“นี่คุณลืมตาได้แล้ว”
หญิงสาวเดินไปหยิบไฟฉายในมือของชายหนุ่มพร้อมบอกให้เขาลืมตาได้เพราะตอนนี้เธอพันผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้ว
“อะ..เอ่อ..ผมเอาไฟฉายมาให้แล้วเมื่อกี้ผมได้ยินเสียงดังโครมครามคุณเป็นอะไรหรือป่าว”
ชายหนุ่มรีบหาเรื่องคุยเปลี่ยนเรื่องทันทีหวังว่าหญิงสาวคงไม่ถือสาเขาเรื่องเมื่อครู่นี้นะ
“ไม่อะฉันแค่เดินชนโต้ะที่หัวเตียงแล้วคมไฟมันตกลงมา..”
หญิงสาวพูดโดยที่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มเพราะเธอรู้สึกเขินที่เมื่อครู่เขาจะเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอบ้างหรือป่าวก็ไม่รู้
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว....งั้นผมไปล่ะ”
ชายหนุ่มดูก็รู้ว่าที่หญิงสาวพูดโดยที่ไม่ยอมสบตาเขาเธอคงจะอายเรื่องเมื่อครู่เขาจึงคิดว่าขอปลีกตัวออกไปโดยเร็วจะดีกว่า
“เดี๋ยวคุณ....เอ่อ..เมื่อกี้..ค..คุณไม่ได้เห็นอะไรใช่มั้ย”
เมื่อเห็นชายหนุ่มหันหลังจะเดินออกไปเธอจึงตัดสินใจถามคำถามที่มันยังคาใจของเธออยู่ว่าเมื่อครู่นี้เขาได้เห็นอะไรของเธอใช่มั้ย
“อ๋อ..อะ..อืมมมม”
ชายหนุ่มที่เดินหันหลังจะออกไปจากห้องเมื่อได้ยินที่หญิงสาวถามเลยตอบอึกๆอักๆจำใจโกหกว่าไม่เห็นอะไรทั้งที่เมื่อกี้อะไรๆของเธอมันปรากฎต่อสายตาของเขาหมดแล้วดีที่มันยังเห็นไม่ชัดเท่านันเอง
“ทำไมคุณต้องอึกๆอักๆด้วยเล่า...งื้ออออ...เอาจริงๆตกลงคุณเห็นหรือไม่เห็น”
หญิงสาวยืนกังวลใจเดินไปเดินมาเมื่อชายหนุ่มตอบอึกอักเธอดูยังไงก็ดูออกว่าเขาตอบไม่จริง
“เอ่อ...ผมเห็นก็ได้....ตะ..แต่ไม่ชัด..เท่าไรอะคุณ”
เมื่อเห็นหญิงสาวอยากจะได้ความจริงนักเขาก็ตอบความจริงเลยก็ได้
เพี้ยยยยยยยย ๆๆๆๆ
“งื้อ....คุณอ่า....”
