บ้านภูผา
“เจ้าของเบอนั้นอยู่บ้านหลังนี้เหรอ”
ภูผาดูรูปที่เพื่อนของขาถ่ายมาอย่างสงสัย
“อืม...เธอมีเด็กอ่อนเลี้ยงด้วย”
นาวาเพื่อนของภูผาที่เป็นตำรวจสืบเรื่องนี้จนได้รูปมายืนยันกับภูผาแล้วจึงมาปรึกษากันต่อที่บ้านอย่างลับๆ
“แล้วใช่ลูกของเธอหรือเปล่า”
“เห็นคนแถวนั้นบอกว่าเธอพึ่งย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วก็มีลูกติดกลับมาด้วยแต่มีบางอย่างที่น่าสงสัย...คือเธอไม่มีสามี”
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเธอเอง”
ภูผาคิดว่ายังไงเขาก็ต้องเข้าไปคุยกับผู้หญิงในรูปด้วยตัวเองอย่างเร็วที่สุดเพราะมันมีเรื่องที่น่าสงสัยหลายอย่างทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะได้พบคำตอบที่ต้องการหากเขาเข้าไปหาเธอ
วันต่อมา
15.00 น.
กรุงเทพมหานคร
สนามบิน
Rrrrrr
“ว่าไง”
เหนือเมฆกำลังเตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับตอนนี้เขาอยู่ที่สนามบินแล้วเพราะคิดว่าอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรพ่อของเขาก็อาการดีขึ้นแล้วอีกทังยังไม่ให้เขาไปยุ่งเรื่องการดูแลอีก
“แกกลับมาวันนี้ทันไหม”
ภูผาอยากให้เพื่อนของเขากลับมาที่บ้านขอเขาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเขาได้หลักฐานสำคัญมาแล้ว
“อืมฉันกำลังจะกลับไปพอดี”
“ดีงั้นเจอกันที่บ้าน”
16.30 น.
บ้านพาขวัญ
“ขวัญ”
วันนี้พระพายกลับบ้านไวเลยจะมาเล่นกับจันทร์เจ้าเสียหน่อย
“พายวันนี้ไม่ไปทำงานพิเศษเหรอ”
“ไม่อะเห็นหัวหน้าบอกว่าวันนี้ไม่ต้องไปเพราะเค้าจะไม่อยู่บ้านเดี๋ยวจะไม่มีใครมาส่งฉัน”
“อ๋อ...แกมารู้เวลาดีนะ...อีกเดี๋ยวจันทร์เจ้าก็น่าจะตื่นแล้วเดี๋ยวฉันไปเก็บผ้าที่ตากไว้ก่อนนะ”
พาขวัญคิดว่าอีกเดี๋ยวจันทร์เจ้าก็น่าจะตื่นขึ้นมาจึงรีบขอตัวจากเพื่อนเธอไปเก็บผ้าเสียก่อน
“อืม...ไปเถอะ”
พระพายชะโงกหน้าไปดูหลานของเธอในเปลครูหนึ่งยิ่งเห็นหน้าจันทร์เจ้าก็ยิ่งหลงในความน่ารักน่าชังของหนูน้อยไม่แปลกเลยที่เพื่อนของเธอจะดูหลงลูกขนาดนี้
“ใครมากันนะ”
พระพายได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านของเพื่อนเธอจึงออกไปดูเพราะน้อยครั้งนักที่จะมีคนขับรถเข้ามาในท้ายหมู่บ้านแบบนี้
“หัวหน้า”
พระพายเห็นหัวหน้าเธอขับรถเข้ามาที่นี่ก็ค่อนข้างสงสัยว่าเขานั้นรู้จักกับเพื่อนเธอด้วยหรือถึงมาหาถึงบ้านได้
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
ภูผาก็ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นพระพายอยู่ที่บ้านหลังนี้
“มีอะไรเหรอ”
พาขวัญเก็บผ้าเสร็จก็รีบเดินออกมาที่หน้าบ้านเธอเห็นผู้ชายที่ไม่รู้จักมายืนหน้าบ้านก็ต้องหันไปถามเพื่อนเธอด้วยความสงสัย
“ผมขอคุยกับคุณหน่อยเรื่องเด็กที่คุณกำลังเลี้ยงอยู่”
