่มองเขาแม้แต่นิดเดียวเพราะกำลังให้นมลูกของเธออยู่“พ่อไปทำงานก่อนนะครับ”ภูผาไม่อยากจะหาเรื่องคุยกับหญิงสาวตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเธอโกรธเรื่องอะไรถึงได้มีท่าทีเฉยชาแต่ขอเขากลับจากทำงานก่อนค่อยคุยกันจะดีกว่าเขาก้มลงไปจูบหน้าผากของลูกสาวของเขาแล้วออกไปทำงานทันที//รู้บ้างไหมว่าโกรธอยู่เนี่ย//พระพายยิ่งเห็นชายหนุ่มไม่ถามอะไรเธอบ้างว่าเธอเป็นแบบนี้เพราะอะไรก็ยิ่งหงุดหงิดแต่เมื่อมองหน้าลูกเธอก็ใจเย็นลงมากตอนนี้เธอขอสนใจแต่ลูกก่อนจะดีกว่ากลัวว่านึกถึงชายหนุ่มแล้วเธอจะพาลใจขุ่นมัวเย็นของวันภูผากลับบ้านมาได้พักใหญ่แล้วตอนนี้หญิงสาวก็เข้าครัวทำกับข้าวอยู่ส่วนลูกก็นอนเล่นอยู่ในเปลโดยมีเขาที่คอยอยู่ข้างๆชายหนุ่มนั่งคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดไม่ตกว่าหญิงสาวนั้นเป็นอะไรกลับมาคิดว่าอาการจะดีขึ้นกลับเหมือนจะยิ่งกว่าเดิม“อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ”พระพายทำกับข้าวสองสามอย่างวางที่โต๊ะอาหารให้ชายหนุ่ม“พายเป็น
กรุงเทพมหานครบ้านอธิษฐ์เวหา22.00 น.“มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง”อิทธิวัฒน์ถึงกับล้มพับลงไปนั่งที่โซฟาเมื่อรู้ข่าวเรื่องลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้เกิดอุบัติเหตุขณะกำลังพากันกลับบ้านหลังจากที่เพียงฟ้าลูกสะใภ้ของเขานั้นกลับจากพักฟื้นที่โรงพยาบาลหลังคลอดได้เพียงสามวันเท่านั้นเขาเองก็ยังไม่ได้เห็นหน้าหลานเลยด้วยซ้ำยิ่งร้ายไปกว่านั้นหลานของเขายังหายไปโดยไร้น่องรอยอีกต่างหากเขาไม่รู้ว่าเรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องอุบัติเหตุจริงๆหรือใครทำให้มันเกิดขึ้นกันแน่นิกรเองได้รับข่าวนี้มาก็ร้อนใจอยู่ไม่น้อยตอนนี้เขาก็ได้สั่งการให้ลูกน้องของเขาสืบดูอีกทีว่าที่มาที่ไปของอุบัติเหตุครั้งนี้มันคืออะไรกันแน่เขาเองปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ต์ว่าอรรณพนั้นเป็นคนไม่ประมาทถ้าไม่มีใครจงใจให้เกิดมันคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่“แล้วตาเหนืออยู่ไหนไปตามกลับมาเดี๋ยวนี้เลย”อิทธิวัฒน์เห็นว่าป่านนี้ลูกชายคนเล็กของเขายังไม่เห็นจะโผล่หัวกลับมาที่บ้านเสียทีจึงสั่งให้นิกรไปตามกลับมาด่วนเพราะตอนนี้ยังไงเขาก็ยังอยากให้ลูกชายของเขามารับรู้ข่าวของคนในบ้านไม่ใช่เอาแต่หายหัวไปอยู่แต่ข้างนอก“ครับคุณท่าน”นิกรได้รับคำสั่งจากอิทธิ
ก็อกๆๆๆ“พาย...พาย...นี่ฉันขวัญเอง”พาขวัญเคาะประตูไม้หน้าบ้านของพระพายพร้อมเรียกเพื่อนเธออย่างร้อนใจเธอรู้ว่าแม่ของพระพายรับจ้างเลี้ยงเด็กยังไงที่นี่ก็ต้องมีนมสำหรับเด็กติดบ้านไว้บ้างแหละ“แม่...เสียงไอ้ขวัญ”พระพายลุกขึ้นพรวดเมื่อเธอรู้ว่าใครเรียกเธอ“เอ้าเหรอ...รีบลุกไปดูสิแล้วหนูขวัญมาทำไมดึกๆดื่นๆล่ะเนี่ย”มานีเองก็ลุกขึ้นเหมือนกันเพราะรู้ว่าต้องมีเรื่องด่วนแน่ไม่อย่างนั้นพาขวัญคงไม่มาบ้านเธอเวลานี้แน่เพราะที่นี่กลางคืนน่ากลัวแค่ไนใครๆก็รู้“จ๊ะแม่”พระพายรีบไปเปิดไฟและปิดประตูบ้านไปดูเพื่อนสาวเธอทันที“แง้ๆๆๆๆ....