ชาติก่อน เมื่อเจียงเฟิ่งหัวถูกพระราชทานสมรสให้เป็นชายาอ๋องของเหิงอ๋องเซี่ยซางนั้น นางไม่ได้รับความรักจากเหิงอ๋อง นางเข้าใจว่าขอเพียงตนเองรักษาธรรมเนียมมารยาท จัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเอง สงบเสงี่ยมเจียมตัว อุทิศตนปรนนิบัติ ถึงขั้นโอนอ่อนเอาใจ ความจริงใจของนางจะต้องแลกความรู้สึกดีๆ มาได้อย่างแน่นอน เฝ้ารอให้ถึงวันที่อุปสรรคทั้งมวลผ่านพ้น ผู้ใดเลยจะคาดคิด ความเอ็นดูที่แม่สามีมีต่อนางมิใช่เรื่องจริง สามีใจแข็งดุจก้อนหินหากมีใจให้ชายารองกลับเป็นเรื่องจริง แม้แต่ลูกบังเกิดเกล้าทั้งสองยังถูกชายารองยุแยงให้รังเกียจนาง เกลียดชังนาง จนนางตรอมใจตายไปในวัยสามสิบห้าปี เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ได้ย้อนกลับมาตอนอายุห้าขวบ ทราบว่าจะถูกพระราชทานสมรสเป็นชายาของเหิงอ๋องตอนอายุสิบห้า ทั้งรู้ว่าวันหน้าเหิงอ๋องจะได้ก้าวขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ฮ่องเต้ นางจึงวางแผนสิบปีอย่างใจเย็น รอให้มีราชโองการประทานสมรสแล้วค่อยแต่งงานกับเหิงอ๋อง ชาตินี้ นางจะไม่ก้มหน้ายอมจำนนงอมืองอเท้ารอความตายอีกแล้ว ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการแบบไหน นางก็จะต้องกลายเป็นมารดาของแผ่นดินให้จงได้ นางรู้เพียงว่า ผู้ใดไม่เห็นแก่ตัวแล้วไซร้ ฟ้าดินจักลงทัณฑ์ ***** ตั้งแต่ชายาอ๋อง ชายารัชทายาท ฮองเฮา ไทเฮา ไทฮองไทเฮา คอยดูเถอะว่าเจียงเฟิ่งหัวจะก้าวผ่านชีวิตอันรุ่งโรจน์นี้อย่างไร
View Moreตอนที่ฮูหยินรองเป็นผู้ดูแลเรือน ฮูหยินสามเคยถูกนางกดขี่รังแกไม่น้อย เรื่องในวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของคนใจดีคนไหน ปกติที่นางไม่ชอบพูดไม่ใช่เพราะนางพูดไม่เก่ง แต่เป็นเพราะไม่อยากทำให้ฮูหยินรองไม่พอใจ ทว่าตอนนี้นางย่อมต้องฉวยโอกาสเหยียบย่ำดูแคลนฮูหยินรองให้เต็มที่อยู่แล้ว ญาติคนอื่นของสกุลจางเองต่างก็มองนางเป็นเรื่องขบขัน ยามปกติฮูหยินรองก็มีกิริยาหยิ่งยโสโอหัง พูดจาก็หยาบคายไม่น่าฟัง อีกทั้งยังชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสักคนออกหน้าช่วยพูดปกป้องนาง หลี่เฉิงมองสถานการณ์ออกชัดเจน ย่อมรู้ว่าตนเองถูกใครบางคนวางแผนใส่ร้าย ก็รีบสลัดตัวจากวงล้อมของพวกบ่าวรับใช้ออกมาเตะจีเฉินไปหนึ่งที พร้อมกล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ “เรื่องนี้ข้าไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่” เขาเอื้อมมือไปฉวยเสื้อผ้าขึ้นมาสวมอย่างลวก ๆ ทว่านั่นกลับมิใช่อาภรณ์ของเขา สิ่งที่คว้ามาได้กลับเป็นเสื้อนอกของฮูหยินรอง เรียกเสียงฮาครืนจากรอบข้างขึ้นมาได้ทันที เขาตวาดด้วยเสียงกราดเกรี้ยว “มองอะไร ไสหัวออกไปให้หมด” ฮูหยินผู้เฒ่าจางจำเขาได้ “ใต้เท้าหลี่ เหตุใดจึงเป็นท่าน ท่านเข้ามาที่เรือนหลังของสกุลจางได้อย่างไร มิหนำซ้ำ