หญิงสาวรู้สึกหน้าชาเมื่อได้ยินคำตอบของเขาเมื่อทำอะไรไม่ได้เลยระบายอารมณ์ความไม่พอใจไปที่การตีไปที่แขนของชายหนุ่ม
“โอ้ยยๆคุณผมเจ็บแขนอยู่นะ..ตกลงคุณจะเอาไงผมบอกไม่เห็นคุณก็ไม่พอใจพอตอบว่าเห็นก็ไม่พอใจอีก”
ชายหนุ่มถึงกับต้องกุมแขนตัวเองทันทีไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆว่าเธอจะเอายังไงกันแน่พอโกหกเพื่อให้สบายใจก็ไม่ชอบพอตอบความจริงก็ไม่ชอบอีกผู้หญิงนี่เข้าใจยากชะมัดเลย
“ออกไปเลยนะ”
เมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มพูดหญิงสาวก็รู้สึกไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาโกหกเธอก็ไม่พอใจเขาพูดความจริงเธอก็ไม่พอใจอีกอันที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากให้เขาเข้ามาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำเมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้จึงทำได้แต่ไล่ชายหนุ่มให้กลับไปพร้อมนั่งทำใจเรื่องนี้อยู่คนเดียวสักพัก
ชายหนุ่มกลับมานั่งที่ห้องยังรู้สึกงงกับอารมณ์ของเธออยู่ไม่หายเขาเองยังจำภาพเมื่อกี้ได้อยู่เต็มตาพาให้เขาใจสั่นแปลกๆเพราะอะไรๆของเธอที่ปรากฏต่อสายตาของเขามันไม่ใช่น้อยๆเลยถึงแม้จะเห็นแค่แวบเดียวก็เถอะเขาก็ผู้ชายนะจะให้ไม่รู้สึกกับเรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มรีบสลัดความคิดเรื่องเธอออกจากหัวพร้อมบังคับตัวเองให้หลับลงไปเขาไม่อยากนึกถึงเรื่องนี้อีกเพราะพอเริ่มคิดมากๆเข้าเหมือนว่าตัวเองจะเข้าขั้นโรคจิตซะก่อน
เรือนไม้
“พี่เพลิง...พี่เพลิงง..”
พาฝันนอนไปได้สักพักก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมากะทันหันเป็นเพราะตอนที่เธอกินข้าวเสร็จแล้วดื่มน้ำมากไปหน่อยจึงปวดฉี่แต่เธอพยายามที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำเองแล้วแต่พยายามทีไรความปวดที่ข้อเท้าทั้งสองมันก็ยังเล่นงานเธออยู่ดีคราแรกเธอพยายามอั้นฉี่ไว้แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับแถมยังปวดมากจึงต้องตัดสินใจลองตะโกนเรียกชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกให้มาช่วยหวังว่าเขาคงจะไม่หงุดหงิดใส่เธอนะ
“มีอะไรอีกคุณ”
“ฝันปวดฉี่ฝันพยายามเดินไปเองแล้วแต่มันปวด..เดินไม่ไหวววว”
หยิงสาวพยายามยิ้มสู้เพราะกลัวว่าเขาจะบ่นว่าเธออีกอย่างน้อยยิ้มหวานๆของเธอก็น่าจะทำให้ชายหนุ่มใจดีกับเธอบ้างก็ได้
“เฮ้อออออ..”
ชายหนุ่มถึงกับต้องมองบนพร้อมถอนหายใจและรีบอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำพร้อมรออยู่ที่หน้าห้องนี่เขาคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่เข้ามาช่วยเหลือเธอรู้งี้ปล่อยให้ควายขวิดอยู่ในนาซะให้เข็ด
เมื่อหญิงสาวจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงเข้าไปอุ้มเธอออกมาวางเธอที่เตียงพร้อมออกจากห้องโดยที่ไม่พูดไม่จากับเธอสักคำเพราะตอนนี้เขาเองอยากพักผ่อนจะแย่ชายหนุ่มเดินดูงานตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่ามาจนมาเจอเธอช่วงบ่ายเขายังต้งมาดูแลเธอจนถึงตอนนี้อีก
5 นาทีต่อมา
“อร๊าย”
“อะไรอีกวะ!!!”