แง้ๆๆๆ....”“ขวัญ...ไปอุ้มเด็กที่ไหนมา”พระพายเปิดประตูมาเห็นเพื่อนเธออุ้มเด็กเล็กอยู่ในห่อผ้าก็ถึงกับหน้าเหวอนิดหน่อยแต่ก็รู้ว่าต้นเสียงที่เธอคิดว่าหูแว่วอยู่ที่ไหน“แกพอจะมีนมผงของเด็กไหม”เมื่อเพื่อนสาวเธอเปิดประตูมาได้พาขวัญก็รีบถามหานมผงของเด็กทันทีโดยที่ไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามที่เพื่อนเธอถามเพราะเธอนั้นยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย“น่าจะมีอยู่เข้ามาข้างในก่อนเดี๋ยวถามแม่ให้”พระพายพอจะดูออกว่าเด็กที่ร้องแบบนี้น่าจะหิวเลยให้เพื่อนเธอเข้ามาในบ้านก่อนเพราะเดี๋ยวบ้านอื่นเขาจ
“ต่อไปนี้เด็กคนนี้จะเป็นลูกของหนูจะ”“ห้ะ....เอาอย่างนั้นเลยเเหรอ”มานีและพระพายถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อพาขวัญพูดออกมาเมื่อครู่แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะเห็นว่าพาขวัญน่าจะตั้งใจจริง“ช่วงนี้หนูจะรีบหางานให้ได้เร็วที่สุด”พาขวัญตั้งใจไว้แล้วว่าเธอจะรีบหางานให้ได้เร็วที่สุดงานอะไรเธอก็ทำทั้งนั้นขอให้ได้เงินมาเพราะเธอรู้ว่าเลี้ยงเด็กคนนึงมันต้องใช้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากยังไงเธอตั้งใจอะไรไว้แล้วเธอก็จะต้องทำให้สำเร็จ“ถ้าลำบากก็ให้น้าช่วยเลี้ยงก็ได้น้าไหวต้นกล้าเองก็ยังเล็กไม่ค่อยอ้อนอะไรมากนักน้าเลี้ยงเด็กอีกคนได้”มานีเห็นแล้วก็สุดสงสารเธอเองก็ไม่ได้มีมากนักสิ่งที่เธอพอจะช่วยได้ก็คือช่วงเลี้ยงหนูน้อยคนนี้ให้ได้ก็เท่านั้นเพราะเธอก็หาเช้ากินค่ำกับลูกสาวสองคนเหมือนกัน“ขอบใจจะน่านี”พาขวัญรีบยกมือไหว้ขอบใจมานีที่มีน้ำใจช่วยเธอทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้สบายอะไรมากนัก“แล้วแม่หนูน้อยคนนี้ชื่ออะไรเเหรอ”ไหนๆพระพายเห็นเพื่อนเธอรับเด็กคนนี้เป็นลูกแล้วเท่ากับว่าเด็กคนนี้ก็เป็นหลานเธอตอนนี้ก็เหลือแค่ชื่อที่เธอจะต้องมีเรียกเพราะเธอเห็นว่าก็คงจะต้องเรียกกันไปอีกนาน“อืม...ก็ไม่รู้เหมือนกัน...อืม...ชื่
“คงไม่มาถึงบ้านเรามั้งจ๊ะ...ขวัญคิดแบบนั้นนะ”พาขวัญคิดว่าบ้านของเธอค่อนข้างอยู่ลึกผู้คนก็ไม่ค่อยผ่านคงไม่มีใครสังเกต“น้าก็ขอให้เป็นอย่างนั้นแต่มีคนมาถามน้าเหมือนกันว่าลูกใครน้าก็บอกว่าลูกหนูขวัญก็ไม่มีใครสงสัยนะเพราะหนูขวัญเองก็พึ่งกลับมาจากภูเก็ต”มานีก็ภาวนาให้เป็นอย่างที่จันทร์เจ้าคิดแต่เธอเองก็ได้ลองบอกกับคนที่ถามเรื่องเด็กที่เธอรับจ้างเลี้ยงใหม่เหมือนกันว่าเป็นลูกใครเธอลองตอบว่าเป็นของพาขวัญก็ไม่มีใครสงสัยเพราะต่างคนก็รู้กันว่าพาขวัญไปทำงานที่ภูเก็ตพึ่งจะกลับมา“แล้วนี่พายยังไม่กลับเเหรอจ๊ะน้านี”พาขวัญเห็นว่านี่มันก็เย็นแล้วพระพายก็น่าจะกลับแล้วเพราะเธอรู้ว่าเพื่อนเธอทำงานเป็นเวลาแต่ไม่เห็นจะอยู่บ้าน“เห็นว่ามันทำงานพิเศษช่วงกลางคืนล่ะมั้งทำได้สองสามวันแล้วนะ”“เเหรอจ๊ะ...”พาขวัญอยากรู้จริงๆว่างานที่พระพายทำพิเศษคืออะไรหากได้เงินดีเธอเองก็อยากจะไปทำบ้างเพราะตอนนี้หางานประจำยากเสียเหลือเกินกรุงเทพมหานคร“และเราก็กำจัดไปได้อีกหนึ่ง...หึ่...อย่าหวังว่าเงินร้อยล้านจะปลิวไปให้เด็กนั่นง่ายๆ”หลังจากที่เสร็จสิ้นงานศพของเพียงฟ้าและอรรณพไปแล้วแขไขก็ดีใจยิ่งนักที่แผนของเธอผ่านไปด้วยดี