เรือนชั้นในของจวนสกุลจาง เสียงกรีดร้องด้านในดึงดูดความสนใจของแขกในจวนได้ในเสี้ยวพริบตา หลังจากทุกคนได้ยินเสียงต่างพากันวิ่งกรูไปยังต้นเสียงทันที วันนี้แขกเหรื่อที่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงมงคลของจวนสกุลจางได้นอกจากขุนนางอำมาตย์ใหญ่ในราชสำนักและครอบครัวแล้ว คนในสกุลมารดาของฮูหยินแต่ละท่านย่อมอยู่ในงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน นายท่านรองจาง นายท่านสามจางรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างก็กรูกันไปดูสถานการณ์ที่เรือนหลังเช่นกัน ประโยคแรกที่พวกเขาได้ยินก็คือ “ฮูหยินรองลักลอบสมคบชู้กับบุรุษสองคนเจ้าค่ะ” นายท่านรองพุ่งเข้าไปในห้องข้างทันที เห็นเพียงเรือนร่างขาวเปลือยเปล่าหลายร่างพัวพันอยู่ด้วยกัน เสี้ยวพริบตาเดียวสีหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยวเหมือนไส้เดือนดิ้นไปมา ความสัมพันธ์สามีภรรยาระหว่างเขากับฮูหยินของเขาแต่เดิมก็ไม่สู้ดีอยู่ก่อนแล้ว เขาเองก็มีอนุภรรยาอยู่เป็นโขยง ทว่าเรื่องที่ฮูหยินรองกล้าลักลอบสมคบชู้กับชายอื่นหลอกสวมหมวกเขียวให้เขาเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างเด็ดขาด เขาตะโกนด่าทันควัน “นังแพศยา นังหญิงสำส่อน เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ไม่ว่าเสียงของเขาจะดังสักแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถปลุกคนเหล่านี้ให้ตื่นขึ้นมา
นางรู้สึกว่าหากนายท่านรองมาเห็นฮูหยินรองในสภาพนี้ นางต้องถูกทุบตีจนตายแน่ ท้องฟ้าของจวนสกุลจางจะต้องถล่มลงมาแน่! ชิวจวี๋ลอบมองเจียงเฟิ่งหัวปราดหนึ่ง รู้สึกว่านางทั้งใจดำ เจ้าเล่ห์ และน่ากลัว แผนการทำร้ายคนแบบนี้ยังคิดออกมาได้ เจียงเฟิ่งหัวคำไหนคำนั้น สั่งให้อ้าวเสวี่ยนำยาถอนพิษออกมาให้นาง และให้นางรีบหนีออกไป หากว่าถูกจับกลับมานั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับนางอีกต่อไป ชิวจวี๋ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็หลบหนีออกจากจวนสกุลจางไปเลยทันที และในขณะเดียวกัน ขบวนรับเจ้าสาวของสกุลเจียงก็มาถึงจวนสกุลจางแล้วเช่นกัน จางอวี่มั่วคอยอยู่ในห้องตลอด