ชายหนุ่มพึ่งจะงีบหลับลงไปได้ม่เท่าไรก็ได้ยินเสียงหญิงสาวกรีดร้องออกมาอีกทำให้เขาเริ่มหัวเสียอย่างมากเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่เห็นแสงไฟที่ส่องเข้ามาจากโคมไฟหน้าบ้านแล้วแสดงว่าคงต้องไฟดับแน่ๆและนี่ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่หญิงสาวในห้องกรีดร้องออกมาเป็นแน่เขาจึงใช้มือถือเปิดไฟฉายและเดินเข้าไปที่ห้องเธออีกครั้ง
“คุณจะโวยวายอะไรนักหนาเนี่ยย”
ชายหนุ่มยืนทำหน้าขรึมอยู่ที่หน้าหญิงสาวยิ่งมองใบหน้าเธอที่ยิ้มแหยๆมาให้เขายิ่งรู้สึกรำคาญหน้าแบบนี้นัก
“ก็มันมืดฝันไม่ชอบบบบบ...พี่เพลิงพอจะมีไฟฉายมั้ยหรือเอามือถือมาเปิดไฟไว้ให้ฝันก็ได้ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีสีหน้าที่ซีเรียสจริงจังเธอจึงหุบยิ้มแล้วก้มหน้าลงรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องมาลำบากเพราะเธออีกแล้วใจจริงเธอก็ไม่ได้อยากรบกวนเขาตอนนี้หรอกแต่จะทำไงได้ก็ความมืดมันน่ากลัวสำหรับเธอนี่
เพราะความมืดทำให้เหตุการณ์ในวันนั้นมันย้อนกลับมาในหัวเธออีกครั้งวันที่เธอและแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุที่ต่างจังหวัดวันที่เธอกับแม่เธอขับรถไปเที่ยวที่บ้านยายของเธอตามลำพังกับเธอเพียงสองคนในคืนที่ฝนตกตอนนั้นเธออายุเพียงแค่10ขวบเธอเป็นคนอ้อนให้แม่ของเธอพาไปซื้อขนมในตอนดึกวันนั้นเพราะเธอหิวด้วยความที่ถนนต่างจังหวัดไม่มีแสงไฟมากนักและแม่ของเธอก็ไม่คุ้นชินทางทำให้รถแหกโค้งไปชนต้นไม้เธอรอดตายมาอย่างปาฎิหารย์แต่แม่ของเธอเสียชีวิตคาที่คืนนั้นเธอพยายามเรียกแม่ของเธอเป็นล้านรอบแต่แม่ของเธอก็ไม่ตื่นเธอพยายามมองไปรอบข้างหาคนช่วยก็มีแต่ความมืดไม่มีใครช่วยแม่เธอได้เลยจนค่อนแจ้งจึงมีคนมาเจอหญิงสาวช็อคกับเหตุการณ์นั้นจนต้องรักษากับหมอจิตแพทย์อยู่พักใหญ่จนดีขึ้นแต่อาการกลัวความมืดของเธอก็ยังติดมาจนถึงวันนี้
“ไม่ต้องผมว่าผมนอนในห้องนี้กับคุณเลยดีกว่า..ผมว่าเดี๋ยวคุณก็ต้องส่งเสียงรบกวนการนนของผมอีก”ชายหนุ่มเดินดุ่มๆมานอนที่ข้างๆหญิงสาวพร้อมหันหลังให้เธอกอดหมอนข้างนอนอย่างสบายใจเขาคิดว่าถ้าเขายังนอนอยู่ข้างนอกเขาได้วิ่งเข้าวิ่งออกห้องนี้เป็นแน่“อะ..เอ่อ..จะนอนที่นี่หรอคะพี่เพลิงออกไปนอนข้างนอกก็ได้ค่ะ..ฝ..