12.00 น.
“ขวัญ...ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนเร็ว”
“อือ...อืมม”
พระพายปล่อยให้เพื่อนสาวเธอนอนจนถึงเที่ยงเมื่อเห็นเพื่อนเธอยังไม่ตื่นเสียทีก็ต้องปลุกให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาเสียก่อน
“อะนี่กระเป๋ากับมือถือ”
พระพายว่าจะให้เพื่อนเธอตั้งแต่เช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่นกันอยู่
“อืม....เอ่อ...พาย!!”
พาขวัญกดดูมือถือของเธอตามปกติแต่สิ่งที่ไม่ปกติคือข้อความที่เด้งเตือนเงินเข้าบัญชีของเธอ
“มีอะไรเหรอแก”
พระพายทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเพื่อนเธอมีน้ำเสียงตกใจตอนเปิดดูมือถือ
“นี่”
“ห.ห้ะ...ล...ล้านนึง”
พระพายเกือบเป็นลมเมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีที่เพื่อนสาวของเธอชูให้ดู
“ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”
พาขวัญยังถามเพื่อนเธอว่าเห็นเหมือนที่เธอเห็นหรือไม่เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“นี่มีข้อความด้วยนี่นา....//ฉันให้เธอหนึ่งล้านไม่ต้องตกใจและหวังว่าเธอจะไม่ไปทำงานที่นั่นอีก//”
พระพายเห็นข้อความที่มันเด้งเตือนเธอจึงอ่านให้เพื่อนเธอหายคาใจที่คิดว่าตัวเองตาฝาด
“แก....”
พาขวัญกอดพระพายตัวกลมเมื่อเธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะให้เงินเธอมากมายขนาดนี้แค่แสนเดียวเธอก็ถือว่าเยอะมากแล้วแต่ยังไงเธอก็แอบคิดในใจว่าถ้าหากเธอเลือกได้เธอก็ขอไม่เจอเขาจะดีกว่า
2 วันต่อมา
08.30 น
บ้านพาขวัญ
“สะดือหลุดแล้วน้า...จันทร์เจ้าน้อยของแม่”
“แอร๊...ๆ...แอ๊ะ”
พาขวัญคุยเล่นกับลุกสาวตัวน้อยของเธอที่นอนอยู่บนเบาะนอนสีหวานเธอเองส่งเสียงคุยไปด้วยมือไม้ก็เตรียมอุปกรณ์เพื่อที่จะอาบน้ำให้ลูกสาวตัวน้อย
หนูน้อยจันทร์เจ้าก็ชอบอ้อแอ้กับหญิงสาวโต้ตอบไปมาเมื่อตอนตื่นหนูน้อยไม่ค่อยงอแงแค่ชอบส่งเสียงดังแล้วกำหมัดใส่ปากเท่านั้น
“คุยเก่งที่สุดเลยสาวน้อย...อาบน้ำกันดีกว่านะคะ”
“แอร๊....แอ้ๆ...”
เมื่อเตรียมน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำตอนเช้าเรียบร้อยแล้วพาขวัญจึงมาถอดเสื้อผ้าให้หนูน้อยต่อพร้อมคุยเล่นเสียงเล็กเสียงน้อยกับหนูน้อยแก้มย้วยที่ก็ส่งเสียงโต้ตอบกับเธอไม่หยุดเหมือนกันทำให้ทุกๆวันของพาขวัญไม่เหงาอีกต่อไปเมื่อมีจันทร์เจ้ามาอยู่ด้วย
“อาบน้ำชื่นใจ...แม่รู้ว่าหนูชอบใช่ไหมคะ”
“แอร๊...”