ภูผาปิดประเด็นที่จะคุยธุระกับหญิงสาวทันทีเพราะหลักฐานที่เขาได้มามันทำให้พาขวัญนั้นมีอะไรที่น่าสงสัยหลายอย่าง
“อ...เอ่อ...คุยเรื่องอะไรคะ”
พาขวัญรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้อะไรมา
“วันนั้นที่มีเหตุรถเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ถนนในหมู่บ้านคุณอยู่ที่เกิดเหตุด้วยใช่ไหม”
ภูผาถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉยเป็นการไม่กดดันหญิงสาวมากนักเพราะเขาไม่ได้อยากให้เธอกลัวแค่อยากให้เธอพูดความจริง
“เพื่อนฉันจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงล่ะคะหัวหน้าไปเอาอะไรมาพูด”
พระพายเห็นท่าไม่ดีเลยช่วยพูดปัดเพื่อปกป้องให้เพื่อนเธอ
“คุณชื่อพาขวัญไม่มีประวัติการฝากครรภ์หรือคลอดลูกที่ไหน...เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกคุณถ้าคุณไม่ยอมพูดความจริงมาดีๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าญาติของเด็กคนนี้จะเอาเรื่องอะไรกับคุณบ้าง”
คำพูดของภูผาไม่ได้ขู่หญิงสาวแต่เขาพูดกับเธอด้วยเรื่องจริงเพราะหลักฐานที่จะคิดได้ว่าหญิงสาวเป็นคนขโมยเด็กไปมันมีแน่นหนาพอที่จะดำเนินคดีกับหญิงสาวได้เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเพียงเธอยอมส่งตัวเด็กคืนดีๆเพื่อนของเขาก็จะไม่เอาเรื่อง
“เอ่อ...คือ...”
พาขวัญถึงกับเหงื่อตกเธอไม่อยากให้ใครมาพรากจันทร์เจ้าไปจากเธอเพราะเธอรักหนูน้อยคนนี้ไปเสียแล้วและเธอก็ยังจำได้ขึ้นใจว่าหากต้องส่งหนูน้อยคืนให้ครอบครัวตัวของหนูน้อยเองก็จะไม่ปลอดภัย
“เข้าไปคุยข้างในดีกว่าไหมคะ”
พระพายรู้ว่าชายหนุ่มต้องเป็นคนที่มีเหตุผลอยู่พอตัวจึงคิดว่าเรื่องนี้น่าจะคุยกันยาวควรที่จะไปคุยกันข้างในจะดีกว่าดูท่าเพื่อนเธอมีสีหน้ากังวลจนหน้าซีดเซียวไปหมดแล้ว
“ถ้าฉันบอกอะไรคุณไปคุณจะเชื่อไหม”
พาขวัญตัดสินใจจะเล่าเรื่องราวให้อีกฝ่ายฟังเพราะเธอไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจเพราะเธออาจจะเสียจันทร์เจ้าไปได้
“ว่ามาเถอะครับผมพร้อมรับฟัง”
ภูผารับฟังเหตุผลของทุกฝ่ายเสมอขอเพียงแค่พูดมาให้เขาได้ยินเท่านั้นแล้วเขาจะตัดสินใจเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ
“คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะขโมยเด็กคนนี้แต่พี่เพียงฟ้าเป็นคนขอร้องให้ฉันรับลูกของเธอมาดูแลและยังบอกอีกว่าให้พาลูกของเธออยู่ให้ห่างจากครอบครัวที่สุดและห้ามส่งลูกเธอให้ตำรวจเด็ดขาดฉันจึงต้องทำแบบนี้”
พาขวัญเล่าความจริงทุกอย่างอย่างจริงใจเธอไม่ได้เสแสร้งโยนความผิดไปที่ใครเธอถูกขอร้องให้พาเกคนนี้กลับมาจริงๆ
“จริงเหรอครับ”
ภูผาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าที่เขานั้นสันนิษฐานกับเพื่อนของเขามันจะเป็นจริง