ฝันไม่กวนแล้วก็ได้”หญิงสาวตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆชายหนุ่มก็มานอนอยู่ข้างๆเธอหญิงสาวพอจะรู้อยู่ว่าชายหนุ่มรำคาญเธอจึงบอกเขาไปว่าจะไม่รบกวนอีกเพราะไม่ได้อยากให้ชายหนุ่มนอนอยู่ที่นี่เธอเองถึงจะดูเหมือนผู้หญิงใจกล้าพูดมากแต่เธอเองก็ไม่เคยนอนกับผู้ชายสองต่อสองเลยสักครั้งขนาดเพื่อนที่เป็นเกย์สมัยเรียนจะมาขอนอนด้วยเธอยังปฏิเสธหัวชนฝาเลย“ถ้าคุณยังไม่หยุดพูดผมจะหาอะไรมาอุดปากคุณเดี๋ยวนี้แหละ”“หือ..อุ้ปป”เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มที่ดูจะเอาจริงแล้วเธอจึงรีบหยุดพูดทันทีพร้อมนอนลงหันหลังให้ชายหนุ่มที่หลับอยู่อย่างสบายใจหญิงสาวพยายามข่มตาให้มันหลับแล้วแต่เธอก็ยังทำใจไม่ได้เธอได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่แบบนั้นก็จะให้เธอหลับลงได้ยังไงเล่ามีผู้ชายมานอนข้างๆเธออยู่แบบนี้ถึงเธอจะไว้ใจเขาก็ไม่ได้แปลว่าจะ
“ไปคุณ”“หืมมมมมม”จู่ๆชายหนุ่มก็เดินจูงม้าออกมาจากหลังบ้านของเขาทำเอาหญิงสาวถึงกับทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกว่าเขาจูงม้าออกมาทำไมไหนบอกว่าจะไปส่งเธอไงอย่าบอกนะว่าจะขี่ม้าไป“ไปยังไงคะ”“ก็ขี่เจ้าอาชานี่ไปไง...ยืนขึ้นไหวมั้ยคุณ”“หา....วะ...ไหวค่ะ”ชายหนุ่มขึ้นขี่เจ้าอาชาม้าเพศผู้ของเขาที่เลี้ยงไว้ใช้งานเวลาที่เดินตรวจในไร่พร้อมอุ้มหญิงสาวที่ยืนอยู่บนแคร่ไม้มานั่งไพล่บนหลังม้าหน้าตัวเขา“พี่เพลิงขี่ม้ามาในไร่เป็นประจำหรอคะ..”“อืมมมม”“แล้วพี่เพลิงตื่นเช้าทำงานเป็นประจำทุกวันเลยใช่มั้ยคะ”“ใช่”หญิงสาวที่นั่งเกาะเอวเอาหัวซบอกของชายหนุ่มอยู่เธอเห็นว่าเขาเงียบไปเลยชวนคุยเธอสรรหาเรื่องคุยสารพัดจะเรื่องแต่ก็ได้รับคำตอบมาแค่เพียงว่าอืมมมม/ใช่/ไม่ใช่/ไม่รู้แค่นั้นเองและก็ไม่มีทีว่าว่าเขาอยากจะสนธนากับเธอเลยสักนิด“หยุดก่อนค่ะพี่เพลิง...”หญิงสาวเหลือบมองไปเห็นพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าออกมาเธอถึงกับตาลุกวาวเพราะเมื่อชายหนุ่มพาเธอนั่งบนหลังม้ามาจนเกือบถึงท้ายไร่ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่เห็นพระอาทิตย์สวยและชัดที่สุดแล้ว“มีอะไรอีก...”ชายหนุ่มใช้มือกระตุกที่เชือกของเจ้าอาชาเพื่อให้มันหยุดเดิน
ชาวบ้านที่นั่นรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดเรื่องนี้ออกมาสักคนเพราะกลัวพวกที่มีอิทธิพลเถื่อนกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วภัยจะมาถึงตัวเขาเองที่ขึ้นไปบนดอยบ่อยๆเพราะต้องการหาหลักฐานเอาผิดคนที่ค้ายาค้ามนุษย์แล้วยังได้ให้ความรู้แก่เด็กๆและชาวบ้านไปด้วย“อืมมมม...