จันทร์เจ้าได้ลงน้ำอุ่นก็ดีดขาเล่นน้ำส่งเสียงอ้อแอ้ชอบใจยกใหญ่น้อยครั้งนักจะได้ยินเสียงร้องงอแงของหนูน้อยนอกจากตอนหิวเท่านั้น
“พอได้อาบน้ำก็อารมณ์ดีใหญ่เลย”
“อือ...แอร๊ะ”
“อาบน้ำเสร็จแล้วก็เช็ดตัวกันนะคะ...ทาแป้งหอมๆแล้วจะได้ดื่มนมหลับปุ๋ยต่อเลยนะคะ”
พาขวัญไม่ปล่อยให้หนูน้อยแช่น้ำนานนักเมื่อทำความสะอาดตัวหนูน้อยเสร็จเรียบร้อยก็รีบห่อผ้าเช็ดตัวแล้วมาเช็ดตัวบนเบาะนอนเมื่อแต่งตัวเสร็จก็รีบชงนมให้หนูน้อยหน้ากลมได้ดื่มจะได้นอนหลับต่อเพราะเด็กทารกเวลานอนเป็นเรื่องสำคัญ
บ้านภูผา
“นี่แกไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องไปดูพ่อแกบ้างหรือไง”
ภูผาเห็นเพื่อนของเขาขลุกอยู่แต่ที่นี่บ้านช่องไม่คิดจะกลับ
“พ่อฉันอยู่ได้สบายมากมีคนของเค้าดูแลอยู่แล้วหละ”
เหนือเมฆคิดว่าเขากลับไปก็จะทำให้พ่อของเขาหัวเสียเปล่าๆอีกอย่างเขาก็เห็นว่าที่บ้านก็มีคนดูแลเยอะอยู่แล้วไม่มีเขาสักคนมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย
“นี่ท่าทางแกจะไม่ญาติดีกับพ่อแกเลยเหรอวะ”
ภูผาคิดว่าจนป่านนี้แล้วเพื่อนเขาน่าจะคุยดีกับพ่อแล้วเสียอีกแต่ดูท่าเขาน่าจะคิดผิด
“พ่อฉันต่างหากเจอหน้าฉันก็เอาแต่บ่นแต่ด่าฉันไม่มีอะไรดีสักอย่าง”
เหนือเมฆพูดถึงเรื่องนี้ทีไรพาให้เขาน้อยใจอยู่ลึกๆทุกที
“เค้าบ่นก็เพราะเค้าคงห่วงแก”
ภูผาคิดว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่ห่วงลูกหรอกเพียงแต่อาจจะมีทิฐิบางอย่างต่อกันมากกว่า
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ...แล้วเรื่องที่เพื่อนแกสืบไปถึงไหนแล้ว”
เหนือเมฆไม่อยากให้บรรยากาศยามเช้าเสียบรรยากาศเท่าไรจึงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ไม่มีใครเข้าข่ายเลยสักคนว่ะทุกคนที่โทรก็แค่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแต่มีอยู่สายนึงที่โทรเข้ามาแค่สายเดียวแต่ตัดสายไปเสียก่อน”
“แล้วคนๆนั้นเค้าอยู่แถวไหน”
“เพื่อนฉันยังไม่ให้คำตอบตอนนี้มันมีงานด่วนเข้ามาเลยต้องรับหน้างานนั้นก่อน”
“ฉันร้อนใจจะแย่อยู่แล้วนะหลานฉันทั้งคน...ทางคุณพ่อก็ไม่เห็นจะได้เรื่องได้ราวอะไรเลย”
“ฉันก็อยากจะให้เรื่องมันเร็วเหมือนแต่จะทำยังไงได้เพื่อนฉันมันบอกคืนนี้น่าจะรู้ว่าเจ้าของเบอนี้สัญญาณในปัจจุบันมันอยู่ที่ไหน”
“อืม”
ภูผาแอบให้เพื่อนของเขาใช้อุปกรณ์ในที่ทำงานสืบอย่างลับๆเพราะถ้าหากคนอื่นรู้จะมีการทำงานข้ามหน้าข้ามตาคนที่รับคดีนี้อยู่จึงทำอะไรโจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้การทำงานเลยล่าช้านิดหน่อยแต่เขาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจยังพยายามช่วยเพื่อนของเขาอยู่ทุกวิถีทาง
“งั้นเดี๋ยวฉันไปจัดการเสื้อผ้าฉันก่อนต้องรีบเข้าไปที่กรมต่อ”