ทุกอย่างราบรื่นดีไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ทว่าในใจของนางกลับกังวลและประหม่า และยังรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับว่าต้องรอจนกว่าเจียงจิ่นเหยียนจะมาถึงจิตใจของนางจึงจะสงบลงได้อย่างไรอย่างนั้น เพราะสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวไว้ นางจึงมองไม่เห็นสายตาด้านนอก เห็นเพียงฝ่ามือข้างหนึ่งที่มองเห็นข้อนิ้วชัดเจนยื่นเข้ามากุมมือของนางเอาไว้ นางเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ได้เจอพระชายาเหิงอ๋องแล้วหรือยัง?” เจียงจิ่นเหยียนผงะไป ก่อนจะตอบนางด้วยเสียงแผ่วเบาเช่นกัน “ยังไม่พบหรวนหร่วน นา
อ้าวเสวี่ยผงะไป ให้นางเปลื้องอาภรณ์ของบุรุษ นางไม่ทำเด็ดขาด นางเป็นดรุณีที่ยังไม่เคยต้องมือชาย เจียงเฟิ่งหัวย่อมรู้ว่าอ้าวเสวี่ยหน้าบาง แต่นางเองก็ไม่อยากไปเปลื้องอาภรณ์บุรุษ แค่รู้สึกว่ามันจะเปื้อนมือของนาง ส่วนเหลียนเย่ก็อยู่ที่เรือนหน้า ดังนั้นนางจึงตะโกนเรียกให้ชิวจวี๋ที่อยู่ด้านนอกเข้ามา ชิวจวี๋เข้ามาก็คุกเข่าลงต่อหน้าเจียงเฟิ่งหัวทันที “บ่าวทำตามประสงค์ของพระชายาแล้ว ยาถอน…” เจียงเฟิ่งหัวเกลียดคนประเภททรยศเจ้านายที่สุด จึงเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบว่า “ยาถอนพิษข้าให้เจ้าได้ แต่เจ้าต้องเปลื้องอาภรณ์ของพวกมันออกก่อน” ชิวจวี๋ผงะไป กระนั้นก็ไม่กล้าคัดค้าน เดินเข้าไปปลดสายคาดเอวของทั้งสองออกก่อน จากนั้นก็เปลืองอาภรณ์ของสองคนจนเหลือแค่กางเกงชั้นในตัวเดียวและเอ่ยขึ้นว่า “เรียบร้อยเจ้าค่ะ ยาถอนพิษน่าจะให้บ่าวได้แล้วนะเจ้าคะ!” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางให้ความร่วมมือเพียงนี้ ก็เอ่ยอีกครั้งว่า “เจ้าช่วยข้าทำเรื่องสุดท้ายให้สำเร็จ ข้าจะให้ยาถอนพิษเจ้าทันที และจะปล่อยเจ้าไป” ชิวจวี๋กัดฟันกรอด ๆ จนฟันแทบแตก แต่ก็ไม่มีทางเลือก “พระชายาเชิญกล่าว” เจียงเฟิ่งหัวประชิดเข้าไปใกล้ใบหูของนาง “พ
ฮูหยินรองเอ่ย “เจ้าคิดจะทำอะไร?” นางไม่กล้าคิดร้ายต่อพระชายาเหิงอ๋อง จีเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าน้อยกับพระชายามีมิตรภาพต่อกัน ก็แค่อยากจะเชิญนางมาร่วมนึกถึงวันเก่า ๆ วางใจเถิด ข้าไม่กล้าทำอะไรหรอก ก็แค่พูดคุยกันสักหน่อยเท่านั้นเอง” “เจ้า? พูดคุย นางจะยอมคุยกับเจ้าหรือ?” พระชายารองไม่เชื่ออย่างชัดเจน ครั้งก่อนนางก็เห็นประจักษ์แล้ว กับท่าทีของพระชายาเหิงอ๋องที่มีต่อเขา “ไม่ต้องลำบากให้ฮูหยินรองเชิญนางมา ขอแค่ให้สาวใช้ไปบอกนางว่าแม่นางจางมีธุระอยากพบนางเท่านั้นก็พอแล้ว