เอางี้ยังไงช่วงนี้ฉันก็ว่างอยู่ดีเอาเป็นว่าฉันจะขึ้นดอยไปช่วยคุณก็แล้วกันเป็นการไถ่โทษที่ฉันทำคุณเจ็บ”หญิงสาวไตร่ตรองอยู่ครู่หนึงจึงเอ่ยปากว่าจะไปช่วยชายหนุ่มเพราะเธอเองก็เห็นว่ามันไม่ได้เสียหายอีกอย่างถ้าเธอได้ทำประโยชน์ให้กับเด็กๆที่อยู่บนดอยบ้างก็คงจะดีต่อจิตใจเธอไม่น้อย“แน่ใจหรอคุณ...บนดอยมันไม่ได้สะดวกสบายแบบที่คุณเคยอยู่หรอกนะ”ชายหนุ่มถึงกับจ้องหน้าเธออย่างจริงจังเขาถามย้ำเธออีกรบเพราะที่ที่เขาจะไปมันไม่ได้สะดวกสบายเลยแม้แต่น้อยเขากลัวว่าลูกคุณหนูอย่างเธอจะอยู่ไม่ได้แล้วร้องกลับเสียเปล่าๆ“แน่ใจสิคุณ...ฉันขอขับรถก่อนเรื่องนี้ค่อยคุยกันที่บ้านอีกทีก็แล้วกัน”“โอเค...”ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับคำว่าแน่ใจของหญิงสาวเขาเองยังนึกสภาพขงหญิงสาวว่าตอนที่เธออยู่ที่นั่นจะเป็นยังไงไม่ออกเพราะที่นั่นมันทั้งกันดารทั้งลำบากกว่าบ้านที่
“ไหนบอกจะโทรมาไงยัยบ๊องเอ๊ยยย”เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าไม่มีใครโทรเข้ามาเขาเลยวางโยนมือถือลงข้างๆตัวด้วยความหงุดหงิดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะหงุดหงิดเพื่ออะไรRrrrrเมื่อชายหนุ่มเริ่มหลับตาได้ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นเบอที่โชว์อยู่หน้าจอเขาไม่คุ้นสักเท่าไรแต่เขาคิดว่าอาจจะเป็นหญิงสาวที่โทรหาเขาก็ได้เลยกดรับอย่างรวดเร็ว“พี่เพลิงฝันเองค่า”เมื่อชายหนุ่มกดรับสายยังไม่ทันได้พูดอะไรหญิงสาวก็ส่งเสียงแหลมๆมาทักทายเขาก่อนจนเขาต้องรีบดึงมือถือออกห่างจากหูตัวเองเพราะรู้สึกแสบแก้วหูเหลือเกิน“โอ้ยย...พูดเบาๆก็ได้คุณ...ทำไมโทรมาเอาป่านนี้”ชายหนุ่มต้องปรามหญิงสาวที่ส่งเสียงแหลมมาใส่เขาให้เบาลงกว่านี้หน่อย“ก็ฝันคิดว่าตอนกลางวันพี่เพลิงน่าจะทำงานอยู่นี่คะฝันก็เลยไม่โทรไปกวนเดี๋ยวพี่เพลิงโดนเจ้าของไล่หักเงินเดือนก็เป็นความผิดฝันสิคะ”หญิงสาวตอบตามความจริงเธอพูดไปยิ้มไปดีใจที่ชายหนุ่มกดรับสายของเธอตั้งแต่โทรครั้งแรก“หืมมม....หักเงินหรอ555”ชายหนุ่มถึงกับกลั้นขำไม่อยู่กับคำพูดของหญิงสาวเขาเป็นคนบอกเธอเองนี่นาว่าเป็นคนงานในไร่“พี่เพลิงขำอะไรหรอคะ”“ป่าว...นี่คุณยังไม่นอนอีกหร
“คุณครูมาแล้ววว”เด็กๆที่เล่นกันอยู่ตรงลานที่หมู่บ้านเมื่อเห็นชายหนุ่มซึ่งเป็นครูของพวกเขาก็รีบวิ่งมาหาทันทีเด็กๆต่างวิ่งมาล้อมรอบตัวชายหนุ่มพร้อมทักทายกันอย่างดีใจเพราะเด็กๆที่นี่ชอบในความใจดีของชายหนุ่มและชายหนุ่มก็ยังเป็นที่รักของคนที่นี่มากๆด้วยเพราะเขาทั้งช่วยสอนหนังสือลูกหลานของคนที่นี่แถมยังสอนการทำการเกษตรพอเพียงและไร้สารเคมีแถมยังหาตลาดส่งออกผลผลิตให้กับคนที่นี่ด้วยจะมีแค่บางกลุ่มเท่านั้นที่ไม่ค่อยจะพอใจในการกระทำที่เป็นการช่วยพัฒนาชาวบ้านที่นี่ของชายหนุ่มเท่าไรที่ดูว่าว่าชายหนุ่มจะไปขัดผลประโยชน์ของคนพวกนั้นอยู่ไม่น้อย“ว่าไงเด็กๆ...