ตั้งแต่แม่บ้านออกไปภูผาก็ต้องทำงานบ้านเองทุกอย่างเพราะยังหาคนมาทำงานไม่ได้ชายหนุ่มเลยต้องหัวหมุนเรื่องงานบ้านมากหน่อยในช่วงนี้
“ตั้งแต่ฉันมาฉันเห็นแกทำงานบ้านเองไม่มีแม่บ้านหรือไงวะ”
เหนือเมฆแปลกใจเพื่อนของเขาก็ใช่ว่าจะขัดสนจนไม่สามารถจ้างแม่บ้านมาทำงานบ้านได้แต่ตั้งแต่ที่เขามาก็ไม่ยักจะเห็นมีสักคน
“แม่บ้านฉันพึ่งลาออกเห็นว่าจะไปเลี้ยงหลานฉันลองหาแล้วแต่ไม่มีใครมาสมัครก็ต้องทำเองไปก่อน”ภูผาพยายามอยู่ที่จะหาคนมาทำงานแต่ที่นี่ค่อนข้างหายากนิดนึงเพราะเป็นต่างจังหวัดส่วนมากคนพื้นที่ก็จะทำไร่ทำนาหรือทำกิจการของตนเองกันหมด13.00 น.“หัวหน้าเรียกป้ามามีอะไรหรือเปล่าคะ”น้ำทิพย์แม่บ้านวัยห้าสิบเข้ามาในห้องของภูผาเพราะเห็นว่าชายหนุ่มเรียกพบ“ช่วงเย็นป้าทิพย์พอจะว่างไหมครับพอดีผมอยากให้ป้าไปทำงานบ้านให้ผมหน่อยผมมีเงินค่าจ้างให้ครั้งละ500ครับ”ภูผาเห็นว่าหาแม่บ้านประจำมันยากเหลือเกินเขาก็จะลองถามจากคนที่ทำงานดูว่าอยากจะทำงานพิเศษหรือเปล่าเรื่องเงินเขาให้เต็มวันเลยเพราะจะให้เขามาทำงานบ้านเองคงไม่เรียบร้อยเท่าผู้หญิงทำอีกอย่างบางวันที่เขาไม่ได้กลับก็ไม่มีคนดูแลบ้านด้วย“ป้าก็อยากไปนะคะ...แต่ช่วงเย็นป้าก็ต้องกลับไปดูแลบ้านทำกับข้าวให้ผัวกับลูกอีก”น้ำทิพย์เองก็อยากจะได้เงินพิเศษอยู่หรอกแต่ภาระที่บ้านเธอก็ต้องกลับไปดูแลนี่น่ะสิ“อ๋อ...งั้นไม่เป็นไรครับ”ภูผาพยักหน้าเข้าใจแต่ก็แอบเสียดายเล็กน้อยเพราะน้ำทิพย์ทำงานดีมาก“เอ่อ...หัวหน้าหาแม่บ้านอยู่เหรอคะลองถามหนูพระพายที่อยู่แผนกธุรการดูสิคะเห็น
“เฮ้อ...”เหนือเมฆถึงกับกุมขมับนี่เขาจะไม่มีสิทธิ์รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อเขาเลยหรือเขาคิดว่าพ่อของเขายังเห็นเขาสำคัญอยู่หรือไม่ในเมื่อเป็นอะไรก็ไม่ยอมที่จะบอกกันจะได้ช่วยกันหาทางแก้ตั้งแต่เนิ่นๆวันต่อมาโรงพยาบาล“คุณพ่อเป็นอะไรทำไมไม่คิดจะบอกผม”เหนือเมฆรู้ว่าพ่อของเขาฟื้นตัวแล้วจากเมื่อวานที่อาการไม่ค่อยดีเขาเข้ามาที่โรงพยาบาลในช่วงเช้าเพื่อที่จะมาคุยกับพ่อของเขาด้วยความเป็นห่วง“ฉันบอกแกแล้วมันจะหายหรือไงวะ”อิทธิวัฒน์มีเหตุผลที่เขาไม่อยากจะบอกเรื่องอาการป่วยของเขากับใครเพราะในใจของเขาไม่อยากจะให้ใครมาห่วงโดยเฉพาะลูกๆของเขาแต่คำพูดของเขามันยิ่งทำให้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองไม่สำคัญพอที่จะได้รู้เรื่องนี้“แล้วนี่ดูแลตัวเองยังไงครับถึงได้อาการหนักแบบนี้”เหนือเมฆรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจกับคำพูดของคนเป็นพ่อถึงบอกเขาแล้วมันไม่หายแต่พ่อของเขาดูแลตัวเองยังไงถึงได้เป็นหนักแบบนี้แล้วที่เขาอยากรู้คือพ่อของเขาได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีหรือเปล่า“ฉันก็หาหมอนี่แหละแล้วก็แขเค้าก็มียาบำรุงให้ฉันกินอยู่เรื่อยๆแกไม่ต้องห่วงหรอกฉันแค่เครียดหนักเฉยๆไม่ได้เป็นอะไรมาก”“ต่อไปนี้ผมจะหาหมอดูเรื่องสุขภาพของคุณพ่อเอง”เ