จากนั้นก็พามาที่เรือนหลังเท่านี้ก็ไม่ต้องรบกวนท่านแล้ว” จีเฉินเสริมอีก “ที่บุตรีของท่านแต่งแก่แม่ทัพน้อยซูได้ มิใช่เพราะข้าน้อยออกหน้าคุยธุระกับฮูหยินผู้เฒ่าซูให้หรอกหรือ ต่อจากนี้พวกเราสองสกุลก็จะเป็นเครือญาติกันแล้ว” ฮูหยินรองจางคิดเงียบ ๆ ในใจ จริงอยู่ที่จีเฉินเป็นคนช่วยเชื่อมโยงนางและฮูหยินผู้เฒ่าซูเข้าด้วยกัน ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็เห็นด้วยกับพิธีแต่งงานในครั้งนี้ รอให้ผ่านงานมงคลของจางอวี่มั่วไปก่อน สกุลซูก็จะมาสู่ขอแล้ว อีกอย่างฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ได้มอบเครื่องยืนยันหมั้นหมายไว้แล้วด้วย พอนึกให้ชัดเจน ฮูหยินรองจางก
จีเฉินพาตัวหลี่เฉิงมาถึงเรือนหลังของจวนสกุลจาง ฮูหยินรองจางเห็นหลี่เฉิงก็สะดุ้งตกใจ “คุณชายหลี่” หลี่เฉิงดื่มสุรามาเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงกับเมา หน้าแดงเล็กน้อยเท่านั้น ที่แท้ไส้ศึกของจีเฉินก็คือฮูหยินรองจาง อาสะใภ้แท้ ๆ ของจางอวี่มั่วคิดจะเล่นงานนาง เรื่องนี้ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก! เขาคร้านจะสนใจเรื่องของสกุลจางแล้ว “ได้ยินว่าจวนสกุลจางกำลังจัดงานมงคล ข้าจึงมาขอสุราสักจอก” ฮูหยินรองจางไหนเลยจะไม่รู้ความคิดของหลี่เฉิง นางแสร้งทำทีเป็นไม่รู้ พลางส่งสายตาให้จีเฉิน “ในจวนมีแขกเหรื่อมากมาย ดูแลไม่ทั่วถึง ขอคุณชายหลี่โปรดให้อภัย คุณชายหลี่เชิญเถิด!” ฮูหยินรองจางพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าซูเรียบร้อย ว่าจะให้เยี่ยนเยี่ยนผู้เป็นบุตรีของนางแต่งเป็นภรรยาเอกของแม่ทัพน้อยซูเซวี่ยน หลังจากนี้บุตรีก็จะได้เป็นฮูหยินแม่ทัพแล้ว ด้วยเหตุผลนี้เองทั้งสองคนจึงถูกฮูหยินรองจางพาเข้ามาในจวนสกุลจางได้อย่างเปิดเผยและชอบธรรม เนื่องจากวันนี้ภายในจวนสกุลจางกำลังจัดงานมงคล บ่าวรับใช้ในจวนเองก็มิได้ขัดขวาง เพราะคิดว่าผู้มาเยือนอาจจะเป็นคนในสกุลมารดาของฮูหยินรองจางที่มาร่วมดื่มสุรามงคลในจวน ดังนั้นข้ารับใช้ในจวนจึงไม่
ดวงหน้าของจางอวี่มั่วเต็มไปด้วยความเขินอาย “เช่นนั้นข้าก็เรียกท่านว่าน้องสามได้ใช่หรือไม่?”“แน่นอน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อีกครู่รอตอนที่พี่ใหญ่มารับเจ้าสาว ข้าก็จะกลับจวนสกุลเจียงไปกับพวกท่านด้วย”ฮูหยินผู้เฒ่าจางกล่าวอย่างยินดีว่า “แขกเหรื่อทยอยมากันแล้ว ข้าก็ต้องออกไปรับแขกแล้วเช่นกัน บัดนี้รอเพียงเจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวเท่านั้น