“อืม...อย่าคิดมากเลยค่ะคุณถ้าหลานยังมีวาสนายังไงก็ได้กลับมาค่ะ”แขไขอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมตีหน้าเศร้าปลอบใจสามีของเธอ“เฮ้อ....”อิทธิวัฒน์กุมขมับเขาจนปัญญากับเรื่องนี้จริงๆเพราะที่นั่นค่อนข้างไม่เจริญถนนหนทางไม่มีไฟไม่มีกล้องผู้คนก็ยังไม่ค่อยผ่านด้วยซ้ำ“เอาอย่างนี้สิคะ...คุณก็เร่งให้คุณเหนือมีครอบครัวไวๆสิคะจะได้มีหลานเร็วๆ...คือแขไม่ได้คิดในแง่ลบนะคะว่าหลานเราจะไม่กลับมาแต่นี่มันก็หลายวันแล้ว”แขไขถือโอกาสพูดเรื่องที่ลูกสาวเธอขอร้องให้ช่วยทันทีพร้อมทั้งยังพูดในทำนองที่อยากจะให้สามีเธอตัดใจเรื่องหลานอีกด้วยเพราะเธอแน่ใจว่ายังไงก็ไม่มีวันกลับมา“ก็จริงอย่างที่คุณพูดนะ...แต่การที่จะบังคับตาเหนือให้มีครอบครัวคงจะยากแล้วใครมันจะมาทนคนอย่างตาเหนือได้”อิทธิวัฒน์นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะเชื่อคำพูดของแขไขเป็นซะส่วนใหญ่เพราะคิดว่าหญิงสาวนั้นหวังดีกับเขามาตลอดแต่เขาเองก็ยังมองไม่เห็นภาพว่าเหนือเมฆลูกชายคนเล็กของเขานั้นจะมีครอบครัวเพราะคิดว่าคงจะมีผู้หญิงที่ทนกับนิสัยของเหนือเมฆได้ยาก“คุณต้องลองพูดดูก่อนค่ะ...ส่วนคนที่ทนคุณเหนือได้แล้วก็ดูเหมาะสมกันแขดูไว้แล้วล่ะค่ะน้องเอมลูกสาวแขไงคะ”แขไขยังยุย
“ฉันเข้าใจน่า”เหนือเมฆเข้าใจว่างานของเพื่อนเขามันต้องทุมเททั้งแรงกายแรงใจไม่ใช่น้อยเขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องจะอยู่ต้อนรับหรือไม่ต้อนรับเสียนิดเดียว“เรื่องพี่ชายแกฉันเสียใจด้วยนะ...แล้วแกมาที่นี่มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยวะ”ภูผารู้เรื่องพี่ชายของเพื่อนเขามาบ้างเลยถือโอกาสนี้แสดงความเสียใจเสียหน่อยเขารู้ว่าเพื่อนเขามาที่นี่อย่างเร่งด่วนคงไม่พ้นมีเรื่องร้อนใจเป็นแน่“เรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุพี่ชายฉันนี่แหละ”“ฉันก็พอรู้มาบ้างนี่ก็ยังตามไม่เจอหลานแกใช่ไหม”“อืมม...ฉันถึงมาที่นี่นี่ไง”ภูผารู้ข่าวคร่าวๆจากพวกชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานบ้างว่ามีเหตุทำให้คนเสียชีวิตถึงสองคนแถมเด็กที่พึ่งคลอดก็ยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีก2 ชั่วโมงต่อมา“ประเด็นที่แกคิดก็คือคิดว่าเรื่องทั้งหมดแม่เลี้ยงแกเป็นคนทำ”หลังจากที่ภูผานั่งคุยกับเหนือเมฆได้พักใหญ่ก็พอจะจับใจความได้ว่าเหนือเมฆนั้นคิดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของแม่เลี้ยงของเขาเป็นแน่“ฉันคิดแบบนั้นแต่ขอหาหลักฐานก่อน”เหนือเมฆปักใจเชื่อแบบนั้นและขอหาหลักฐานให้แน่ชัดก่อนแล้วจะเอาผิดกับคนที่ทำผิดอีกทีอย่างสาสม“ถ้าแกคิดแบบนั้นแสดงว่าตัวแกเองก็จะไม่ปลอดภั