“เพื่อนพายไม่โกหกหรอกค่ะหัวหน้าไม่อย่างนั้นจะมาลำบากนั่งเลี้ยงเด็กคนนี้อยู่ทำไมไม่ส่งตัวให้ครอบครัวแล้วขอเงินไม่ดีกว่าเหรอคะ”พระพายเห็นชายหนุ่มถามเพื่อนของเธอเหมือนไม่อยากจะเชื่อเธอจึงต้องยืนยันอีกแรง“อืม...แล้วเพียงฟ้าบอกอะไรคุณอีกหรือเปล่า”ภูผาอยากรู้ว่าพาขวัญนั้นได้คุยอะไรกับเพียงฟ้าอีกหรือเปล่าเผื่อเขาจะมีหลักฐานอะไรสาวถึงตัวคนทำผิดได้“ไม่ค่ะไม่ทันได้บอกเธอรีบให้ฉันพาลูกเธอหนีมา...แต่ฉันเห็นมีผู้ชายสองคนขับรถมอเตอร์ไซต์ปิดใบหน้าทั้งหมดวนดูตรงนั้นอยู่สักครู่แล้วก็ขับออกไปหลังจากนั้นฉันก็รีบพาลูกพี่เพียงฟ้ามาที่บ้าน”“แสดงว่าเพียงฟ้ากับอรรณพก็ต้องรู้ว่ามีคนจ้องทำร้าย”จากคำบอกเล่าของพาขวัญภูผาก็รู้ว่าทั้งอรรณพและเพียงฟ้าน่าจะรู้ว่าเป็นคนในครอบครัวที่คิดทำร้ายแต่เพียงไม่รู้ว่าใครเท่านั้นจึงเลือกที่จะฝากลูกของเธอกับคนอื่นเช่นนี้“ฉันคิดแบบนั้นแต่ฉันไม่กล้าบอกตำรวจเพราะฉันไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า”“ผมเชื่อ”ภูผาดูท่าทางของหญิงสาวแล้วเธอตอบอย่างจริงใจตรงไปตรงมาสายตาของเธอก็ดูอ่อนโยนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรแถมเธอก็ยังดูแลหนูน้อยคนนี้อย่างดีอีกด้วยดูจากของใช้แต่ละอย่างที่เธอซื้อมาและจ
“คือว่า...ตอนนั้น..........”พาขวัญเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้นให้ชายหนุ่มได้ฟังทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำไมเธอจึงต้องพาตัวหลานของเขาไปดูแลและบอกคนอื่นว่าเป็นลูกของเธอเอง“อืม...อย่างนี้นี่เอง...ฉันต้องขอบคุณเธอมากที่ดูแลหลานฉันอย่างดีแถมยังดิ้นรนเพื่อจะหาเงินเลี้ยงหลานฉันอีกแต่ตอนนี้ฉันขอหลานฉันคืน”เหนือเมฆพยักหน้าเข้าใจ....สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดอย่างมากไม่ต่างกับหญิงสาวในตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณเธอที่เสียสละให้หลานของเขามากมายขนาดทั้งอีกทั้งยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อนมกับของใช้เด็กอ่อนเพื่อหลานของเขาอีกเขารู้สึกว่าเขาทำผิดกับเธอจริงๆกับเรื่องในวันนั้นแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้วเธอไม่อยากพูดถึงเขาเองก็ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันในเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุมันไม่ผิดและเขาก็ได้เจอหลานแล้วต่อไปนี้เขาจะขอดูแลหลานของเขาเองหญิงสาวจะได้ไม่ต้องลำบากดูแลหลานของเขาอีกต่อไป“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะไม่ใช่คนที่จะทำร้ายลูกของฉัน”พาขวัญมองหน้าหนูน้อยที่เธออุ้มอยู่ด้วยน้ำตาคลอเบ้านี่คือสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในที่สุดมันก็มาถึงเธอจะต้องเสียจันทร์เจ้า