พระชายาโปรดทรงอยู่เป็นเพื่อนมั่วเอ๋อร์สักครู่เถิดเพคะ”รอจนฮูหยินผู้เฒ่าจางจากไป เจียงเฟิ่งหัวก็ส่งสัญญาณให้อ้าวเสวี่ยออกไปตรวจสอบด้านนอกรอบหนึ่ง นางรู้ว่าไม่กี่วันก่อนฮูหยินรองสกุลจางกับจีเฉินพบหน้ากัน แต่นางไม่รู้ว่าพวกเขาหารือเรื่องใดกัน รอมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่เห็นพวกเขามีความเคลื่อนไหวใดจนกระทั่งจีเฉินไปพบกับหลี่เฉิงอีก ในใจของนางจึงเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอยู่บ่อยครั้ง หากพวกเขาร่วมมือกันทั้งจากภายนอกและภายในมาทำร้ายจางอวี่มั่วเล่าวันนี้เป็นวันมงคลของพี่ใหญ่ ไม่อาจปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงนิดระมัดระวังไว้ก่อนย่อมเป็นการดีหากจีเฉินกล้ามาก่อปัญหา เยี่ยงนั้นนางก็จะใช้แผนซ้อนแผน จับตะพาบในไหเสียเลยนางก็ไม่กล้าเตือนเรื่องนี้กับฮูหยินผู้
มุมปากของจีเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “งานแต่งชนกับงานศพ นี่ช่างอัปมงคลยิ่งนัก!”“ฝีมือพวกเจ้าล่ะสิ” หลี่เฉิงกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม ที่เขาเอ่ยว่า ‘พวกเจ้า’ ย่อมหมายถึงสกุลซูกับเขา“วันนี้ไม่ว่าเจียงจิ่นเหยียนจะเดินทางสายใด เขาก็ไม่มีทางราบรื่น” ดวงตาของจีเฉินมีประกายความอำมหิตวาบผ่าน “เกรงว่าคุณหนูจางคงรอไม่ถึงขบวนเจ้าสาวไปรับตัวแล้ว”“หมายความว่าอย่างไรกัน?” หลี่เฉิงถูกคำพูดของเขาดึงดูดความสนใจขึ้นมา“ใต้เท้าหลี่ไปดูที่สกุลจางด้วยตนเองก็จะทราบแล้ว จางอวี่มั่วหน้าตาสะสวยจริงๆ แต่หากร่างกายของนางถูกคนทำให้มีมลทินแล้ว นางยังจะแต่งกับเจียงจิ่นเหยียนได้อีกหรือ? หากผู้ที่เจียงจิ่นเหยียนแต่งด้วยเป็นสตรีที่สูญเสียความบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง สกุลจางก็มีเรื่องสนุกให้ใช้ชมแล้ว”หลี่เฉิงประหนึ่งสร่างสุราขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นมาจากที่นั่ง “พวกเจ้าหาคนไปนอนกับจางอวี่มั่ว?”“มิใช่ข้าและมิได้เกี่ยวข้องกับข้าด้วย ผู้ใดให้พวกเขาล่วงเกินคนไว้มากเกินไปกัน” เขาไม่มีทางโง่ถึงขนาดลงมือด้วยตนเองแบบนั้น แต่เขาสามารถช่วยวางแผนได้นี่ “ใต้เท้าหลี่เป็นห่วงนางขนาดนี้ หรือว่าใต้เท้าหลี่จะชื่นชอบนางจากใจจริง ในเมื่อเป็นเ