บ้านภูผา“เจ้าของเบอนั้นอยู่บ้านหลังนี้เหรอ”ภูผาดูรูปที่เพื่อนของขาถ่ายมาอย่างสงสัย“อืม...เธอมีเด็กอ่อนเลี้ยงด้วย”นาวาเพื่อนของภูผาที่เป็นตำรวจสืบเรื่องนี้จนได้รูปมายืนยันกับภูผาแล้วจึงมาปรึกษากันต่อที่บ้านอย่างลับๆ“แล้วใช่ลูกของเธอหรือเปล่า”“เห็นคนแถวนั้นบอกว่าเธอพึ่งย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วก็มีลูกติดกลับมาด้วยแต่มีบางอย่างที่น่าสงสัย...คือเธอไม่มีสามี”“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเธอเอง”ภูผาคิดว่ายังไงเขาก็ต้องเข้าไปคุยกับผู้หญิงในรูปด้วยตัวเองอย่างเร็วที่สุดเพราะมันมีเรื่องที่น่าสงสัยหลายอย่างทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะได้พบคำตอบที่ต้องการหากเขาเข้าไปหาเธอวันต่อมา15.00 น.กรุงเทพมหานครสนามบินRrrrrr“ว่าไง”เหนือเมฆกำลังเตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับตอนนี้เขาอยู่ที่สนามบินแล้วเพราะคิดว่าอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรพ่อของเขาก็อาการดีขึ้นแล้วอีกทังยังไม่ให้เขาไปยุ่งเรื่องการดูแลอีก“แกกลับมาวันนี้ทันไหม”ภูผาอยากให้เพื่อนของเขากลับมาที่บ้านขอเขาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเขาได้หลักฐานสำคัญมาแล้ว“อืมฉันกำลังจะกลับไปพอดี”“ดีงั้นเจอกันที่บ้าน”16.30 น.บ้านพาขวัญ“
“เพื่อนพายไม่โกหกหรอกค่ะหัวหน้าไม่อย่างนั้นจะมาลำบากนั่งเลี้ยงเด็กคนนี้อยู่ทำไมไม่ส่งตัวให้ครอบครัวแล้วขอเงินไม่ดีกว่าเหรอคะ”พระพายเห็นชายหนุ่มถามเพื่อนของเธอเหมือนไม่อยากจะเชื่อเธอจึงต้องยืนยันอีกแรง“อืม...แล้วเพียงฟ้าบอกอะไรคุณอีกหรือเปล่า”ภูผาอยากรู้ว่าพาขวัญนั้นได้คุยอะไรกับเพียงฟ้าอีกหรือเปล่าเผื่อเขาจะมีหลักฐานอะไรสาวถึงตัวคนทำผิดได้“ไม่ค่ะไม่ทันได้บอกเธอรีบให้ฉันพาลูกเธอหนีมา...แต่ฉันเห็นมีผู้ชายสองคนขับรถมอเตอร์ไซต์ปิดใบหน้าทั้งหมดวนดูตรงนั้นอยู่สักครู่แล้วก็ขับออกไปหลังจากนั้นฉันก็รีบพาลูกพี่เพียงฟ้ามาที่บ้าน”“แสดงว่าเพียงฟ้ากับอรรณพก็ต้องรู้ว่ามีคนจ้องทำร้าย”จากคำบอกเล่าของพาขวัญภูผาก็รู้ว่าทั้งอรรณพและเพียงฟ้าน่าจะรู้ว่าเป็นคนในครอบครัวที่คิดทำร้ายแต่เพียงไม่รู้ว่าใครเท่านั้นจึงเลือกที่จะฝากลูกของเธอกับคนอื่นเช่นนี้“ฉันคิดแบบนั้นแต่ฉันไม่กล้าบอกตำรวจเพราะฉันไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า”“ผมเชื่อ”ภูผาดูท่าทางของหญิงสาวแล้วเธอตอบอย่างจริงใจตรงไปตรงมาสายตาของเธอก็ดูอ่อนโยนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรแถมเธอก็ยังดูแลหนูน้อยคนนี้อย่างดีอีกด้วยดูจากของใช้แต่ละอย่างที่เธอซื้อมาและจ