ได้อ่านหนังสือตามที่ครูให้ไปอ่านกันหรือป่าวครับ”“อ่านค่า/อ่านครับ”เพลงพิณมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กับเด็กๆโดยมีทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายล้อมรอบภาพตรงหน้ามันช่างดูเป็นภาพที่ดูอบอุ่นสำหรับเธอเหลือเกินจึงเผลอยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว“เดี๋ยวครูขอไปพักก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนตอนเช้านะครับ”“ค่ะคุณครู/ครับคุณครู”ชายหนุ่มมองเด็กๆที่วิ่งกลับไปเล่นกันได้สักพักแล้วจึงเดินกลับมาที่รถพลางบอกหญิงสาวให้ขับรถไปที่ท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นบ้านพักของเขา
“ข้าต้องขอโทษครูกับเมียครูด้วยนะที่เจ้าสองคนนี้มันทำกิริยาไม่ดีด้วย”ปู่อินทร์แปงต้องเอ่ยขอโทษแทนลูกบ้านเก่าที่ทำกิริยาไม่ดีต่อทั้งคู่เมื่อครู่ชายแก่เองก็นึกตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะพึ่งจะรู้ว่าชายหนุ่มมีภรรยาแล้วจากปากของเขาเมื่อครู่ไม่ยักรู้ว่าไปมีตั้งแต่เมื่อไรเพราะตอนที่มาสอนที่นี่ทีแรกก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาเหมือนกัน“อะ..เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ”ชายหนุ่มเอ่ยรับคำขอโทษแบบแบ่งรับแบ่งสู้เขาไม่คิดว่าปู่อินทร์แปงจะมาได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่ด้วยทีนี้เขาก็คงจะต้องโกหกเรื่องนี้ต่อไปซะแล้วสิหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มตอนนี้ก็ทำหน้านอยไม่แพ้กันเธอพอจะดูออกแล้วว่าระหว่างที่เธออยู่ที่นี่เธอจะต้องถูกคนที่นี่คิดว่าเธอและชายหนุ่มเป็นผัวเมียกันจริงๆแน่ๆ“ข้าขอฝากลูกจันทร์ไว้กับครูด้วยนะแล้วพวกเอ็งตามข้ามานี่”เมื่อชายแก่เดินไปแล้วชายทั้งสองจึงเดินตามไปทันทีเพราะต้องการที่จะคุยธุระที่มาวันนี้ให้เสร็จสิ้นโดนเร็วเช่นกัน“พ่อขาลูกจันทร์คิดถึงพ่อจังเลยค่ะ”ลูกจันทร์เด็กหญิงอายุเพียงหกขวบที่น่าตาจิ้มลิ้มผิวขาวเมื่อปล่อยมือจากคนเป็นตาได้ก็โผเข้ามากอดชายหนุ่มทันทีทำเอาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตกใจอยู่ไ