จีเฉินนำเรื่องของซูถิงหว่านออกมาพูดอีกครั้ง เขากลับดำเป็นขาว ล้วนเป็นการกล่าวหาเจียงเฟิ่งหัวและแสดงความเห็นใจต่อชายารองซู“นางชั่วร้ายถึงเพียงนั้นเชียว?” หลี่เฉิงเคยพบมีโอกาสได้พบกับเจียงเฟิ่งหัวมาครั้งหนึ่งเช่นกัน เพียงแวบแรกก็ทำให้คนรู้สึกว่านางงามจนชวนตะลึงนัก เป็นสตรีที่สามารถทำให้บุรุษลุ่มหลงได้ มิน่าเหิงอ๋องจึงได้เปลี่ยนใจไปรักคนใหม่ได้เร็วเช่นนี้“ตามที่เจ้าพูด เดิมเจ้าไม่ได้คิดจะแต่งกับสาวใช้นางนั้น เป็นพระชายาเหิงอ๋องวางแผนให้เจ้าแต่งกับนาง เพราะสาวใช้คิดจะยั่วยวนเหิงอ๋องเพื่อเลื่อนฐานะ เหิงอ๋องจึงยืมมือเจ้ามากำจัดสาวใช้” หลี่เฉิงกล่าวจีเฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว”หลี่เฉิงหัวเราะพลางกล่าวว่า “เจ้าก็ซวยจริงๆ ทั้งที่เป็นพี่ชายบุญธรรมของเหิงอ๋อง ความหรูหรามั่งคั่งยศถาบรรดาศักดิ์อยู่ใกล้แค่เอื้อมแท้ๆ แต่บัดนี้กลับต้องมาตกต่ำเช่นนี้ ผู้หญิงที่แต่งงานด้วยยังมีบุรุษอื่นอยู่ในใจอีก ก็น่าอัดอั้นจริงๆ นั่นแหละ ทว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้ากันล่ะ?”หลี่เฉิงก็มิใช่คนเขลา ไร้ยิ่งไม่ใช่คนไร้สมอง สกุลหลี่ล่วงเกินเหิงอ๋องไม่ไหวดอกนะจีเฉินกล่าวว่า “เรื่องของข้าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับคุณชา
ภายในห้องหับวิจิตรงามสง่า สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดวิวาห์หรูหรานั่งอยู่หน้ากระจก ดวงหน้างามพิลาสของนางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนมารดาของสาวน้อยกำลังแต่งตัวให้นาง มองดูลูกสาวตรงหน้าอย่างทั้งปลาบปลื้มและปวดใจ ลูกสาวที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่กำลังจะออกเรือนแล้ว ดวงตาของนางแดงเรื่ออย่างอดไม่อยู่ “เดิมทีแม่อยากให้เจ้าอยู่ข้างกายอีกสักสองปี คิดไม่ถึงว่าเพิ่งถึงวัยปักปิ่นก็มีราชโองการประทานสมรสของฝ่าบาทลงมาเสียแล้ว”เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยปลอบ “ลูกแต่งเข้าราชวงศ์ไปเป็นชายาอ๋อง พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศทรัพย์ศฤงคาร แพรพรรณอาหารชั้นเลิศ ชีวิตย่อมสุขสบายเป็นแน่แท้ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ลูกจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน”“จ้ะๆๆ ลูกสาวแม่เป็นคนมีวาสนา คุณหนูสกุลใหญ่มีตั้งมากมาย ฮองเฮาทอดพระเนตรปราดเดียวก็เลือกเจ้าเป็นชายาของเหิงอ๋อง เขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของฮองเฮา ฮองเฮายังโปรดเจ้ามากถึงเพียงนี้ วันหน้าจะต้องไม่ดูดายเจ้าแน่นอน” เฝิงจิ้งย่วนปีติยินดีจนน้ำตาไหล คิดถึงว่าเหิงอ๋องหล่อเหลาสง่างาม ความสามารถด้านศิลปศาสตร์โดดเด่น ทรงอำนาจบารมี ลูกสาวโฉมงามล่มเมือง เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม เขียนพู่กันและวาดภาพ สกุลเจียงซึ่ง...
Comments