“คะ??”พาขวัญถึงกับตกใจอีกรอบคราแรกเธอคิดว่าเขาจะให้เธอไปอยู่แบบฐานะพี่เลี้ยงเด็กอะไรแบบนี้เสียอีก“แต่เธอไม่ต้องกังวลเราเป็นแค่พ่อกับแม่ให้กับหลานฉันเท่านั้นเรื่องอื่นเธอไว้ใจฉันได้”เหนือเมฆคิดว่าการที่เขาเล่นบทเป็นพ่อให้จันทร์เจ้าแล้วเอาจันทร์เจ้าไปอยู่ด้วยพร้อมหญิงสาวจะได้ไม่มีคนสงสัยว่าเขาเอาเด็กมาจากไหนและพ่อของเขาเองก็จะได้ยกเลิกเรื่องจับคู่เขากับเอมิกาอีกด้วยพาขวัญยังคิดไม่ตกว่าจะตอบรับหรือยังไงดีเหมือนเธอจะโดนบีบให้มีทางเลือกทางเดียวเลยตอนนี้“ฉันให้เวลาเธอคิดก่อนเดี๋ยวฉันขอปรึกษาอะไรกับภูผาสักหน่อย”เหนือเมฆมีเวลาให้หญิงสาวคิดนิดหน่อยแต่เขาก็รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องยอมทำตามที่เขาบอกอยู่ดีพร้อมทั้งเขาจะหารือกับภูผาเรื่องนี้อีกที“แอ้...แง้...แง้งง”“ส่งจันทร์เจ้ามาค่ะเธอน่าจะไม่คุ้นมือคุณ”“อืมม”เหนือเมฆจำต้องปล่อยหลานของเขาคืนให้กับหญิงสาวเพราะดูท่าหลานของเขาคงจะไม่ชอบอ้อมแขนของเขาเท่าไรนัก10 นาทีต่อมา“ฉันคิดว่าถ้าฉันมีครอบครัวอาจจะหาตัวคนร้ายเร็วขึ้นก็ได้...ฉันคิดว่าถ้าหากเพียงฟ้าคิดว่าครอบครัวเป็นอันตรายถ้าหากฉันมีครอบครัวแล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฉันฉันเองก็มั่นใจว่ามันจ
“สวัสดีค่ะคุณเหนือ”แม่บ้านวัยห้าสิบต้นๆมายืนรอรับคนเป็นเจ้านายที่นานๆจะกลับมาที่บ้านทีนึงทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เจ้าของบ้านจะพาใครมาอยู่เพราะเขาสั่งให้พวกเธอเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงเด็กอ่อนไว้ล่วงหน้าแล้ว“นี่ภรรยาฉันชื่อพาขวัญเรียกเธอว่าคุณขวัญส่วนนี่ลูกสาวของฉันชื่อจันทร์เจ้าทุกคนช่วยกันดูแลเธอเหมือนที่ดูแลฉันด้วย”เหนือเมฆเดินเขามาถึงหน้าบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านสองคนที่ดูแลบ้านของเขาก็รีบนะน้ำคนทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขาให้พวกเธอได้รู้จัก“ค่ะ/ค่ะ.คุณเหนือ”แม่บ้านทั้งสองยินดีต้อนรับคนที่จะมาอยู่ที่นี่เสมอและยิ่งรู้ว่ามีคุณหนูตัวน้อยมาอยู่ด้วยพวกเธอก็ยิ่งยินดี“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”พาขวัญยิ้มทักทายทั้งสองอย่างเป็นมิตรและเดินตามาชายหนุ่มเข้าบ้านไปเพราะตอนนี้จันทร์เจ้าเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้วเธอจะต้องรีบเตรียมนมและเตรียมเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอ“คุณห้องฉันกับจันทร์เจ้าอยู่ไหนฉันจะเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้า”พาขวัญต้องรีบถามชายหนุ่มว่าห้องเธออยู่ที่ไหนเพราะเธอต้องรีบจัดเตรียมที่จะชงนมและเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้าก่อนที่จะงอแง“ตามผมมา”เหนือเมฆเดิ่นดิ่