“คือว่า...ตอนนั้น..........”พาขวัญเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้นให้ชายหนุ่มได้ฟังทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำไมเธอจึงต้องพาตัวหลานของเขาไปดูแลและบอกคนอื่นว่าเป็นลูกของเธอเอง“อืม...อย่างนี้นี่เอง...ฉันต้องขอบคุณเธอมากที่ดูแลหลานฉันอย่างดีแถมยังดิ้นรนเพื่อจะหาเงินเลี้ยงหลานฉันอีกแต่ตอนนี้ฉันขอหลานฉันคืน”เหนือเมฆพยักหน้าเข้าใจ....สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดอย่างมากไม่ต่างกับหญิงสาวในตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณเธอที่เสียสละให้หลานของเขามากมายขนาดทั้งอีกทั้งยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อนมกับของใช้เด็กอ่อนเพื่อหลานของเขาอีกเขารู้สึกว่าเขาทำผิดกับเธอจริงๆกับเรื่องในวันนั้นแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้วเธอไม่อยากพูดถึงเขาเองก็ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันในเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุมันไม่ผิดและเขาก็ได้เจอหลานแล้วต่อไปนี้เขาจะขอดูแลหลานของเขาเองหญิงสาวจะได้ไม่ต้องลำบากดูแลหลานของเขาอีกต่อไป“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะไม่ใช่คนที่จะทำร้ายลูกของฉัน”พาขวัญมองหน้าหนูน้อยที่เธออุ้มอยู่ด้วยน้ำตาคลอเบ้านี่คือสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในที่สุดมันก็มาถึงเธอจะต้องเสียจันทร์เจ้า
“คะ??”พาขวัญถึงกับตกใจอีกรอบคราแรกเธอคิดว่าเขาจะให้เธอไปอยู่แบบฐานะพี่เลี้ยงเด็กอะไรแบบนี้เสียอีก“แต่เธอไม่ต้องกังวลเราเป็นแค่พ่อกับแม่ให้กับหลานฉันเท่านั้นเรื่องอื่นเธอไว้ใจฉันได้”เหนือเมฆคิดว่าการที่เขาเล่นบทเป็นพ่อให้จันทร์เจ้าแล้วเอาจันทร์เจ้าไปอยู่ด้วยพร้อมหญิงสาวจะได้ไม่มีคนสงสัยว่าเขาเอาเด็กมาจากไหนและพ่อของเขาเองก็จะได้ยกเลิกเรื่องจับคู่เขากับเอมิกาอีกด้วยพาขวัญยังคิดไม่ตกว่าจะตอบรับหรือยังไงดีเหมือนเธอจะโดนบีบให้มีทางเลือกทางเดียวเลยตอนนี้“ฉันให้เวลาเธอคิดก่อนเดี๋ยวฉันขอปรึกษาอะไรกับภูผาสักหน่อย”เหนือเมฆมีเวลาให้หญิงสาวคิดนิดหน่อยแต่เขาก็รู้ว่ายังไงเธอก็ต้องยอมทำตามที่เขาบอกอยู่ดีพร้อมทั้งเขาจะหารือกับภูผาเรื่องนี้อีกที“แอ้...แง้...แง้งง”“ส่งจันทร์เจ้ามาค่ะเธอน่าจะไม่คุ้นมือคุณ”“อืมม”เหนือเมฆจำต้องปล่อยหลานของเขาคืนให้กับหญิงสาวเพราะดูท่าหลานของเขาคงจะไม่ชอบอ้อมแขนของเขาเท่าไรนัก10 นาทีต่อมา“ฉันคิดว่าถ้าฉันมีครอบครัวอาจจะหาตัวคนร้ายเร็วขึ้นก็ได้...ฉันคิดว่าถ้าหากเพียงฟ้าคิดว่าครอบครัวเป็นอันตรายถ้าหากฉันมีครอบครัวแล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฉันฉันเองก็มั่นใจว่ามันจ