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นคนใจดีกับเค้าก็เป็นด้วยนะ”ชายหนุ่มพูดพร้อมเดินเข้าไปในบ้านเพราะเขารู้ว่าเขาได้ปากหมาใส่หญิงสาวอีกแล้วและเพื่อไม่ให้หญิงสาวลงไม้ลงมือกับตัวเขาเองจึงรีบเดินหลบเข้าไปในบ้านโดยด่วน“หือออ….นี่คุณหลอกด่าฉันหรอห๊าาาาา”เมื่อหญิงสาวไล่ความโมโหออกได้และหันมาสนใจกับที่พักอาศัยของเธอต่อเธอเดินสำรวจรอบๆบ้านก็พบว่าหลังบ้านมีธารน้ำตกไหลผ่านเธอคิดว่าอย่างน้อยถึงที่นี่จะดูลำบากไปนิดแต่ก็มีธรรมชาติสวยๆอยู่ใกล้ๆเธอมันก็ดีไปอีกแบบหญิงสาวเดินเล่นสำรวจพื้นที่ได้สักพักจึงกลับเข้ามาในบ้าน“คุณที่นี่มีแค่ห้องเดียวหรอ”“ใช่”หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นชายหนุ่มกำลังจัดแจงเตรียมเก็บของและเตรียมปูฟูกนอนอยู่เธอเดินเข้ามาในบ้านเห็นอยู่แล้วว่ามีก็ห้องนอนอยู่ห้องเดียวแต่ด้วยความที่สงสัยว่าถ้ามีห้องเดียวแล้วเธอจะนอนที่ไหนคงจะไม่ใช่นอนห้องเดียวกันหรอกนะจึงแกล้งเอ่ยถามชายหนุ่มออกไป “คุณไม่ต้องห่วงหรอกผมเตรียมที่นอนมาด้วยเดี๋ยวผมออกมานอนหน้าห้องเอง”สีหน้าหญิงสาวมันบ่งบอกได้ชัดว่าตกใจคงคิดว่าเขาจะนอนห้องเดียวกับเธอล่ะสิเขาเองรู้ตั้งแต่ก่อนมาว่าจะเจออะไรจึงเตรียมฟูกนอนของเขามาด้วย“อื้มมมก็ดี…ง
“เมื่อกี้ครูได้ออกไปไหนมารึป่าว”"จะออกไปไนทำไมเล่า….บรรยากาศดีแบบนี้ขอนอนกกเมียอยู่ที่นี่ดีกว่าพวกนายมีอะไรหรือป่าวมากันเยอะแยะหรือในหมู่บ้านจัดงานอะไรกันหรอ”ชายหนุ่มแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ยืนยันว่าเขาและหญิงสาวอยู่ในบ้านกันอย่างเดียวไม่ได้ออกไปไหนวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คนพวกนี้ไม่สงสัย“งั้นพวกเราไม่กวนครูแล้ว…ไปโว้ยพวกเอ็งกลับ”อินคิดว่าในเมื่อทั้งสองออกมากันสภาพนี้ก็คงจะไม่ได้ไปไหนกันจริงๆชายหนุ่มคิดว่าเขาคงจะระแวงไปเองเลยชวนลูกน้องกลับแต่เขาจำได้ว่ารอยเท้ามันมาแถวนี้หรืออาจจะเป็นเพราะมันมืดบวกกับสุราที่พวกเขากินไปด้วยเลยทำให้คิดไปเองเขาคิดในใจ“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะคุณไม่รู้ว่าจะซนตามผมไปทำไม”เมื่อทั้งสองแต่งตัวเสร็จก็มานั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ด้วยความที่วันนี้ชายหนุ่มเตรียมแผนที่จะนำพวกกล้องไปบันทึกภาพกลับมีหญิงสาวตามเขาไปจนทำให้เสียแผนจนได้เขาจึงนึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่เข้าไปใกล้พวกมันได้ถึงขนาดนั้นและเกือบจะเก็บหลักฐานชิ้นเด็ดได้แล้วแท้ๆ“ก็คุณอยู่ดีๆก็ออกไปทำลับๆล่อๆฉันก็อยากรู้นี่ว่าคุณไปทำอะไร”หญิงสาวยังไม่สำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปจนเกือบจะทำให้ทั้งเขาและตัวเธ