“อ๋อ...เปล่านี่”เหนือเมฆรู้ตัวว่าทำให้หญิงสาวรู้ตัวจึงรีบหันกลับไปมองจันทร์เจ้าทันทีคราวนี้หนูน้อยไม่มีอาการขมวดคิ้วแล้วแต่ยื่นมือมาเล่นนิ้วก้อยของเขาที่จับขวดนมอยู่แทนด้วยสายตาที่ยังสงสัยเช่นเดิม“คุณเหนือคะ...ในบ้านของคุณทุกห้องจะมีรูปคุณตั้งทุกห้องแบบนี้เลยเหรอคะ”พาขวัญมองไปรอบๆห้องเธอเห็นมีแต่รูปของชายหนุ่มวางตั้งอยู่เต็มไปหมดน่าจะเป็นรูปของเขากับพี่ชายเป็นแน่เธอคิดว่าหากห้องนี้มีรูปเขาอยู่ห้องอื่นๆก็น่าจะมีด้วย“เปล่าหรอกผมพึ่งให้คนย้ายห้องนอนผมลงมาที่นี่”เหนือเมฆส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมบอกกับหญิงสาวว่ามันมีแค่ห้องของเขาเท่านั้นที่จะมีรูปเขาอยู่“ที่นี่ห้องนอนคุณเหรอคะ”พาขวัญทำหน้างงเล็กน้อยคราแรกเขาบอกว่าที่นี่ห้องของเธอกับจันทร์เจ้าไหนที่พูดเมื่อครู่มันหมายความว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาเต็มๆเลยล่ะหรือว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปจึงถามชายหนุ่มให้แน่ใจอีกที“ใช่เราจะนอนด้วยกัน”เหนือเมฆคิดว่าถ้าตกลงจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้จันทร์เจ้าและคนอื่นๆก็รับรู้แบบนั้นเขาและเธอก็จะต้องอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้วคนในบ้านจะได้ไม่สงสัยและจะไม่มีอะไรผิดสังเกตด้วยอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของหญิงสาวและจันทร์เจ
“บอกให้เรียกยังไง.”ชายหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะลืมอะไรเร็วขนาดนี้เขาบอกให้เธอเรียกเขาให้ชินปากแต่ก็ต้องเตือนกันอยู่เรื่อย“เอ่อ...พี่เหนือ”พาขวัญเองก็ลืมตัวเธอเองยังไม่ชินเพราะนี่ก็พึ่งจะวันแรกที่เธอต้องเรียกเขาแบบนี้“นี่ที่นอนพี่เดี๋ยวขวัญกับลูกนอนบนเตียงก็แล้วกัน”เหนือเมฆไปขนฟูกนอนจากในห้องของเขามาเพื่อที่หญิงสาวจะได้นอนอย่างสบายใจและไม่อึดอัดด้วย“ค่ะ”พาขวัญคิดว่าชายหนุ่มยังใจดีกับเธอบ้างที่จะไม่ทำให้เธออึดอัดไปมากกว่านี้“ขวัญ...”“คะ??...”“คือพี่อยากจะรู้เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของขวัญเผื่อใครถามจะได้ตอบตรงกันไง”เหนือเมฆคิดว่าเขาและเธอจะต้องมาทำความรู้จักกันให้เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยเพราะแม่เลี้ยงของเขายิ่งชอบจับผิดเก่งอยู่ด้วย“อืมค่ะ...คือขวัญเกิดที่ลำปางพอพ่อเสียแม่ก็พาย้ายไปอยู่ภูเก็ตตอนที่จบม.6 แล้วตอนนี้ขวัญอายุ25เรียนจบบริหารธุรกิจการตลาดแล้วพอแม่เสียขวัญก็ทำงานที่ภูเก็ตจนตกงานแล้วก็กลับมาอยู่ที่ลำปางได้ประมาณเดือนนึงค่ะ”พาขวัญเล่าประวัติคร่าวๆของเธอให้เขาฟังว่าชีวิตของเธอเป็นอย่างไร“อ๋อ...แล้วไม่มีญาติที่ไหนอีกเหรอ”หากพ่อแม่เสียหมดเขาอยากจะรู้ว่าหญิงสาวมีญาติที่ไหนอีกหรือ
“โอ้โห...หลานปู่แก้มย้วยอย่างนี้ล่ะคงจะกินเก่งน่าดู”“ค่ะ”อิทธิวัฒน์ก้มมองหน้าหลานของเขาในอ้อมแขนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่เห็นแก้มย้วยๆของหนูน้อยก็รู้สึกเอ็นดูอย่างมากได้ข่าวว่าพึ่งคลอดแต่ดูหนูน้อยจะเจ้าเนื้อเสียเหลือเกินจนเขาอยากจะอุ้มฟัดเล่นติดอยู่ที่เจ้าตัวยังไม่ตื่นเขาจึงไม่อยากปลุก“ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ...น้าว่าเข้ามาด้านในกันก่อนเถอะ”แขไขทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเชิญทุกคนเข้าไปคุยกันข้างในบ้าน“คุณพ่อไม่โกรธผมเหรอครับที่ผมไม่ได้บอก”เหนือเมฆไม่เห็นพ่อเขาจะมีอาการต่อว่าอะไรเขาสักนิดเขาจึงนึกแปลกใจเพราะปกติอย่างน้อยก็ต้องมีคำว่าสักคำเมื่อเจอหน้าของเขา“ฉันจะโกรธแกเรื่องอะไรดีใจเสียอีกที่แกมีเมียมีลูกเสียทีนึกว่าจะทำตัวเสเพลกู่ไม่กลับเสียแล้ว”อิทธิวัฒน์ไม่อยากทำลายบรรยากาศครอบครัวแค่ลูกชายของเขามีเมียมีลูกเสียทีเขาก็หายห่วงแล้ว“แล้วนี่อาการคุณพ่อดีขึ้นแล้วเหรอครับ”เหนือเมฆเห็นคุณพ่อของเขาหน้าตาสดใสขึ้นก็อยากจะรู้เรื่องออาการป่วยว่าพ่อของเขานั้นเป็นอย่างไรบ้างถึงแม้อาการภายนอกจะดูปกติแต่ภายในมันป่วยอยู่ขั้นไหนเขาก็อยากจะรู้“ก็อย่างที่เห็นฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว...อ้าว...หลานปู่ตื
“เอ่อ...ในครัวมีผลไม้เต็มเลยเดี๋ยวน้าไปเตรียมมาให้หนูขวัญดีกว่านะจ๊ะพึ่งคลอดต้องกินของที่มีประโยชน์เยอะ”แขไขเห็นว่าเธอต้องหลบไปสงบสติสักพักเพราะใจเธอตอนนี้มันร้อนรุ่มไปหมดกลัวว่าทุกอย่างที่ตั้งใจทำมามันจะพัง“ขอบคุณนะคะ”“ไปยัยเอมไปช่วยแม่”“เอ่อ...ค่ะ”เอมิกาเห็นแม่ของเธอส่งสายตาแปลกๆมาให้เธอก็พอจะรู้ว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอจึงเดินตามแม่ของเธอออกไปแต่โดยดี“หึ้ย...หมั่นไส้มันจริงๆ”เมื่อมาถึงห้องครัวเอมิกาก็มือไม้สั่นเพราะต้องปั้นหน้ายิ้มให้พาขวัญอยู่นานพอควร“ฉันจะไม่ยอมให้มันได้อะไรไปแน่”แขไขเองก็เช่นกันเธอโกรธจนระงับอารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่“แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะในเมื่อคุณเหนือก็จะแต่งงานอยู่แล้ว”“ดีที่ฉันขัดไว้ก่อนได้ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ฉันก็ต้องทำให้คุณอิทยกทุกอย่างให้พวกมันดูแลให้ช้าที่สุด”ตอนนี้แขไขขอดูสถานการณ์ไปก่อนว่าจะเป็นยังไงแต่เธอก็จะทำให้มันช้าที่สุดเท่าที่ช้าได้เพราะเธอต้องหาวิธีจัดการก่อนไม่คิดว่าจู่ๆเหนือเมฆจะมีลูกมีเมียแล้วคิดแต่งงานเสียรวดเร็วขนาดนี้ทางด้านอิทธิวัฒน์“แล้วทางบ้านหนูขวัญรู้เรื่องนี้หรือยัง”อิทธิวัฒน์ก็อยากจะรู้ว่าทางบ้านพาขวัญรู้เรื่องนี้แล้วหรือยังเ