“สวัสดีค่ะคุณเหนือ”แม่บ้านวัยห้าสิบต้นๆมายืนรอรับคนเป็นเจ้านายที่นานๆจะกลับมาที่บ้านทีนึงทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เจ้าของบ้านจะพาใครมาอยู่เพราะเขาสั่งให้พวกเธอเตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงเด็กอ่อนไว้ล่วงหน้าแล้ว“นี่ภรรยาฉันชื่อพาขวัญเรียกเธอว่าคุณขวัญส่วนนี่ลูกสาวของฉันชื่อจันทร์เจ้าทุกคนช่วยกันดูแลเธอเหมือนที่ดูแลฉันด้วย”เหนือเมฆเดินเขามาถึงหน้าบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านสองคนที่ดูแลบ้านของเขาก็รีบนะน้ำคนทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขาให้พวกเธอได้รู้จัก“ค่ะ/ค่ะ.คุณเหนือ”แม่บ้านทั้งสองยินดีต้อนรับคนที่จะมาอยู่ที่นี่เสมอและยิ่งรู้ว่ามีคุณหนูตัวน้อยมาอยู่ด้วยพวกเธอก็ยิ่งยินดี“สวัสดีค่ะทุกคนยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”พาขวัญยิ้มทักทายทั้งสองอย่างเป็นมิตรและเดินตามาชายหนุ่มเข้าบ้านไปเพราะตอนนี้จันทร์เจ้าเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้วเธอจะต้องรีบเตรียมนมและเตรียมเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอ“คุณห้องฉันกับจันทร์เจ้าอยู่ไหนฉันจะเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้า”พาขวัญต้องรีบถามชายหนุ่มว่าห้องเธออยู่ที่ไหนเพราะเธอต้องรีบจัดเตรียมที่จะชงนมและเปลี่ยนแพมเพิสให้จันทร์เจ้าก่อนที่จะงอแง“ตามผมมา”เหนือเมฆเดิ่นดิ่
“อ๋อ...เปล่านี่”เหนือเมฆรู้ตัวว่าทำให้หญิงสาวรู้ตัวจึงรีบหันกลับไปมองจันทร์เจ้าทันทีคราวนี้หนูน้อยไม่มีอาการขมวดคิ้วแล้วแต่ยื่นมือมาเล่นนิ้วก้อยของเขาที่จับขวดนมอยู่แทนด้วยสายตาที่ยังสงสัยเช่นเดิม“คุณเหนือคะ...ในบ้านของคุณทุกห้องจะมีรูปคุณตั้งทุกห้องแบบนี้เลยเหรอคะ”พาขวัญมองไปรอบๆห้องเธอเห็นมีแต่รูปของชายหนุ่มวางตั้งอยู่เต็มไปหมดน่าจะเป็นรูปของเขากับพี่ชายเป็นแน่เธอคิดว่าหากห้องนี้มีรูปเขาอยู่ห้องอื่นๆก็น่าจะมีด้วย“เปล่าหรอกผมพึ่งให้คนย้ายห้องนอนผมลงมาที่นี่”เหนือเมฆส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมบอกกับหญิงสาวว่ามันมีแค่ห้องของเขาเท่านั้นที่จะมีรูปเขาอยู่“ที่นี่ห้องนอนคุณเหรอคะ”พาขวัญทำหน้างงเล็กน้อยคราแรกเขาบอกว่าที่นี่ห้องของเธอกับจันทร์เจ้าไหนที่พูดเมื่อครู่มันหมายความว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาเต็มๆเลยล่ะหรือว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปจึงถามชายหนุ่มให้แน่ใจอีกที“ใช่เราจะนอนด้วยกัน”เหนือเมฆคิดว่าถ้าตกลงจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้จันทร์เจ้าและคนอื่นๆก็รับรู้แบบนั้นเขาและเธอก็จะต้องอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้วคนในบ้านจะได้ไม่สงสัยและจะไม่มีอะไรผิดสังเกตด้วยอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของหญิงสาวและจันทร์เจ